LG – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Thu, 02 Nov 2017 09:48:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : LG G6 กลับมาลุยตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง จาก 3 จุดเด่นจอ กล้อง และเสียง https://cyberbiz.mgronline.com/review-lg-g6/ Mon, 09 Oct 2017 03:22:39 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=27372

การกลับมาทำตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้งของแอลจี ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีของผู้บริโภคในประเทศไทยอีกครั้ง ที่จะได้มีตัวเลือกในตลาดสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีจุดที่น่าเสียใจคือแอลจี เลือกนำรุ่นอย่าง LG G6 ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีเข้ามาทำตลาด ก่อนที่จะนำแฟลกชิปในครึ่งปีหลังอย่าง LG V30 ตามเข้ามา

ถ้ามองที่จุดเด่นของ LG G6 หลักๆแล้วจะมีด้วยกัน 3 ส่วนคือเรื่องของหน้าจอที่เป็นแบบ Full Vision 18:9 ถัดมาคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่เป็น Dual Camera ตามสมัยนิยม แต่แอลจีเลือกที่จะแตกต่างด้วยการนำเลนส์มุมกว้างมาให้ใช้ และสุดท้ายคือ เรื่องของระบบเสียงที่รองรับ Hi-Fi ให้ใช้งาน

การออกแบบ

เมื่อสัดส่วนของจอสมาร์ทโฟนเปลี่ยนเป็น 18:9 จากการที่ LG เลือกใข้จอ FullVision ทำให้รูปทรงของ G6 จะดูยาวขึ้น ประกอบกับการที่เลือกใช้ตัวเครื่องเป็นโลหะสีเงิน ทำให้เครื่องดูแข็งแรง จับถือถนัดมือ ด้วยขนาดตัวเครื่อง 148.9 x 71.9 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 163 กรัม

ด้านหน้าที่เป็นจุดเด่นหลักของ LG G6 คือการเลือกใช้จอ FullVision 18:9 ที่เป็นจอแบบ IPS ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (2880 x 1440 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 564ppi ทำให้การแสดงผลจะคมชัดเป็นพิเศษ

โดยจะมีช่องลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ที่ขอบบน ส่วนขอบล่างจะมีเพียงสัญลักษณ์ของ LG เท่านั้น เพราะปุ่มควบคุมต่างๆถูกรวมไปอยู่บนจอเรียบร้อยแล้ว โดยในจุดนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับแต่งได้ด้วย

ด้านหลัง – LG ยังยึดแนวคิดในการนำปุ่มเปิดปิดเครื่องมาไว้ที่หลังเครื่อง เพื่อให้สะดวกเวลาหยิบเครื่องขึ้นมาจะสามารถใช้นิ้วชี้กดเพื่อเปิดได้ทันที และยังเป็นจุดสำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย ถัดขึ้นไปจะเป็นกล้องคู่หลัก 13 ล้านพิกเซล ที่คั้นกลางด้วยไฟแฟลช

ที่เหลือก็จะมีสัญลักษณ์ Hi-Fi ที่มุมซ้ายบน และ G6 ที่ด้านล่าง พร้อมสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานต่างๆ ภายในจะมีแบตเตอรีขนาด 3,300 mAh อยู่ โดยฝาหลังตัวเครื่องตรงขอบจะมีความโค้งเล็กน้อยเพื่อให้จับถือได้ถนัดมือ เข้ากับขอบตัวเครื่อง

ด้านบนหลักๆเลยคือเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ที่มีลายเสาอากาศอยู่ และไมค์ตัดเสียง ด้านล่างนอกจากไมค์หลักแล้ว ก็จะมีพอร์ต USB-C และลำโพงอยู่

ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวาจะมีถาดซิมการ์ดที่ต้องใช้เข็มจิ้มออกมา (ในกล่องมีมาให้) โดยจะเป็นแบบ 2 ซิม ที่ให้เลือกว่าจะใส่ซิมหลัก + ไมโครเอสดีการ์ด หรือใส่นาโนซิมการ์ดทั้ง 2 ช่อง

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะมีตัวเครื่อง อะเดปเตอร์ชาร์จ สาย USB-C ผ้าเช็ดหน้าจอ เข็มจิ้มถาดซิม และหูฟังแบบ In-Ear ที่รองรับระบบเสียงแบบ Hi-Fi ด้วย

สเปก

สำหรับสเปกภายในของ LG G6 จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 ที่เป็น Octa-Core 64 บิต RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 32 GB (ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ 256 GB) ทำงานบนระบบปฏิบัติการ แอนดรอดย์ 7.0 (Nougat)

ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G และ 4G ที่รองรับความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 600 Mbps / 150 Mbps ส่วน Wi-Fi รองรับ 802.11ac บลูทูธ 4.2 มีวิทยุFM GPS มาให้ครบ นอกจากนี้ยังมากับระบบชาร์จเร็ว และชาร์จไร้สายด้วย

ฟีเจอร์เด่น

อย่างที่บอกไปว่า 3 จุดเด่นหลักของ G6 คือเรื่องของหน้าจอ กล้อง และเสียง ในส่วนของหน้าจอ แอลจีที่ถือเป็นผู้ผลิตจอภาพที่มีเทคโนโลยีของตัวเองอยู่แล้ว ถือว่าค่อนข้างได้เปรียบในส่วนนี้ ทำให้การแสดงผลของ LG G6 ให้สีสันที่สมจริง แถมยังเป็นจอแบบ IPS ด้วยทำให้ มุมมองในการใช้งานได้กว้างขึ้น

โดยในส่วนของอินเตอร์เฟสที่ใช้จะเป็น LG UX 6.0 UI ที่มีการพัฒนาขึ้นมาให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น และยังมีฟีเจอร์อย่าง Knock On ในการแตะหน้าจอเพื่อปลุกขึ้นมา ทำให้ไม่ต้องหยิบเครื่องเพื่อกดปุ่มเปิดหลังเครื่องเหมือนเช่นเดิม

แถบ Notification ถูกออกแบบมาให้เน้นความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับความสว่างหน้าจอได้ทันที หรือเลือกเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ รวมถึงการเปิดปิดระบบเสียง Hi-Fi Quad DAC ระบบประหยัดพลัง เปิดโหมดถนอมสายตา (ตัดแสงสีฟ้า)

รวมถึง Capture+ ที่เป็นฟีเจอร์ในการจับภาพหน้าจอ สามารถเลือกได้ทั้งหน้าจอ หรือเลือกเฉพาะส่วน จากนั้นสามารถเลือกรูปแบบปากกามาเขียนคอมเมนต์งาน พร้อมแชร์ต่อไปยังโซเขียลเน็ตเวิร์กได้ทันที หรือจะเซฟส่งทางอีเมลก็ได้

ส่วนในหน้ารวมแอปฯ นอกจากใช้ในการแสดงผลแอปที่อยู่ในเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้คำสั่ง Serch ในการค้นหาข้อมูลภายในเครื่องได้ โดยจะมีการ์ดแจ้งเตือนข้อมูลผู้ติดต่อ หรืออีเมลสำคัญๆขึ้นมาแสดงผลด้วย ส่วนอีกแถบก็จะเป็นวิตเจ็ตต่างๆให้เลือกใช้ตามปกติ

จุดเด่นที่ 2 คือเรื่องของกล้องคู่ ที่แอลจีเลือกใช้เป็นกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/1.8 ที่เป็นเลนส์มุมปกติ (องศากว้างประมาณ 71 องศา) คู่กับกล้องเลนส์มุมกว้าง 125 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกัน แต่รูรับแสงจะแคบลงเป็น f/2.8 ทำให้ไม่เหมาะกับการถ่ายมุมกว้างในที่แสงน้อยเท่าไหร่

ตัวอย่างรูปในมุมปกติ เทียบกับมุมกว้าง

หน้าจอกล้องถ่ายภาพหลักจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ไล่จากแถบซ้าย เป็นปุ่มควบคุมต่างๆอย่างการเลือกโหมดถ่ายภาพ เปิดแฟลช สลับกล้องหน้าหลัง เลือกเอฟเฟกต์ และเข้าไปตั้งค่ากล้อง ขณะที่ฝั่งขวา จะมีปุ่มชัตเตอร์ ปุ่มบันทึกวิดีโอ อัลบั้มภาพ และย้อนกลับ

ที่น่าสนใจคือส่วนของตรงกลาง ถ้าเป็นในโหมดอัตโนมัติผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่า ต้องการถ่ายภาพแบบมุมปกติ หรือมุมกว้าง จากสัญลักษณ์รูปต้นไม้ (ต้นเดียว กับหลายต้น) แต่ถ้าปรับมาใช้งานโหมดถ่ายภาพแบบ Manual หรือปรับเอง ก็จะมีคำสั่งอื่นๆขึ้นมาให้เลือก ทั้งอุณหภูมิแสง ระยะโฟกัส ISO ความเร็วชัตเตอร์ และโหมดวัดแสงให้เลือก

ขณะที่การเลือกถ่ายเอฟเฟกต์ภาพต่างๆก็จะแสดงผลขึ้นมาเป็นแบบ 9 ช่องให้เลือก หรือจะเลือกใช้งานโหมดถ่ายภาพอื่นๆอย่าง Popout ที่จะทำเหมือนใส่กรอบให้ภาพจากการถ่าย 2 กล้องพร้อมกัน หรือโหมดถ่ายภาพอื่นๆทั้งคลิปเคลื่อนไหว พาโนราม่า สโลว์โมชัน โหมดถ่ายภาพอาหารเป็นต้น

ส่วนการตั้งค่ากล้องก็จะมีให้เลือกทั้งความละเอียดภาพนิ่ง ความละเอียดวิดีโอ การเปิดใช้งานโหมด HDR ตั้งเวลาถ่ายภาพ ใช้โหมดถ่ายภาพจากคำสั่งเสียง การโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหว การป้องกันภาพสั่นไหว แจ้งเตือนเมื่อเลนส์กล้องถูกบัง บันทึกพิกัดถ่ายภาพต่างๆ

สุดท้ายคือเรื่องของระบบเสียงที่แอลจีระบุมาว่า รองรับ Hi-Fi Quad DAC ที่รองรับการเล่นไฟล์เพลงคุณภาพสูงระดับ 32-bit/192kHz เมื่อใช้คู่กับหูฟังที่รองรับระบบเสียง Hi-Res หรือแม้แต่หูที่แถมมาให้ในกล่อง เทียบกับหูฟังทั่วๆไป ถือว่าให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ไม่รับรวมกับโหมดการบันทึกเสียงแบบ HD ที่มีมาให้ใช้งานด้วย

ขณะที่ในส่วนของการตั้งค่า LG จะแบ่งการตั้งค่าออกเป็น 4 ส่วนด้วยกันคือ การเชื่อมต่อ เสียงและการแจ้งเตือน การแสดงผล และการตั้งค่าทั่วไป ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตั้งค่าต่างๆได้สะดวกมากขึ้น มีการอธิบายรายละเอียดชัดเจน

โดยในส่วนที่น่าสนใจคือเรื่องของการที่ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม ซึ่งปกติเวลาใช้งานโทร ซิมใดอยู่ ถ้ามีสายเข้าอีกซิมจะไม่สามารถรับสายได้ แต่ใน G6 จะมีระบบอย่าง Smart Forward ในการใช้ระบบโอนสายของผู้ให้บริการเครือข่าย โอนสายโทรเข้ามายังเบอร์ที่ใช้งานอยู่แบบอัตโนมัติ

ต่อมาในส่วนของการแสดงผลใน G6 จะมีโหมดอย่าง Comfort View มาให้ในการลดแสงสีฟ้า ที่ผู้ใช้สามารถเลือกระดับการตัดแสงได้เอง หรือจะเลือกใช้งานโหมดขาวดำแทนก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์อย่าง Always-on display ในการแสดงผลเวลา การแจ้งเตือนขณะที่ปิดหน้าจออยู่

ในแง่ของความฉลาดตัวเครื่องจะมาพร้อมกับโหมดอย่าง Smart Doctor ไว้ใช้ในการเคลีย RAM หรือกรณีที่มีไฟล์ขยะในระบบก็สามารถล้างเพื่อให้ตัวเครื่องทำงานได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงฟีเจอร์อย่างการประหยัดพลังงานที่จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานในกรณีที่แบตใกล้หมดในเวลาฉุกเฉิน

รวมถึงฟีเจอร์อย่าง Smart Setting ที่ใช้ความอัจฉริยะของแอนดรอดย์ ในการตั้งค่าพื้นฐานของเครื่อง อย่างเช่นถ้าอยู่บ้าน (ระบุจาก GPS) ตัวเครื่องจะเปิด Wi-Fi บลูทูธ อัตโนมัติ เมื่อออกจากบ้านก็มีการตั้งโปรไฟล์เสียงใหม่ หรือเมื่อมีการเชื่อมต่อกับหูฟังจะตั้งให้เปิดแอปเล่นเพลงอัตโนมัติ เมื่อมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมผ่านบลูทูธให้สั่งเปิดแอปก็ได้

สำหรับในแง่ของการใช้งาน LG G6 ยังเลือกใช้ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ที่อยู่หลังเครื่องเช่นเดิม และเพิ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไป โดยปุ่มนี้ยังสามารถใช้ในการรีสตาร์ตเครื่องได้ด้วยการกดปุ่มเปิดเครื่อง พร้อมปุ่มลดเสียงค้างไว้ด้วย ส่วนแถบการสั่งงานก็สามารถเข้าไปเลือกใส่ปุ่มลัดอย่าง Capture+ หรือ QSlide เพิ่มหรือจะนำออกก็ได้

ทดสอบประสิทธิภาพ

Antutu Benchmark = 146,819 คะแนน
Quadrant Standard = 35,418
Multi-Touch = 10 จุด

Geekbench 4
Single-Core = 1,787คะแนน
Multi-Core = 4,161 คะแนน
Compute = 7,220 คะแนน

PassMark PerformanceTest
System = 8,158 คะแนน
CPU Tests = 153,191 คะแนน
Memory Tests = 5,767 คะแนน
Disk Tests = 48,134 คะแนน
2D Graphics Tests = 4,895 คะแนน
3D Graphics Tests = 2,492 คะแนน

3D Mark

Sling Shot Extreme Unlimited = 2,104 คะแนน
Sling Shot Unlimited = 2,647 คะแนน
Sling Shot Extreme = 3,404 คะแนน
Sling Shot = 2,660 คะแนน
Ice Storm Extreme = 14,200 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 30,880 คะแนน
Ice Storm = 14,239 คะแนน

PC Mark

Work 2.0 = 5,230 คะแนน
Computer Vision = 3,016 คะแนน
Storage = 4,119 คะแนน
Work = 6,321 คะแนน

ส่วนการทดสอบแบตเตอรีจาก PC Mark สามารถใช้งานได้ 7 ชั่วโมง 20 นาที จะเหลือแบตเตอรีประมาณ 20% ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็นการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ได้เล่นมือถือหนักๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันสบายๆ

สรุป

รวมๆแล้ว LG G6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่น่าสนใจ จากความสามารถโดยรวม และการชูในเรื่องของกล้องมุมกว้าง ถ้าไม่นับเรื่องการตั้งราคาจำหน่ายของเครื่อง ที่เลือกใช้โปรโมชันกระตุ้นการขายอย่างเมื่อซื้อ LG G6 ในราคา 25,990 บาท จะได้รับทีวี LG 42” มูลค่าเกือบ 13,000 บาทไปด้วย

ในมุมกลับกันถ้า LG เลือกปรับระดับราคาลงมาเหลือราว 2 หมื่นบาท หรือต่ำกว่า ก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกับแฟลกชิปที่ออกในช่วงต้นปีของ LG ก่อนนำ LG V30 เข้ามาทำตลาดในช่วงปลายปีเพื่อจับกลุ่มที่อยากได้นวัตกรรมเพิ่มเติมแทน

ข้อดี

– ตัวเครื่องมากับจอในสัดส่วน 18:9 ในดีไซน์ที่แข็งแรง
– กล้องหลังคู่มุมกว้าง ทำให้ได้มุมมองที่แปลกตา
– กันน้ำ กันฝุ่นมาตรฐาน IP68
– ระบบเสียง Hi-Fi QuadDAC ที่ให้มาในเครื่อง

ข้อสังเกต

– หน่วยประมวลผลที่ใช้ (Snapdragon 821) เป็นรุ่นของปีที่แล้ว
– ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูง (24,990 บาท) แต่เลือกแถมทีวีมูลค่า 13,990 บาทแทน

Gallery

]]>
Review : LG G5 SE แฟลกชิปสุดแนว แหวกกระแสไฮเอนด์ https://cyberbiz.mgronline.com/review-lg-g5se/ Thu, 02 Jun 2016 08:33:34 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=22724

IMG_5089

แม้ LG ประเทศไทยจะตัดสินใจพักการทำตลาดสมาร์ทโฟนในบ้านเราชั่วคราว แต่กระแสความร้อนแรงของแฟลกชิป LG G-Series ก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จนในที่สุด LG ประเทศไทยต้องจับมือกับ TG Fone นำ LG G5 แต่เป็นรุ่นย่อย SE เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเริ่มเปิดให้สั่งจองแล้วในงาน Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End ที่ผ่านมา

LG G5 SE ถือเป็นแฟลกชิปตัวรองจาก G5 ที่ถูกปรับลดสเปกในส่วนของหน่วยประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 820 Quad-Core เป็น Snapdragon 652 Octa-Core พร้อมลดขนาดแรมจาก 4GB เหลือ 3GB นอกนั้นสเปกและฟีเจอร์เด่นทุกส่วนจะมีเหมือนกันทั้งหมด

การออกแบบ

IMG_5072

ด้านการออกแบบ LG G5 และ G5 SE จะถูกปรับเปลี่ยนแนวคิดจาก G4 ที่เน้นความหรูหราด้วยฝาหลังแบบหนัง เป็นแนวเมทัลลิค เน้นความเป็นวัยรุ่นสุดแหวกแนวพร้อมสโลแกนสุดเก๋เอาใจเด็กแนว “Life’s good when you play more”

โดยขนาดตัวเครื่อง LG G5 SE จะอยู่ที่ 149.4×73.9 มิลลิเมตร หนา 7.3 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 156 กรัม (เบากว่าพี่ใหญ่ G5 แค่ 3 กรัม)

ในส่วนหน้าจอแสดงผลเป็น IPS Quantum Display ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 1,440 x 2,560 (2K) พิกเซล

IMG_5104

IMG_5099

กล้องหน้าครั้งนี้ LG จัดความละเอียดมาให้มากถึง 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f2.0 รองรับถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที และถ้าสังเกตให้ดีขอบจอด้านบนจะมีความโค้งเล็กน้อย

IMG_5074

IMG_5087

มาดูด้านหลังเครื่อง หลักๆจะเป็นที่อยู่ของกล้องถ่ายภาพหลัง 2 ตัว ทำงานแยกกันและให้ระยะภาพแตกต่างกันดังนี้

wide-g5se

กล้องตัวแรกจะให้มุมมองกว้างมาตรฐาน (Standard Angle 78 องศา) หรืออธิบายง่ายๆก็คือมุมกว้างปกติเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยสเปกกล้องตัวแรกจะให้ความละเอียดภาพสูงสุด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f1.8

กล้องตัวที่สองจะให้มุมมองกว้างพิเศษ (Wide Angle 135 องศา) โดยสเปกกล้องตัวที่สองจะถูกลดความละเอียดภาพเหลือ 8 ล้านพิกเซล และรูรับแสงถูกปรับเป็น f2.4

ในส่วนระบบออโต้โฟกัส LG เลือกใช้เทคโนโลยี Laser Autofocus เหมือนรุ่นก่อนหน้าพร้อม Color Spectrum Sensor (เซ็นเซอร์ตรวจจับสี), ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS 3 แกน, รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K
และมีไฟแฟลช LED

ถัดลงมาจากเดิมจะเป็น Rear Keys แต่ใน G5 และ G5 SE ทาง LG ได้ตัดออกไปเหลือเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ(ดีไซน์เหมือน Nexus 5X)

IMG_5075

IMG_5126

ขอบเครื่อง – เริ่มจากด้านขวามือจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ โมเดล H845 จะรองรับ Dual Nano Sim, Dual Standby โดยช่องใส่ซิม 2 จะแชร์กับช่องใส่ MicroSD Card (รองรับความจุสูงสุด 200GB) ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง

IMG_5077

ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และด้านล่างจะเป็นปุ่มเปิดช่องใส่แบตเตอรี

IMG_5113

IMG_5123

โดยการออกแบบลักษณะนี้ทาง LG เรียกว่า “Modular Type” เพราะนอกจากแบตเตอรีที่สามารถถอดเปลี่ยนหรือนำแบตเตอรีสำรองมาเสียบใช้งานได้แล้ว ผู้ใช้ยังหาซื้ออุปกรณ์เสริม (LG Freinds) เช่น โมดูลกล้องถ่ายภาพหรือโมดูล Hi-Fi Plus ที่มาพร้อมชิปประมวลผลเสียง Hi-Fi 32 bit + AMP เพื่อนักฟังเพลง Lossless มาประกอบกับแบตเตอรีใส่ในช่องนี้ได้

IMG_5078

IMG_5079

ขอบเครื่องด้านบนและล่าง – จะเป็นที่อยู่ของช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster, ช่องไมโครโฟนตัวที่สอง ส่วนด้านล่างตรงกลางจะเป็นพอร์ต USB-C ด้านซ้ายเป็นช่องลำโพง ด้านขวาเป็นไมโครโฟนตัวหลักสำหรับรับเสียงสนทนาโทรศัพท์

IMG_5110

fast-charge-g5se

และสำหรับแฟน LG ที่บ่นเรื่องอะแดปเตอร์ชาร์จไฟของ G4 ว่าชาร์จไฟเข้าช้าเพราะเป็นมาตรฐานเก่า ใน G5 และ  G5 SE ทาง LG ได้ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบ Fast Charge 9V 1.8A มาให้เหมือนคู่แข่งแล้ว (รองรับ Quick Charge 3.0)

สเปก

spec-g5se

LG G5 SE ใช้หน่วยประมวลผล (ซีพียู) 64 บิต Qualcomm Snapdragon 652 Octa-Core แบ่งความเร็ว 4 คอร์แรกความเร็ว 1.8GHz ส่วน 4 คอร์หลังความเร็ว 1.2GHz ประกบกราฟฟิกชิป Adreno 510 พร้อมแรม 3GB เหลือให้ใช้จริงประมาณ 1.5-1.8GB ส่วนความจุเครื่อง 32GB เหลือใช้จริงประมาณ 23GB แบตเตอรี 2,800mAh ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0.1 (Marshmallow)

ด้านสเปกเชื่อมต่อเครือข่าย LG G5 SE รองรับการเชื่อมต่อ 3G/4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย, WiFi 802.11 a/b/g/n/ac รองรับ Miracast, GPS รองรับ A-GPS, GLONASS, บลูทูธ 4.2 และมีภาครับสัญญาณวิทยุ FM

location-g5se

นอกจากนั้น LG G5 และ G5 SE ยังรองรับเทคโนโลยี Qualcomm IZat หรือระบบนำทางที่มีความละเอียดสูงกว่า GPS ทั่วไป (เนื่องจากนำ GPS มาทำงานร่วมกับสัญญาณ WiFi และสัญญาณโทรศัพท์) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้นำทางเมื่ออยู่ภายในอาคาร เช่น หาตู้เอทีเอ็ม หาคน หาทางเข้าสนามบิน เป็นต้น – รองรับในอนาคต

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์เด่น

home-g5se

home2-g5se

LG G5 และ G5 SE ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0.1 (Marshmallow) ครอบทับด้วย UX 5.0 รุ่นปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่ให้ทำงานลื่นไหลและบริโภคแรมน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก พร้อมปรับดีไซน์โฮมสกรีนให้โฉบเฉี่ยวมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น แอปฯติดมากับเครื่องถูกปรับให้ลดน้อยลงเหลือเฉพาะที่ LG เห็นว่าผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ เช่น Facebook, Instagram, Evernote เป็นต้น

others-g5se-1

others-g5se-2

quick-note-g5se

ในส่วนหน้าตา UI และรูปแบบการใช้งานแอปฯของทาง LG ส่วนใหญ่จะคล้ายของเดิม โดยในส่วนแอปฯที่เป็นไฮไลท์ได้แก่ Google Drive โดยผู้ใช้ที่ซื้อเครื่องมาใช้งานครั้งแรกควรล็อกอินเข้าใช้งานก่อน เพราะจะได้พื้นที่คลาวด์ฟรีจำนวน 100GB เป็นเวลา 2 ปี และแอปฯ LG Friends Manager สำหรับใช้จัดการการทำงานของอุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์ LG Friends เช่น กล้อง 360 องศา, โมดูลเสริม, Wireless Stereo Headset หรือแว่น 360 VR เป็นต้น

IMG_5065

Always-On Display – หน้าจอสมาร์ทโฟนสามารถติดตลอดเวลาบนพื้นหลังสีดำ เพื่อแสดงเวลา แจ้งเตือนต่างๆ  รวมถึงยังรองรับระบบ Knock on เหมือนรุ่นที่ผ่านมา พร้อม Daylight mode ช่วยเพิ่มแสงหน้าจอเมื่อใช้งานกลางแดดจัด

lg-health-g5se

LG Health – แอปฯเด่นดังสำหรับคนรักสุขภาพบนสมาร์ทโฟนของ LG ก็ถูกอัปเดตทั้งหน้าตาและฟังก์ชันใช้งานใหม่หมด โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ระบบ Challenges ท้าทายการออกกำลังในแต่ละวันของเรา ระบบ Tracker สำหรับติดตามตรวจจับการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น

security-g5se

High Security – นอกจากสแกนลายนิ้วมือแล้ว LG G5 และ G5 SE ยังสามารถเปิดใช้ระบบรักษาความปลอดภัย Knock code (เคาะหน้าจอเป็นจังหวะแทนการตั้งรหัส) ร่วมกับระบบสแกนลายนิ้วมือพร้อมกันได้ด้วย

gallery-g5se

Gallery – นอกจากใช้เป็นศูนย์กลางในการเก็บภาพและวิดีโอได้แล้ว ตัวแอปฯยังรองรับระบบตกแต่งภาพทั้งปรับสี รวมภาพ (Make Collage) ไปถึงสามารถตัดต่อหัวท้ายวิดีโอ ใส่เอ็ฟเฟ็กต์ ธีมต่างๆได้ด้วย

settings-g5se

Settings – จะคล้ายเดิมคือ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Navigation Buttons ได้ตามต้องการ รวมถึงมีระบบเคลียร์แคช-แรม (Smart Cleaning) และสามารถระบุเสียงริงโทนสำหรับซิม 1 และ 2 แยกกันได้

via GIPHY

360 องศา – เพื่อให้สอดคล้องกับยุควิดีโอ 360 องศาและการมาของอุปกรณ์ถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ LG 360 Cam ใน LG G5 และ G5 SE จะรองรับการเล่นวิดีโอและภาพถ่ายแบบ 360 องศาอย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงสามารถตั้งภาพพื้นหลังแบบ 360 องศาได้ด้วย

ฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพ

camera-g5se

camera2-g5se

มาดู UI กล้องถ่ายภาพ จะยังคงเป็นตามแนวทางเดิม คือ เน้นใช้ง่าย มี Manual Mode ปรับแต่งได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย พร้อมสิ่งที่เพิ่มเติมมาคือปุ่มไอคอนสลับเปิดใช้เลนส์ทั้งสองตัว โดยปุ่มแรกรูปต้นไม้ต้นเดียวคือใช้ระยะเลนส์ Standard Angle ปุ่มที่สองรูปต้นไม้สามต้นคือใช้ระยะ Wide Angle หรือถ้าสะดวกจะใช้นิ้วจิ้มซูมเข้าออกที่หน้าจอก็สามารถทำได้เช่นกัน

camera-mode-g5se

ในส่วนโหมดถ่ายภาพพิเศษมีดังต่อไปนี้

Panorama – พาโนรามา
Snap video – ถ่ายคลิปวิดีโอขนาดสั้น 60 วินาที
Multi-view – ถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอหลายหน้าต่างในเฟรมเดียวกัน เช่น หน้าต่างแรกใช้กล้องหลังถ่ายวิว หน้าต่างที่สองใช้กล้องหน้าถ่ายเซลฟีตัวเรากำลังอธิบายสถานที่อยู่ เป็นต้น
Popout – เอ็ฟเฟ็กต์ทำให้ภาพถ่ายโดดเด่นขึ้น
Timelapse – ไทม์แลป (เร่งเวลา)
Slomo – สโลโมชัน

selfie-flash-g5se

สุดท้ายกับฟีเจอร์กระแสนิยม Selfie Light เอาใจคนชอบถ่ายเซลฟีด้วยไฟแฟลชสำหรับกล้องหน้า โดยหลักการทำงานคือ ระบบจะเพิ่มแสงสว่างหน้าจอให้สุด และเมื่อกดชัตเตอร์หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมเหลืองยิงไปที่หน้าของเราแบบเดียวกับไฟแฟลช LED

ทดสอบประสิทธิภาพ

antutu-g5se

เริ่มจาก AnTuTu ก่อน จะเห็นว่า LG G5 SE ทำคะแนนได้ 76,509 คะแนน (คะแนนประมาณไฮเอนด์ของปีที่แล้ว) ต่างจาก G5 รุ่นใหญ่ Snapdragon 820 ที่ได้คะแนนแตะระดับ 130,000 คะแนน เรียกได้ว่าต่างกันเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

benchmark-g5se

แน่นอนด้วยคะแนนที่ห่างกันค่อนข้างมาก หลายคนที่กำลังสนใจ G5 และต้องการเครื่องศูนย์ก็คงหนีไม่พ้น G5 SE (เพราะ LG และ TG Fone นำเข้ามาขายเพียงรุ่นย่อยเดียว) ทำให้หลายคนเกิดคำถามในใจว่าสเปกระดับนี้จะคุ้มค่ากับเงินสองหมื่นกว่าบาทที่จ่ายไปหรือไม่

ทีมงานจึงพยายามหาข้อพิสูจน์ด้วยการนำไปใช้งานจริงนานกว่า 2 สัปดาห์ด้วยกัน โดยพยายามตั้งค่าเครื่องและติดตั้งใช้งานแอปฯให้เหมือนกับเป็นเครื่องส่วนตัว และทีมงานก็พบคำตอบว่า

game-g5se

“ภาพรวมทั้งหมดสำหรับการใช้งานปกติทั่วไป (เข้าเว็บ แชทไลน์ ถ่ายภาพ เล่นเกม ตอบอีเมล์) ถือว่า LG G5 SE ให้การตอบสนองที่ลื่นไหลดี และไม่พบอาการช้าหน่วง แรมหมด แอปฯเด้งเลย Snapdragon 652 ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานปกติทั่วไปของคนส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้นคุณจะเป็นสายฮาร์ดคอร์ชอบเล่นเกมกราฟิกสูงๆหรือเป็นพวกชอบตกแต่งไฟล์ภาพแบบ RAW ตลอดเวลา แน่นอนว่า G5 SE แค่ตอบสนองช้ากว่า G5 เท่านั้น แต่การใช้งานทุกอย่างสามารถทำได้ไม่ต่างจากรุ่นใหญ่เลย”

battery-g5se

ในส่วนแบตเตอรีสามารถทำเวลาใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 54 นาที 10 วินาที เมื่อคิดเป็นเวลาใช้งานทั่วไปจะอยู่ประมาณ 13-15 ชั่วโมง นับว่าครั้งนี้ LG จัดการพลังงานได้ดีกว่าครั้งสมัย G4 ค่อนข้างมาก

ทดสอบกล้องถ่ายภาพ

20160519_125624

20160527_112808

ภาพจากกล้องหลังตัวแรก Standard Angle

20160521_150744_HDR

20160519_131206

20160527_075537

ภาพจากกล้องหลังตัวที่สอง Wide Angle

20160530_231153

20160520_124113

ทดสอบถ่ายภาพกลางคืนและแฟร์เมื่อถ่ายย้อนแสง

20160530_170847

ภาพจากกล้องหน้า

มาถึงเรื่องกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากกล้องมุมกว้างพิเศษที่กว้างมากจนเหมือน Action Cam ซึ่งถือว่าให้มุมภาพแปลกใหม่ดีและน่าจะโดนใจคนชอบถ่ายวิวทิวทัศน์พอสมควร แต่ทั้งนี้เรื่องคุณภาพยังถือว่าพอใช้เท่านั้น เพราะด้วยมุมมองที่กว้างและการออกแบบชิ้นเลนส์ที่ถูกจำกัดด้วยขนาดตัวสมาร์ทโฟน ทำให้ขอบภาพจะเกิดความโค้งที่มากกว่าปกติค่อนข้างมาก แถม LG ก็ไม่ใส่ซอฟต์แวร์จัดการความโค้งสุดแสนบิดเบี้ยวมาให้เหมือนพวก Action Cam ด้วย

ส่วนกล้องมุมมองกว้างปกติ อันนี้ไม่ต่างจาก LG G4 แต่อย่างใด ยกเว้นโค้ดหน้าเลนส์ เหมือนใน G5 และ G5 SE จะโค้ดดีขึ้น เพราะเวลาทดสอบถ่ายย้อนแสงแฟร์ที่เกิดขึ้นมีน้อยกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นน่าประทับใจเมื่อเทียบกับไฮเอนด์คู่แข่งหลายเจ้าในปีนี้

สุดท้ายสรุปภาพรวมทั้งหมด ถือว่ากล้องหลังของ LG G5 และ G5 SE น่าจะสร้างมุมมองถ่ายภาพที่แปลกใหม่บนสมาร์ทโฟนได้อย่างดี แต่เรื่องคุณภาพ ส่วนนี้ LG ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะโทนสี Noise เมื่อถ่ายในที่แสงน้อยที่ทำได้ไม่ดีเลย (RAW ใน Manual Mode ก็เหมือนจะหายไป – มีใครหาคำตอบให้ได้บ้างว่าหายไปไหน?)

ส่วนการถ่ายวิดีโอ ครั้งนี้ LG แก้ไขความผิดพลาดที่เกิดกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อตอน G4 ไปจนหมดสิ้นแล้ว ก็ถือว่าให้คุณภาพกลางๆ ไฟล์วิดีโอมีอาการภาพแตกและกระตุกให้เห็นบ้าง ถ้ามีการเคลื่อนไหวกล้องเร็วๆ แต่ก็ยังมีข้อเด่นในเรื่องสามารถเปิดใช้เลนส์มุมกว้างพิเศษถ่ายวิดีโอได้ ทำให้ได้อารมณ์เหมือนเรามี Action Cam โทรศัพท์ได้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา

สรุป

IMG_5080

ราคาเปิดตัว LG G5 SE ความจุ 32GB อยู่ที่ 21,900 บาท (มีจำหน่าย 3 สี ได้แก่ ชมพู ทอง และดำเทา) สามารถสั่งจองและซื้อวันนี้ได้ที่หน้าร้าน TG Fone ทุกสาขา หรือผ่านแอปพลิเคชัน TeeGee Mobile โดยลูกค้า 100 ท่านแรกจะได้รับฟรี LG G Tablet มูลค่า 6,990 บาท จำนวน 1 เครื่อง ฟิล์มกันรอยพร้อมรับประกันหน้าจอแตก คุ้มครองสูงสุด 5,000 บาท Google Drive 100GB นาน 2 ปี มูลค่า 1,800 บาท รวมมูลค่าของสมนาคุณกว่า 13,790 บาท

สำหรับ LG G5 และ G5 SE ครั้งนี้ยอมรับอย่างหนึ่งว่า LG พยายามจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก จึงทำให้แนวทางการพัฒนา G5 และ G5 SE จะไปเน้นที่ความแปลกใหม่ ตั้งแต่เรื่องกล้องมุมกว้างที่เอาใจคนชอบใช้ Action Cam ถ่ายภาพ หรือแม้แต่การรองรับกับอุปกรณ์ LG Friends ทั้งแบบ Modular Type และอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ที่ออกแบบมาเน้นผู้ใช้ที่ชอบสีสันแห่งความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใครมากกว่าเน้นความไฮโซ หรูหราแบบรุ่นก่อนหน้า

ทำให้หลายๆฟังก์ชันและฮาร์ดแวร์หลายตัว เช่น กล้องถ่ายภาพ นั้นจะไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นนอกจากเลนส์มุมกว้างพิเศษ หรือแม้แต่วัสดุฝาหลังเป็นหนังก็ถูกแทนที่ด้วยแนวเมทัลลิค ดีไซน์ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้วัยรุ่นมากขึ้น เป็นต้น

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพความแตกต่างระหว่าง G5 SE และ G5 ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา G5 SE ก็ให้ประสิทธิภาพการใช้งานจริงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า G5 แต่อย่างใด แถมยังมาพร้อมประกันศูนย์อีกด้วย ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมกันเองครับ

อัปเดตราคาใหม่ : LG G5 SE ปรับราคาลงเหลือ 18,900 บาท

ข้อดี

– Modular Type ออกแบบมาได้น่าสนใจ
– IR Blaster อินฟาเรดใช้เป็น Universal Remote ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้
– G5 SE แม้จะเป็นรุ่นลดสเปกแต่การใช้งานจริงแทบไม่แตกต่างจาก G5 รุ่นใหญ่
– แบตเตอรีสามารถถอดเปลี่ยนได้ (เป็นเอกลักษณ์สำคัญของ LG)
– UX 5.0 ปรับปรุงมาได้ลื่นไหลกว่าเดิมมาก กินแรมน้อยลงด้วย
– จัดสรรพลังงานได้ดีขึ้น
– สแกนลายนิ้วมือทำได้แม่นยำ รวดเร็ว แต่สัมผัสเบาๆไม่ต้องกดก็สามารถอ่านลายนิ้วมือและปลดล็อกหน้าจอได้แล้ว

ข้อสังเกต

– กล้องหลังสเปกเดิม ต่างแค่ G5 มีเลนส์มุมกว้างพิเศษเท่านั้น
– เลนส์มุมกว้างพิเศษให้ขอบภาพโค้งบิดเบี้ยวค่อนข้างมาก และไม่มีซอฟต์แวร์แก้ไขติดตั้งมาให้ด้วย

** LG G5 และ G5 SE ใช้พอร์ต USB-C สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลและชาร์จไฟ

Gallery

]]>
Review: LG G4 ไฮเอนด์ เครื่องสวย กล้องเด่น ราคาโดน! https://cyberbiz.mgronline.com/lg-g4/ Sun, 16 Aug 2015 22:33:34 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=18579

558000009592301

LG (แอลจี) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการสมาร์ทโฟนได้อย่างน่าสนใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงหลังกับการพัฒนาฟีเจอร์เด่นบนสมาร์ทโฟนแฟลกชิปตระกูล G-series ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Knock on, Knock Code ไปถึงการตั้งเพดานราคาขายมาได้ถูกอกถูกใจผู้ใช้ในหลายประเทศจนในที่สุด LG ก็ได้รับเลือกจากกูเกิลให้เป็นผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus ถึง 2 ครั้งติดจนมาแจ้งเกิดในบ้านเราอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 ปีที่แล้วพร้อมกับการมาของแฟลกชิป LG G3 ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างระบบรักษาความปลอดภัย Knock Code ไปถึงระบบออโต้โฟกัสด้วยแสงเลเซอร์

มาวันนี้ LG ก็พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่อีกครั้งกับ “LG G4” ที่ในครั้งนี้นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นเพิ่มขึ้นแล้ว แอลจียังเน้นปรับแต่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์กล้องมาได้อย่างน่าสนใจกับราคาที่ยังคงเป็นแนวทางของแอลจีอยู่เช่นเดิม

การออกแบบ

558000009592302

การออกแบบที่ต้องขอกล่าวถึงเป็นอันดับแรก เพราะครั้งนี้ LG ตั้งใจสร้างความแปลกใหม่ด้วยการออกแบบฝาครอบด้านหลังแบบตัดเย็บด้วยหนังแท้ เพิ่มจากฝาหลังแบบพลาสติก พร้อมสีสันที่มีให้เลือกถึง 6 เฉดสีได้แก่ สีน้ำตาล สีดำ สีแดง สีน้ำเงินอ่อน สีครีมและสีเหลือง ในขณะที่ฝาหลังแบบพลาสติกจะมีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีทองอร่าม สีเทาเมทัลลิคและสุดท้ายสีขาวเซรามิก

สำหรับเครื่องที่ทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้จะเป็นรุ่นฝาหลังพลาสติกสีขาวเซรามิก เครื่องนำเข้าจากเกาหลี น้ำหนัก 155 กรัม

558000009592303

ในเรื่องหน้าจอแสดงผลแอลจียังคงเลือกใช้ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ QuadHD (2,560 X 1,440 พิกเซล) เช่นเดียวกับ LG G3 แต่พาเนลจอมีการปรับเปลี่ยนเป็น IPS Quantum Display บนเทคโนโลยี In-cell Touch Display ที่ช่วยให้สีสันมีความสดใส สมจริงและได้ค่าคอนทราสต์ที่สูงขึ้นจากเดิม

กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1,920×1,080 พิกเซลที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที

558000009592305558000009592304

นอกจากนั้นด้านการออกแบบ แอลจียังได้ปรับการออกแบบตัวเครื่องด้วยแนวคิด Slim Arc Design ให้ตัวเครื่องมีความโค้ง เล็กน้อย เพื่อสอดรับกับสรีระการจับถือของผู้ใช้ อีกทั้งบริเวณใต้กระจกหน้าจอด้านหน้า แอลจีได้ลงลวดลายเป็น Texture ไว้รอบขอบหน้าจอทั้งหมด เวลาหน้าจอสะท้อนกับแสงไฟจะดูหรูหราไฮโซขึ้นมาก

558000009592306

ด้านหลังจะเป็นส่วนฝาหลังที่มีให้เลือกทั้งแบบพลาสติกและหนังแท้ มาพร้อมกล้องถ่ายภาพหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (5,312×2,988 พิกเซล) รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K พร้อมเซนเซอร์เลเซอร์ออโต้โฟกัสแบบเดียวกับ LG G3 ที่ช่วยให้การจับโฟกัสภาพในที่แสงน้อยทำได้รวดเร็วขึ้น

ส่วนฮาร์ดแวร์กล้อง แอลจีเลือกใช้บริการเซนเซอร์รับภาพ SONY IMX234 ประกบเลนส์รูรับแสง f1.8 และระบบป้องกันภาพสั่นไหว 3 แกน Optical Image Stabilization (OIS) 2.0

ถัดไปจะเป็นที่อยู่ของไฟแฟลช LED พร้อมเซนเซอร์ COLOR SPECTRUM (CSS) ที่ช่วยในการวิเคราะห์สภาพแสงแวดล้อมและความถูกต้องของสีสันเพื่อช่วยในการปรับสมดุลแสงขาวให้ถูกต้องตามที่ตาเห็นเมื่อใช้ร่วมกับโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ

นอกจากนั้นบริเวณด้านหลังของ G4 ยังเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่ง Rear Key ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องและปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และลำโพงจะติดตั้งอยู่ใต้โลโก้ G4

558000009592307

จุดเด่นและเอกลักษณ์สำคัญ ซึ่งแอลจียังคงรักษาไว้ก็คือ ฝาหลังที่สามารถแกะออกพร้อมแบตเตอรีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ นอกจากนั้นแอลจียังได้ติดตั้งช่องใส่การ์ดความจำ MicroSD สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มความจุเครื่องได้สูงสุดถึง 2TB

558000009592308558000009592309558000009592310

มาดูขอบตัวเครื่อง ด้วยการที่แอลจีย้ายปุ่มกดสั่งงานไปไว้ด้านหลังทั้งหมด ขอบเครื่องซ้ายและขวาจึงค่อนข้างบางมาก เพราะไม่มีปุ่มกดมาเพิ่มความหนาให้ตัวเครื่อง แต่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพราะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อ MicroUSB (รองรับ SlimPort 4K สำหรับเชื่อมต่อออกทีวีความละเอียด UHD) ไมโครโฟนและช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนของบนจะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนตัวที่สองและช่องยิงแสงอินฟาเรดเพื่อทำให้ G4 เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้

สเปก

558000009592311

LG G4 เลือกใช้หน่วยประมวลผล 64 บิต Qualcomm Snapdragon 808 Hexa-core (6 แกน) ความเร็ว 1.44GHz สำหรับ 4 แกนแรก และ 1.82GHz สำหรับ 2 แกนหลัง ประกบกราฟิกชิป Adreno 418 แรมให้มา 3GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 21.14GB (เครื่องทดสอบโมเดลเกาหลี) แบตเตอรีให้มา 3,000mAh พร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย LG UX 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุด

ในส่วนสเปกการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์และอื่นๆ LG G4 รองรับ 3G และ 4G LTE ทุกเครือข่ายในประเทศไทย WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac Dual-band, DLNA, WiFi Direct บลูทูธ 4.0, GPS รองรับ GLONASS มี NFC และภาครับสัญญาณวิทยุ FM Stereo พร้อมชิปประมวลผลเสียง HiFi (รองรับการอ่านไฟล์เสียง FLAC, eAAC+ และ WAV

ด้านเซนเซอร์ภายในตัวเครื่องมีให้เลือกใช้ทั้ง Accelerometer, Gyroscope, Proximity, Compass และ Barometer พร้อมซอฟต์แวร์ตรวจจับก้าวเดิน

ฟีเจอร์เด่น

558000009592312

มาสำรวจจุดเด่นของเครื่อง เริ่มจาก LG UX 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุดที่แอลจีออกแบบบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 Lollipop จะเห็นถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจาก UX รุ่นก่อนหน้าที่อยู่บน LG G3 (รุ่นอัปเดตแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop) เริ่มจากไอคอนทั้งหมดจะถูกปรับเป็นลักษณะ Flat Design แบนๆพร้อมสีสันที่สดใสมากขึ้น Background ถูกปรับให้มีความเป็นมินิมัลลิสต์ตามสมัยนิยม

558000009592313558000009592314

ด้านลูกเล่นก็มีการอัปเกรดให้มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง Smart Notice หรือ Widget ที่สามารถแจ้งเตือนสภาพอากาศ การเดินทาง ไปถึงแนะนำการปิดเปิดระบบการทำงานต่างๆได้ ฉลาดขึ้น เช่นในวันนี้ระบบคาดการณ์ว่าจะมีฝนตก ระบบจะแนะนำให้เรานำร่มติดตัวก่อนออกจากบ้าน เป็นต้น

ในส่วน Smart Bulletin และ LG Health จะมีการอัปเดตให้ใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชันมากขึ้น คือจากเดิมเราจะสามารถดูสถิติการก้าวเดินในหนึ่งวันได้เท่านั้น แต่ใน UX 4.0 จะสามารถควบคุมการเล่นเพลง สามารถเปิดใช้รีโมทอินฟาเรดหรือรับชมปฏิทิน นัดหมายต่างๆได้จากส่วนนี้ทันที

558000009592315

นอกจากนั้นทางแอลจียังได้เพิ่มระบบ Samrt Settings เข้ามา เพื่อช่วยให้การปรับตั้งค่าระบบทำได้ฉลาดมากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ต่างๆ เช่น เปิดปิดเสียง เลือก SSID เชื่อมต่อ WiFi ด้วยการอ้างอิงจาก GPS และสถานที่ที่เรากำหนดไว้

558000009592316

Event pocket เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับการบันทึกนัดหมายในปฏิทินด้วยรูปแบบการลากและวาง (Drag and Drop) โดยเราสามารถเก็บนัดหมายจากที่ต่างๆเช่น เฟสบุ๊ก ในหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น จากนั้นเมื่อผู้ใช้ต้องการบันทึกช่วงเวลานัดหมายลงในปฏิทิน ก็เพียงเลือกรายการจาก Event pocket และวางลงให้ตรงกับวันเวลาที่ต้องการบันทึกเท่านั้น

กล้องถ่ายภาพ

558000009592317

ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเป็นจุดขายสุดของ LG G4 โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ที่แอลจีดึงความสามารถของ API กล้องบนแอนดรอยด์ Lollipop ออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าแบรนด์คู่แข่งหลายเจ้า

เริ่มกันตั้งแต่โหมดอัตโนมัติ ที่นอกจากจะได้ฮาร์ดแวร์ COLOR SPECTRUM เข้ามาช่วยจัดการค่าสีและสมดุลแสงสีขาวให้ตรงกับธรรมชาติแล้ว โหมดกล้องหน้ายังมาพร้อมระบบตรวจจับการลั่นชัตเตอร์ด้วยมือคล้าย Palm Selfie ด้วย

“เพียงแค่ผู้ใช้เปิดใช้งานกล้องหน้า จากนั้นเมื่อต้องการลั่นชัตเตอร์ ให้แบมือออกแล้วยกขึ้น ระบบจะตรวจจับฝ่ามือ ถ้าต้องการลั่นชัตเตอร์ 1 ครั้งให้กำมือลง 1 ครั้ง ส่วนถ้าต้องการถ่าย 4 ภาพ 4 แอ็คชัน ให้กำมือลง 2 ครั้งติดกัน

นอกจากนั้นระบบยังรองรับ Voice Shutter หรือระบบลั่นชัตเตอร์ด้วยเสียงพูดว่า Smile, Whiskey, LG หรือ Kimchi

558000009592318

มาถึงการถ่ายภาพด้วย ”Manual Mode” หรือโหมดถ่ายภาพแบบตั้งค่าด้วยตัวเอง ที่ในครั้งนี้แอลจีจัดเต็มใส่ฟีเจอร์มาแบบเดียวกับการปรับตั้งค่ากล้องมืออาชีพตั้งแต่ ปรับ ISO ความเร็วชัตเตอร์ White Balance ไปถึงการเลือกล็อคโฟกัส ล็อคค่าแสง และจุดเด่นที่สำคัญคือ รองรับการถ่าย RAW และ RAW+JPG ด้วย

558000009592319558000009592320

โดยขนาด RAW File ของ LG G4 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลจะตกไฟล์ละประมาณ 20MB ส่วน JPEG จะอยู่ที่ไฟล์ละประมาณ 6-7MB และ RAW File จาก G4 สามารถเปิดใช้งานร่วมกับโปรแกรมตกแต่งภาพได้ทั้งหมดเพราะเป็นนามสกุล .DNG

ตัวอย่างภาพจาก Manual Mode ตั้งถ่ายบนขาตั้งกล้อง โดยปรับความเร็วชัตเตอร์ไว้ที่ 15 วินาที เลือก ISO 50 และสุดท้ายไฟล์ถูกปรับแต่งผ่านโปรแกรม Adobe Lightroom CC

ทดสอบประสิทธิภาพ

558000009592321

แม้แอลจีจะเลือกใช้ซีพียูประมวลผลไม่โดดเด่นเหมือนคู่แข่งในตลาดแอนดรอยด์ที่ปัจจุบันเป็น Octa Core 64 บิต เกือบทั้งหมด แต่ในเรื่องผลคะแนนและการใช้งานจริงต้องถือว่า LG G4 ทำส่วนนี้ได้ดีไม่แพ้คู่แข่งอื่นๆในระดับเดียวกัน LG UX 4.0 ถูกปรับการทำงานมาได้ดีมาก ไม่พบอาการ UI หน่วงเหมือนสมัยเปิดตัว G3 แต่อย่างใด

558000009592322

ในส่วนการประมวลผลกราฟิก 3 มิติและการเล่นเกม ด้วยความเป็นไฮเอนด์โฟน LG G4 สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเกมกราฟิกหนักหรือเกมฆ่าเวลาต่างๆ อีกทั้งด้วยการที่แอลจีเลือกใช้ชิปกราฟิกรุ่นใหม่ทำให้ระบบรองรับการประมวลผล OpenGL ES 3.1 ได้สมบูรณ์แบบด้วย

558000009592323

มาถึงเรื่องแบตเตอรีกับชุดทดสอบสุดโหด Geekbench ก็ยังคงให้ผลลัพท์ไม่ต่างจากตอนทดสอบ G3 คือได้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 47 นาที 20 วินาที และถ้าลองจับเวลาจากการใช้งานจริง (เล่นโซเชียล แชทไลน์ ท่องเว็บทั่วไป) จาก 100% ไปจนแบตเตอรีฟ้องขีดแดงจะได้เวลาใช้งานประมาณ 11-13 ชั่วโมง เท่ากับ LG G3

ในส่วนคุณภาพจากกล้องหลังที่ปรับแต่งใหม่ โดยภาพรวมคุณภาพไฟล์ภาพค่อนข้างน่าพอใจ โดยเฉพาะโหมด HDR ที่ให้ผลลัพท์ที่ดี ภาพที่ได้คมชัด ชัตเตอร์ทำงานรวดเร็ว แต่จะมีจุดสังเกตในเรื่องการถ่ายภาพกลางคืน ถ้าในภาพมีแหล่งกำเนิดแสงจากหลอดไฟ เช่น ไฟสปอร์ตไลท์ส่งตรงมายังกล้องหรือไฟจากหลอดไฟข้างถนน แสงเหล่านี้จะทำให้เกิดแฟร์เป็นเส้นพาดผ่านไม่สวยงามอย่างมาก

สำหรับ Manual Mode ถือเป็นโหมดถ่ายภาพมืออาชีพที่แอลจีทำได้ถึงมาก การปรับแต่งค่ากล้องทำได้ง่ายและให้ผลลัพท์ที่ดี แต่จะติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ เวลาต้องการเปิดหน้ากล้องนานๆเพื่อเก็บภาพเส้นแสงไฟจากรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนน ด้วยค่ารูรับแสงแบบตายตัวที่ f1.8 ทำให้เมื่อเปิดชัตเตอร์นานระดับ 10 วินาที ภาพจะติดโอเวอร์ทันทีถ้าในอนาคตแอลจีจะใส่ ND Filter ลดแสงมาให้เหมือนกล้องคอมแพกต์จะช่วยได้มากทีเดียว

อีกข้อสังเกตที่พบเจอตลอดการทดสอบ LG G4 ก็คือ ระบบ OIS 2.0 กับโหมดวิดีโอที่ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์นัก โดยปัญหาจะเกิดเมื่อเราถือ G4 ด้วยมือและเดินถ่ายหันกล้องไปมาในลักษณะ Handheld ตัวระบบกันสั่นจะทำให้ขอบภาพเกิดอาการขยับไปมาน่าปวดหัว

โดยจากการหาข้อมูลจากสื่อต่างประเทศหลายสำนักที่ได้ทดสอบจะพบปัญหาลักษณะเดียวกันทั้งหมด ก็คงต้องรอทางแอลจีออกเฟริมแวร์แก้ไขในอนาคตเหมือนกับปัญหาอื่นๆที่แอลจีเริ่มทยอยแก้ไขไปแล้วบางส่วน

สรุป

558000009592324

สำหรับราคาเปิดตัว LG G4 ฝาหลังพลาสติกอยู่ที่ 20,990 บาท ส่วนถ้าฝาหลังเป็นหนังแท้ราคาจะอยู่ที่ 21,990 บาท เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกที่สุดและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดในกลุ่มไฮเอนด์โฟนตอนนี้ ยิ่งถ้ามองในเรื่องความคุ้มค่าด้วยแล้ว LG G4 กินขาดทุกยี่ห้อ เพราะด้วยสเปกที่ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเหมือนคู่แข่งอื่นๆแต่เรื่องการปรับการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แอลจีทำได้ดีมาก โดยเฉพาะ LG UX 4.0 ที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ฉลาดขึ้น แม้จะมีข้อผิดพลาดให้พบบ้างเล็กน้อย แต่เชื่อว่าแอลจีมีแผนจะปรับแก้ในอนาคต

นอกจากนั้นฟีเจอร์กล้องที่ดึงคุณสมบัติของแอนดรอยด์และฮาร์ดแวร์แบบ 64 บิตมาใช้งานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ถือว่าเรื่องน่าสนใจที่คนรักการถ่ายภาพน่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก (ใครอยากถ่ายภาพ Slow Shutter บนสมาร์ทโฟน LG G4 มีให้เลือกใช้งานแล้ว)

สุดท้ายอยากให้ลองเปิดใจกับ LG G4 ทดลองใช้สักหนึ่งฟีเจอร์เด่นไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายภาพด้วย Manual Mode, ฟังเพลงด้วยไฟล์ Lossless ร่วมกับหูฟัง QuadBeat 3 หรือทดลองใช้ LG UX 4.0 ร่วมกับดีไซน์ฝาหลังแบบหนังแท้ ผมเชื่อว่าคุณต้องตกหลุมรักไม่หนึ่งก็สองของฟีเจอร์เด่นที่ได้จาก LG G4 แน่นอน

ข้อดี

– ฝาหลังมีให้เลือกทั้งแบบหนังแท้และพลาสติก
– เป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่ถอดฝาหลัง เปลี่ยนแบตเตอรี เพิ่มการ์ดความจำได้
– กล้องปรับใหม่ได้ดี มี RAW File Manual Mode น่าสนใจ สามารถปรับแต่งได้แบบกล้องมืออาชีพ
– หน้าจอคมชัด และสีสดใสมากขึ้นจากรุ่นก่อน
– รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว Quick Charge 2.0 แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์แยกต่างหาก

ข้อสังเกต

– ระบบกันภาพสั่นไหว OIS 2.0 กับโหมดวิดีโอยังทำงานไม่สมบูรณ์นัก ต้องรอการปรับแก้ไขจากแอลจีอีกครั้ง
– เวลาถ่ายภาพแสงไฟจากถนนตอนกลางคืน f1.8 กับแฟร์ที่มาจากเลนส์กล้องไม่สวยงาม

Gallery

]]>