ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศภายในห้อง ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ต่อเนื่องถึงต้นปี ที่สภาพอากาศหลายพื้นที่ในประเทศไทย เริ่มกลับมาได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 จนทำให้ผู้บริโภคต้องหาทางแก้ไขด้วยการเลือกหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้งาน
Mi Air Purifier 3C ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นเริ่มต้นของ Xiaomi ในตอนนี้ ด้วยการเปิดราคาจำหน่ายมาที่ 3,190 บาท รองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Mi Home เพื่อใช้ควบคุมระยะไกล ส่วนไส้กรองสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ได้ 99.97% ตามมาตรฐานของไส้กรอง HEPA
โดนในรุ่นนี้ถ้าเทียบกับ Air Purifier 2S หรือ Air Purufier 3H ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน และวางจำหน่ายก่อนหน้านี้ จะมีการตัดฟีเจอร์อย่างการวัดอุณหภูมิ และระดับความชื้นในอากาศออกไป มาเน้นที่การเป็นเครื่องกรองอากาศหลักๆ แทน
ความแตกต่าง Mi Air Purifier แต่ละรุ่น
Xiaomi เริ่มนำ Mi Air Purifier 3C เข้ามาเสริมตลาดเครื่องกรองอากาศในประเทศไทย ด้วยการวางตำแหน่งให้อยู่ในรุ่นเริ่มต้น เข้ามาแทนที่ Air Purifier 2S รุ่นเดิม ตามด้วย Air Purifier 3H ที่มีขนาดเครื่องใกล้เคียงกัน ก่อนขยับขึ้นไปเป็น Air Purifier Pro และ Air Purifier Pro H ที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ขึ้น
โดยความสามารถหลักในการกรองอากาศ กรองฝุ่น PM ต่างๆ ทำได้เหมือนกันทุกรุ่น เพราะใช้ไส้กรอง HEPA รุ่นเดียวกัน ทำให้สามารถกรองอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ทำให้การเลือกซื้อมาใช้งานจะคำนวนจากขนาดพื้นที่เป็นหลัก
ในรุ่นเริ่มต้น 3C จะเหมาะกับใช้ในห้องนอน หรือห้องรับแขกที่มีพื้นที่ประมาณ 22-38 ตารางเมตร ถัดมาคือ 3H ที่ครอบคลุมเพิ่มขึ้นมาเป็น 26-45 ตารางเมตร เหมาะกับการใช้งานในบ้าน หรือวางตามห้องต่างๆ
ส่วนรุ่น Pro จะสามารถฟอกอากาศในห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถ้ามีบ้านที่ห้องรับแขกกว้างๆ หรือเลือกใช้ในสถานที่ทำงาน ก็จะเหมาะกว่า เพราะสามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุม 35-60 ตารางเมตร ตามด้วย Pro H ที่ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 72 ตารางเมตร
ดังนั้น ในการเลือกซื้อมาใช้งาน แนะนำให้ลองคำนวนจากขนาดห้องดู อย่างถ้าเป็นการใช้งานตามคอนโด หรือหห้องหักที่มีขนาดไม่เกิน 38 – 45 ตารางเมตร รุ่นอย่าง 3C และ 3H ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว แต่ถ้าต้องการนำไปใช้ฟอกอากาศในห้องที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น ก็แนะนำให้เลือกรุ่น Pro ใช้งานแทน
การออกแบบ
ดีไซน์โดยรวมของ Mi Air Purifier 3C นั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพราะยังมากับรูปทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้ง สไตล์มินิมอล สีขาว ทำให้สามารถนำไปวางเข้ากับเฟอนิเจอร์ในบ้านได้สบายๆ ซึ่งในรุ่น 3C จะปรับเปลี่ยนในส่วนของแผงวงจร และระบบไฟต่างๆ ขึ้นมาอยู่ส่วนบนเครื่องแทน
โดยผู้ใช้สามารถยกถอดบริเวณพัดลมขึ้นมา ด้วยการกดสลักปลดล็อกข้างเครื่องได้ทันที เมื่อถอดออกมาก็จะสามารถเปลี่ยนไส้กรอง HEPA ด้านในได้ทันที แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่าง 2S หรือ 3H ที่จะเป็นฝาหลังเครื่องให้ถอดเปลี่ยน ทำให้ในรุ่น 3C นี้ สามารถถอดฐานส่วนล่างไปทำความสะอาดได้ด้วย
ส่วนปุ่มสั่งงานต่างๆ ยังอยู่ด้านบนเช่นเดิม โดยปุ่มทางฝั่งซ้าย เมื่อกดจะเป็นการปรับความสว่างของจอแสดงผลมีให้เลือกทั้งสว่าง หรี่ และปิดหน้าจอ ส่วนปุ่มทางขวาใช้ในการสลับโหมดฟอกอากาศเช่นเดิม และเป็นปุ่มเปิด–ปิดเครื่องด้วยการกดค้างไว้
หน้าจอแสดงผล จะขึ้นแสดงข้อมูล PM2.5 โดยใช้สีเขียวสำหรับอากาศที่บริสุทธ์ สีเหลือง และสีแดง แสดงว่าค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ตามด้วยสัญลักษณ์โหมดใช้งานต่างๆ ประกอบด้วยอัตโนมัติ กลางคืน และปรับความแรงด้วยตนเอง
หลังเครื่องจะมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศอยู่ ซึ่งจะทำงานร่วมกับตัวเครื่องเพื่อคำนวนความแรงในการฟอกอากาศให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติด้วย ดังนั้นเวลาวางเครื่องใช้งาน ควรเผื่อพื้นที่ด้านหลังเครื่องให้สามารถเก็บค่าสภาพอากาศด้วย
การทำงานของ Mi Air Purifier 3C จะใช้การดูดอากาศจากด้านล่างเครื่อง ผ่านไส้กรอง HEPA และฟอกอากาศออกด้วยพัดลมด้านบนตัวเครื่อง ทำให้อากาศเกิดการหมุนเวียน และฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย โดยสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) อยู่ที่ 320 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
ควบคุมผ่านระบบ Smart Home
จุดเด่นอย่างหนึ่งของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของ Mi คือการที่ออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อกับแอป Mi Home ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานตัวเครื่องผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที ทำให้เราสามารถตั้งเปิดเครื่องฟอกอากาศก่อนเข้าบ้านได้ เพื่อให้เวลาที่ถึงบ้านอากาศภายในห้องจะได้รับการปรับอากาศเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ ใช้งานภายในบ้าน ก็สามารถสั่งเปิด–ปิด เครื่องฟอกอากาศได้จาก Google Assistant ด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มี Google Nest เวลาออกจากบ้านก็ใช้คำสั่งเสียง สั่งปิดเครื่องฟอกอากาศได้ทันที
ส่วนการแสดงผลในแอป Mi Home นั้นจะมีทั้งบอกคุณภาพอากาศ เลือกปรับเปลี่ยนโหมดในการฟอกอากาศได้ โดยเฉพาะปรับความแรงของการฟอกอากาศที่ต้องปรับผ่านแอปพลิเคชันเท่านั้น ที่เหลือก็จะแสดงข้อมูลไส้กรองว่าใช้งานไปแล้วกี่เปอเซนต์ สามารถตั้งเวลาเปิด–ปิดเครื่อง ปรับเสียงปิดหน้าจอได้ด้วย
สรุป
Mi Air Purifier 3C ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นเริ่มต้น ที่มีความอัจฉริยะในตัว และรองรับการควบคุมผ่านระบบ Smart Home ได้ด้วย ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศราคาไม่สูงมากนักรุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ไม่ยาก
สำหรับราคาจำหน่ายของ Mi Air Purifier 3C อยู่ที่ 3,190 บาท และมีการทำโปรโมชันพิเศษผ่านการจำหน่ายช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada / Shopee / JD Central ที่บางช่วงราคาไม่ถึง 3,000 บาท ด้วย ส่วนในกรณีที่ใช้งานไปนานๆ แล้วต้องการเปลี่ยนไส้กรองก็สามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 8-900 บาท