Moto – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Tue, 22 Dec 2020 07:28:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Motorola Razr 5G ปลุกตำนานสมาร์ทโฟนจอพับ https://cyberbiz.mgronline.com/review-motorola-razr-5g/ Tue, 22 Dec 2020 07:15:24 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=34351

การกลับมาทำตลาดสมาร์ทโฟนในไทยอีกครั้งของ โมโตโรล่า (Motorola) ในปีนี้ ไม่ใช่มาแค่สมาร์ทโฟนระดับกลางล่าง ในซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Moto G เท่านั้น แต่มีการนำนวัตกรรมจอพับอย่าง Razr 5G เข้ามาขายในไทยด้วย

ความโดดเด่นของ Motorola Razr 5G คือการนำดีไซน์สุดคลาสสิกของ Razr ในทรงฝาพับเครื่องบาง กลับมาทำตลาดอีกครั้ง กับสมาร์ทโฟนจอพับของโมโตโรล่า ที่ได้รับการอัปเกรดให้รองรับ 5G

เมื่อเทคโนโลยีจอพับ เริ่มกลายเป็นนวัตกรรมที่เข้าถึงได้ของสมาร์ทโฟน หลังจากที่เห็นหลายๆ แบรนด์เริ่มผลิตมือถือจอพับออกสู่ตลาด จึงไม่แปลกที่แบรนด์อย่าง Motorola ที่โดดเด่นในเรื่องสมาร์ทโฟนจอพับทรงคลาสสิกจะให้ความสนใจ

Motorola Razr เป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่มากับจอแสดงผล 2 หน้าจอ ให้ใช้งานด่วนๆ ด้านนอก และใช้งานแบบเต็มที่เมื่อกางหน้าจอออกมา ทำให้ได้ขนาดจอ 6.2 นิ้ว ในตัวเครื่องเล็ก พกพาง่าย ในราคา 44,990 บาท

ข้อดี

  • สมาร์ทโฟนจอพับหน้าจอ 6.2 นิ้ว
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G
  • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ที่ใช้ถ่ายเซลฟี่ได้ด้วย
  • ตัวเครื่องแข็งแรง โดนเฉพาะข้อต่อพับหน้าจอ

ข้อสังเกต

  • ไม่กันน้ำ กันฝุ่น จากการที่ตัวเครื่องเป็นจอพบ
  • ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ยาก
  • ไม่มีกล้องมุมกว้าง-เทเลโฟโต้มาด้วย
  • ราคาค่อนข้างสูง

มือถือจอพับ ปลุกตำนาน RAZR

ถ้ามองไปในยุคของโทรศัพท์มือถือจอพับสมัยก่อน เชื่อว่า Motorola Razr ได้กลายเป็นโทรศัพท์เครื่องโปรดของใครหลายๆ คนที่อาจจะเคยใช้งาน หรือได้สัมผัสถึงความบางของมือถือในยุคนั้น

จนทำให้ Razr กลายเป็นหนึ่งในตำนานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Motorola และมีการนำซีรีส์นี้กลับมาผลิตใหม่ในยุคสมาร์ทโฟนหลายๆ ครั้ง เพียงแต่ที่ผ่านมานวัตกรรมจอพับยังไม่เกิดขึ้น ทำให้เน้นจุดเด่นเรื่องความบางของตัวเครื่องเป็นหลัก

ในวันที่มือถือจอพับกลับมาเป็นเทคโนโลยีใหม่ในตลาดอีกครั้ง Motorola จึงไม่รอช้าที่จะนำซีรีส์ Razr กลับมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ในการเป็นสมาร์ทโฟนจอพับ ที่จะเรียกความเชื่อมั่นแบรนด์กลับมา

ดีไซน์ของ Motorola Razr 5G นั้น ถือว่าพยามนำจุดเด่นของ Razr กลับมา ในการเป็นมือถือจอพับแบบฝาหอย แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้ตัวเครื่องเวลาพับหน้าจอนั้น ยังค่อนข้างหนาอยู่

ขนาดของตัวเครื่องเวลาพับจะอยู่ที่ 91.7 x 72.6 x 16 มิลลิเมตร ด้านหน้าจะมีจอแสดงผลขนาด 2.7 นิ้ว (800 x 600 พิกเซ,)ให้ใช้สั่งงานแบบง่ายๆ ในกรณีที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลในสมาร์ทโฟนแบบด่วนๆ

ด้านล่างหน้าจอจะเป็นกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ซึ่งการที่มี 2 จอทำให้สามารถใช้กล้องนี้ในการถ่ายภาพเซลฟี่ได้เช่นเดียวกัน

เมื่อกางหน้าจอขึ้นมาตัวเครื่องจะอยู่ที่ 169.2 x 72.6 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนักจะอยู่ที่ 192 กรัม ถ้าดูที่ความหนาของตัวเครื่องเมื่อพับหน้าจอจะอยู่ที่ 16 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนาเมื่อเทียบกับขนาดของสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่เมื่อกางหน้าจอออกมาเหลือ 7.9 มิลลิเมตร ก็นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่บางมากๆ รุ่นหนึ่ง

ในส่วนของหน้าจอแสดงผลด้านในจะมีขนาด 6.2 นิ้ว (2142 x 876 พิกเซล) ในสัดส่วน 21:9 ซึ่งจะเห็นว่าจอค่อนข้างยาว เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปในท้องตลาด โดยจอจะมีแถบกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล อยู่ด้วย

สำหรับปุ่มควบคุมรอบตัวเครื่องทางซ้าย จะมีปุ่มเปิดเครื่องอยู่ที่ขอบจอส่วนบน และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ทางฝั่งขวา ทำให้เวลากางหน้าจอใช้งาน จะรู้สึกว่าตำแหน่งของปุ่มอยู่สูงไปสักหน่อย

ด้านหลังเครื่อง จะมีสัญลักษณ์ของ Motorola อยู่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย ซึ่งเวลาถือจะปลดล็อกใช้งานต้องขยับจุดในการจับตัวเครื่องเล็กน้อย ถึงจะสามารถสแกนลายนิ้วมือได้อย่างง่ายๆ

ส่วนข้อต่อจอพับของ Motorola Razr 5G นั้นถูกออกแบบมาได้เป็นอย่างดี และถือว่าทำมาได้แข็งแรงมากๆ เพราะด้วยลักษณะการใช้งานของมือถือฝาพับ ในกรณีที่สะดวกเปิดใช้งานมือเดียว เรายังสามารถใช้นิ้วแทรกเข้าไป และเหวี่ยงหน้าจอให้เปิดได้เหมือนเดิม

ด้านล่างของเครื่องจะมีพอร์ต USB-C ถาดใส่ซิมการ์ดแบบนาโนซิม ไมโครโฟน และลำโพงอยู่ ซึ่งทำให้บริเวณนี้หนาขึ้นมาเล็กน้อย ส่งผลให้เวลาสัมผัสขอบล่างของหน้าจอจะชอบโดนตรงจุดนี้เป็นประจำ

แบตเตอรีของ Motorola Razr 5G มีขนาด 2800 mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบ TurboPower 15W โดยเท่าที่ใช้งานมา แม้ว่าจะเชื่อมต่อ 5G ตลอดเวลา ก็สามารถใช้งานได้ตลอดวันสบายๆ

สเปก

ในส่วนของสเปกตัวเครื่อง Motorola Razr 5G มากับซีพียู Qualcomm Snapdragon 765G กราฟิก Aderno 620 RAM 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB (ไม่สามารถใส่ MicroSD การ์ดเพิ่มเติมได้)

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G 5G Wi-Fi 5 บลูทูธ 5.1 NFC GPS เรียกว่าใส่มาให้ครบถ้วนทั้งหมด ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่รองรับการอัปเกรดเป็น Android 11 ในอนาคต

การใช้งาน RAZR 5G

ด้วยการที่ตัวเครื่อง Razr 5G มีหน้าจอแสดงผลภายนอก ที่เรียกว่า Quick View มาให้ใช้งานด้วย ในหน้าจอนี้ เราสามารถเข้าถึงการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ทันทีที่เราปลดล็อกเครื่อง

ดังนั้นถ้ามีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา ก็สามารถใช้นิ้วปลดล็อกที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง เพื่อดูข้อความได้ทันที หรือแม้แต่เข้าใช้งานแอปโซเชียลมีเดียต่างๆ

โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตั้งแอปฯ ด่วนที่ใช้งานประจำไว้เรียกใช้งานได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เข้าโหมดกล้องเพื่อถ่ายภาพจากกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลได้ทันที

ความน่าสนใจก็คือเวลาที่ใช้งานแอปฯ ในหน้าจอเล็กอยู่แล้วเปิดฝาขึ้นมา ถ้าเป็นแอปที่รองรับการใช้งานแบบต่อเนื่อง อย่างแอปของ Google อย่าง Maps หรือ YouTube ก็สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้ต่อทันที

เมื่อเปิดฝาพับขึ้นมา ก็จะพบกับหน้าจออินเตอร์เฟสแบบ My UX ที่มาพร้อม Android 10 แบบโล่งๆ ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมมากนัก ทำให้การใช้งานโดยรวมค่อนข้างลื่นไหล

ในส่วนของกล้องถ่ายภาพที่ให้มาทั้งกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล และกล้องเซลฟี่ 20 ล้านพิกเซล ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว

ตัวเครื่อง Razr 5G ยังมีฟีเจอร์การควบคุมต่างๆ (Moto Actions) ที่น่าสนใจ อย่างการถ่ายภาพด่วน สามารถทำได้ด้วยการสบัดข้อมือ 2 ครั้ง เปิดไฟฉายด้วยการเขย่ายเครื่อง 2 ครั้ง หรือการใช้สามนิ้วแตะที่หน้าจอค้าง เพื่อจับภาพหน้าจอ มาให้เพิ่มเติมด้วย

สำหรับการใช้งานทั่วไป Razr 5G ถือว่ารองรับทุกรูปแบบการใช้งานอยู่แล้ว แต่ด้วยตัวเครื่องที่มาเป็นลักษณะของฝาพับ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานเล่นเกมมากสักเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาใช้งานตัวเครื่องในแนวนอน บริเวณขอบเครื่องด้านล่างจะทำให้การสัมผัสหน้าจอแถวๆ นั้นยากขั้น

ประกอบกับตัวจอแสดงผลที่เป็นแบบจอพับ ยังไม่ได้เรียบเนียนเหมือนจอแสดงผลแบบปกติ ทำให้เวลาลูบผ่านจะรู้สึกว่าจอบริเวณแกนฝาพับนั้นยุบลงไปเล็กน้อย

อีกอย่างคือจอพับของ Razr 5G นั้น ยังไม่สามารถใช้งานในลักษณะของการงอหน้าจอเหมือนใน Galaxy Z Flip ทำให้ลักษณะการใช้งานจะอยู่ในรูปแบบของการกางจอจนสุดเท่านั้น

สรุป

Motorola Razr 5G ได้เรียกกลิ่นอายของ Razr กลับมาได้อย่างน่าสนใจ ผู้ที่ชื่นชอบโทรศัพท์แบบฝาพับน่าจะชื่นชอบรุ่นนี้ได้ไม่ยาก ที่สำคัญคือการที่ตัวเครื่องรองรับ 5G ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ

เช่นเดียวกับงานประกอบ และวัสดุของตัวเครื่อง ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม แกนของฝาพับทำได้แข็งแรง รองรับการพับจอ และกางจอได้เป็นอย่างดี

แต่ด้วยลักษณะของการใช้งานจะเน้นที่การใช้เป็นโทรศัพท์ และใช้งานทั่วๆ ไปมากกว่า ไม่ได้เด่นในแง่ของกล้องถ่ายภาพ หรือการเล่นเกม เพราะให้กล้องมาระยะเดียว และซีพียูที่เลือกใช้ก็ไม่ใช่รุ่นท็อปสุด

Motorola Razr 5G วางจำหน่ายแล้วในราคา 44,990 บาท มีให้เลือกสีเดียวคือ สีเทาเข้ม Polished Graphite

]]>
Review : Moto Z2 Play รุ่นรองท็อป เน้นแบตอึด สเปกเกือบสุด https://cyberbiz.mgronline.com/review-moto-z2-play/ Mon, 14 Aug 2017 07:20:36 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=26776

ไม่รู้ว่า Motorola มองตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเป็นอย่างไร แต่คงเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญมากๆ ดังจะเห็นได้จากการที่นำสมาร์ทโฟนในตระกูล Z ซีรีส์ อย่าง Moto Z2 Play เข้ามาเปิดตัวระดับภูมิภาคในประเทศไทย พร้อมเชิญสื่อมวลชนจากประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมงานเปิดตัวด้วย

เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคาดหวังของ Motorola กับการจำหน่าย Moto Z2 Play ในประเทศไทยคงไม่ใช่เล่นๆ และคิดว่าผลตอบรับจะดีเหมือนในรุ่น Z Play ปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นรุ่นสร้างรายได้ให้แก่ Motorola ในประเทศไทย ด้วยการชูเรื่องของแบตที่อึดมาก

แต่พอมาเป็น Z2 Play ไม่รู้ว่า Motorola คิดอย่างไรถึงได้มีการปรับลดแบตเตอรีลง เหลือ 3,000 mAh จากในรุ่น Z Play ที่ให้มาแบบจุใจถึง 3,510 mAh ขณะที่ในส่วนของสเปกตัวเครื่องก็ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากซีพียู Snapdragon 625 เป็น Snapdragon 626 ที่แรงกว่าเดิมราว 10%

การออกแบบ

ในแง่ของการออกแบบ Moto Z2 Play ถอดแบบมาจากในรุ่นก่อนหน้าอย่าง Z และ Z Play ที่กลับมานำภาพของ Moto Razr มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้เครื่องเน้นความบางมาก โดยมีขนาดเครื่องที่ 156 x 76.2 x 5.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม

ด้านหน้าหลักๆเลยคือหน้าจอ Super AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 441 ppi โดยมีลำโพงสนทนา โลโก้ Moto กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชอยู่ขอบบน ส่วนบอล่างจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่เท่านั้น

ด้านหลังตัวเครื่องจะดูเปลือยๆ เพราะออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับ Moto Mods ที่เป็นอุปกรณ์เสริมอย่างฝาหลัง หรือแบตเสริมที่สามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ ทำให้จะเห็นว่าบริเวณกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชจะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง ส่วนล่างก็จะมีขั้วทองแดงสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม

ด้านซ้ายตัวเครื่องถูกปล่อยว่างไว้ ด้านขวาจะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนมีช่องใส่ถาดซิม 2 ซิม และไมโครเอสดีการ์ด ที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้ทั้งหมด กับช่องไมโครโฟนที่ 2 ด้านล่างมีพอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง อะเดปเตอร์ สาย USB-C และหูฟังแบบ in-Ear

สเปก

สำหรับสเปกภายในของ Moto Z2 Play จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 626 Octa-Core 2.2 GHz RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 256 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.1 (Nougat)

ด้านการเชื่อมต่อตัวเครื่องรองรับ 3G/4G แบบ 2 ซิม ที่แยกช่องกับไมโครเอสดีการ์ด ทำให้สามารถใส่ซิมหลักใช้งาน 4G ซิมรองสแตนบาย 3G ได้ ส่วน WiFi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n บลูทูธ 4.2 พร้อม NFC แบตเตอรีภายในอยู่ที่ 3,000 mAh

ฟีเจอร์เด่น

อย่างที่รู้กันว่า Motorola เคยเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มธงของกูเกิลมาพักหนึ่ง ก่อนที่จะทางเลอโนโวจะซื้อออกมา ทำให้สิ่งหนึ่งที่ติดตัวมาด้วยคือการเป็น Pure Android Phone ที่ไม่ได้มีการนำอินเตอร์เฟสมาครอบ และในขณะเดียวกันก็ทำให้ตัวเครื่องได้รับการอัปเดตแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ได้เร็วขึ้นด้วย

โดยในหน้าแรกของ Z2 Play จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ ส่วนบนที่เป็นแถบแจ้งเตือน ซึ่งสามารถลากลงมาเพื่อเข้าไปตั้งค่าด่วนต่างๆได้ ถัดลงมาตรงกลางหน้าจอไว้สำหรับนำวิตเจ็ตต่างๆมาใส่ ส่วนล่างจะเป็นแถบเมนู (แสดง 5 ไอค่อนลัด) เมื่อปาดนิ้วขึ้นก็จะเข้าสู่หน้ารวมแอป

เบื้องต้นแอปที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องจะเป็นแอปพลิเคชันพื้นที่ ที่เพิ่มเข้ามาก็จะมีพวกตัวจัดการพลังงาน Moto Actions และ Moto Mods ต่างๆ ที่เป็นส่วนเสริมของทาง Motorola รวมกับบริการต่างๆของกูเกิลที่เป็นพื้นฐาน

ดังนั้น Moto Actions จึงกลายเป็นจุดขายเดียวของ Z2 Play รวมถึงเครื่องรุ่นอื่นๆของ Moto อย่างการเขย่าเครื่องเพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย บิดเครื่องไปมาเข้าโหมดกล้อง ปัดหน้าจอเพื่อย่อหน้าต่างลง ยกเครื่องเพื่อปิดเสียงสายเรียกเข้า พลิกเครื่องให้เข้าโหมดห้ามรบกวน

รวมถึง Moto Display อย่างการตั้งค่าให้ตัวเครื่องเข้าสู่โหมดตัดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตาในช่วงที่ใช้งานตอนกลางคืน โดยสามารถตั้งระยะเวลาได้เอง สุดท้ายก็คือ Moto Voice หรือการใช้คำสั่งเสียง ร่วมกับทาง Google Assistance ในการสั่งงานเครื่อง

ที่เหลือก็จะเป็นฟังก์ชันที่มากับฮาร์ดแวร์ตัวเครื่อง อย่างการที่เครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมกับใส่ไมโครซิมการ์ดได้พร้อมกัน ไม่ได้เป็นถาดแบบไฮบริดที่จะเลือกใส่งาน โดยตัวซิม 2 ก็จะสแตนบายใข้งานบน 3G ได้ตามปกติ หรือจะสลับใช้งาน 4G/3G กับซิมแรกก็ทำได้

สุดท้ายในส่วนของโหมดกล้อง Z2 Play ทำออกมาได้กลางๆ ไม่ได้โดดเด่นมากนัก โดยในโหมดมืออาชีพจะเปิดให้สามารถปรับตั้งค่าได้ส่วนหนึ่ง แต่จะเน้นไปที่การใช้งานบนโหมดอัตโนมัติมากกว่า ตัวอินเตอร์เฟสกล้องก็จะเน้นใช้งานง่ายๆเป็นหลัก

ทดสอบประสิทธิภาพ

Antutu Benchmark = 68,285 คะแนน
Quadrant Standard = 21,415

Geekbench 4
Single-Core = 914 คะแนน
Multi-Core = 4,642 คะแนน
Compute = 3,267 คะแนน

PassMark PerformanceTest
System = 5,671 คะแนน
CPU Tests = 137,932 คะแนน
Memory Tests = 6,598 คะแนน
Disk Tests = 43,593 คะแนน

2D Graphics Tests = 3,894 คะแนน
3D Graphics Tests = 1,380 คะแนน

PC Mark
Work 2.0 = 4,979 คะแนน
Computer Vision = 2,557 คะแนน
Storage = 5,626 คะแนน
Work = 6,008 คะแนน

3D Mark
Sling Shot Extreme Unlimited = 515 คะแนน
Sling Shot Unlimited = 460 คะแนน
Sling Shot Extreme = 866 คะแนน
Sling Shot = 848 คะแนน
Ice Storm Extreme = 8,425 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 14,123 คะแนน
Ice Storm = 12,699 คะแนน

ส่วนระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีทั่วๆไปจะอยู่ที่ราวเกือบๆ 11 ชั่วโมง ในการใช้งานต่อเนื่อง ซึ่งถามว่าแบตอึดไหมก็ยอมรับว่าอึด แต่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง Z Play ยังทำได้ไม่เทียบเท่า ขณะที่ระยะเวลาในการชาร์จแบตจนเต็มจะอยู่ราว 2 ชั่วโมงนิดๆ

สรุป

ถ้าไม่นำ Moto Z2 Play ไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Z Play ที่ทำได้ครบถ้วนรอบด้าน แต่พอมาใน Z2 Play กลับไม่ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเท่าที่ควร เพราะสิ่งที่ Motorola ทำคือการเปลี่ยนซีพียู ที่โอเวเอร์คล็อกความเร็วให้สูงขึ้น ส่วนสเปกรวมๆด้านอื่นๆ มีการพัฒนาเพิ่มเติมเล็กน้อยเท่านั้น และที่สำคัญคือเปิดตัวมาในราคาเท่ากันที่ 15,900 บาท

จุดเด่นที่เคยมีใน Z Play อย่างแบตอึด พอลดขนาดแบตลง แม้ว่าจะมีการบริหารจัดการแบตเตอรีที่ดีขึ้น แต่ก็ช่วยยืดระยะเวลาใช้งานได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับการที่เป็น Pure Android ที่ไม่ได้มีอินเตอร์เฟสครอบให้ใช้งาน แต่เน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกในการใช้จาก Actions ต่างๆแทน

ที่ยังพึ่งพาได้ก็จะเหลือแต่ Moto Mods ที่มีอุปกรณ์ให้เลือกเล่นเพิ่มมากขึ้น แต่แน่นอนว่าเมื่อเป็นอุปกรณ์เสริมก็ต้องซื้อเพิ่ม ในจุดนี้คงต้องดูว่าจะมีผู้บริโภคสักกี่คนที่อินกับอุปกรณ์เสริมที่จะมาช่วยทำให้ Z2 Play น่าสนใจขึ้น

ข้อดี

  • ตัวเครื่องส่วนที่บางสุด 5.99 มม.
  • เป็นรุ่นรองท็อปที่เน้นความครบเครื่อง มากกว่าสเปกแรงๆ
  • Moto Actions ที่มาช่วยให้ใช้งานบางฟีเจอร์สะดวกขึ้น
  • รองรับการใช้งาน Moto Mods เพิ่มเติม

ข้อสังเกต

  • สเปกอัปขึ้นมาจากรุ่นปีที่แล้วนิดเดียว
  • แบตเตอรี่น้อยลง เปลี่ยนไปใช้การบริหารทรัพยากรเครื่องให้แบตอึดแทน
  • ไม่มี Moto Shell แถมมาให้ ทำให้หลังเครื่องโล้นๆ
  • ถ้าไม่ได้ซื้อ Moto Mods มาใช้เพิ่มก็ไม่มีจุดเด่นอะไรต่างจากแบรนด์อื่น

Gallery

]]>
Review : Moto M ดีไซน์สะดุดตา ราคาสะดุดใจ https://cyberbiz.mgronline.com/reviews-moto-m/ Mon, 13 Mar 2017 03:39:44 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=25454

ตั้งแต่เปลี่ยนมือจาก Google มาเป็น Lenovo สมาร์ทโฟน Moto ก็มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเราก็ได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ซีรีส์ Moto M สมาร์ทโฟนดีไซน์ทันสมัย สไตล์โลหะ (Metal)

นอกจากเรื่องของดีไซน์ที่โดดเด่นแล้ว ในส่วนของสเปกภายในก็เด่นไม่แพ้กัน ด้วยซีพียูแบบ 8 คอร์ หน่วยความจำ 4GB หน้าจอแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว Full HD การเชื่อมต่อผ่านทางพอร์ต USB-C รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมแบบ 4G/3G

การออกแบบ

Moto M มีการออกแบบที่ดูโฉบเฉี่ยวน่าสนใจ ตัวเครื่องทำจากโลหะซึ่งเป็นจุดขายของรุ่นนี้ มีขนาดโดยรอบ 151.35 x 75.35 x 7.85 มม. และมีน้ำหนัก 163 กรัม เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่บางและเบาตัวหนึ่ง แม้ว่าจะใส่เคสที่แถมมาให้ก็ดูไม่เทอะทะ และยิ่งทำให้จับถนัดมือมากขึ้น งานประกอบแน่นหนา มีสีให้เลือกซื้อสามสีคือ ทอง เทา และเงิน

หน้าจอเป็น IPS ขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Full HD 1080p (1920×1080 พิกเซล) มีความละเอียดเม็ดสีที่ 401 ppi ทำให้การแสดงผลมีความชัดเจน คมชัด สีสันสดใส บริเวณด้านบนตรงกลางมีช่องลำโพงขนาดใหญ่ ให้เสียงชัดเจน มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมซอฟต์แวร์แต่งภาพ


Moto M
มีการออกแบบให้ไม่มีปุ่ม Home ที่ตัวเครื่องภายนอก มีเพียงแค่สัญลักษณ์ Moto แสดงไว้สวยๆ เท่านั้น แต่จะแสดงปุ่ม Home, Recent App และ Back เป็นแบบ Touch Screen ที่หน้าจอแทน

การเปิดปิดเครื่องจะทำได้ที่ปุ่มทางด้านขวาของตัวเครื่อง ซึ่งอยู่ใกล้กับปุ่มเพิ่มลดเสียง ช่องใส่ซิมจะอยู่ทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง โดยจะเป็นแบบ Dual Sim สามารถใส่ซิมได้สองเบอร์ และที่ช่องใส่ซิมสองสามารถเลือกที่จะใส่หน่วยความจำเพิ่มเติม MicroSD ได้ (รองรับได้สูงสุด 128 GB)

ด้านบนของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ส่วนด้านหลังจะเป็นกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่ แบบ CCT และมีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณด้านล่างของกล้อง

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มากับเครื่องจะมีสายชาร์จ USB-C พร้อมอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ หูฟัง เข็มจิ้มถาดซิม คู่มือ เคสใส และฟิล์มกันรอย

สเปก

สมาร์ทโฟน Moto M ใช้ขุมพลังของซีพียู ARM MediaTek P15 CPU Octa-Core แบบ 64-bit ความเร็ว 2.2GHz และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ARM Mali T860mp2 มีหน่วยความจำภายใน 4GB พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB สามารถใส่ MicroSD เพิ่มได้ 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow)

หน้าจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้วที่ความละเอียด Full HD เสริมความทนทานด้วยจอแบบ Corning Gorilla Glass ทนแรงขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่อง Moto M มีเทคโนโลยีไล่น้ำ Nano Coating หมายถึงเมื่อมีน้ำ ฝน หรือฝุ่นกระเซ็นมาใส่เครื่อง สามารถทำความสะอาดได้ง่าย น้ำหรือฝุ่นซึมเข้าตัวเครื่องได้ยาก (ถ่ายใต้น้ำไม่ได้)

Moto M รองรับสัญญาณคลื่นความถี่ LTE (4G)/WCDMA (3G) ถือว่ารองรับการใช้งานคลื่นของทุกค่ายในบ้านเรา การเชื่อมต่อ Wi-Fi รองรับการเชื่อมต่อ Dual Band มาตรฐาน IEEE 802.11 a/b/g/n/ac 2.4GHz และ 5GHz มาพร้อมเทคโนโลยี MIMO รองรับการทำงานร่วมกับเราท์เตอร์แบบ Dual Band ช่วยให้การรับส่งสัญญาณ Wi-Fi มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.1 มีระบบตำแหน่ง GPS, GLONASS, A-GPS สำหรับการใช้พลังงาน Moto M ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 3050 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 5V/2A

ฟีเจอร์เด่น

Moto M ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow) แบบ Pure Android ไม่มีการเขียน UI เพิ่มลงไปในระบบ ข้อดีก็คือ มีความเร็วในการทำงาน ฟังก์ชันการทำงานแบบมาตรฐานจาก Google วิดเก็ตมาตรฐาน สามารถปรับแต่งได้ง่ายสำหรับคนที่ชอบโมฯ ระบบ หรือนักพัฒนาแอพฯ บนมือถือ แต่จะขาดความตื่นเต้น เพราะไม่มีวิดเก็ตหวือหวา หรือลูกเล่นแพรวพราวให้ได้ใช้กัน

จุดเด่นอีกอย่างที่น่าสนใจของ Moto M ก็คือ ระบบเสียง Dolby Atmos ระบบเสียงสามทิศทางที่ให้ความสมจริงไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง หรือฟังเพลง

ทดสอบประสิทธิภาพ

สำหรับการใช้งานทั่วไป Moto M สามารถทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และความบันเทิงต่างๆ การใช้งานโทรศัพท์สามารถจับสัญญาณ 4G และ 3G ได้ (เมื่อใช้ 2 ซิม) โดยผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะใช้ซิมไหนเป็นซิมหลัก และสามารถสลับการใช้งานได้ ตามต้องการ แต่หากต้องการเลือกเพิ่มพื้นหน่วยความจำ คุณจะเสียความสามารถในการใช้สล็อตซิม 2 ไป

คุณภาพเสียงของการรับสายโทรเข้าออกทำได้ชัดเจนดี แม้ในที่ที่มีเสียงรบกวนค่อนข้างเยอะ เช่น ริมถนน ก็ยังสามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องตะโกนเร่งเสียง ด้านการพกพา ด้วยรูปทรงที่ออกแบบมาตัวโทรศัพท์สามารถถือได้ถนัดมือ แต่การออกแบบที่ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด ทำให้ตัวเครื่องค่อนข้างลื่นหลุดมือได้ง่าย แต่ถ้าใส่เคสเข้าไปก็จะช่วยลดความลื่นได้พอสมควร

การใช้งานกล้อง กล้องหลังมากับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 ขนาดเม็ดพิกเซล 1.0um ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น แฟลชแบบ Color Correlated Temperature ช่วยให้ค่าอุณหภูมิสีที่แม่นยำมากขึ้น ภาพที่ใช้แฟลชจะไม่ขาวเวอร์เกินไป โดยเมื่อทดสอบถ่ายภาพโดยใช้แฟลชอัตโนมัติ ระบบจะทำการยิงแฟลชครั้งแรก (Pre Flash) เพื่อวัดแสงและค่าต่างๆ เพื่อคำนวณกำลังแฟลช ก่อนที่ยิงแฟลชจริงพร้อมบันทึกภาพ

นอกจากนี้ยังมีโหมดการใช้งานอาทิ Pro ที่ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าการใช้งานเอง เช่น ระยะโฟกัส ค่าชดเชยแสง ความเร็วชัตเตอร์ ค่า White Balance และค่า ISO นอกจากนี้ยังมีโหมด Panorama โหมดถ่ายทิวทัศน์ในเวลากลางคืน และเอฟเฟกต์ต่างๆ ให้ใช้ด้วย

จากการใช้งานถ่ายภาพในโหมด Auto และ โหมด Panorama คุณภาพของภาพที่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งคุณภาพของภาพ สีสัน ด้วยขนาดรูรับแสง F2.0 ทำให้สามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี และยังคมชัดอยู่ สำหรับโหมดถ่ายทิวทัศน์ในเวลากลางคืนหากจะใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพดี อาจจะต้องมีขาตั้งหรือวางมือถือไว้กับพื้นที่มั่นคง ไม่สั่นไหวง่าย

โหมดถ่ายภาพวิดีโอสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 4K 30 fps และ FullHD 1080p 60 fps จากการทดสอบถ่ายวิดีโอในตอนกลางคืน คุณภาพที่ได้อยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าในการทดสอบเป็นการเดินถ่ายโดยไม่มีขาตั้ง ภาพที่ได้เลยอาจจะสั่นไหวไปบ้าง

หลังจากการใช้งานทั่วไปทั้งวันพบว่า แบตเตอรี่ความจุ 3050 mAh มีความอึดอยู่พอสมควร หากใช้งานหนักๆ จะใช้งานได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่หากใช้งานพื้นฐานก็อาจจะยืดไปได้ถึง 8 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น

ผลการทดสอบ
AnTuTu Benchmark = 49,233
คะแนน
Multi-Touch = 10
จุด

Vellamo

Multicore = 2,439 คะแนน
Metal = 1,267
คะแนน
Chrome Browser = 3,238
คะแนน
Android WebView = 2,898
คะแนน

PCMark
Work 2.0 = 3,209
คะแนน
Computer Vision = 2,976
คะแนน
Storage = 7,479
คะแนน

Battery Life


5
ชั่วโมง 21 นาที

3DMark
Sling Shot using ES 3.1 = 461
คะแนน
Sling Shot using ES 3.0 = 595
คะแนน
Ice Storm Unlimited = 8,583
คะแนน
Ice Storm Extreme = 5,645
คะแนน
Ice Storm = 9,037
คะแนน

PassMark PerformanceTest Mobile
System = 4,955
คะแนน
CPU Tests = 121,267
คะแนน
Disk Tests = 33,797
คะแนน
Memory Tests = 4,876
คะแนน
2D Graphics Test = 3,394
คะแนน
3D Graphics Tests = 1,259
คะแนน

สรุป

Moto M คือสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่อง คุ้มค่า รองรับการใช้งานตามที่ต้องการได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะโทรศัพท์ เล่นเกมที่ไม่เน้นกราฟิกหนักๆ ดูหนัง ฟังเพลง ในราคาที่ไม่เกินเอื้อม ประมาณ 9,900 บาท รองรับทั้งระบบ 4G มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบสแกนลายนิ้วมือ มีเทคโนโลยีป้องกันละอองน้ำ มีระบบเสียงที่ดี อีกทั้งยังมีพอร์ตแบบ USB-C ที่จะสามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้ในอนาคต

ข้อดี

ประสิทธิภาพดี หน้าจอใหญ่
รองรับ 4G และใส่ได้ 2 ซิม (ซิม 2 เลือกระหว่างซิมกับ MicroSD)
ราคาไม่สูงมาก
ระบบเสียง Dolby Atmos ดี

ข้อสังเกต

ตัวเครื่องเป็นโลหะ ถ้าไม่ใส่เคสจะลื่นง่าย
ใช้งานหนักต่อเนื่อง จะเกิดความร้อนง่าย
– Android Pure
เร็วดี แต่ไม่มีลูกเล่น
หน่วยความจำภายในน้อยไป หากใส่ 2 ซิม

]]>
Review : Moto Z บทพิสูจน์ใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน https://cyberbiz.mgronline.com/review-moto-z/ Mon, 12 Dec 2016 06:55:01 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=24699

IMG_6486

หนึ่งในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่มีแนวคิดน่าสนใจในปีนี้คงหนีไม่พ้น Moto Z ที่ถือเป็นการกลับมาลุยตลาดอีกครั้ง ภายใต้ซีรีส์ และแนวคิดใหม่ ภายใต้บริษัทแม้รายใหม่อย่างเลอโนโว ทำให้แนวทางในอนาคตของ Moto เริ่มชัดขึ้น กับการโฟกัสในตลาดกลางบน หรือพรีเมียมแมสมากขึ้น

จุดเด่นหลักของ Moto Z คือการเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงภายใต้ชื่อ Moto Mods ได้ และจะเป็นแนวคิดหลักในการผลิตสมาร์ทโฟนต่อจากนี้ของ Moto ที่จะมีการต่อยอดออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่รองรับการใช้งาน Mods ออกสู่ตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ตัวสมาร์ทโฟนก็มาพร้อมกับสเปกระดับสูงทั้งหน่วยประมวลผล Snapdragon 820 RAM 4 GB และความบางตัวเครื่อง 5.19 มม. แม้ว่าจะมีการตัดพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ออกไป ทำให้ต้องใช้ตัวแปลงหูฟังจากพอร์ต USB C แทน รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม 4G/3G และหน้าจอแสดงผลระดับ 2K

การออกแบบ

IMG_6451

สิ่งที่ Moto Z นำเสนอได้ดีคือความพรีเมียมของโทรศัพท์ จากงานประกอบที่ดูแน่นหนา ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมขัดเงา ผสมกับกระจกคลุมด้านหน้า โดยมีขนาดรอบตัว 75.3 x 155.3 x 5.19 มิลลิเมตร น้ำหนัก 136 กรัม มีให้เลือกสีเดียวคือ สีดำ และสีขาว

IMG_6458

ด้านหน้าพื้นที่หลักจะถูกแบ่งให้จอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Quad HD (2560 x 1440 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 526 ppi โดยมีช่องลำโพงสนทนาพาดอยู่กึ่งกลางบน พร้อมด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไฟแฟลช และเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และเซ็นเซอร์วัดแสง

IMG_6464

ส่วนล่างหน้าจอจะมีสัญลักษณ์ ‘Moto’ อยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างจอ และปุ่มเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ที่จะทำงานทันทีเมื่อสัมผัส ทำให้ไม่ต้องไปกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องบ่อยๆ ส่วนจุดใสๆ 2 ข้างก็จะเป็นเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว และไมโครโฟน 2 จุด ที่มีระบบตัดเสียงภายในตัว

IMG_6450

ด้านหลังเมื่อไม่ได้มีการเชื่อมต่อ Moto Mods ใดๆ จะเห็นถึงตัวเครื่องที่แสดงถึงความเป็นโลหะครอบด้วยกระจก ทำให้จุดนี้เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่าย ภายในมีแบตเตอรี 2,600 mAh โดยจะมีกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยไฟแฟลชแบบ Dual LED เพื่อช่วยเกลี่ยแสง ซึ่งถ้างสังเกตว่าบริเวณกล้องจะนูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยทำให้ขีดช่วนค่อนข้างง่าย

IMG_6453

ถัดลงมาส่วนล่างจะเป็นแถบขั้วสำหรับใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Moto Mods ทั้งหลาย โดยตรงส่วนนี้จะเป็นจุดส่งต่อข้อมูลระหว่าง Mods ที่ปัจจุบันมีทั้ง Mods ที่เป็นแบตเตอรีเสริม ลำโพง โปรเจกเตอร์ กล้อง Hasselblad และฝาหลังให้เลือกใช้งาน โดยเมื่อติดใช้งานตัวเครื่องจะใช้แม่เหล็กในการยึดยิดทำให้ไม่หลุดง่ายๆชณะใช้งาน

IMG_6455

ทั้งนี้ เมื่อสวมฝาหลังที่แถมมาให้ภายในกล่องเข้าไป บริเวณหลังเครื่องก็จะกลายเป็นลายไม้ หรือลายต่างๆตามสีของฝาหลัง และขอบกล้องก็จะไม่นูนขึ้นมาอีกต่อไป ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าจะต้องการเชื่อมต่อกับ Mods อื่นๆ หรือใช้ร่วมกับฝาหลังที่เป็นลายปกติก็ได้

IMG_6461IMG_6460ด้านบนจะมีช่องใส่ใช้เข็มจิ้มซิมนำ ถาดซิมการ์ดออกมา โดยถาดซิมการ์ดจะเป็นแบบไฮบริดจ์คือผู้ใช้สามารถเลือกใส่ใช้งาน 2 นาโนซิมการ์ด หรือผสมระหว่างนาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดได้ ด้านล่างจะมีเพียงพอร์ต USB-C เพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น

IMG_6463IMG_6462

ด้านซ้ายจะถูกปล่อยโล่งไว้ ด้านขวาเป็นปุ่มเปิด=ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง

IMG_6447

เมื่อต้องการเชื่อมต่อกับหูฟังขนาด 3.5 จำเป็นต้องใช้ตัวแปลง USB-C เป็นพอร์ต 3.5 มม. ซึ่งทางโมโต แถมมาให้ภายในกล่อง สามารถนำไปใช้กับหูฟัง 3.5 มม. เดิมที่มี หรือใช้กับหูฟังที่แถมมาได้ทันที

IMG_6445

สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง สายเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ (USB-A to USB-C) อะเดปเตอร์พร้อมสายชาร์จ USb-C หูฟัง เข็มจิ้มซิม ฝาหลัง กรอบใส และคู่มือการใช้งาน

สเปก

s18

Moto Z มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820 ที่เป็นควอดคอร์ 1.8 GHz พร้อมหน่วยกราฟิก Adreno 530 RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB รองรับไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 2 TB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0.1 (Marshmallow)

ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 4G LTE บนคลื่น 2100/1800/850 3G ทุกคลื่นความถี่ที่ให้บริการในประเทศไทย ส่วนการเชื่อมต่อ WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac + 5 GHz with MIMO บลูทูธ 4.1 พร้อม NFC GPS GLONASS และอุปกรณ์เสริม Moto Mods ทั้งหลาย

ฟีเจอร์เด่น

s01

การใช้งานของ Moto Z ยังคงความเป็น Pure Android มาเหมือนสมัยที่ Moto ยังอยู่ภายใต้กูเกิลก่อนหน้านี้ โดยถือว่าเป็นข้อดีของสมาร์ทโฟนตระกูล Moto เลยก็ว่าได้ที่มากับความเป็นมาตรฐาน โดยเฉพาะบนแอนดรอยด์ 6.0.1 Marshmallow ที่กูเกิลพัฒนาออกมาได้ลื่นและน่าใช้กว่าเดิม และไม่จำเป็นต้องครอบอินเตอร์เฟสใดๆเพิ่มเติม

การใช้งานหลักๆ ยังคงอยู่ที่การนำวิตเจ็ต หรือ ไอค่อนหลักๆที่ใช้งานมาไว้บนหน้าจอหลัก ที่ขึ้นอยู่กับสไตล์ในการใช้งานของผู้ใช้แต่ละราย ในส่วนของแถบการแจ้งเตือน ที่มาพร้อมกับปุ่มลัดในการตั้งค่าต่างๆก็มาในดีไซน์ที่เป็นมาตรฐาน และคุ้นเคยกันดีกับผู้ที่ใช้งานแอนดรอยด์มาก่อน

ในส่วนของหน้าจอล็อกเครื่อง จะมีความพิเศษขึ้นมาเล็กน้อยจากการที่ตัวเครื่องรองรับการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ทำให้เมื่อมีการแตะที่เซ็นเซอร์หน้าจอก็จะขึ้นแสดงผลวัน เวลา และการแจ้งเตือนที่มีอยู่ พร้อมให้ผู้ใช้กดสแกนลายนิ้วมือ หรือจะเลือกเปิดกล้อง และใช้คำสั่งเสียงจากหน้านี้ก็ได้เช่นเดียวกัน

IMG_6476

อีกความสะดวกในการใช้งาน Moto Z คือการที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวมาให้ ส่งผลให้เวลาวางเครื่องไว้ เมื่อนำมือปาดผ่าน ตัวเซ็นเซอร์ก็จะทำงาน หน้าจอก็จะมีการแสดงผลภาพพักหน้าจอ หรือเวลา ขึ้นมาให้ดูในทันที ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องไปกดปุ่มหรือสัมผัสหน้าจอเพื่อเปิดดูเวลา

s02

และด้วยการที่มากับ Pure Android การที่มี Google Assistant มาช่วยในการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตารางนัดหมาย การแจ้งเตือนสภาพการจราจร เตือนเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลของทีมโปรด ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น ขณะที่ในหน้าจอ Recent App ผู้ใช้สามารถลากปิดแอปที่ไม่ใช้งาน หรือกดเคลียแอปทั้งหมดทิ้งได้ด้วย

s03

ในการเริ่มต้นการใช้งาน Moto Z จะมีขั้นตอนเริ่มต้นง่ายๆอยู่ 3 ชั้นตอน คือการเรียนรู้การใช้คำสั่งลัด ที่จะมีการลากนิ้วมือจากขอบล่างเพื่อย่อหน้าจอให้เหมาะกับการใช้งานมือเดียว เขย่าเครื่อง 2 ครั้งเพื่อเปิดใช้ไฟฉาย รวมถึง Moto Display หรือการวาดมือผ่านเครื่องที่กล่าวไป

ยังมีระบบการเปิดหน้าจอค้างไว้เมื่อมีการดูหน้าจออยู่ (ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับดวงตา) การหมุนเครื่อง 2 ครั้ง เพื่อเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายรูป การพลิกเครื่องเมื่อมีสายเรียกเข้า ในการเข้าสู่โหมดห้ามรบกวน หรือการยกเครื่องขึ้นเพื่อให้สายเรียกเข้าหยุด

ถัดมาคือการตั้งค่าคำสั่งเสียง ในการเรียกใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องตั้งในห้องที่ไม่มีเสียงรบกวน ทำให้เราใช้คำสั่งอย่าง OK Google เพื่อเรียกใช้งานระบบคำสั่งเสียงได้ทันที สุดท้ายคือการจัดการการแจ้งเตือนบนหน้าจอล็อก ที่สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงผลแอปพลิเคชันใดบ้าง และแอปใดที่ไม่ควรแสดงผลในหน้าจอนี้เป็นต้น

s04

ในส่วนของแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องจะเป็นแอปพลิเคชันพื้นฐานในการใช้งานสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ ข้อความ ปฏิทิน กล้อง อัลบั้มภาพ ตัวจัดการไฟล์ เครื่องเล่นเพลง เครื่องเล่นวิดีโอ รวมถึงกูเกิล เซอร์วิสอื่นๆที่มีมาให้ครบถ้วน จะมีแอปที่เพิ่มมาอย่าง Moto และ Moto Mods ในการเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น

s05

สำหรับตัวจัดการไฟล์ (File Manager) ที่ให้มา ถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างง่าย ผู้ใช้สามารถเลือกดูไฟล์ได้จากประเภทของไฟล์ ดูไฟล์ล่าสุด หรือเลือกดูตามโฟลเดอร์ และยังสามารถเข้าไปดูพื้นที่ใช้งานที่เหลืออยู่ได้อีกด้วย และจากการที่ใช้เป็นพอร์ตแบบ USB-C ผู้ใช้สามารถใช้ตัวแปลงเพื่อเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟ การ์ดรีดเดอร์ รวมถึง External HD ในการเข้าถึงไฟล์ได้ด้วย

s08

โหมดการใช้งานโทรศัพท์จะเน้นความง่ายในการใช้งาน จากอินเตอร์เฟสมาตรฐานของแอนดรอยด์ รองรับระบบการคาดเดารายชื่อจากที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ กรณีที่สายเข้าใช้การลากปุ่มจากกึ่งกลางเพื่อรับสาย ตัดสาย หรือส่งข้อความกลับได้ ส่วนกรณีใช้สายสนทนาจะมีปุ่มลัดอย่างเปิดลำโพง ปิดไมค์ เรียกปุ่มตัวเลข พักสาย เพิ่มสาย และปุ่มวางสายตามปกติ

s06

การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มาจะเป็น Chrome ที่มีกาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว การแสดงผลบนหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน การที่รองรับการซิงค์ข้อมูลจากบนพีซีมาใช้งานบนสมาร์ทโฟนยิ่งทำให้การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์สะดวก และฉลาดมากขึ้น

s07

คีย์บอร์ดเสมือนที่ให้มาใช้งานเป็นคีย์บอร์ดมาตรฐานของแอนดรอยด์อยู่แล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับแต่งสีของคีย์บอร์ดได้ การสลับภาษาใช้การกดที่ปุ่มลูกโลกเพื่อสลับไปมาระหว่างภาษาไทยอังกฤษ หรือถ้าต้องการใช้งานอักขระพิเศษ และอีโมติคอน ก็มีให้กดเลือกใช้งานได้ทันที

s13

ในส่วนกล้องของ Moto Z จะมาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/1.8 ที่มีเซ็นเซอร์ขนาด 1.12um มาพร้อมระบบกันสั่น OIS อินเตอร์เฟสในการใช้งานจะเน้นความง่าย โดยจะมีปุ่มหลักๆให้เลือกกดเพียงแค่ ตั้งเวลาถ่ายภาพ เปิดปิดแฟลช เปิดปิด โหมด HDR กับปุ่มสลับกล้องหน้าหลัง ปุ่มชัตเตอร์ และเข้าไปดูรูปภาพ

ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วลากจากบริเวณขอบเพื่อเลือกโหมดในการถ่ายภาพได้ โดยจะมีให้เลือกตั้งแต่ โหมดถ่ายภาพแบบมืออาชีพ โหมดถ่ายภาพสโลว์โมชัน พาโนราม่า วิดีโอ และโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนของการตั้งค่าก็จะมีง่ายๆแค่เปิดปิดเสียงชัตเตอร์ เปิดระบบใช้งานกล่องด่วน บันทึกพิกัดภาพ เลือกขนาดภาพนิ่ง และวิดีโอ กับตั้งปุ่มชัตเตอร์

s14

สำหรับการใช้งานในโหมดถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งได้ตั้งแต่ระยะโฟกัส ปรับ White Balance ตั้งความเร็วชัตเตอร์ ปรับความไวแสง (ISO) และตั้งค่าชดเชยแสง ซึ่งก็จะเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการถ่ายภาพตามสภาพแสงจริง ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกมากยิ่งขึ้น

ขณะที่กล้องกล้องหน้า จะมากับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.2 โดยมากับเลนส์มุมกว้าง แฟลช ขนาดเม็ดพิกเซล 1.4um ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ขณะที่โหมดถ่ายภาพวิดีโอสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 4K 30 fps และ FullHD 1080p 60fps

s09

ส่วนของการตั้งค่าต่างๆ จะมากับมาตรฐานของแอนดรอยด์อีกเช่นกัน ด้วยการแบ่งประเภทการตั้งค่าออกเป็น ระบบไร้สายและเครือข่าย อุปกรณ์ ส่วนตัว และตัวเครื่อง ซึ่งจะมีที่แตกต่างจากทั่วไปอย่างตรงส่วนของ ซิมการ์ด เนื่องจากตัวเครื่องรองรับระบบ 2 ซิม และเพิ่มในส่วนของ Moto Mods ในการบริการจัดการอุปกรณ์เชื่อมต่อ Mods ทั้งหลาย

s10

สำหรับในส่วนของหน้าจอที่ Moto เลือกกลับมาใช้จอ AMOLED ก็เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดสีที่จะแสดงผลได้ว่าจะให้แสดงผลแบบมาตรฐาน หรือแบบเร่งสี เพื่อให้จอดูสวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการที่ตัวเครื่องมาพร้อมกับ NFC ดังนั้นในการเชื่อมต่อก็สามารถใช้งาน Android Beam ในการส่งข้อมูล หรือใช้สำหรับชำระเงินในอนาคตได้

s11

การใช้งาน 2 ซิม ของ Moto Z เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกซิมการ์ดที่จะใส่สแตนบายสามารถจับเครือข่าย 3G ได้ ดังนั้นจึงไม่เกิดปัญหาเหมือนสมาร์ทโฟน 2 ซิมรุ่นก่อนๆ ที่จะจับสแตนบายบน 2G โดยผู้ใช้สามารถเลือกสลับซิมหลักในการใช้งานได้ตามความต้องการ

s12

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงผลในส่วนของพื้นที่ใช้งานในตัวเครื่อง จะเห็นได้ว่าจะพื้นที่ 64 GB ที่ให้มาจะเป็นพื้นที่ของระบบปฏิบัติการไปประมาณ 10.58 GB อยู่แล้ว เช่นเดียวกับในส่วนของหน่วยความจำ RAM ที่จะมีแสดงว่าใช้งานไปเท่าไหร่เช่นเดียวกัน

Photos Gallery

ทดสอบประสิทธิภาพ

s15

AnTuTu Benchmark = 119,934 คะแนน
Quadrant Standard Edition = 40,088 คะแนน
Multi-Touch = 10 จุด

s16

Vellamo
Multicore = 3,546 คะแนน
Metal = 3,567 คะแนน
Chrome Browser = 5,031 คะแนน
Android WebView = 5,749 คะแนน

Geekbench 3
Single-Core = 2,024 คะแนน
Multi-Core = 5,075 คะแนน

ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี จะอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 39 นาที หรือคิดเป็นคะแนนที่ 3,990 คะแนน ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเครื่องในระดับเดียวกัน แต่ในการใช้งานทั่วๆไป แบตเตอรีที่ให้มา 2,600 mAh ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วๆไปในแต่ละวัน นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมากับระบบชาร์จเร็วให้ใช้งานด้วย

s17

PCMark
Work 2.0 = 5,370 คะแนน
Computer Vision = 2,976 คะแนน
Storage = 7,479 คะแนน

3DMark
Sling Shot using ES 3.1 = 2,163 คะแนน
Sling Shot using ES 3.0 = 2,811 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 24,976 คะแนน
Ice Storm Extreme / Ice Storm = Maxed Out!

PassMark PerformanceTest Mobile
System = 8,216 คะแนน
CPU Tests = 155,636 คะแนน
Disk Tests = 36,662 คะแนน
Memory Tests = 7,347 คะแนน
2D Graphics Test = 4,479 คะแนน
3D Graphics Tests = 2,453 คะแนน

โดยรวมแล้วในแง่ของประสิทธิภาพถือว่า Moto Z สอบผ่านในการใช้งานทั้งการใช้งานทั่วไป และการใช้งานหนักๆอย่างการเล่นเกม ทำได้ลื่นไหล เสียตรงการที่ให้แบตเตอรีมาเพียง 2,600 mAh เมื่อใช้งานหนักๆต่อเนื่องจะอยู่ได้ไม่ถึงวัน แต่ถ้าใช้งานทั่วๆไปต้องยอมรับการการจัดการแบตเตอรีทำได้ค่อนข้างดี

สรุป

สิ่งที่ทำให้ Moto Z น่าสนใจคือเรื่องของการที่ไม่กักสเปกทั้งหน้าจอระดับ 2K หน่วยประมวลผล Snapdragon 820 รองรับ 4G ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ มีการเคลือบ Nano Coating เพื่อป้องกันละอองน้ำ พร้อมกับพอร์ตการเชื่อมต่ออย่าง USB-C ที่เริ่มมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้มากขึ้น

แม้ว่าราคาค่าตัวจะสูงในระดับ 23,900 บาท แต่เมื่อเทียบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำมาใช้งานควบคู่ไปกับ Moto Mods ทั้งกล้องจาก Hasselblad โปรเจกเตอร์ ลำโพงจาก JBL รวมถึงแบตเตอรีเสริม และฝาหลังลวดลายต่างๆ ไม่นับกับที่จะทยอยมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ก็ถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ข้อดี

– แอนดรอยด์โฟนประสิทธิภาพสูง จอ AMOLED 5.5” ความละเอียด 2K

– รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE / 2 ซิมการ์ด (เลือกใส่ซิมหรือไมโครเอสดีการ์ด)

– ตัวเครื่องแข็งแรง และบาง (กรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับ Mods)

– Moto Mods ที่ทำให้สมาร์ทโฟนมีลูกเล่นมากขึ้น

ข้อสังเกต

– ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย

– ตัวเครื่องร้อนง่าย เมื่อใช้งานหนักๆ

– ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ต้องใช้ตัวแปลงจากพอร์ต USB-C (มีมาให้ในกล่อง)

Gallery

]]>
ลองเล่น Moto Mods : Hasselblad True Zoom อุปกรณ์เสริมที่จะทำให้หลงรักโมโต https://cyberbiz.mgronline.com/preview-hasselblad-true-zoom/ Mon, 05 Sep 2016 09:23:59 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=23687

DSC00669

จากแนวคิดใหม่ของ Moto ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมของสมาร์ทโฟน ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อเสริมอื่นๆได้ภายใต้แนวคิด Moto Mods ที่ใช้งานร่วมกับ Moto Z ซึ่ง 1 ในอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น Hasselblad True Zoom ที่ร่วมมือกับเจ้าพ่อแบรนด์กล้องมีเดียมฟอร์แมตระดับโลก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างจุดต่างให้กับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

DSC00754

ความง่ายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ถือเป็นจุดเด่นของ Moto Mods เพียงแค่นำอุปกร์มาเชื่อมต่อกัน แม่เหล็กที่ตัวอุปกรณ์เสริมจะทำการดูดติดกับด้านหลังของสมาร์ทโฟนในทันที ที่สำคัญคือแข็งแรงไม่ลื่นหลุดง่ายๆ นอกจากงัดบริเวณขอบล่างของเครื่อง เพื่อให้เกิดช่องว่างก่อนถอดออก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวิธีการหลักในการเชื่อมต่อ Moto Mods อื่นๆด้วย

s01

เมื่อเชื่อมต่อกับ Hasselblad True Zoom เข้าไป กล้องหลักที่ใช้งานก็จะเปลี่ยนจากกล้องด้านหลังเครื่อง เป็นกล้องของ Hasselblad ที่จะมีอินเตอร์เฟสใกล้เคียงกัน เพียงแต่จะมีโหมดให้ปรับใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยในโหมดอัตโนมัติจะมีให้เลือกถ่ายภาพแบบสีปกติ ภาพขาวดำ และภาพสีแบบไฟล์ RAW เพื่อให้มาปรับแต่งเพิ่มเติมได้ กับเลือกรูปแบบการถ่ายภาพอย่างอัตโนมัติ กีฬา ภาพบุคคล ย้อนแสง ภาพทิวทัศน์ หรือจะเลือกโหมดพาโนราม่า และถ่ายวิดีโอในการใช้งานก็ได้

s03

ถัดมาถ้าเป็นช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการปรับแต่งมากยิ่งขึ้น Hasselblad จะมีโหมดถ่ายภาพแบบ Pro ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ทั้งความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง (ISO) ไวท์บาลานซ์ ปรับโฟกัส ไม่นับรวมกับการซูมภาพที่สามารถปรับซูมได้จากบริเวณปุ่มชัตเตอร์ ทำให้สามารถซูมภาพได้ 10 เท่าแบบออปติคัลซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนทั่วไปไม่สามารถทำได้

DSC00750

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการนำปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอออก เหลือเพียงการถ่ายภาพจากปุ่มชัตเตอร์ที่ตัว Hasselblad ซึ่งสามารถกดครึ่งปุ่มเพื่อล็อกโฟกัสได้เหมือนกล้องถ่ายภาพทั่วไป ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของการออกแบบ ตัว Hasselblad ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้จับถือกล้องเพื่อถ่ายภาพได้สะดวกขึ้น

DSC00751

สำหรับสเปกคร่าวๆของ Hasselblad True Zoom จะมีขนาดอยู่ที่152.3 x 72.9 x 9 – 15.1 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม ตัวเลนส์ใช้เซ็นเซอร์ BSI CMOS ขนาด 1/2.3 นิ้ว 1.55 um f/3.5-6.5 ความละเอียดภาพที่ได้ 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียด Full HD 1080p/30fps

DSC00670

ส่วนระยะการถ่ายภาพอยู่ที่ 25 – 250 มิลลิเมตร ระยะมาโครที่ 5 เซนติเมตร (1x) และ 1.5 เซนติเมตร (10x) นอกจากนี้ ยังมีการใส่ Xenon Flash มาให้ใช้งาน พร้อมระบบกันสั่น OIS สำหรับภาพนิ่ง และ EIS สำหรับภาพเคลื่อนไหว ปรับ ISO ได้ตั้งแต่ 100 – 3,200 และการบันทึกภาพจะมีการจัดเก็บไว้ภายในสมาร์ทโฟน พร้อมอัปโหลดขึ้นไปเก็บไว้บนคลาวด์แบบอัตโนมัติ

DSC00668

โดยรวมแล้ว ต้องยอมรับว่าการที่โมโต เลือกการเป็นพันธมิตรกับทาง Hasselblad ถือเป็นความแปลกใหม่ในวงการอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ที่แน่นอนว่าในไลน์การผลิตของโมโต ไม่ได้มีเพียงแค่ True Zoom เพียงอุปกรณ์เดียว เพราะจากการที่ได้พูดคุยกับทาง Hasselblad พบว่า การเป็นพันธมิตรดังกล่าว ถือเป็นความร่วมมือในระยะยาว ซึ่งในอนาคตอันใกล้ก็จะได้เห็นผลิตภัณฑ์อื่นๆตามออกมาในส่วนของการถ่ายภาพเช่นเดียวกัน

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว True Zoom จึงถือเป็นอุปกรณ์ที่จะมาบุกเบิกจากความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ ด้วยการตอบโจทย์ในการแปลงสมาร์ทโฟนเป็นกล้องถ่ายภาพที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับถือสมาร์ทโฟนถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น จากการกริปที่ยื่นออกมา ประกอบกับคุณภาพที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับสูงของกล้องถ่ายภาพอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ช่างภาพหลายคนหันมาเลือกใช้ Moto Z / Moto Z Play เหมือนกับการที่ผู้ถ่ายภาพหลายรายเลือกซื้อ Huawei P9 ที่ได้ร่วมมือกับ Leica ในการนำเทคโนโลยีมาใส่ให้ใช้งาน อย่างไรก็ตามในตลาดแมส ชื่อชั้นของ Hasselblad อาจจะไม่คุ้นหูเท่า Leica เพราะด้วยแบรนด์ที่ทำแต่กล้องขนาดใหญ่ ทำให้ต้องจับตาดูเหมือนกันว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างไร เนื่องจากราคาเปิดตัวของ True Zoom อยู่ที่ 299 เหรียญ หรือราวๆหมื่นบาท

ด้านล่างจะเป็นตัวอย่างภาพที่ถ่ายจาก Hasselblad True Zoom ที่มีทั้งการถ่ายภาพสีปกติ ขาวดำ รวมถึงการซูมภาพเมื่อเทียบกับระยะที่ถ่ายแบบปกติ เพื่อให้เห็นถึงความละเอียดของภาพเมื่อทำการซูม 10x ถ้าต้องการรับชม ไฟล์ภาพ จริงสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้

ส่วนข่าวดีก็คือ เตรียมพบกับ Moto Z, Moto Z Play และ Moto Mods ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ที่งาน Thailand Mobile Expo 2016 จัดวันที่ 29 ก.ย. – 2 ต.ค. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Gallery

]]>