Cameras 2017 – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Wed, 19 Jul 2017 03:28:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Nikon D7500 จงเรียกเขาว่า D500 รุ่นเล็ก https://cyberbiz.mgronline.com/review-nikon-d7500/ Tue, 18 Jul 2017 04:18:22 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=26632

หลังจากนิคอนเปิดตัว DSLR ตัวคูณ (DX Format) ระดับไฮเอนด์อย่าง D500 ไปพร้อมกับน้องคนเล็กอย่าง D3400 และ D5600 ที่เปิดตัวตามมาติดๆจนถึงปีนี้ วันนี้ก็ถึงคิวของพี่รอง (Semi-Pro) อย่าง D7xxx ที่ในคราวนี้นิคอนขอข้ามรุ่นจาก D7200 กระโดดมา D7500 พร้อมการปรับเปลี่ยนตั้งแต่เรื่องการออกแบบไปจนถึงฮาร์ดแวร์ภายในที่นิคอนไม่ได้เลือกพัฒนาสเปกต่อจาก D7200 แต่ตั้งใจพัฒนาจากดีเอ็นเอของพี่ใหญ่ D500 พร้อมตั้งให้ D7500 ให้เป็นกล้องสำหรับมือสมัครเล่นไปถึงกึ่งมืออาชีพ โดยเน้นความอเนกประสงค์ น้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ถ่ายภาพทั่วไป ถ่ายภาพเน้นความเร็วไปถึงงานวิดีโอระดับ 4K

การออกแบบ

ครั้งแรกที่ได้สัมผัส Nikon D7500 เฉพาะบอดี้อย่างเดียว ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ “เบามาก” และงานประกอบจะดูพลาสติกกว่า D7200 ซึ่งเมื่อทีมงานลองได้ไปกางสเปกชีทจากเว็บไซต์นิคอนก็พบว่า D7500 จะมีการปรับเปลี่ยนวัสดุโครงสร้างจาก “แมกนีเซียมอัลลอย” ไปใช้เป็น “คาร์บอนไฟเบอร์” ขึ้นรูปแบบไร้รอยต่อ ทำให้น้ำหนัก D7500 จะอยู่ที่ 600-700 กรัม ในขณะที่ D7200 อยู่ที่ 765 กรัม

แต่สำหรับผู้อ่านที่กำลังกังวลเรื่องความแข็งแรงและความทนทาน ทางนิคอนได้ระบุว่า ถึงแม้ตัวกล้อง D7500 จะผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์แต่ก็ยังคงคุณสมบัติป้องกันหยดน้ำ ฝุ่นและกันกระแทกได้เล็กน้อย สามารถลุยได้ทุกสภาพแวดล้อมเช่นเดิม

สำหรับการรองรับเลนส์ยังคงเป็น “Nikon F-mount” และมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวภายใน 3 แกนพร้อม e-VR (Electronic Vibration Reduction) เมื่อถ่ายวิดีโอ (สามารถใช้ร่วมกับเลนส์ที่มี VR จะได้ประสิทธิภาพระบบป้องกันภาพสั่นไหวเพิ่มขึ้น)

ด้านหลัง จะมาพร้อมจอ LCD ระบบสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 922,000 จุด (VGA) ครอบคลุมการมองเห็นภาพเต็ม 100% อีกทั้งจอ LCD ยังสามารถปรับก้มเงย (Tilting monitor) ได้ด้วย

ส่วนช่องมองภาพ (Optical Viewfinder) ครอบคลุมการมองเห็นภาพ 100% เช่นเดียวกัน มาพร้อมตัวปรับแก้สายตา 2 ถึง +1 ม.

มาดูปุ่มคำสั่ง ด้านหลังยังคงจัดวางตามรูปแบบของนิคอน โดยปุ่มเปิดจอ Live View (Lv) จะอยู่ข้างจอด้านล่างพร้อมสวิตซ์สลับระหว่างโหมดวิดีโอและภาพนิ่ง ส่วนด้านบนสุด AE-L/AF-L จะเป็นปุ่มล็อคค่าแสง/ล็อคโฟกัส ด้านปุ่มสั่งงานปรับตั้งค่ากล้อง ด้วยความที่หน้าจอเป็นแบบสัมผัส ผู้ใช้สามารถกดปุ่ม i แล้วใช้นิ้วจิ้มปรับค่ากล้องที่หน้าจอได้เช่นกัน

ด้านบน จากซ้ายจะเป็นวงล้อปรับโหมดถ่ายภาพ (M/A/S/P, Auto, SCENE, User 1, User 2 เป็นต้น) ซ้อนทับกับวงล้อปรับระบบถ่ายภาพ (ถ่ายภาพเดียว ถ่ายต่อเนื่อง โหมดชัตเตอร์เงียบ เป็นต้น)

ถัดมาเป็นส่วนกะโหลกกล้อง โดย D7500 จะมาพร้อมไฟแฟลชเหมือน D5600 ส่วนบนกะโหลกจะเป็นที่อยู่ของ Hot Shoe ใส่แฟลชแยกและอุปกรณ์เสริม ด้านขวา จะเป็นที่อยู่ของจอแสดงค่ากล้อง ด้านบนเป็นปุ่มปรับ ISO ปุ่มบันทึกวิดีโอ ชดเชยแสงและชัตเตอร์ทับด้วยสวิตซ์ปิด-เปิดกล้อง

ด้านหน้า สังเกตที่กริปจับถือจะได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลึก จับกระชับมือมากขึ้น ตรงกลางด้านบนจะเป็นไฟช่วยโฟกัสในที่แสงน้อยแบบ LED ถัดลงมาจะเป็นปุ่มฟังก์ชัน 1 และ 2 (สามารถตั้งค่าใช้งานได้เองที่เมนูกล้อง)

ด้านซ้าย เริ่มจากปุ่มเปิดไฟแฟลชและชดเชยแสงแฟลช ถัดลงมาเป็นปุ่ม BKT (ถ่ายคร่อมแสง) และปุ่มปรับระบบออโต้โฟกัส (Manual/AF-S/AF-F)

ด้านสันกล้องจะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อ (มีฝายางปิดไว้เพื่อกันน้ำและฝุ่น) ตั้งแต่ ไมโครโฟนแบบ 3.5 มิลลิเมตร USB, HDMI, หูฟังเพื่อมอนิเตอร์เสียงเวลาบันทึกวิดีโอและสุดท้ายช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม เช่น รีโมทชัตเตอร์ เป็นต้น

มาดูด้านขวา จะเป็นที่อยู่ของช่องใส่การ์ดความจำ (SD Card) รองรับแค่ SD, SDHC (UHS-I), SDXC (UHS-I) ไม่รองรับ XQD เหมือน D500 โดย D7500 จะลดช่องใส่การ์ดมาเหลือ 1 ช่องเท่านั้น

สุดท้ายสำหรับแบตเตอรี จะใช้รหัส EN-EL15a (ใช้ร่วมกับ D500) ความจุ 1,500mAh (ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 900-950 ภาพ) พร้อมแท่นชาร์จไฟแบบแยก

สเปกและฟีเจอร์เด่น


Nikon D7500 จะใช้เช็นเซอร์รับภาพ CMOS APS-C (นิคอนเรียกว่า DX Format) แบบปราศจาก low-pass filter ความละเอียดภาพสูงสุด 20.9 ล้านพิกเซล ประกบหน่วยประมวลผล EXPEED 5 ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจัดการนอยซ์ที่ดีมาก ทำให้ D7500 จะมาพร้อมค่าความไวแสง ISO มาตรฐานที่ 100-51,200 และขยายได้สูงสุดถึง Hi5 หรือเทียบเท่า ISO 1,640,000 ต่ำสุด Lo1 หรือเทียบเท่า ISO 50

นอกจากนั้นนิคอนยังได้ปรับส่วนเซ็นเซอร์วัดแสงไปใช้แบบเดียวกับ D500 คือ “เซ็นเซอร์วัดแสง RGB ขนาด 180K” แต่เสียดายในส่วนระบบตรวจจับโฟกัสอัตโนมัติยังใช้เป็น Nikon Advanced Multi-CAM 3500 II จำนวน 51 จุด (แบบเดียวกับที่อยู่ใน D7200 และ D750) สามารถจับโฟกัสในสภาพแสง -3EV

ถ่ายช่วงเย็น ISO ประมาณ 3,200 ตั้งออโต้โฟกัสแบบ AF-F

นอกจากนั้นเพื่อให้กล้อง D7500 สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น ทางนิคอนยังได้ยกฟังก์ชันถ่ายภาพต่อเนื่องจาก D500 มาลดสเปกจากเดิมที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 10 เฟรมต่อวินาที บัฟเฟอร์สูงสุด 200 ภาพ (JPEG) ลดเหลือ 8 เฟรมต่อวินาที บัฟเฟอร์ 100 ภาพ (JPEG) และ 50 ภาพ (RAW)

ส่วนไฟล์ภาพ RAW รองรับ 14 บิต (มาพร้อมซอฟต์แวร์จัดการ ตกแต่งและแปลงไฟล์ RAW เป็น JPEG ในตัวกล้อง) สามารถตั้งไซต์ภาพได้ 3 ขนาด ได้แก่ L20MP 5,568×3,712 พิกเซล M11.6MP 4,176×2,784 พิกเซล S5.2MP 2,784×1,56 พิกเซล อีกทั้งยังสามารถเลือกให้กล้องครอปเซ็นเซอร์ได้ 2 รูปแบบคือ เต็มเซ็นเซอร์ DX กับครอปลงมา 1.3 เท่าซึ่งจะช่วยในเรื่องระยะซูมเลนส์จะทำได้เพิ่มขึ้น เหมาะแก่การใช้งานฟังก์ชันวิดีโอ

ด้านวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K 30 เฟรมต่อวินาที สามารถถ่ายวิดีโอต่อเนื่องได้ยาวนาน 29 นาที และที่สำคัญโหมดวิดีโอจะรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 3 แกนและ Electronic Vibration Reduction (e-VR) ช่วยให้การถือกล้องถ่ายวิดีโอทำได้นิ่งมากขึ้น

ส่วนความละเอียดอื่นๆ D7500 สามารถถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ความเร็วเฟรมสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาทีหรือ 30 เฟรมต่อวินาทีได้ โดยในส่วนรูปแบบไฟล์สามารถเลือกได้ทั้ง MOV หรือ MP4 (เข้ารหัส H.264/MPEG4)

นอกจากนั้น Nikon D7500 จะรองรับ “ไฟแฟลชไร้สาย (Wireless Flash)” ผ่าน Nikon Creative Lighting System (CLS) โดยสามารถสั่งให้ไฟแฟลชหัวกล้องเป็นตัวสั่งงานให้แฟลชภายนอกทำงานได้ผ่านระบบ Optical รวมถึงรองรับระบบแฟลชแบบ High-Speed Sync ด้วย

สุดท้าย D7500 ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ WiFi เพื่อใช้งาน Nikon SnapBridge ได้

รายละเอียดด้านสเปกเพิ่มเติม >คลิกที่นี่<

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

เริ่มจากการทดสอบนอยซ์ที่ค่า ISO ช่วงต่างๆ (JPEG ไฟล์ดิบจากกล้อง ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ) จะเห็นว่า D7500 ให้ประสิทธิภาพเดียวกับ D500 สมกับเป็นหนึ่งในกลุ่มพี่ใหญ่ของตระกูล DX Format เลยเพราะรุ่นน้องอย่าง D5600 หรือ D3400 ซึ่งใช้ EXPEED 4 จะให้ประสิทธิภาพด้านนอยซ์ดีสุดที่ค่า ISO ช่วงประมาณ 3,200 เท่านั้น แต่กับ D7500 ซึ่งใช้ EXPEED 5 จากภาพด้านบนจะเห็นว่าช่วงค่า ISO ที่ให้นอยซ์ดีสุดสามารถแตะระดับหมื่นสบายๆ ส่วนถ้าจำเป็นต้องถ่ายในที่แสงน้อยมากก็สามารถดันได้ถึงระดับหมื่นปลายๆถึงหนึ่งแสนก็ยังให้คุณภาพพอใช้งานได้อยู่ เรียกได้ว่าใกล้เคียงกล้องระดับไฮเอนด์อย่าง D500 หรือ D5 ได้เลย

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/125s – f7.1 – ISO 4,500

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/100s – f7.1 – ISO 6,400

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/250s – f5.6 – ISO 6,400 >ภาพต้นฉบับ<

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/30s – f8 – ISO 640

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/200s – f11 – ISO 100 >ภาพต้นฉบับ<

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/160s – f8 – ISO 100

Nikon D7500 with 18-140mm Kit Lens – 1/400s – f11 – ISO 100

มาถึงช่วงลงสนามทดสอบใช้งานจริง ทีมงานเลือกเน้นไปที่การถ่ายในที่แสงน้อยมาก โดยรูปส่วนใหญ่จะตั้ง ISO ระดับ 4,000 ขึ้นไปและเป็นไฟล์ JPEG ดิบจากกล้อง ไม่ผ่านการตกแต่งเพิ่มเติม แต่เสียดายทีมงานไม่มีโอกาสได้ใช้ ISO ถึงระดับหมื่นเลย เพราะสถานที่ที่ไปส่วนใหญ่ ISO ระดับ 6,400 ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แน่นอนว่าภาพที่ได้ค่อนข้างใสและเคลียร์

ถือว่า D7500 เป็นกล้องที่ให้คุณภาพไฟล์สูงมาก จนทีมงานขอยกให้เป็น D500 ไซต์มินิที่ออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ (เมนู ฟังก์ชันกล้องเฟรนลี่กับคนทุกระดับ) โดยเฉพาะภาพนิ่ง เรียกได้ว่าเหมือนโคลนนิ่ง D500 กันมาเลย แต่เรื่องน้ำหนักเมื่อนำบอดี้มารวมเลนส์แล้วอย่างไร D7500 ก็เบาและคล่องตัวกว่า D500 มาก

ส่วนคำถามยอดฮิตสำหรับคนสนใจกล้องนิคอนก็คือ เรื่องโหมดวิดีโอถามว่า D7500 ปรับปรุงไปมากไหม? คำตอบก็คือปรับปรุงไปพอสมควร ทั้งเรื่องระบบออโต้โฟกัสและระบบป้องกันภาพสั่นไหว จุดเด่นในโหมดวิดีโอของกล้องรุ่นนี้คือให้ภาพที่ใสและเคลียร์มากแม้จะถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยรวมถึงมีตัวช่วยสำหรับมืออาชีพ แต่ความแม่นยำในเรื่องออโต้โฟกัสผ่านไลฟ์วิวยังถือเป็นสิ่งที่นิคอนต้องแก้ไขต่อไป โดยเฉพาะการโฟกัสตามวัตถุที่เคลื่อนไหวไปมายังทำงานได้ไม่แม่นยำ ยกเว้นคุณจะเป็นคนถ่ายวิดีโอและหมุนโฟกัสด้วยมือเก่ง แต่เรื่องภาพนิ่ง D7500 ทำได้น่าประทับใจมาก

สำหรับราคาขาย Nikon D7500 พร้อมคิทเลนส์ 18-140 VR F3.5-5.6 อยู่ที่ 59,900 บาท ส่วนราคาบอดี้อย่างเดียวอยู่ที่ 49,900 บาท

ข้อดี

– กล้องระดับกึ่งมืออาชีพที่มีน้ำหนักเบา ออกแบบดี
– ภาพนิ่งคุณภาพดีมากระดับเดียวกับ D500
– ตัวกล้องป้องกันละอองน้ำและฝุ่นระดับหนึ่ง
– ฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย รองรับผู้ใช้ทุกระดับ
– หน้าจอปรับก้มเงยพร้อมทัชสกรีน

ข้อสังเกต

– วิดีโอให้คุณภาพดีมากแต่เรื่องออโต้โฟกัสยังต้องปรับปรุง

Gallery

]]>
Review : Sony RX100 V เด่นที่โฟกัสไว ถ่ายภาพเร็วที่สุดในโลก https://cyberbiz.mgronline.com/review-sony-rx100v/ Tue, 17 Jan 2017 09:16:07 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=25111

IMG_0673

ตระกูล RX100 จากโซนี่ถือเป็นการเปลี่ยนโลกกล้องพรีเมียมคอมแพกต์มาตั้งแต่รุ่นแรกจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน (Mark IV) โดยจุดเด่นของกล้องตระกูลนี้คือเป็นกล้องคอมแพกต์ขนาดเล็ก (Cyber-shot) แต่ทรงประสิทธิภาพทั้งเรื่องเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่และฟังก์ชันใช้งานครบครันตั้งแต่งานภาพนิ่งไปถึงวิดีโอ 4K ด้วยไฟล์คุณภาพสูงไม่ต่างจากกล้องโปร

มาถึงวันนี้โซนี่ก็พร้อมจะเปิดตัว RX100 Mark V (5) ต่อเนื่องจากรุ่น Mark IV ด้วยการปรับปรุงระบบออโต้โฟกัสและกลไกภายในจนได้ชื่อว่าเป็นกล้องคอมแพกต์ที่ถ่ายภาพได้เร็วสุดในโลก เอาใจทั้งขาสแนปและผู้กำลังมองหากล้องเล็กเพื่อใช้งานระดับโปร

การออกแบบและสเปก

IMG_0644

IMG_0652

Sony RX100 V เป็นกล้องคอมแพกต์ขนาดจิ๋ว โดยตัวกล้องมีขนาดแค่ฝ่ามือ น้ำหนักประมาณ 299 กรัม (ขนาดอ้วนกว่า RX100 IV เล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถใส่กระเป๋ากางเกงได้เช่นเดิม) วัสดุภายนอกเป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด แต่สเปกภายในเรียกได้ว่าจัดเต็มมากตั้งแต่เซ็นเซอร์รับภาพ Exmor RS CMOS ขนาด 1 นิ้ว หน่วยประมวลผลภาพ BIONZ X มี DRAM แปะด้านหลังเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้การส่งข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น (โซนี่ขยาย DRAM ให้ใหญ่กว่า RX100 IV) ไปถึงความละเอียดภาพ 20.1 ล้านพิกเซล

ในส่วนความไวแสงรองรับ ISO 125-12,800 มี Multi-Frame NR ให้เลือกใช้ พร้อมระบบปรับ Dynamic Range อัตโนมัติ

IMG_0651

ด้านเลนส์ใช้ ZEISS Vario-Sonnar T* ชิ้นเลนส์ 10 ชิ้น เป็นซูมเลนส์ 2.9 เท่า ระยะเทียบกล้องฟูลเฟรมคือ 24-70 มิลลิเมตร พร้อมรูรับแสงกว้างสุด f1.8 ที่ระยะกว้างสุด ส่วนเมื่อซูมรูรับแสงกว้างสุดจะอยู่ที่ f2.8 (รูรับแสงแคบสุด f11) มาพร้อมฟิลเตอร์ลดแสง 3 สตอป และรองรับระบบ Clear Image Zoom 5.8 เท่า

IMG_0653

IMG_0659

IMG_0660

IMG_0662

ด้านหลังกล้องมาพร้อมหน้าจอไลฟ์วิวขนาด 3 นิ้วความละเอียด 1,228,800 จุด หน้าจอสามารถพับขึ้นได้ 180 องศา รองรับการเซลฟี ส่วนพับลงได้มากสุด 45 องศา

ด้านปุ่มคำสั่งต่างๆไม่แตกต่างจาก RX100 IV โดยบางปุ่มคำสั่งจะใช้สั่งงานได้สองคำสั่งพร้อมกัน ผู้ใช้งานครั้งแรกอาจเกิดความสับสนได้ต้องทำความเข้าใจก่อนใช้งาน

IMG_0674

นอกจากหน้าจอไลฟ์วิวแล้ว โซนี่ยังให้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบ OLED มาด้วย (EVF) โดยช่องมองภาพมีความละเอียด 2,359,296 จุด มาพร้อมสวิตซ์ปรับไดออปเตอร์ตั้งแต่ -4.0 ถึง +3.0m-1

IMG_0657

ด้านบนกล้องเหมือน RX100 IV ทุกสัดส่วนตั้งแต่ตำแหน่งไฟแฟลช ไมโครโฟนรับเสียงสเตอริโอ ไม่มี Hot Shoe ไปถึงปุ่มเปิดปิดและโหมดถ่ายภาพที่ไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า

สามารถติดตามอ่านรีวิว Sony RX100 IV ได้โดย >กดที่นี่<

IMG_0670

ในส่วนวงแหวนบริเวณเลนส์กล้องสามารถหมุนแทนคำสั่งปรับรูรับแสง ชัตเตอร์สปีดหรือใช้แทนสวิตซ์ซูมภาพได้เมื่ออยู่ในโหมดถ่ายภาพแต่ละแบบ

IMG_0671

IMG_0672

ด้านไฟแฟลชหัวกล้องยังคงเอกลักษณ์เดิมคือเป็นก้านยกขึ้น ทำให้สามารถยิงแฟลชแนวตรงหรือใช้นิ้วดันให้ยิงสะท้อนกับเพดานได้

IMG_0680

มาดูสันเครื่องเริ่มจากขวาจะเป็นช่อง Multi (MicroUSB) สำหรับเชื่อมต่อสาย USB ชาร์จไฟ (รองรับการชาร์จกับพอร์ต USB 5V เช่น Power Bank) และเชื่อมต่อข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ถัดลงมาเป็น HDMI และสัญลักษณ์แสดงการรองรับ WiFi

IMG_0676

อีกด้านจะเป็นที่อยู่ของสวิตซ์เปิดช่องมองภาพ Finder ถัดลงมาเป็นช่องใส่สายคล้องข้อมือและสัญลักษณ์บอกตำแหน่งเซ็นเซอร์ NFC เพื่อใช้แตะเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์

IMG_0663

ด้านล่าง ตรงกลางเป็นช่องเชื่อมต่อกับขาตั้งกล้อง ซ้ายเป็นช่องใส่แบตเตอรี NP-BX1 และการ์ดความจำ ขวาสุดเป็นช่องลำโพง

ฟังก์ชันใช้งานและฟีเจอร์เด่น

afrx100v

ระบบออโต้โฟกัสปรับปรุงใหม่ครั้งแรกของกล้องคอมแพกต์ โดยในครั้งนี้โซนี่นำระบบออโต้โฟกัสจากมิร์เรอร์เลสมาใช้ในชื่อ “Fast Hybrid AF” 315 จุด ครอบคลุม 65% ของพื้นที่รับภาพบนเซ็นเซอร์ตัวใหม่ ทำให้ RX100 V สามารถจับโฟกัสได้เร็วสุด 0.05 วินาที รองรับ AF Lock on และ Eye AF สามารถโฟกัสติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็วไปถึงสามารถโฟกัสดวงตาและติดตามแบบต่อเนื่องได้เลย

24 fps Continuous Shooting เป็นจุดขายหลักของ RX100 V และเป็นครั้งแรกของโลกที่โซนี่ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วสุด (Hi) 24 เฟรมต่อวินาทีที่ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล พร้อมบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่จากการขยาย DRAM ทำให้การกดชัตเตอร์ค้างไว้หนึ่งครั้ง (เมื่ออยู่ในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง) สามารถถ่ายภาพได้มากถึง 150-160 ภาพ

hfr-rx100v-long

HFR

HFR (High Frame Rate) หรือโหมดวิดีโอสโลโมชัน ถูกปรับปรุงเรื่องระยะเวลาในการถ่ายเพิ่มอีก 2 เท่าจาก RX100 IV โดยโหมด HFR สามารถเลือกความเร็วถ่ายได้ตั้งแต่ 250fps 500fps และ 1,000fps (PAL)

video-rx100v

มาถึงฟังก์ชันใช้งานทั่วไป ซึ่งจะเหมือนกับ RX100 IV โดยด้านคุณภาพไฟล์จะมีให้เลือกทั้ง JPEG, JPEG+RAW และ RAW สามารถถ่าย Dual Rec หรือระหว่างถ่ายวิดีโอสามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 17 ล้านพิกเซล

ส่วนวิดีโอใช้ฟอร์แมต XAVC S ความละเอียด 4K 30fps และ 1080p ความเร็วสูงสุด 60fps พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว Intelligent Active ให้ผลลัพท์ไม่ต่างจากกันสั่น 5 แกนในมิร์เรอร์เลสโซนี่แต่อย่างใด (ลองรับชมได้จากคลิปวิดีโอด้านบน)

smartphone-rx100v

apps-sonyrx100

WiFi/NFC/Application มีให้เลือกใช้เช่นเดียวกับ RX100 IV พร้อม Smart Remote หรือรีโมทชัตเตอร์บนสมาร์ทโฟน รวมถึงสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ด้วย

setup1-rx100v

setup2-rx100v

ส่วนผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งปุ่มคำสั่งต่างๆด้วยตัวเอง RX100 V เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามความถนัดแทบจะทุกปุ่มคำสั่ง รวมถึงผู้ใช้งานวิดีโอ โซนี่ได้ใส่ Marker ไว้ให้ใช้งานด้วย เช่น ต้องการถ่ายวิดีโอที่อัตราส่วน 1.85:1 ก็สามารถเลือกใช้งานได้

mem-recall-rx100v

Memory recall (MR) ถือเป็นฟังก์ชันตอบสนองผู้ใช้มืออาชีพที่ชอบปรับค่ากล้องหลากหลายแนวและต้องการตั้งเป็นโปรไฟล์ไว้เพื่อความรวดเร็วในการเลือกใช้ โดย MR ใน RX100 V จะให้เราเลือกสร้างโปรไฟล์ได้มากสุด 3 โปรไฟล์

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

rx100v-isotest

เริ่มจากการทดสอบความไวแสง(ISO)ช่วงต่างๆ สำหรับ RX100 V ให้ผลลัพท์ไม่ต่างจาก RX100 IV ตัวก่อนแต่อย่างใด นอยซ์ที่ค่าความไวแสงตั้งแต่ ISO100-12,800 ทำได้ดีมากสำหรับ JPEG ซึ่งก็สอดคล้องกับจุดประสงค์หลักที่โซนี่ต้องการให้ RX100 เป็นกล้องคอมแพกต์ใช้งานง่าย ใครถ่ายก็ได้ภาพคุณภาพสูงทั้งหมด

ส่วนถ้ามืออาชีพขึ้นมาและใช้งาน RAW เป็นหลัก RX100 V จะให้คุณภาพไฟล์ที่ดีเมื่อถ่ายด้วย ISO ไม่เกิน 3,200 ไม่ต่างจาก RX100 IV เช่นกัน

hi-speed-shoot-rx100v

DSC01712

คราวนี้มาดูสิ่งที่แตกต่างจาก RX100 IV กันบ้างก็คือเรื่องระบบออโต้โฟกัสและความรวดเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 24 เฟรมต่อวินาที ถามว่าจำเป็นไหม สำหรับคนชอบถ่ายสแนปหรือสตรีทโฟโต้ 24fps ถือเป็นส่วนช่วยให้เรามีโอกาสได้ภาพที่ไม่หยุดนิ่งสูงขึ้น ยกตัวอย่างภาพนี้ทีมงานเดินสวนกับเด็ก 2 คนที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งแบบรวดเร็วมาก ถ้าไม่มีระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง 24fps อาจพลาดจังหวะที่ต้องการไป

DSC01605

1/400s : f4.5 : ISO125

หรือแม้แต่ภาพนี้ซับเจคที่เห็นทั้งหมดไม่หยุดนิ่ง แต่โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง 24fps ใน RX100 V ก็สามารถสแนปไว้ได้และหลังจากนั้นทีมงานค่อยมาเลือกภาพที่ดีที่สุดภายหลัง

DSC01015

1/160s : f5.6 : ISO125

DSC01034

1/80s : f2.8 : ISO320

DSC01162

1/160s : f2.8 : ISO250

DSC01234

1/160s : f1.8 : ISO125

DSC01251

1/500s : f4 : ISO125

DSC01267

1/100s : f6.3 : ISO125

DSC01720

1/40s : f5 : ISO125

ในส่วนการถ่ายภาพทั่วไป คุณภาพไฟล์ภาพไม่ต่างจาก RX100 IV อย่างชัดเจนนัก รวมถึงฟังก์ชันใช้งานต่างๆก็ยังเหมือนเดิม เรียกได้ว่า RX100 V เน้นเรื่องความรวดเร็วของระบบออโต้โฟกัสและการถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นหลัก รวมถึงงานวิดีโอที่ได้รับผลจากการเปลี่ยนไปใช้โฟกัสแบบ Fast Hybrid AF 315 จุด พร้อม Lockon AF เต็มๆเพราะทำให้ระบบออโต้โฟกัสวิดีโอทำได้แม่นยำขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก โดยเฉพาะการโฟกัสติดตามวัตถุทำได้แม่นยำดี

ส่วนการใช้งานอื่นๆก็เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้แทบทั้งหมด ฟังก์ชันใช้งานมีให้เลือกมากมายเช่น วิดีโอ 4K, โปรไฟล์สี Slog, ถ่ายสโลโมชัน HFR ได้สูงถึง 1,000 เฟรมต่อวินาทีไปถึงการถ่ายภาพคร่อมแสง คร่อม White Balance ทำภาพ HDR และอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนว่าก่อนใช้งานต้องเรียนรู้สักเล็กน้อย เนื่องจากตัว RX100 V ถูกออกแบบเมนูมาค่อนข้างซับซ้อนไปเสียหน่อย รวมถึงแบตเตอรีที่ไม่ทนทานนัก ใช้งานในหนึ่งวันหนักๆอาจต้องพกถึง 3-4 ก้อนเลยทีเดียว (แบตเตอรี 1 ก้อนชาร์จไฟเต็มสามารถถ่ายภาพได้ประมาณ 200-220 ภาพ ภาพยนตร์ประมาณครึ่งชั่วโมง)

อีกทั้งในส่วนของราคาค่าตัว RX100 V เปิดตัวมาค่อนข้างสูง 38,990 บาท ส่วน RX100 IV ลดลงเหลือ 29,990 บาท ถ้าผู้สนใจไม่ได้ต้องการสเปกออโต้โฟกัสและการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็งสูง RX100 IV ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ Mark V เพราะถ้ามองเรื่องคุณภาพไฟล์ภาพอย่างเดียวแล้วเรียกว่าแทบไม่แตกต่างกันชัดเจนนัก

ข้อดี

– กล้องเล็กพกพาไปได้ทุกที่ ทุกเวลา
– ระบบออโต้โฟกัสใหม่ทำงานรวดเร็ว
– ถ่ายภาพต่อเนื่องเร็วสูงสุด 24 เฟรมต่อวินาที
– ฟังก์ชันใช้งานครอบคลุมทุกการใช้งานตั้งแต่ภาพนิ่งถึงวิดีโอ 4K ระดับภาพยนตร์

ข้อสังเกต

– ไม่มี Hot Shoe ไม่รองรับการต่อแฟลชภายนอก
– แบตเตอรีหมดเร็วมาก
– การจับถือไม่ถนัด อาจต้องพึ่งพาอุปกรณ์กริปเสริมภายนอก
– ไม่มีช่องเชื่อมต่อไมโครโฟนภายนอกทั้งที่สเปกวิดีโอถือว่าไฮเอนด์มาก

Gallery

]]>