Operating System – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Sun, 17 Jan 2016 16:57:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review: Android 6.0 Marshmallow ลงตัว แบตฯอึดขึ้น ไฮไลท์ Now on Tap เจ๋งจริง https://cyberbiz.mgronline.com/android-6-marshmallow/ Tue, 06 Oct 2015 15:34:01 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=17716

หลังจากกูเกิลพลิกโฉมแอนดรอยด์ยุคใหม่ในรุ่น 5.0 Lollipop พร้อมเปิดศักราชแอนดรอยด์ดีไวซ์ 64 บิตด้วยชุดรันไทม์ใหม่นามว่า “ART” ครั้งแรก แต่ผลลัพท์ที่ตามมายังไม่น่าพอใจนัก เพราะมีข้อผิดพลาดหลายส่วนเกิดขึ้นกับแอนดรอยด์ 5.0 โดยเฉพาะดีไวซ์ของกูเกิลในตระกูล Nexus ที่เจอปัญหามากสุด จนกูเกิลต้องปล่อยอัปเดตรุ่นย่อยออกมามากมาย

และในวันนี้ตามรอบอัปเดตซอฟต์แวร์ของกูเกิล หลังจากงาน Google I/O ผ่านพ้นไปไม่นาน กูเกิลก็พร้อมปล่อยระบบปฏิบัติการตัวใหม่ออกมาในชื่อ “Marshmallow” ซึ่งเป็นแอนดรอยด์รุ่นที่ 6 ร่วมกับสมาร์ทโฟน Nexus รุ่นใหม่ได้แก่ LG Nexus 5X, Huawei Nexus 6P และแท็บเล็ต Google Pixel C

โดยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่นี้จะเน้นการปรับปรุง แก้ไขและเพิ่มความสมบูรณ์ของแอนดรอยด์ยุค Material Design ให้มีภาพที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพและความฉลาดให้ Google Now ถึงขีดสุดเพื่อไม่ให้เสียชื่อเจ้าพ่อคลังข้อมูล Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับรอบอัปเดตแอนดรอยด์ 6.0 Marshmallow จะเริ่มต้นจากสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus ก่อน ได้แก่ Nexus 5, Nexus 6, Nexus 7, Nexus 9 และ Nexus Player ซึ่งผู้ใช้สามารถอัพเดทผ่านทาง OTA หรืออัปเดตด้วยตัวเองผ่านไฟล์ Factory Images (Google Developers) ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนแอนดรอยด์โฟนแบรนด์อื่นต้องรอทางผู้ผลิตประกาศรอบอัปเดตอีกครั้ง

558000011629703

ในส่วนการเปลี่ยนแปลงภายใน Android 6.0 Marshmallow เริ่มจากหน้าโฮมสกรีน ภาพรวมจะดูไม่แตกต่างจากแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop ตัวก่อนนัก ยกเว้นฟอนต์นาฬิกาหน้าล็อกสกรีนที่ได้รับการปรับใหม่ให้ใหญ่ขึ้นและภาพพื้นหลังที่มีให้เลือกเพิ่มขึ้น

558000011629704

และถ้าลองสัมผัสและใช้งานจริงจะพบว่า กูเกิลมีการปรับเรื่องการแสดงผลส่วน Animation ใหม่ให้มีความลื่นไหลและตอบสนองต่อการกดสั่งงานได้รวดเร็วขึ้นพอสมควร (ทดสอบบน Nexus 5) ส่วนหน้ารวมแอปฯ (App Drawer) ก็มีการปรับการแสดงผลจากเลื่อนในแนวนอนเป็นเลื่อนแนวตั้ง พร้อมแถบแสดงแอปฯที่เปิดใช้งานไปแล้วอยู่เหนือส่วนรวมแอปฯ

558000011629705

มาดูส่วนแจ้งเตือน (Notification) มีการปรับเปลี่ยนไอคอนห้ามรบกวนใหม่ นอกจากนั้นระบบยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตั้งค่าด่วนได้ โดยการกดปุ่มเฟืองมุมขวาบนค้างไว้จนเฟืองหมุนแล้วปล่อย ระบบจะพาเข้าสู่หน้าปรับ System UI ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกเปิดตัวแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรีได้แล้ว (ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแอนดรอยด์แบรนด์อื่น)

558000011629706

นอกจากนั้นส่วนควบคุมเสียงที่จะปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้กดปุ่มเพิ่มลดเสียง จากเดิมจะมีให้ปรับเฉพาะเสียงริงโทนเท่านั้น แต่ในแอนดรอยด์ 6.0 ระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นให้ผู้ใช้สามารถปรับเสียงอื่นๆเพิ่มเติมได้เหมือน UI เจ้าอื่นแล้ว

ในส่วนการเปิดโหมดห้ามรบกวนก็เปลี่ยนจากการกด Priority เป็นการกดปุ่มลดเสียงจนไอคอนรูปโทรศัพท์เป็นสีเทาพร้อมมีข้อความ Alarms only ปรากฏขึ้น ซึ่งถือว่าทำได้ง่ายขึ้นและไม่สร้างความสับสนให้ผู้ใช้เหมือนตอนแอนดรอยด์ 5.0

558000011629707

มาถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดใน Android 6.0 Marshmallow ก็คือการมาของ Google “Now on Tap” ซึ่งปกติการค้นหาข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลสถานที่ที่ปรากฏในอีเมล์ ชื่อนักร้องจากเพลงที่กำลังฟังอยู่ เราสามารถค้นหาสิ่งเหล่านี้ได้จาก Google Search หรือค้นหาผ่าน Google Now ด้วยวิธีการพิมพ์ค้นหาด้วยตัวเอง ซึ่งกูเกิลมองว่าเป็นวิธีที่ล้าหลังและไม่สะดวกนัก

กูเกิลจึงคิดค้นฟังก์ชัน Now on Tap ขึ้น โดยใช้ความสามารถของ Google Now ที่กูเกิลเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ Android 4.4 KitKat และหลายคนคงได้เห็นความมหัศจรรย์ในการคาดเดาและดึงข้อมูลที่ตรงใจเราโดยที่เราไม่ต้องร้องขอ เช่น ถึงเวลา 9 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่เราไปทำงาน Google Now สามารถเรียนรู้และแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปทำงานอัปเดตเราตลอดทุกเช้า หรือแม้แต่การที่เราเดินทางไปใกล้โรงภาพยนตร์ Google Now สามารถแสดงรอบฉายของโรงภาพยนตร์ที่เราอยู่ใกล้ได้ เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้กูเกิลนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นฟีเจอร์ “Now on Tap” ซึ่งระบบสามารถอ่านหน้าแอปฯที่เราเปิดอยู่ได้ เช่น เราเปิดอีเมล์ฉบับหนึ่ง เมื่อเรากดเรียก Now on Tap (กดปุ่มโฮมค้างไว้) ระบบจะอ่านอีเมล์ของเราทั้งฉบับ และจากนั้นระบบจะคาดเดาความต้องการของเราโดยอ้างอิงจากเนื้อความในจดหมาย ตั้งแต่พาดหัวถึงส่วนของข้อความ เช่น ในอีเมล์มีการบอกสถานที่นัดหมาย เมื่อเรากดเรียก Now on Tap ก็จะมีข้อมูลของสถานที่ที่เรานัดหมายปรากฏขึ้น ตั้งแต่ แผนที่เดินทางเชื่อมต่อกับ Google Maps เบอร์โทรศัพท์สอบถามเส้นทาง ภาพสตรีทวิว เป็นต้น

หรือถ้าระหว่างที่เราฟังเพลงอยู่ แล้วเราต้องการทราบรายละเอียดของเพลงและนักร้องที่เรากำลังฟังอยู่ เมื่อกดเรียก Now on Tap ระบบจะดึงข้อมูลศิลปินพร้อมภาพหน้าตานักร้องขึ้นมา นอกจากนั้นยังมีลิงค์ไปยังมิวสิควิดีโอของเพลงที่เรากำลังฟังอยู่ได้ด้วย

ถ้าผู้อ่านยังไม่เห็นภาพการทำงานของ Now on Tap แนะนำให้รับชมคลิปวิดีโอนี้ครับ แล้วจะเข้าใจว่าเหตุใดกูเกิลถึงตั้งสโลแกนฟีเจอร์ Now on Tap ว่า “The smartest shortcut from here to there”

558000011629708

และอีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ Now on Tap ก็คือ ชุดคำสั่งประหยัดแบตเตอรีในชื่อ Doze เพราะหลังจากชาว Nexus โดยเฉพาะ Nexus 5 ได้กร่นด่ากูเกิลว่าแอนดรอยด์ 5 Lollipop บริโภคแบตเตอรีหนักมาก กูเกิลจึงคิดแก้เกมใน Android 6.0 Marshmallow ด้วยชุดคำสั่งใหม่ถอดด้ามนี้

ด้วยหลักการทำงานแบบเดียวกับชื่อร่วมกับชุดคำสั่ง App Standby ก็คือระหว่างที่เราไม่ได้ใช้งานสมาร์ทโฟน (หน้าจอปิดอยู่) แอปฯที่ทำงานอยู่เบื้องหลังทั้งหมดจะถูกตรวจสอบ จากนั้นระบบจะจำกัดการส่งข้อมูลในส่วนแอปฯที่ต้องมีการแจ้งเตือน และบางแอปฯที่ไม่มีการส่งข้อมูลเป็นเวลานานอาจถูกทำให้หลับ (Sleep state)

ผลลัพท์จากการทดสอบ Doze ด้วย Nexus 5 ที่เริ่มเกิดอาการแบตฯเสื่อม ปกติเวลาทีมงานปิดหน้าจอไว้ แบตเตอรีจะหมดลงเร็วและบางครั้งมีอาการเครื่องร้อนแบบไม่ทราบสาเหตุ แต่ใน Android 6.0 Marshmallow ทีมงานชาร์จแบตฯเต็ม 100% เมื่อช่วง 11 โมงเช้า เวลาผ่านไป 8 ชั่วโมง แบตเตอรีลดเหลือ 95% (แจ้งเตือน Facebook เด้งตลอด) และเมื่อดูในส่วนของกราฟคำนวณเวลาใช้งานฟ้องอยู่ที่ 6 วันแบตเตอรีถึงหมด

นอกจากนั้นใน Android 6.0 Marshmallow ยังพร้อมรองรับพอร์ต USB-C ที่จะแนบระบบชาร์จไฟแบบรวดเร็วในอนาคตด้วย

558000011629709

มาถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจกันบ้าง เริ่มจาก App Permission สำหรับผู้ใช้ที่ชอบจำกัดการติดต่อระหว่างแอปฯกับฮาร์ดแวร์ด้วยเหตุผลคือป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ในแอนดรอยด์ 6.0 ผู้ใช้สามารถจัดการการเข้าถึงของแอปฯเหล่านั้นได้อย่างอิสระแล้ว

558000011629711558000011629710

สุดท้ายกูเกิลยังได้ปรับเรื่องความลงตัวของคำสั่งและการตั้งค่าต่างๆให้สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น การคัดลอก และเลือกข้อความ เมื่อเราใช้นิ้วจิ้มสร้างเขตข้อความที่เราต้องการคัดลอก จะมีปุ่ม Copy Paste Share ที่ออกแบบได้เข้าใจและใช้ง่ายกว่าเดิมปรากฏขึ้นทันที

และในส่วนการตั้งค่าก็มีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆเช่น

– ส่วนจัดเก็บข้อมูลและหน่วยความจำดูดีขึ้น
– รองรับปากกาเขียนจอผ่าน Bluetooth
– ออปชันใน Set up WiFi Hotspot เพิ่มขึ้น โดยให้ผู้ใช้สามารถเลือกปล่อย WiFi บนความถี่ 2.4GHz หรือ 5GHz ได้ตามต้องการ
– เพิ่มออปชัน Network settings reset เวลาเครือข่ายมีปัญหา
– เพิ่มออปชันเวลาเสียบสายชาร์จเข้ากับคอมพิวเตอร์ รองรับอุปกรณ์เสียง MIDI ภายนอกและสามารถตั้งให้ชาร์จไฟอย่างเดียวได้

และทั้งหมดก็คือการเปลี่ยนแปลงใน Android 6.0 Marshmallow ที่ทีมงานมองว่าเป็นการเพิ่มความสมบูรณ์ให้แอนดรอยด์ยุค 64 บิตที่กูเกิลทำได้สมบูรณ์แบบขึ้น ปัญหาหลายส่วนถูกแก้ไขจนหมดจนกลายเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ลงตัวสุดในแอนดรอยด์ยุคหลังนี้ โดยเฉพาะแบตเตอรีกับชุดคำสั่งใหม่ที่ให้ผลลัพท์ที่ยอดเยี่ยมและประหยัดแบตเตอรีได้จริงๆเสียที อยากปรบมือให้ดังๆเลย

]]>
Review: OS X El Capitan สมบูรณ์และเป็นหนึ่งเดียวกับ iOS มากขึ้น https://cyberbiz.mgronline.com/review-osx-el/ Mon, 05 Oct 2015 07:57:43 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=17702

หลังจากแอปเปิลเริ่มยุคใหม่ของระบบปฏิบัติการ OS X ที่ปล่อยให้ลูกค้า Mac ดาวน์โหลดอัปเดตได้ฟรี พร้อมปรับส่วนการทำงานให้เน้นความเรียบง่ายแบบมินิมัลลิสต์และปรับให้เป็นหนึ่งเดียวกับระบบปฏิบัติการ iOS บนไอโฟน ไอพอดและไอแพดไปตอน Yosemite (โยสิมิตี) ในปีนี้ก็ถึงเวลาที่แอปเปิลจะเพิ่มความสมบูรณ์ให้ OS X ขึ้นไปอีกขั้นกับ El Capitan (เอล กัปปิตัน) หรือ OS X รุ่น 10.11

โดยชื่อ El Capitan เป็นชื่อของกำแพงหินสูง 914.4 เมตร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Yosemite เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถติดตั้ง OS X El Capitan มีดังต่อไปนี้
iMac ตั้งแต่ Mid 2007 ขึ้นไป
MacBook ตั้งแต่ Late 2008
MacBook Air ตั้งแต่ Late 2008
MacBook Pro 13 นิ้ว ตั้งแต่ Mid 2009
MacBook Pro 15 นิ้ว ตั้งแต่ Mid/Late 2007
MacBook Pro 17 นิ้ว ตั้งแต่ Late 2007
Mac Mini ตั้งแต่ Early 2009
Mac Pro ตั้งแต่ Early 2008
Xserve ตั้งแต่ Early 2009

แต่ทั้งนี้อุปกรณ์ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์บน OS X El Capitan ได้ครบถ้วนทั้งหมดต้องเป็นรุ่นที่วางขายตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป ถ้าเป็นรุ่นต่ำกว่านี้ บางฟีเจอร์จะไม่สามารถใช้งานได้

558000011561903

สำหรับระบบปฏิบัติการ OS X El Capitan แอปเปิลได้ใช้แนวคิดในการปรับปรุงระบบปฏิบัติการเฉกเช่นเดียวกับ iOS 9 ที่เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดไป กล่าวคือ ในครั้งนี้แอปเปิลจะไม่เน้นปรับเปลี่ยนหน้าตาหรือเพิ่มฟีเจอร์ ฟังก์ชันการใช้งานให้แตกต่างจากเดิมมากจนเกินไป แต่ทางแอปเปิลจะเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพและทำให้ตัวระบบปฏิบัติการ OS X และ iOS เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ตามแนวคิดเดิมที่วางไว้

558000011561904

เพราะฉะนั้นแอปพลิเคชันหลายตัวบน El Capitan จะถูกออกแบบใหม่ให้คล้ายกับบน iOS 9 เพื่อให้การสลับการใช้งานระหว่าง iOS และ OS X เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ฟอนต์ที่ปรับเปลี่ยนเป็น “San Francisco” และแอปฯ Note ที่สามารถแทรกรูปภาพ สร้าง To-Do List ไปถึงการใส่พิกัดและแผนที่ได้พร้อมรองรับการทำงานร่วมกับ iCloud ได้สมบูรณ์และซิงค์ข้อมูลระหว่างดีไวซ์ได้รวดเร็วขึ้น

ส่วนคนที่เปิดใช้งาน iCloud Photo Library ใน iOS 9 ไว้ การปรับแต่งรูปภาพ แก้ไขสีหรือแก้ไขส่วนของ Tag สถานที่จาก OS X จะเปลี่ยนแปลงรูปภาพที่อยู่บนอุปกรณ์แอปเปิลที่ใช้บัญชี iCloud เดียวกันด้วย

558000011561905

อีกจุดเด่นต่อมาใน OS X ใหม่นี้ก็คือ “แอปเปิลเปิดโอกาสให้ผู้พัฒนารายอื่นสามารถพัฒนาส่วนเสริม (Extension) เช่น ฟิลเตอร์ตกแต่งภาพใหม่ๆ หรือเอ็ฟเฟ็กต์ภาพต่างๆ สำหรับแอปฯรูปภาพ (Photos) ได้ โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดส่วนเสริมที่ชื่นชอบได้จาก Mac App Store

558000011561906

นอกจากนั้นในแอปฯ Photos ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถจัดหมวดหมู่ภาพได้ง่ายขึ้นและสามารถแก้ไขหรือเพิ่ม Tag สถานที่ที่ถ่ายภาพได้ทั้งรูปเดียวหรือหลายรูป รวมถึงระบบตรวจจับใบหน้าเพื่อสร้าง Tag ก็ทำได้ฉลาดขึ้น

558000011561907

Split View ในไอแพดที่ติดตั้ง iOS 9 สามารถใช้คุณสมบัติแบ่งสองหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปฯ แบบ Multi tasking 2 แอปฯในเวลาเดียวกันได้ และใน OS X El Capitan ก็มาพร้อมคุณสมบัติดังกล่าวด้วยเช่นกัน

โดยแอปฯที่รองรับระบบ Split View (สามารถชมวิธีการเปิดใช้ได้จากวิดีโอด้านบน) ปัจจุบันยังมีไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นแอปฯของแอปเปิลเอง ส่วนแอปฯจากผู้ผลิตรายอื่นคาดว่าต้องรออัปเดตในอนาคต

Mission Control ออกแบบใหม่ เพื่อการใช้งานที่สะดวก ง่ายและช่วยให้การสลับใช้งานแอปฯหลายตัวในหน้าจอเดียวกันทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคุณจะมองเห็นหน้าต่างแอปฯที่เปิดใช้งานอยู่ทั้งหมด โดยไม่มีการทับซ้อนเหมือน Mission Control ตัวเก่า

558000011561908

Safari 9.0 จุดเด่นสุดของ Safari รุ่นใหม่นี้จะเน้นเรื่องการปรับปรุงระบบมัลติมีเดียให้ดีขึ้น เช่น AirPlay ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถแชร์เฉพาะวิดีโอไปแสดงผลแบบเต็มหน้าจอทีวีผ่าน Apple TV ได้

นอกจากนั้นสำหรับผู้ใช้ที่มีปัญหาเวลาชมคลิปวิดีโอหรือฟังเพลงจากหลายเว็บไซต์ด้วยการเปิดหลายแท็บพร้อมๆกัน แล้วเสียงเกิดซ้อนทับขึ้นมาเพราะวิดีโอหรือเพลงที่เปิดในแต่ละแท็บดันเล่นพร้อมกันพอดี ในสมัยก่อนผู้ใช้ต้องควานหาแท็บที่กำลังเล่นมีเดียไฟล์เหล่านั้นอยู่ ก่อนกดเข้าไปเพื่อค้นหามีเดียไฟล์ที่เล่นอยู่แล้วกดปิดเสียง แต่ใน Safari 9.0 แท็บที่มีการเล่นมีเดียไฟล์จะมีรูปลำโพงปรากฏขึ้น และผู้ใช้สามารถกดหยุดเสียงเหล่านั้นได้เพียงนำเมาส์ไปคลิกที่ไอคอนรูปลำโพงเท่านั้น

558000011561909

อีกทั้งสำหรับผู้ใช้ที่มีเว็บประจำต้องเข้าอ่านทุกเช้า ใน Safari ใหม่ยังสามารถปักหมุดหน้เว็บไซต์ที่ชื่นชอบไว้บริเวณแท็บได้ โดยวิธีการปักหมุดทำได้ง่ายเพียงแค่เข้าหน้าเว็บที่ต้องการปักหมุดจากนั้นกดเมนู Window เลือก Pin Tab

558000011561910

Mail ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และในหน้า Inbox ระบบยังให้ผู้ใช้สามารถลบเมล์ได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้นิ้วสองนิ้วปัดจากขวาไปซ้ายที่ Trackpad เท่านั้น

ส่วนเมื่อแสดงผลแอปฯ Mail เต็มหน้าจอ แล้วเลือกเมนูเขียนจดหมายใหม่ (New Message) หน้าต่างที่ปรากฏขึ้นจะสามารถซ่อนได้ ด้วยการนำเมาส์ไปคลิกบริเวณพื้นหลัง กรอบข้อความใหม่จะเลื่อนลงมาด้านล่างและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าถึงอีเมล์อื่นๆเพื่อคัดลอกข้อความหรือทำสิ่งอื่นๆได้ง่ายขึ้น (ชมสาธิตการใช้งานที่วิดีโอด้านบน)

558000011561911

Spotlight Search ใหม่ ในส่วนนี้ถูกปรับปรุงไปในทิศทางเดียวกับ iOS 9 กล่าวคือช่องค้นหาจะไม่ได้ทำหน้าที่เพียงค้นหาเฉพาะไฟล์หรือเอกสารบนเครื่องอีกแล้ว แต่ช่องค้นหาใหม่จะสามารถค้นหาข้อมูลทั้งจาก E-Mail เพลง Apple Music และอื่นๆ รวมถึงสามารถสั่งแปลงค่าเงินสกุลต่างๆ หรือคำนวณและแปลงค่าหน่วยวัดต่างๆได้ด้วย

558000011561912

เคอร์เซอร์เมาส์หายหาไม่เจอ เราช่วยได้ เป็นหนึ่งไอเดียวที่แอปเปิลคิดดีทำดีมาก เพราะเวลาเราใช้งาน OS X บนหน้าจอความละเอียดสูงหรือใช้งาน Mac หลายจอภาพ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่พบก็คือหาเคอร์เซอร์เมาส์ไม่เจอ แต่ใน OS X El Capitan เพียงคุณสั่นเมาส์ไปมาสัก 2-3 ครั้งติดกัน เคอร์เซอร์เมาส์จะขยายใหญ่ขึ้นชั่วครู่เพื่อให้คุณสามารถมองเห็นเคอร์เซอร์ได้ชัดเจนขึ้น

และทั้งหมดคือการเปลี่ยนแปลงส่วนหลักที่เกิดขึ้นกับ OS X El Capitan ในส่วนการเปลี่ยนแปลงปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆแต่น่าสนใจไม่แพ้ส่วนหลักจะอยู่ที่การเข้ามาของชุดคำสั่งกราฟิกตัวใหม่ในชื่อ “Metal” ที่ช่วยให้การประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้นกว่าเดิม 50% และช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิมถึง 40% แต่ทั้งนี้อุปกรณ์ Mac ที่สามารถใช้งานชุดคำสั่ง Metal ได้ต้องเป็น Mac ที่ออกวางจำหน่ายในช่วงปี 2012 เป็นต้นไป

สุดท้ายสำหรับภาพรวม OS X El Capitan ก็ถือเป็นการเติมความสมบูรณ์ให้กับ OS X ยุคใหม่ที่แอปเปิลทำได้ดี ลงตัวและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะการที่แอปเปิลพยายามหลอมหลวม OS X และ iOS บนสมาร์ทดีไวซ์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่การมาของ iCloud และฟีเจอร์ Handoff ที่ระหว่างคุณใช้งานแอปฯบน iOS อยู่ก็สามารถเลือกทำงานต่อบน OS X ได้ทันที หรือแม้แต่ความสามารถในการเลือกรับสายสนทนาโทรศัพท์จากไอโฟน จาก Mac หรือ iPad เป็นต้น

ซึ่งใน OS X El Capitan เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นที่สมบูรณ์แบบและเสถียรมากขึ้น การมาของภาษาเขีบนโปรแกรม Swift 2 ที่แอปเปิลเลือกใช้เป็นภาษากลางในการเขียนโปรแกรมทั้งบน OS X, iOS และ WatchOS ก็เท่ากับว่า ในอนาคตทุกระบบปฏิบัติการของแอปเปิลจะเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น การสลับใช้งานระหว่างโอเอสจะเป็นไปอย่างไร้รอยต่อจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน อีกทั้งผู้ใช้งานแอปเปิลดีไวซ์ที่แตกต่างกันสามารถเลือกใช้งานข้ามระบบปฏิบัติการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงด้านผู้พัฒนาแอปฯที่ในอนาคตการพัฒนาแอปฯครั้งเดียวคาดว่าจะสามารถรันบนแอปเปิลโอเอสได้ทั้งหมด

และที่สำคัญในอนาคต OS X จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะทุกฟังก์ชันการทำงานจะไม่แตกต่างกับ iOS เพียงแต่ว่าการทำงานบน Mac จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเท่านั้นเอง

]]>
Review: Windows 10 ปรับใหม่ให้สมบูรณ์ขึ้น https://cyberbiz.mgronline.com/windows-10/ Wed, 02 Sep 2015 23:45:01 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=18548

558000010327102

หลังจากวินโดวส์ 8 เปิดตัวพร้อมกับการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาด้วยการคิดใหม่ทำใหม่เพื่อให้สอดรับกับโลกโมบายดีไวซ์ที่เติบโตสูงขึ้น และการใช้งานก็ไม่ได้มีเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กเหมือนสมัยก่อน ไมโครซอฟท์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ โดยเนื้อหาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่อง “วินโดวส์ยุคใหม่เน้นการใช้งานแบบแท็บเล็ตและปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานมากจนเกินไป” ทำให้ความสมบูรณ์และความสมดุลระหว่างผู้ใช้กับเทคโนโลยีและการออกแบบที่ปรับเปลี่ยนไปเกิดความไม่ลงตัว เสียงตอบรับจากผู้บริโภคจึงแตกออกเป็นหลายเสียง

จนในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ได้ปรับแก้เพิ่มความสมบูรณ์ให้กับวินโดวส์ 8 ไม่ว่าจะเป็นการคืนปุ่ม Start Menu ไปถึงปรับความเสถียรและแก้ปัญหาข้อผิดพลาดจนเกิดเป็น “วินโดวส์ 8.1” พร้อมกับการมาของพีซีจอสัมผัส แท็บเล็ตวินโดวส์จากหลายแบรนด์ผู้ผลิตที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น

มาในปีนี้หลังจากจังหวะของไมโครซอฟท์เริ่มเข้าที่เข้าทาง แบรนด์ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเริ่มปรับตัวเข้าหาวินโดวส์ยุคคิดใหม่ทำใหม่แล้ว ก็ถึงเวลาที่ไมโครซอฟท์จะเพิ่มความสมบูรณ์ของวินโดวส์ยุค Post PC ให้สมบูรณ์แบบขึ้นพร้อมเปิดรับฟังเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้และแก้ไขใหม่จนกลายเป็น “วินโดวส์ 10” ที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้

อัปเกรดฟรี!

558000010327103

เรียกได้ว่าไมโครซอฟท์ทุ่มหมดตัวกับวินโดวส์ 10 และต้องการเอาชนะคู่แข่งคนสำคัญ (ช่วงหลังคู่แข่งคนนี้แย่งส่วนแบ่งการตลาดไปมากพอสมควร) ไมโครซอฟท์จึงเลือกใช้โปรโมชันแจกฟรีวินโดวส์ 10 ให้กับผู้ใช้เวอร์ชัน 7, 8 และ 8.1 ลิขสิทธิ์แท้ทุกรูปแบบ โดยการอัปเกรดจะใช้วิธีแอบดาวน์โหลดและติดตั้งผ่านระบบ Windows Update หลังจากผู้ใช้เข้าไปกดตอบรับยินยอมรับวินโดวส์ 10 ไว้ใช้งาน (ตัวอย่างตามภาพประกอบด้านบน)

558000010327104

สำหรับผู้ใช้วินโดวส์รุ่นเก่ากว่า 7 ลงไปรวมถึงผู้ใช้วินโดวส์เถื่อนที่ถึงแม้จะเลือกอัปเกรดและใช้งานวินโดวส์ 10 ได้ (แต่ระบบจะฟ้องติดสถานะไม่ใช่วินโดวส์แท้จนทำให้ Windows Update ไม่ทำงาน) คิดอยากจะปรับเปลี่ยนไปใช้วินโดวส์ 10 ลิขสิทธิ์แท้ ทางไมโครซอฟท์ก็มีทางเลือกแบบเสียเงินให้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.Windows 10 Home ราคา 5,199 บาท และ2.Windows 10 Pro เหมาะสำหรับงานธุรกิจ (มี Remote Desktop และ Hyper-V ใช้งานโอเอสได้หลายตัวในพีซีเครื่องเดียว) ราคา 8,999 บาท สามารถสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ Microsoft Store ประเทศไทยได้

มีอะไรใหม่ใน Windows 10

558000010327105
หน้า Desktop แบบดั้งเดิม

หน้า Tablet Mode ถูกลดความสำคัญให้โดดเด่นเฉพาะเมื่อใช้แท็บเล็ตวินโดวส์เท่านั้น ส่วนเมื่อใช้กับพีซี หน้า Desktop จะเข้ามาแทนที่เป็นส่วนหลัก
หน้า Tablet Mode ถูกลดความสำคัญให้โดดเด่นเฉพาะเมื่อใช้แท็บเล็ตวินโดวส์เท่านั้น ส่วนเมื่อใช้กับพีซี หน้า Desktop จะเข้ามาแทนที่เป็นส่วนหลัก

 

ปัญหาความไม่คุ้นชินหน้าวินโดวส์แบบ Live Tiles ในชื่อ “Metro UI” หรือจะเรียกว่า “Modern UI” ซึ่งเข้ามาแทนที่หน้า Desktop แบบดั้งเดิม เป็นปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนต่างขึ้นเสียงบ่นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะผู้ใช้พีซีตั้งโต๊ะไร้หน้าจอสัมผัสที่ยังคงรักรูปแบบการใช้งานแบบดั้งเดิมอยู่

558000010327107

แต่สำหรับวินโดวส์ 10 ไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงส่วนดังกล่าวใหม่หมด โดยเปลี่ยนค่าเริ่มต้นระบบหลังจากเข้าใช้งานวินโดวส์ ระบบจะเริ่มทำงานจากหน้า Desktop ก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อผู้ใช้ต้องการปรับเป็นโหมด Metro UI (Modern UI) ที่ในวินโดวส์ 10 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Tablet Mode” ผู้ใช้สามารถกดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าเป็นแท็บเล็ตวินโดวส์ เช่น Surface เมื่อเราพับคีย์บอร์ดลงหรือเปลี่ยนไปใช้งานแบบแท็บเล็ตด้วยการดึงส่วนคีย์บอร์ดออก ระบบจะตรวจจับและปรับเปลี่ยนเป็น Tablet Mode ให้อัตโนมัติด้วยฟีเจอร์ที่ชื่อ ”Continuum” ทำให้รูปแบบวินโดวส์สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ตามฮาร์ดแวร์ที่เราใช้งานอยู่ เช่น เปิดใช้งานบนพีซีหรือ Laptop จะเป็นอีกแบบหนึ่ง พอเปลี่ยนเป็นแท็บเล็ตหรือ Laptop แบบไฮบริดแล้วพับหน้าจอหรือถอดคีย์บอร์ดออกจะแสดงผลอีกรูปแบบหนึ่งตามความเหมาะสมของฮาร์ดแวร์

558000010327108

Start Menu ถูกนำกลับมาปรับปรุงให้มีความสามารถเหมือนกับ Start Menu ของวินโดวส์รุ่นก่อนพร้อมเพิ่มเมนูในการเข้าสู่หน้ารวมแอปฯทั้งหมด (All Apps) เข้ามาให้ผู้ใช้สามารถกดค้นหาแอปฯในเครื่องได้ง่ายกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มปุ่มเปิดปิด (Power) ให้กดใช้งานง่ายทั้งแท็บเล็ตและพีซีตั้งโต๊ะ รวมถึงผนวกรวม Live Tiles จาก Tablet Mode เข้ามาให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้จากปุ่ม Start Menu เพียงปุ่มเดียว

558000010327109

นอกจากนั้นในส่วนของ Taskbar ยังมีการเพิ่มปุ่มค้นหาแอปฯเข้ามาให้เลือกใช้งานได้สะดวกขึ้น หรือจะเลือกถามผู้ช่วย AI อัจฉริยะ Cortana ก็สามารถทำได้จากส่วนนี้ (แต่ประเทศไทยไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดให้บริการขณะนี้)

558000010327110

Action Center เป็นส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ เพื่อใช้เป็นส่วนรวมการแจ้งเตือน (Notifications) จากแอปฯต่างๆ รวมไปถึงเป็นที่อยู่ของปุ่มตั้งค่า Quick Settings แบบเดียวกับที่อยู่ในวินโดวส์โฟน โดยมีคำสั่งใหม่ๆเพิ่มเข้ามา เช่น Quiet hours หรือการตั้งห้ามรบกวนแบบเดียวกับที่อยู่ในสมาร์ทโฟน

558000010327111

Task View จากเดิมการสลับใช้งานแอปฯที่เปิดค้างไว้จะทำได้จากส่วนของ Task Bar หรือกดปุ่ม Windows + Tab แต่ในวินโดวส์ 10 ไมโครซอฟท์ได้เพิ่ม Task View เข้ามาให้ผู้ใช้สามารถดูพรีวิวหน้าตาของแอปฯที่เปิดค้างไว้ได้ รวมถึงผู้ใช้สามารถเพิ่ม Desktop หลายหน้าจอ (Multiple Desktop) เหมือนกับ Mission Control ใน OSX ของแอปเปิล เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องใช้งานแอปฯแบบขยายเต็มหน้าจอหลายแอปฯพร้อมๆกัน

558000010327112

นอกจากนั้นในส่วนแอปฯที่ดาวน์โหลดจาก Windows Store จากเดิมจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นให้แสดงผลแบบเต็มหน้าจอ (Full Screen) เท่านั้น แต่สำหรับในวินโดวส์ 10 แอปฯทั้งหมดจะสามารถแสดงผลได้ทั้งรูปแบบเต็มหน้าจอและแสดงผลแบบเป็นหน้าต่าง (Window) ได้แล้ว

558000010327113

และด้วยความสามารถใหม่นี้ ทำให้การเปิดใช้งานหลายแอปฯในหนึ่งหน้าจอจะทำได้อิสระมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ “Aero Snap รูปแบบใหม่” จากเดิมหนึ่งหน้าจอสามารถเปิดใช้งานได้พร้อมกันแค่สองแอปฯ (แบบแบ่งครึ่งกลางเท่านั้น) แต่ในวินโดวส์ 10 ผู้ใช้สามารถดึงย่อพร้อมจัดวางแอปฯไปยังส่วนต่างๆของหน้าจอได้อิสระมากสุดถึง 4 แอปฯ 4 มุมพร้อมกัน

558000010327114

Microsoft Edge เป็นบราวเซอร์ที่เข้ามาแทนที่ Internet Explorer ด้วยความฉลาดที่เพิ่มขึ้น โดยหน้าแรก Where to next? นอกจากผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งต่างๆได้แล้ว สำหรับประเทศที่รองรับการใช้งาน Cortana ผู้ใช้ยังสามารถพูดคุยกับบราวเซอร์ได้ เช่น ถามข้อมูลจราจร ถามวันเกิดดารา เป็นต้น ด้วยความสามารถที่คล้ายกับ Google Now ทำให้ Edge มีความฉลาดและน่าใช้มากกว่าเดิม

558000010327115

นอกจากนั้น Edge ยังมาพร้อม Annotation features ให้ผู้ใช้สามารถขีดเขียนเน้นข้อความด้วยมือหรือปากกาพร้อมแชร์ไปให้เพื่อนๆได้ด้วย อีกทั้ง Edge ยังรองรับ Reading List และเซฟหน้าเพจมาอ่านทีหลังได้

วิดีโอจาก IGN

XBOX on Windows 10 นอกจากจะมาพร้อมชุดคำสั่ง DirectX 12 เวอร์ชันใหม่แล้ว วินโดวส์ 10 ยังมาพร้อมความสามารถในการสตรีมเกมจาก XBOX One มาเล่นบนเครื่องพีซีได้ด้วยเงื่อนไขคือ ต้องทำผ่านวงแลนทั้งผ่านสายและไร้สายภายในบ้านเดียวกัน ยกตัวอย่าง เครื่อง XBOX One อยู่ห้องรับแขกจะสตรีมมาเล่นกับพีซีในห้องนอน ทั้ง XBOX One และพีซีต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือแลนจากเราท์เตอร์ตัวเดียวกัน

โดยสเปกเราท์เตอร์และการรับส่งข้อมูลเพื่อให้เกมจาก XBOX One สามารถสตรีมเล่นบนพีซีที่ติดตั้งวินโดวส์ 10 ได้ลื่นไหลคือ ควรเชื่อมต่อผ่านสายแลน (Wired Ethernet connection) หรือถ้าใช้แบบไร้สาย เราท์เตอร์ควรรองรับการรับส่งข้อมูล 5GHz ตามมาตรฐาน 802.11N หรือ AC

558000010327116

Wi-Fi Sense สำหรับคนที่ชอบแชร์อินเตอร์เน็ตให้เพื่อน Wi-Fi Sense จะเข้ามาช่วยให้การแชร์อินเตอร์เน็ตทำได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อเปิดใช้งาน Wi-Fi Sense ผู้ใช้สามารถกดอนุญาตให้เพื่อน (เลือกอนุญาตเพื่อนได้จากรายชื่อในเฟสบุ๊กหรือ Outlook) สามารถดเข้าถึง Hotspot ของเราได้ทันที โดยที่เราไม่จำเป็นต้องส่งรหัสผ่านและบอก SSID ให้เพื่อนทราบ

558000010327117

Windows Hello เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสุดท้ายที่ช่วยให้การล็อกอินเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายขึ้นด้วยกล้องถ่ายภาพอินฟาเรดและระบบสแกนลายนิ้วมือที่สามารถระบุตัวตนเจ้าของเครื่องแทนการพิมพ์รหัสผ่านแบบเดิมที่เชื่องช้า

โดยในอนาคตอุปกรณ์ที่รองรับวินโดวส์ 10 จะรองรับฟีเจอร์ Windows Hello ทั้งหมด

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

สำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 10 ถือเป็นการปรับปรุง (ไม่ใช่ปรับเปลี่ยน) จากวินโดวส์ 8.1 ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น หลายส่วนไมโครซอฟท์รับฟังเสียงผู้บริโภคและปรับแก้ไข ด้วยการรวมข้อดีจากวินโดวส์ 7 ตั้งแต่เรื่องรูปแบบการใช้งานกับดีไซน์ของวินโดวส์ 8 มารวมกันได้ค่อนข้างสมดุลและลงตัว

ในส่วนประสิทธิภาพโดยรวมได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เสถียรและลื่นไหลมากขึ้น การออกแบบหน้าตา รูปแบบการใช้งานที่แต่เดิมในวินโดวส์ 8 ไมโครซอฟท์เน้นความเป็นแท็บเล็ตมากเกินไป ได้ถูกปรับใหม่ให้ลงตัวด้วย Continuum พร้อมเพิ่มความสำคัญในกับหน้า Desktop แบบดั้งเดิมและลดบทบาทของ Moden UI ลงกับการมาของปุ่ม Start Menu ที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทำให้การใช้งานโดยรวมดูลงตัวกว่าเดิม

ผู้อ่านที่ใช้งานวินโดวส์ 8 หรือ 8.1 อยู่แล้ว การอัปเกรดเป็นวินโดวส์ 10 จะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความไม่ลงตัวของวินโดวส์รุ่นก่อนให้ดียิ่งขึ้น คุณจะได้รับประสบการณ์การใช้วินโดวส์ที่สมบูรณ์ แบบเดียวกับตอนวินโดวส์ 7 ผนวกดีไซน์ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

]]>