Lenovo – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Thu, 09 Apr 2020 13:23:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Lenovo Z6 Pro มือถือสเปกเรือธง แต่ราคาหมื่นเดียว https://cyberbiz.mgronline.com/review-lenovo-z6-pro/ Thu, 09 Apr 2020 13:23:26 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=32553

ช่วงที่ผ่านมาแบรนด์อย่าง เลอโนโว (Lenovo) ถือว่าเงียบหายไปจากตลาดสมาร์ทโฟน หลังมีความไม่ชัดเจนในการทำตลาดว่าจะใช้แบรนด์ เลอโนโว หรือ โมโตโรล่า เข้ามาบุกตลาดดี ทำให้กลายเป็นไม่มีสินค้าเข้ามาสร้างความต่อเนื่องในตลาด

แต่พอมาถึงช่วงต้นปีนี้ เลอโนโว เริ่มกลับมาบุกตลาดประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการนำสมาร์ทโฟน 2 รุ่น อย่าง Lenovo Z6 Pro และ Lenovo K10 Note มาเพื่อจับกลุ่มผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนสเปกดี ราคาคุ้มค่า

อย่าง Z6 Pro ถือว่าเป็นสมาร์นโฟนสเปกเรือธงที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นท็อปของปี 2019 อย่าง Snapdragon 855 มากับจอ 6.39 นิ้ว กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง และเทเลโฟโต้ แบตเตอรี 4,000 mAh ในราคา 10,900 บาท

ส่วน K10 Note จะเป็นรุ่นรองลงมา ที่มากับหน้าจอ 6.3 นิ้ว ทำงานบนหน่วยประมวลผล Snapdragon 710 กล้อง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล ในราา 7,490 บาท ที่มากับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอให้ใช้งานด้วย

ข้อดี

  • สเปกเรือธงของปีที่แล้ว ในราคา 1 หมื่นบาท
  • จอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว
  • แบตเตอรี 4,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องไม่กันน้ำ กันฝุ่น ไม่มี NFC
  • ยังไม่มีการประกาศว่าจะได้อัปเดต Android 10 เมื่อไหร่

เน้นประสิทธิภาพ ในราคาจับต้องได้

จุดขายหลักของ Lenovo Z6 Pro คือการนำหน่วยประมวลผลรุ่นที่เป็นเรือธงของปี 2019 อย่าง Qualcomm Snapdragon 855 มาให้ใช้งานกันในราคา 10,990 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับสเปกที่เท่ากันของแบรนด์หลักจะเทียบเท่ากับ S10 Lite ที่ขายอยู่ 17,990 บาท

ทำให้ถ้าเป็นผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องทั่วไป ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ยิบย่อย เน้นเล่นเกมลื่นๆ ตัวเครื่องไม่ร้อนมาก Lenovo Z6 Pro จะเข้ามาตอบโจทย์นี้ได้ เพราะมีการนำระบบระบายความร้อนอย่าง Liquid Cooling System มาช่วย ทำให้แม้เวลาเครื่องประมวลผลหนักๆ ตัวเครื่องก็ยังไม่ร้อนมาก

ถัดมาคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่ให้กล้องหลักมา 48 ล้านพิกเซล f/1.8 คู่กับเลนส์มุมกว้าง 16 ล้านพิกเซล f/2.2 เลนส์ Telephoto 8 ล้านพิกเซล f/2.4 และเลนส์เสริม 2 ล้านพิกเซล ที่จะช่วยในเรื่องของระยะชัดลึกให้ AI นำไปประมวลผล

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เลอโนโว พัฒนาอินเตอร์เฟสการใช้งาน ZUI ขึ้นมาใช้งานเอง ทำให้เมื่อเข้าใช้งานในโหมดกล้อง ที่แม้ว่าดูเรียบง่ายมีแค่ชัตเตอร์ และปุ่มซูมให้กดเพื่อปรับระยะ แต่ในการใช้งานจริงจะไม่ค่อย User Friendly เท่าไหร่นัก แถมยังไม่สามารถตั้งค่าความละเอียดรูปได้ด้วย มีแต่เลือกบันทึกภาพที่ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล

ส่วนการถ่ายวิดีโอ สามารถบันทึกภาพได้ที่ความละเอียด 4K แต่ไม่มีโหมดถ่ายบันทึกแบบ Pro มาให้ ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดในการถ่ายอย่าง กีฬา มุมกว้าง มาโคร กลางคืน หรือ Vlog ที่ใช้การถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าหลังพร้อมกัน มาให้ใช้งานด้วย

สำหรับการเล่นเกม Z6 Pro ถือว่าทำหน้าที่ได้ตามประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลอยู่แล้ว ลองเล่นเกมอย่าง Call of Duty ปรับภาพความละเอียดสูงสุด  ก็สามารถใช้งานได้ลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด

สำรวจตัวเครื่อง Lenovo Z6 Pro

ในส่วนดีไซน์ของ Z6 Pro จะใช้หน้าจอแบบหยดน้ำ หรือ Waterdrop Full Screen Display ที่มีกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านอยู่ตรงกลาง ส่วนตัวจอจะใชเป็น AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x x1080 พิกเซล) ภายใต้กระจกจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ให้ใช้งานด้วย

ข้อดีอีกอย่างคือยังใช้จอกระจกที่ไม่โค้งลงด้านข้างทำให้เวลาจับถือ ใช้งานไม่พลาดไปโดนบริเวณขอบๆ เหมือนรุ่นอื่นๆ กับขอบล่างของจอที่ยังมีความหนาอยู่ ส่วนขนาดของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 157.5 x 74.6 x 8.65 มิลลิเมตร น้ำหนัก 185 กรัม

ด้านหลังตัวเครื่องจะมีการเล่นลายแสงพาดผ่านบริเวณแนวกล้องลงมาถึงสัญลักษณ์ ‘Lenovo’ ทำให้เวลาสะท้อนแสงจากตัวเครื่องสีดำ จะมีสีแดงสะท้อนออกมาให้เห็น เพื่อสื่อถึงความแรงของตัวเครื่องไปในตัว เลอโนโว เรียกการไล่สีแบบนี้ว่าเป็น 3D Color Gradient ภายในให้แบตเตอรีมาขนาด 4,000 mAh

บริเวณชุดกล้องจะเป็นการเรียงกันของกล้อง 4 เลนส์ในแนวตั้ง โดยมีไฟแฟลช และเซ็นเซอร์วัดระยะอยู่ข้างๆ พร้อมตัวอักษรระบุเรื่อง Hyper Video 48 MO Quad AI Camera ที่สื่อถึงการนำ AI มาช่วยประมวลผลภาพถ่ายด้วย

รอบๆ ตัวเครื่องทางด้านซ้ายจะมีช่องใส่ถาดซิม ที่เป็นแบบไฮบริดจ์ คือเลือกใส่ 2 นาโนซิมการ์ด หรือ 1 นาโนซิมการ์ด คู่กับ ไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 512 GB ทางด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดเครื่องที่เป็นสีแดงเด่นชัดออกมา

ด้านบนจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ให้ใช้งานกับ พร้อมกับรูไมโครโฟน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องไมโครโฟน พอร์ต USB-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18W และลำโพง

สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องนอกจากตัวเครื่อง แล้วยังมีอะเดปเตอร์ที่รองรับกำลังไฟ 27W สาย USB-C หูฟัง เคสใส ฟิลม์กันรอย และอะเดปเตอร์แปลง USB to USB-C มาเผื่อด้วย

เรียนรู้อินเตอร์เฟส ZUI 11

แม้ว่าเมื่อเปิดใช้งาน Z6 Pro ขึ้นมาแว้บแรกจะเห็นอินเตอร์เฟสการใช้งานที่ค่อนข้างคลีน ดูแล้วเรียบง่ายเหมือนใช้ Pure Android แต่จริงๆ แล้ว Z6 Pro มีการนำ ZUI 11 มาครอบ ทำให้มีการเพิ่มวิธีการควบคุมแบบ 4D U-Touch ขึ้นมา

โดยในการใช้งาน 4D U-Touch จะเข้ามาแทนที่ปุ่มควบคุมเสมือนที่อยู่ล่างหน้าจอ ด้วยการใช้นิ้วปาดขึ้นเพื่อย้อนกลับ ปาดขึ้นแล้วค้างไว้ เพื่อกลับสู่หน้าโฮม และปาดจากซ้ายไปขวา เพื่อเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด และยังมีการสบัดเครื่อง เพื่อเปิดใช้งานกล้องได้ทันทีเพิ่มมาด้วย

การเข้าสู่หน้ารวมแอปพลิเคชันจะชัดการปัดขึ้น ในหน้าจอหลัก ส่วนแถบแจ้งเตือน ก็จะมีไอค่อนตั้งค่าลัดต่างๆ อย่างการเชื่อมต่ WiFi Mobile Data ไฟฉายล็อกหน้าจอจับภาพหน้าจอโหมดเครื่องบินบลูทูธปิดเสียงโลเคชันปล่อยฮ็อตสป็อตปรับความาสว่างการหมุนหน้าจอเครื่องคิดเลขเป็นต้น

สเปก

Lenovo Z6 Pro มากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 ที่เป็น Octa Core 2.84 GHz พร้อมกราฟิก Adreno 640 RAM 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9 ที่ครอบด้วย ZUI 11 ด้านการเชื่อมต่อตัวเครื่องรองรับ 4G ซิม WiFi 5 (802.11ac) บลูทูธ 5.0

ทดสอบประสิทธิภาพ

สำหรับการทดสอบจากทั้ง Antutu GeekBench PCMark และ 3D​Mark สามารถดูได้จากด้านล่างนี้

สรุป

Lenovo Z6 Pro ที่อาจจะดูเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนตกรุ่น เพราะเลอโนโว วางจำหน่ายในต่างประเทศมาสักพักแล้ว ก่อนนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ด้วยการตั้งราคาที่ดึงดูดใจ กับหน่วยประมวลผลระดับท็อป ในราคา 10,990 บาท ทำให้ Z6 Pro เป็นหนึ่งในตัวเลือกน่าสนใจในช่วงราคาดังกล่าวทันที

]]>
Review : Lenovo Zuk Z1 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนต่ำหมื่น เน้นคุ้มค่า https://cyberbiz.mgronline.com/review-zuk-z1/ Thu, 06 Oct 2016 11:09:16 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=24029

IMG_5821

แบรนด์ ZUK อาจจะเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากนัก เพราะถือเป็นซับแบรนด์ของ Lenovo ในการทำตลาดภายในประเทศจีน และอินเดียผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ และด้วยการที่ล็อกซเล่ย์ มองเห็นโอกาสในการนำสมาร์ทโฟนสเปกดี ราคาคุ้มค่าเข้ามาทำตลาด จึงเป็นที่มาของการนำ Zuk Z1 มาวางขายผ่านลาซาด้า

จุดเด่นของ ZUK Z1 คือเป็นสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ที่มาพร้อมฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือในการปลดล็อก ตัวเครื่องทำงานบนหน่วยประมวลผล Snapdragon 801 ซึ่งถือเป็นซีพียูระดับท็อปของควอลคอมม์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าเพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบัน ขณะที่กล้องหลักจะมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

การออกแบบ

IMG_5820

ในส่วนของการออกแบบ Zuk Z1 จะเน้นไปที่ความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรู่ จากการใช้โครงเครื่องเป็นโลหะ ทำให้ดูแข็งแกร่ง ตัดกับฝาเครื่องพลาสติกสีขาว และเทาเข้ม ขึ้นอยู่กับสีที่เลือก โดยมีขนาดรอบตัวอยู่ที่ 155.7 x 77.3 x 8.9 มิลลิเมตร และ น้ำหนัก 175 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องที่ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอที่ 5.5 นิ้ว

IMG_5827

ด้านหน้า – พื้นที่หลักเป็นของหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ที่ให้ความละเอียดเม็ดสีสูงถึง 401 ppi ที่ให้ความสว่างถึง 450 nit และอัตราคอนทราสต์หน้าจออยู่ที่ 1500:1ซึ่งจะสังเกตได้ว่าขนาดของขอบจอจะค่อนข้างหนาทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย โดยมีแถบลำโพงสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์จาก OmniVision อยู่ส่วนบน ส่วนล่างเป็น U-Touch ที่เป็นทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและปุ่มควบคุมด้วย

IMG_5829

ด้านหลังตัวเครื่องจะถูกปล่อยว่างไว้ด้วยพลาสติกฝาหลังสีขาว ตัดกับโลโก้ ZUK สีเงินที่ส่วนล่างเครื่อง ขณะที่พื้นที่ส่วนบนจะมีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor RS IMX214 รูรับแสง f/2.2 มาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นไหวของภาพ OIS และแฟลชแบบ Dual LED ส่วนภายในจะมีแบตเตอรีขนาด 4,100 mAh ให้ใช้งานกัน

IMG_5841IMG_5843IMG_5843

ด้านบนหลักๆจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. โดยมีแถบรับสัญญาณโทรศัพท์เป็นเส้นๆอยู่ด้วย ด้านล่างมีพอร์ต USB-C ช่องลำโพง และไมโครโฟนสนทนา กับแถบรับสัญญาณเช่นเดียวกัน ดูไปจะคล้ายๆกับใน iPhone 6 และ iPhone 6s

IMG_5846IMG_5844ด้านซ้ายจะมีรูให้ใช้เข็มจิ้มเพื่อดึงถาดซิมการ์ดแบบดูอัลซิม (นาโนซิม) ส่งผลให้ไม่มีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติม ด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง

สเปก

s13

Zuk Z1 มากับหน่วยประมวลผล Snapdragon 801 MSM8974AC ที่เป็นควอดคอร์ 2.5 GHz RAM 3 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 64 GB หน่วยประมวลผลภาพเป็น Adreno 330 ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1.1 (Lollipop) ที่ครอบด้วย Cyanogen OS 12.1 อีกที เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

ส่วนด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งาน 2 ซิม โดยซิมหลักเป็น 3G/4G ส่วนซิมรองจะรับได้เฉพาะ 2G รองรับการใช้งานทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย ความเร็วในการดาวน์โหลดบน 3G 42.2/5.76 Mbps 4G LTE Cat4 150/50 Mbps นอกจากนี้ก็จะมี Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.1 GPS และ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

ฟีเจอร์เด่น

s01

ด้วยการที่ Zuk Z1 ได้รับการปรับแต่งระบบปฏิบัติการจากทาง Cyanogen ส่งผลให้อินเตอร์เฟสในการใช้งาน จะถูกปรับออกมาให้ใช้งานค่อนข้างง่าย และเปิดโอกาสให้ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ด้วย โดยในส่วนของหน้าหลักยังคงความสะดวกในการใช้งานด้วยการใส่วิตเจ็ต สร้างโฟลเดอร์ต่างๆตามปกติ หน้าจอล็อกสกรีนจะมีการแสดงวัน เวลา การแจ้งเตือน พร้อมปุ่มลัดเรียกใช้งานโทรศัพท์ กล้อง และตรงกลางเป็นสัญลักษณ์สแกนลายนิ้วมือ

ในส่วนของแถบการแจ้งเตือน ก็เป็นไปตามปกติ ส่วนแถบการตั้งค่าต่างๆ จะมีให้ปรับความสว่างหน้าจอ และไอค่อนลัดในการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวไฟ บลูทูธ โหมดเครื่องบิน การหมุนหน้าจอ ไฟฉาย จีพีเอส ไวไฟฮ็อตสปอต ฉายหน้าจอไปยังจอภาพ ระบบเสียง Audio FX

s03

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งธีมการใช้งาน โดยสามารถเข้าไปโหลดเป็นชุดธีมต่างๆ ที่จะมีทั้งแบบเสียเงิน และแบบฟรี หรือจะเลือกปรับส่วนประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไอคอน แถบสถานะ แถบควบคุม แถบนำทาง ภาพพื้นหลัง แบบอักษร ทำให้มีความเป็นอิสระในการปรับแต่งหน้าจอค่อนข้างเยอะ

s02

ในขณะที่หน้าจอรวมแอปพลิเคชัน จะไมไ่ด้ถูกนำมาแสดงผลแบบเรียงเป็นช่องๆ แต่จะใช้การเรียงตามตัวอักษร ซึ่งแอปพลิเคชันที่ให้มาจะเป็นแอปพื้นฐานทั้งหมด รวมกับบริการต่างๆของกูเกิล ไม่ได้มีการเพิ่มแอปที่ไม่จำเป็น

s07s08

ส่วนของกล้องถ่ายภาพ จะเน้นที่ความเรียบง่ายในการใช้งาน โดยจะมีปุ่มหลัดคือชัตเตอร์ถ่ายภาพนิ่ง (สีขาว) ชัตเตอร์ถ่ายวิดีโอ (สีแดง) ปุ่มเข้าไปดูอัลบั้มภาพ ส่วนของการปรับแต่งต่างๆ จะมีให้เลือกปรับความสว่าง เลือกสมดุลแสงขาว สลับกล้องหน้า เลือกโหมดถ่ายภาพต่างๆ

s09

การตั้งค่ากล้องจะมีให้เลือกเป็น 3 ส่วนคือ ภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ และตั้งค่าทั่วไป ทั้งขนาดภาพ คุณภาพ ปรับแต่ง ISO และจะมีให้ตั้งค่าใช้ปุ่มพาวเวอร์ในการเป็นชัตเตอร์ ใช้ปุ่มปรับระดับเสียงเป็นปุ่มซูม เลือกปรับให้ปุ่มชัตเตอร์เหมาะสำหรับผู้ถนัดซ้าย กับเลือกปรับความสว่างหน้าจอให้สูงสุดเมื่อใช้งานกล้อง

s10

โหมดการใช้งานโทรศัพท์ จะมาพร้อมกับระบบคาดเดารายชื่อ โดยผู้ใช้สามารถกดเลขหมายเพื่อดูรายชื่อได้ทันที หรือจะค้นหาจากชื่อก็ได้ตามปกติ ขณะหน้าจอสนทนาจะมีแสดงรายชื่อ เลขหมาย ระยะเวลาใช้งาน พร้อมกับปุ่มวางสายขนาดใหญ่ โดยจะมีแถบคำสั่งเปิดลำโพง ปิดไมค์ เรียกปุ่มกด พักสาย และเพิ่มสาย

s04 s11s06ถัดมาในส่วนของการตั้งค่า จะมีแบ่งออกเป็นด้านการเชื่อมต่อ ตั้งค่าการใช้งาน คั้งค่าตัวเครื่อง บัญชีผู้ใช้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของแอนดรอยด์อยู่แล้ว เพียงแต่จะมีการตั้งค่าเพิ่มเติมอย่างระบบ AudioFX ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโปรไฟล์เสียงต่างๆได้ รวมถึงหน้าจอผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับโหมดการแสดงผลได้ ที่ผู้ใช้สามารถปรับความสว่าง ปรับอุณหภูมิสีได้ตามต้องการ เพื่อช่วยรักษาสุขภาพตา

s12

ขณะที่ในส่วนของระบบสแกนลายนิ้วมือ ผู้ใช้สามารถใส่ลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ โดยชูจุดเด่นที่รองรับการสัมผัสได้แบบ 360 องศา นอกจากนี้ ก็จะมีให้เข้าไปตั้งปุ่มเนวิเกชันบาร์ ที่สามารถปรับให้ไปอยู่ทางฝั่งซ้ายขวา ตามความถนัดของนิ้วมือที่ใช้ รวมถึงโหมดแบตเตอรีให้เลือกใช้งานทั้งประหยัดพลังงาน สมดุล และประสิทธิภาพสูง

s05ส่วนเรื่องของการใช้งานซิมการ์ด สามารถเข้าไปเลือกซิมหลักที่จะใช้งานได้ โดยซิมหลักจะเป็น 3G/4G ขณะที่ซิมรองจะรองรับการสแตนบายที่ 2G ยังไม่เป็น 2 ซิม ที่รองรับ 3G ทั้ง 2 ซิม

ทดสอบประสิทธิภาพ

s14

เมื่อทดสอบ ด้วยโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 25,987 คะแนน และ 62,841 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน

s15

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากแอนดรอยด์เว็บวิวได้ 3,176 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 3,273 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 1,733 คะแนน Multicore 1,836 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 991 คะแนน Multi-Core 2,595 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 31 นาที 30 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 4,515 คะแนน จากแบตเตอรีขนาด 4,100 mAh

s16ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 4,356 คะแนน 3D Mark ตัว Sling Shot ES 3.0 ได้ 1193 คะแนน Sling Shot Unlimited ES 3.0 ได้ 1,293 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 19,630 คะแนน ส่วน Ice Storm Extreme และ Ice Storm ที่ทำคะแนนทะลุไป

ส่วน Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 4,581 คะแนน CPU 25,044 คะแนน Disk 26,110 คะแนน Memory 4,534 คะแนน 2D Graphics 3,600 คะแนน และ 3D Graphics 1,231 คะแนน

สรุป

IMG_5822

การมาของ Zuk Z1 ที่นำเข้ามาจำหน่ายโดยล็อกซเลย์อาจจะไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก เพราะถือเป็นก้าวแรกของล็อกซเลย์ในการเลือกนำสมาร์ทโฟน ประสิทธิาภพสูงราคาคุ้มค่าจากจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับทางลาซาด้า ในการใช้ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ที่มีระบบบริการหลังการขายของทางล็อกซเล่ย์รองรับ

Zuk Z1 ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาทที่น่าสนใจ ถ้าถูกนำเข้ามาจำหน่ายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันเริ่มมีหลายแบรนด์เข้ามาลุยตลาดในระดับราคาเดียวกัน ดังนั้น Zuk Z1 จึงกลายเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่มีความน่าสนใจ สำหรับผู้ที่อยากลองสมาร์ทโฟนนอกกระแส ที่มีประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ข้อดี

สเปก เมื่อเทียบกับราคาต่ำกว่าหมื่นบาท

ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ค่อนข้างแม่นยำ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับ USB-C

กล้องถ่ายภาพที่ใช้เซ็นเซอร์จากโซนี่ ให้คุณภาพที่ดีเมื่อเทียบกับราคาเครื่อง

ข้อสังเกต

ไม่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ (ในเครื่องให้มา 64 GB)

ไม่รองรับการเชื่อมต่อ NFC

Gallery

]]>
Review : Lenovo Phab Plus จอใหญ่ 6.8 นิ้ว ราคาหมื่นต้น https://cyberbiz.mgronline.com/lenovo-phab-plus-review/ Mon, 09 Nov 2015 04:45:12 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=18889

IMG_0842

แม้ว่าปัจจุบันเลอโนโวจะแบ่งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ แยกออกมาจากฝั่งของพีซีแล้วแต่ก็ยังมีบางผลิตภัณฑ์ที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างการเป็นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต คือแฟ็บเล็ต ที่ยังถูกทำตลาดโดยฝั่งธุรกิจพีซี เพราะมองว่าเป็นเครื่องที่มีขนาดจอใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป

Lenovo Phab Plus จึงถือเป็นแฟ็บเล็ตที่เกิดขึ้นมาอยู่ระหว่างการเป็นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว ทำให้เหมาะกับการใช้งานในด้านการรับชมความบันเทิงบนหน้าจอขนาดใหญ่ ที่ไม่ถึงขั้นของแท็บเล็ตเพื่อให้พกพาได้ง่าย

จุดเด่นหลักของ Phab Plus นอกจากขนาดหน้าจอระดับ Full HD แล้ว ก็จะมีในส่วนของตัวเครื่องที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos รวมถึงการเพิ่มฟังก์ชันอย่างการใช้งานด้วยมือเดียว และกล้องถ่ายภาพหลังที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

การออกแบบ

IMG_0847

ถ้าจำกันได้ก่อนหน้านี้เลอโนโว เคยออกสมาร์ทโฟนมที่มีรูปทรงใกล้เคียงกับ Phab Plus ในรุ่น S90 ซึ่งถ้ามองแล้วก็ถือว่าเป็นการนำดีไซน์ของไอโฟนมาใช้งาน เพราะด้วยรูปลักษณ์ทั้งแบบจะเหมือนกับ iPhone 6 Plus ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นอะลูมิเนียมมีสีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ ทอง เงิน และเทา ขนาดรอบตัวของ Phab Plus จะอยู่ที่ 188.6 x 96.6 x 7.6 มม. น้ำหนัก 220 กรัม

IMG_0839

ด้านหน้าจะมากับจอขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1280 x 1080 พิกเซล) โดยทางเลอโนโวระบุว่าเป็นจอแบบ Retina ความละเอียด 368 ppi ส่วนบนหน้าจอจะมีลำโพงสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขณะที่ปุ่มกดสั่งงานด้านล่างก็จะอยู่บนจอสัมผัสทั้งหมด

IMG_0840ด้านหลังบริเวณบนจะมีการเจาะช่องลำโพงเป็นแนวยาว ซึ่งถือเป็นจุดที่สร้างความต่างระหว่างเลอโนโวกับไอโฟน โดยมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ 2 โทนสี กับมีสัญลักษณ์ lenovo ตรงกลางเครื่อง พื้นที่ๆเหลือถูกปล่อยว่างไว้ แต่จะมีแถบรับสัญญาณคาดผ่านตัวเครื่องด้วย ภายในจะมีแบตเตอรีขนาด 3,500 mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้

IMG_0855IMG_0853

ด้านซ้ายจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด เพียงแต่จะต้องเลือกใส่เป็น นาโนซิมการ์ด พร้อมกับ ไมโครซิมการ์ด หรือไมโครเอสดีการ์ด กับไมโครซิมการ์ด ดังนั้นถ้าใส่ไมโครเอสดีการ์ดก็จะใช้งานได้แบบซิมเดียว ด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง

IMG_0852

ด้านบนมีเพียงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ด้านล่าง – เป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี ไมโครโฟนสนทนา และเหมือนเป็นรูน็อต

สเปก

s14

สำหรับสเปกภายในของ Lenovo Phab Plus จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 615 ที่เป็น Octa Core 1.5 GHz 64 บิต RAM 2GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 64 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 (Lollipop)

ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งาน 2 ซิม (แทนช่องไมโครเอสดีการ์ด) โดยซิมหลักสามารถใช้งาน 3G 4G ได้ทุกเครือข่าย ส่วนซิมที่ 2 จะสแตนบายบนระบบ 2G ไวไฟมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.0 GPS และวิทยุFM แต่ไม่รองรับ NFC

ฟีเจอร์เด่น

IMG_0865

ฟีเจอร์หลักที่น่าสนใจใน Phab Plus คือโหมดการใช้งานมือเดียว โดยผู้ใช้จำเป็นต้องเข้าไปเปิดค่าการใช้งาน Screen Shrink ก่อน เมื่อเปิดแล้ว จะทำให้สามารถวาดสัญลักษณ์ตัว C บนหน้าจอ ขนาดหน้าจอก็จะเล็กลงมาให้สามารถใช้งานด้วยมือข้างเดียว โดยผู้ใช้สามารถเอียงซ้ายขวา เพื่อให้จออยู่ติดขอบฝั่งที่ถนัด

s01

หรือจะเลือกได้ว่าจะให้อยู่บริเวณบน กลาง ล่าง ของหน้าจอ ถัดมาคือฟังก์ชันการปลุกหน้าจอด้วยการกดจอ 2 ครั้ง และการสั่นเครื่องเพื่อปิดหน้าจอ โหมดคีย์บอร์ดสำหรับใช้งานมือเดียว และปุ่มช่วยสั่งงาน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกกรณีที่ใช้งานด้วยมือข้างเดียวนั่นเอง

s02

ต่อมาคือการชูในเรื่องของระบบเสียง Dolby Atmos ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตามโหมดที่ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม นอกจากนี้ ผู้ใช้ที่มีความรู้ในการตั้งเสียงยังสามารถเลือกเข้าไปปรับ Equalizer ให้ได้ตามที่ต้องการเพิ่มเข้าไปอีก

s03

ขณะที่ตัวหน้าจอหลัก สังเกตได้จากพื้นหลังจะมีการใช้ภาพลวดลายใกล้เคียงกับปลากัดเพื่อชูถึงรายละเอียดในการแสดงผลของหน้าจอ โดยรวมแล้วหน้าจอหลักจะมีไอค่อนลัด 5 ปุ่มที่แถบล่างสุดคือโทรศัพท์ กล้อง เรียกดูแอปทั้งหมด ข้อความ และเว็บเบราว์เซอร์ ในขณะที่ผู้ใช้สามารถนำวิตเจ็ตมาใส่หน้าจอได้ตามปกติ

เมื่อลากแถบแจ้งเตือนลงมา จะพบกับนาฬิกาบอกวัน เวลาที่มุมซ้ายบน มุมขวาบนแสดงสถานะแบต และทางลัดเข้าสู่การตั้งค่าหลัก โดยในหน้าจอนี้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับความสว่างหน้าจอ และตั้งค่าด่วนอย่างการเปิดปิด การใช้งานไวไฟ บลูทูธ โหมดเครื่องบิน หมุนหน้าจอ พิกัด สลับซิมการ์ด ดาต้า และโหมดใช้งานมือเดียวได้

ส่วนปุ่ม Recent Apps ที่ไว้ใช้สลับการใช้งานของแต่ละแอป ยังไม่มีการเพิ่มปุ่มเคลียแอปทั้งหมดเข้ามา ทำให้ถ้าต้องการปิดการใช้งานจำเป็นต้องเลื่อนไปทีละหน้าต่างแทน

s04

เข้ามาดูที่หน้ารวมแอปพลิเคชัน ก็จะเห็นแอปไว้ใช้งานทั่วๆไปมาครบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลข ปฏิทิน นาฬิกา อีเมล วิทยุ สแกนไวรัส เครื่องเล่นเพลง ที่อัดเสียง เมื่อรวมกับบริการต่างๆของกูเกิลเข้าไปไม่ว่าจะเป็น เว็บเบราว์เซอร์ จีเมล กูเกิลพลัส กูเกิลแฮงเอาท์ และยูทูป ก็ถือว่าพอกับการใช้งานเบื้องต้นแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการใส่แอปที่เป็นการแนะนำฟังก์ชันต่างๆของเครื่องเข้ามาด้วย เมื่อเปิดแล้วจะแสดงผลเป็นวิดีโอเคลื่อนไหว แนะนำการใช้งานฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Phab Plus

s05

เข้ามาถึงส่วนของการตั้งค่า รวมๆแล้วจะแบ่งออกเป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อ ตัวเครื่อง บุคคล และระบบ โดยที่น่าสนใจคือระบบการใช้งาน 2 ซิม ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกเปิดปิด การทำงานซิมได้ สลับการใช้งานโทรศัพท์ ข้อความ และซิมที่ต่อเน็ตได้ เพียงแต่เมื่อเลือกซิมหลักแล้ว อีกซิมจะเข้าสู่โหมดสแตนบาย 2G

s06

โหมดการใช้งานกล้องของ Phab Plus ยังถือว่าไม่ได้มีจุดเด่นที่ชัดเจน เหมือนในรุ่นอย่าง Vibe Shot กล่าวคือตัวอินเตอร์เฟสจะเน้นการใช้งานแบบอัตโนมัติเป็นหลัก สามารถปรับโหมดถ่ายภาพได้มาไอค่อนลัดที่มุมขวาบน หรือถ้าต้องการเข้าไปตั้งค่าอื่นๆก็จะมีให้เลือกอย่าง สมดุลแสงขาว ระบบกันสั่น โหมดหน้าสวย เสียงชัตเตอร์ ระบบตรวจจับใบหน้าเป็นต้น

s07

การใช้งานโทรศัพท์ ยังมาพร้อมระบบเดารายชื่อจากเลขหมายหรือชื่อที่พิมพ์ไป โดยสามารถตั้งได้ว่าจะให้ซิมใดใช้งานสำหรับโทรศัพท์เป็นหลัก เมือเข้าสู่หน้าจอสนทนาจะมีไอค่อนลัดสำหรับเปิดลำโพง ปิดเสียง เรียกปุ่มกด พักสาย เพิ่มสาย บันทึกเสียงได้ ส่วนหน้าจอสายเรียกเข้าจะให้เลื่อนปุ่มรับสาย ตัดสาย และส่งข้อความกลับ

s08

คีย์บอร์ดที่แถมมาให้กับตัวเครื่อง Phab Plus รองรับการใช้งานภาษาไทยอยู่แล้ว ทำการสลับภาษาด้วยการกดปุ่มลูกโลก สามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน ซึ่งด้วยขนาดหน้าจอแล้ว ทำให้ปุ่มกดที่ได้มีขนาดใหญ่ ง่ายต่อการพิมพ์

s09

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเว็บไซต์ จากตัวจอที่มีขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว แน่นอนว่าทำให้สามารถใช้ในกาใช้งานได้ดีขึ้น รวมถึงการรับชมคลิปวิดีโอ ดูยูทูปได้เต็มตามากยิ่งขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยความหนักของตัวเครื่อง กับความใหญ่ที่ทำให้ไม่สามารถถือใช้งานด้วยมือข้างเดียวเป็นเวลานานๆได้

s10

สุดท้ายแอปที่แถมมาให้สำหรับผู้ใช้งานเลอโนโว คือ Sync it เป็นแอปใช้สำรองข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ ขึ้นไปเก็บไว้บนระบบคลาวด์ หรือจะเลือกสำรองข้อมูลไว้ในเอสดีการ์ดก็ได้ ส่วน Share it เป็นแอปในการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องสมาร์ทโฟนด้วยกัน แต่ต้องทำการติดตั้งแอปไว้ทั้งคู่ ภายในตัวเครื่องยังมีวิทยุFM มาให้ใช้งานด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพ

s11

มาถึงส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Antutu 32 bit ได้คะแนน 32,498 คะแนน 64 bit 32,243 คะแนน และ Quadrant Standart 20,954 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน

s12

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากโครมเบราว์เซอร์ 2,083 คะแนน เว็บเบราว์เซอร์ได้ 1,578 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 1,014 คะแนน Multicore 1,488 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 645 Multi-Core 2,432 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 6 นาที 50 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 2,446 คะแนน

s13

ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 3,412 คะแนน 3D Mark ตัว Sling shot ES3.0 ได้ 101 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 7,609 คะแนน Ice Storm Extreme 5,346 คะแนน และ Ice Storm 8,810 คะแนน

ส่วน Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 4,570 คะแนน CPU 86,871 คะแนน Disk 24,001 คะแนน Memory 4,560 คะแนน 2D Graphics 3,103 คะแนน และ 3D Graphics 1,184 คะแนน

สรุป

IMG_0863

โดยรวมแล้วถ้าต้องการสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าปกติ เพื่อใช้งานทางด้านความบันเทิง Phab Plus ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระดับราคา 11,990 บาท เพราะถ้าเทียบในระดับราคาเดียวกันจะหาเครื่องที่มีขนาดหน้าจอใหญ่เท่านี้ และใช้วัสดุแบบเดียวก็ถือว่าหาได้ยาก

อย่างไรก็ตาม Phab Plus อาจจะไม่ใช่แฟ็บเล็ตที่พกพา หรือใช้งานโทรศัพท์ได้ง่ายนัก เพราะตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ทำให้การพกพาได้ลำบาก โดยเฉพาะผู้ชายที่นำเครื่องสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง แต่ถ้าปกติไลฟ์สไตล์จะถือใช้งาน หรือใส่กระเป๋าเป็นหลักก็ถือว่าแลกกับความสะดวกในการใช้งาน

อีกจุดที่น่าสนใจคือการที่เครื่องรองรับการเชื่อมต่อ 4G รวมถึงสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานแบบ 2 ซิม (ซิมที่ 2 ต้องใช้งานดีแทค เพราะเป็นรายเดียวที่ยังให้บริการ 2G อยู่ในปัจจุบัน) หรือใส่ไมโครเอสดีการ์ดแทน แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวเครื่องไม่ได้รองรับการใช้งาน NFC ด้วย

ข้อดี

แฟ็บเล็ตหน้าจอ 6.8 นิ้ว Full HD

รองรับการเชื่อมต่อ 4G

ใส่ฟีเจอร์สำหรับใช้งานมือเดียวมาให้ด้วย

การดีไซน์ และวัสดุ ดูน่าใช้งาน เมื่อเทียบกับราคา 11,990 บาท

ข้อสังเกต

ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ อาจจะไม่เหมาะกับการพกพา

คุณภาพกล้องยังไม่ดีเท่าที่ควร

ไม่รองรับ NFC

Gallery

]]>
Review: Lenovo VibeShot สมาร์ทโฟนเน้นกล้องราคาหมื่นต้น https://cyberbiz.mgronline.com/review-lenovo-vibeshot/ Thu, 24 Sep 2015 13:58:44 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=17935

558000010757503

น่าจะถือเป็นคลื่นลูกใหม่ของสมาร์ทโฟนเลอโนโวก็ได้ หลังจากเริ่มปล่อยหมัดเด็ดอย่าง Vibe Shot ออกมากระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟนในระดับหมื่นต้นๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เริ่มเรียกความนิยมจากกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นในช่วง 4-5 พันบาทมาแล้ว

จุดเด่นที่เลอโนโว ยังคงอยู่ก็คือการเน้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องในแง่ของสเปกให้เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาดแล้วถือว่าคุ้มค่ากับแต่ละช่วงราคามากที่สุด เช่นเดียวกับ Vibe Shot ที่อัดสเปกระดับหมื่นปลายๆ มาในราคา 11,900 บาท

โดย 3 จุดเด่นหลักของ Vibe Shot เลยคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล การที่มีไฟแฟลช 3 ดวง ช่วยเกลี่ยสีแฟลชให้ได้ภาพที่ธรรมชาติมากที่สุด และปุ่มสำหรับสลับโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติกับโหมดโปร

การออกแบบ

558000010757510

ต้องยอมรับว่า Vibe Shot ได้เปลี่ยนรูปแบบการดีไซน์ของสมาร์ทโฟนเลอโนโวออกไปจากรุ่นก่อนหน้า ที่พยายามทำตามไอโฟนอย่างจริงจังในรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ถือว่ายังมีกลิ่นอายอยู่เล็กๆด้วยการที่ใช้อะลูมิเนียมผสมกับกระจก ทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรง

โดยขนาดรอบตัวของ Vibe Shot จะอยู่ที่ 142 x 70 x 7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม ซึ่งโดยรวมแล้วงานประกอบทำได้แน่นหนา ให้ความรู้สึกถึงการเป็นสมาร์ทโฟนในระดับไฮเอนด์ เสริมความแข็งแรงด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 3 ทั้งหน้าและหลัง วางจำหน่ายด้วยกัน 3 สี คือ ดำ ขาว และ แดง เพียงแต่สีแดงจะขายผ่านลาซาด้าเท่านั้น

558000010757508

ด้านหน้า – ไล่จากส่วนบนจะมีช่องลำโพงสนทนา ที่มีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์วัดแสง ตรวจจับใบหน้าอยู่ ถัดลงมาเป็นจอ IPS LCD ทัชสกรีนขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 441 ppi ล่างหน้าจอเป็นปุ่มสัมผัสเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับตามลำดับ

558000010757509

ด้านหลัง – จะถูกออกแบบให้มีการเล่นสีตัดตรงบริเวณกล้องตัวเครื่อง โดยจะมียี่ห้อ และรุ่นอยู่ที่ส่วนล่าง และมีกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช 3 สี กับช่องอินฟาเรดในการตรวจจับโฟกัส พร้อมข้อความระบุลายละเอียดกล้องต่างๆ ตัวเครื่องไม่สามารถถอดฝาหลังได้ ภายในมีแบตเตอรีขนาด 3,000 mAh อยู่

558000010757516558000010757515

ด้านซ้าย – เป็นที่อยู่ของช่องใส่ถาดไมโครซิมการ์ด (รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม) และช่องถาดใส่ไมโครเอสดีการ์ด โดยจะมีเข็มจิ้มให้ภายในกล่อง ด้านขวา – จะมีทั้งปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ปุ่มปรับโหมดถ่ายภาพ และปุ่มชัตเตอร์กล้อง

558000010757517558000010757518

ด้านบน – มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และรูไมโครโฟนที่สอง กับแถบรับสัญญาณ ด้านล่าง – จะเป็นที่อยู่ของพอร์ตไมโครยูเอสบี โดยมีการเจาะช่องเป็นลำโพงอยู่รอบข้าง ถัดไปเป็นแถบรับสัญญาณ และที่น่าสนใจคือมีช่องสำหรับร้อยสายห้อยสมาร์ทโฟนให้ด้วย

สเปก

558000010757546

สำหรับสเปกภายในของ Vibe Shot จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 615 ที่เป็น Octa-Core โดยแบ่งเป็น Quad-Core 1.7 GHz กับ 1 GHz กราฟิกชิป Adreno 405 RAM 3 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอดย์ 5.1 (Lollipop)

ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด ที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 3G และ 4G สามารถใช้งานได้ทุกคลื่นความถี่ที่ให้บริการในประเทศไทย นอกจากนี้ยังรองรับ ไวไฟ มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n บลูทูธ 4.1 GPS วิทยุFM แต่ไม่มี NFC

ฟีเจอร์เด่น

558000010757525

จุดที่เด่นที่สุดของ Vibe Shot ที่ต้องนำมาพูดถึงคงหนีไม่พ้นเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ที่สเปกระบุว่าให้ความละเอียดมา 16 ล้านพิกเซล แต่จุดเด่นจริงๆแล้วคือการที่ผู้ใช้สามารถปรับโหมดใช้งานได้ด้วยตนเองว่า ต้องการใช้งานแบบ อัตโนมัติ (Auto) หรือแบบตั้งค่าเอง (Pro)

558000010757527

โดยเมื่อกดสลับเข้าโหมดโปรแล้ว ผู้ใช้จะสามารถใช้นิ้วลากปุ่มชัตเตอร์สีเหลืองบนหน้าจอมาทางซ้ายเพื่อเรียกแถบการตั้งค่า (คล้ายๆกับใน Lumia และ HTC) ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับสมดุลแสงขาว ระยะโฟกัส ค่าความไวแสง ความเร็วชัตเตอร์ (ปรับได้ตั้งแต่ 1/15 – 1 วินาที) และปรับชดเชยแสงได้

558000010757543

ตัวอย่างภาพสามารถดูได้ที่แกลอรี่ด้านล่าง

แต่ทั้งนี้ ที่น่าเสียดายคือในแง่ของการปรับความเร็วชัตเตอร์ ที่ไม่สามารถตั้งเป็นเวลานานกว่า 1 วินาทีได้ รวมถึงตั้งให้เร็วกว่า 1/15 ก็จะกลายเป็นแบบอัตโนมัติไปแทน ทำให้เรียกได้ว่าโหมดโปรที่ให้มายังไม่ค่อยสุดเท่าที่ควร

558000010757528

นอกเหนือไปจากนี้ ในโหมดโปร ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปเลือกรูปแบบการถ่ายภาพอย่าง พาโนราม่า สถานที่ตอนกลางคืน ถ่ายภาพชดเชยแสงแบบสีสัน ถ่ายภาพเบลอพื้นหลัง และถ่ายภาพเซลฟี่แบบมุมกว้างได้ด้วย

สลับกลับมาที่โหมดการถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ ภายในโหมดอัตโนมัติ ก็จะมีให้ผู้ใช้เลือกอีกทีว่า ต้องการเปิดโหมด Smart หรือไม่ ถ้าไม่เปิดก็จะเป็นการถ่ายภาพแบบปกติ แต่ถ้าเปิดเวลาจับภาพวัตถุตัวแอปก็จะทำการเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพอย่าง วิว บุคคล อาหารให้ตามอัตโนมัติ

อีกจุดเด่นหนึ่งของกล้องก็คือ การที่ใช้อินฟาเรตในการโฟกัสวัตถุ ทำให้สามารถโฟกัสภาพได้แม้อยู่ในที่มืด และที่สำคัญคือการทำให้ตัวกล้องโฟกัสภาพได้รวดเร็วขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการใช้งานแฟลชในที่มืด ก็จะทำให้ได้ภาพที่สมจริงมากขึ้นเช่นเดียวกัน

558000010757520

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปุ่มชัตเตอร์ที่แยกมาให้นั้น จะทำงานคล้ายกับขัตเตอร์กล้องถ่ายภาพเลย คือสามารถกดลงไปเพื่อโฟกัสภาพก่อนออกแรงลงไปอีกระดับเพื่อบันทึกภาพ โดยสามารถใช้ปุ่มดังกล่าวเข้าเมนูกล้องได้เช่นเดียวกัน

แต่ถ้าต้องการถ่ายภาพด่วนแม้ขณะที่ยังไม่ได้เปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นมา สามารถเข้าไปตั้งค่าให้กดปุ่ม เพิ่มหรือลดเสียง 2 ครั้งติดกันเพื่อจับภาพได้ ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ลัดที่เพิ่มเข้ามาให้

558000010757529

นอกจากนี้ ก็จะมีฟีเจอร์อย่างการ แตะที่หน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกจอขึ้นมา โหมดเลือกโปรไฟล์อัจฉริยะ ตามแต่ละช่วงเวลา ในการเข้าเปิด-ปิด ไวเลส เปลี่ยนโหมดการแจ้งเตือน และปุ่มลัดในการสั่งงานพิเศษ Wide Touch ในการเข้าถึงเมนูลัดต่างๆ จากปุ่มที่ลอยอยู่บนหน้าจอ

558000010757530

ฟังก์ชันเพื่อความปลอดภัยอย่าง Secure Zone ที่ผู้ใช้จะใช้การใส่รหัสล็อก เพื่อสลับการใช้งานระหว่างโหมดปกติ กับโหมดความปลอดภัย ที่สามารถเลือกได้ว่าจะให้เข้าถึงแอปพลิเคชันใดบ้าง รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลต่างๆภายในตัวเครื่องด้วย

รวมถึงฟีเจอร์พิเศษอย่างปุ่มลัดเพื่อสั่งงาน และเข้าแอปพลิเคชันก็สามารถเข้าไปเลือกใช้งานได้จากหน้าตั้งค่าเพิ่มเติม

558000010757526

กลับมาถึงหน้าตาในการใช้งานของ Vibe Shot หรือ Vibe UI ที่เรียกว่าออกแบบมาได้ใช้งานง่าย เนื่องจากไม่มีหน้ารวมเมนูแยกออกมา ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปทั้งหมดที่ดาวน์โหลด รวมถึงวิตเจ็ตได้จากหน้าแรกเลย ดังนั้นจึงสามารถจัดการโฟลเดอร์ ปรับขนาดวิตเจ็ตได้ตามต้องการ

เช่นเดียวกับแถบการแจ้งเตือน ที่นอกจากไว้ใช้แจ้งเตือนทั่วไปแล้ว ยังสามารถกดเข้าไปดูการแจ้งเตือนย้อนหลังได้ และลากลงมาอีกครั้งเพื่อเข้าสู่การตั้งค่าด่วน ที่ให้มาครบทั้งการเปิด-ปิด ไวไฟ ดาต้า บลูทูธ เสียง จีพีเอส การหมุนหน้าจอ โหมดประหยัดพลังงาน จับภาพหน้าจอ ไฟฉาย ปรับตวามสว่าง และโหมดลัดอื่นๆอีกแล้วแต่ผู้ใช้จะตั้ง

558000010757547

ขณะที่หน้าจอล็อกสกรีน นอกเหนือจากแสดงสถานะเครือข่ายที่เชื่อมต่อ วันที่ เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆแล้ว ก็จะมีไอคอนเรียกใช้งานโทรศัพท์ หรือ โหมดกล้องด่วน แต่ที่น่าสนใจคือกรณีที่กดปุ่มเปิดเครื่องขึ้นมา แล้วเซ็นเซอร์ตรวจจับพบว่ามีอะไรบังอยู่ (เหมือนพกอยู่ในกระเป๋าแล้วไปโดนปุ่มเปิดหน้าจอ) ตัวเครื่องจะมีโหมดป้องกันการปลดล็อกอีกชั้นหนึ่ง

โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปใน Theme Center เพื่อเลือกเปลี่ยนรูปแบบธีมให้ได้ตามที่ต้องการ การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง รูปแบบการล็อกหน้าจอ รวมถึงหน้าจอ Recent Apps ก็มีให้เลือกเปลี่ยนใช้งาน

558000010757531

สำหรับแอปพลิเคชันเฉพาะที่เลอโนโวให้มาก็จะมีพวก SHAREit ระบบส่งไฟล์รูปภาพ เพลง ไปยังอุปกรณ์อีกเครื่องที่ลงแอปเหมือนกัน SYNCit ระบบสำรองข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ และประวัติการโทร CLONEit ระบบย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่

ที่เหลือก็เป็นแอปทั่วไปที่ติดตั้งมาให้อย่างบริการจากทางกูเกิล แอปดูรูป ดูหนัง ฟังเพลง ตัวจัดการไฟล์ภายในตัวเครื่อง เครื่องคิดเลข เข็มทิศ เครื่องบันทึกเสียง วิทยุ โดยมีการพรีโหลดโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟซบุ๊ก สไกป์ และทวิตเตอร์มาให้ด้วย

558000010757532

ในแง่ของการใช้งานโหมดโทรศัพท์ กรณีที่ใช้งาน 2 ซิม ที่แถบสีเขียวด้านล่างก็จะมีปุ่มให้เลือก โดยมาพร้อมกับระบบคาดเดารายชื่อ หน้าจอขณะสนทนามีไอค่อนลัดให้เลือกอย่างการเพิ่มสาย พักสาย ปิดเสียง บันทึกเสียง ตามปกติ ส่วนหน้าจอสายเรียกเข้าใช้การสไลด์ปุ่มเพื่อรับ

558000010757533

คีย์บอร์ดที่ให้มาพร้อมใช้งานทั้งภาษาไทย และอังกฤษ โดยมีปุ่มสลับภาษามาให้ด้วย หรือสามารถกดค้างที่ปุ่มสเปซบาร์เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าคีย์บอร์ดเพื่อสลับภาษาก็ได้เช่นเดียวกัน ในแง่ของการใช้งานคีย์บอร์ดภาษาไทยอาจจะปุ่มเล็กไปหน่อยทำให้กดพิมพ์ค่อนข้างยาก

558000010757534

ตัวเว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มามีทั้ง Chome และ UC Browser โดยการแสดงผลในการใช้งานโดยรวมถือว่าผ่าน การใช้งานทำได้ลื่นไหลดี เช่นเดียวกับการแสดงผลทั้งแนวตั้งและแนวนอน ร่วมกับจอ

การใช้งานด้านมัลติมีเดียโดยรวมทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับชมวิดีโอ จากหน้าจอความละเอียดสูง การใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆทำได้ครบ ดังนั้นก็ถือว่าเป็นเครื่องที่ค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาอยู่แล้ว

ทดสอบประสิทธิภาพ

558000010757535

มาถึงส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 38,503 คะแนน และ 26,563 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 8 จุดพร้อมกัน

558000010757536

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 1,375 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 2,124 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 1,251 คะแนน Multicore 1,675 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 735 Multi-Core 2,620 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 5 ชั่วโมง 46 นาที 10 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 2,393 คะแนน

558000010757537

ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 3,808 คะแนน 3D Mark ตัว Sling shot ได้ 197 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 8,111 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream 5,583 คะแนน และ Ice Storm 9,414 คะแนน

ส่วน Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 4,503 คะแนน CPU 24,979 คะแนน Disk 32,028 คะแนน Memory 5,261 คะแนน 2D Graphics 2,902 คะแนน และ 3D Graphics 1,238

สรุป

ถ้ากำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 4G ในระดับหมื่นต้นๆ ต้องถือว่า Vibe Shot เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะด้วยประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ที่สำคัญคือได้ความโดดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพเพิ่มขึ้นมา

การใช้งานโดยรวมทั้งมัลติมีเดีย จากหน้าจอที่ให้ความละเอียด Full HD ทำให้การแสดงผลสามารถทำได้ดี การใช้งานแบตเตอรีต่อเนื่องสบายๆใน 1 วัน ที่สำคัญคือมาพร้อมกับแอนดรอยด์ 5.1 อยู่แล้ว ทำให้การตอบสนองทำได้ลื่นไหลเป็นอย่างดี

ข้อดี

– วัสดุทำจากอะลูมิเนียม และกระจกหน้า-หลัง
– กล้อง 16 ล้านพิกเซล พร้อมปุ่มสลับโหมดถ่ายภาพ และชัตเตอร์แยก
– ราคา 11,900 บาท กับสเปกระดับ OctaCore RAM 3 GB ROM 32 GB

ข้อสังเกต

– โหมดถ่ายภาพโปร เลือกตั้งเวลาชัตเตอร์ได้จำกัด และยังบันทึกเป็นไฟล์ RAW ไม่ได้

Gallery

]]>