Microsoft – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Mon, 16 Oct 2017 08:57:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Microsoft Surface Pro 2017 สเปกใหม่ ลงตัวมากขึ้น https://cyberbiz.mgronline.com/review-surface-pro2017/ Mon, 16 Oct 2017 07:18:05 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=27436

วันนี้ไมโครซอฟท์เปิดตัว New Surface Pro หรือแท็บเล็ตสายพันธุ์วินโดวส์รุ่นใหม่จากไมโครซอฟท์ (หลายคนเรียกว่าเป็น Surface Pro รุ่นที่ 5) ประจำปี 2017 ที่ทีมงานไซเบอร์บิซมองว่าเป็นรุ่นพัฒนาต่อยอด อัปสเปกเพิ่มจาก Surface Pro 4 โดยเฉพาะในส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างปากกา Surface Pen ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้แม่นยำมากขึ้น รวมถึงตัวเครื่อง Surface เองที่ออกแบบมาได้ลงตัวพร้อมสเปกซีพียูเปลี่ยนไปใช้ตระกูล Kaby Lake (รุ่นที่ 7)

การออกแบบ

สำหรับการออกแบบ Surface Pro ยังคงเป็นวินโดวส์แท็บเล็ตที่สามารถใช้งานแบบโน้ตบุ๊กได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม โดยตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแสดงผล PixelSense แบบสัมผัส 10 จุด ขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2,736×1,824 พิกเซล ขนาดตัวเครื่องหนา 8.5 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักประมาณ 770 กรัม

เหนือหน้าจอแสดงผลขึ้นไป ยังคงเป็นที่อยู่ของกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอคอลล์ที่ความละเอียดสูงสุด FullHD 1080p พร้อมไมโครโฟนแบบคู่ในตัวรวมถึงมีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้าเพื่อใช้ปลดล็อกตัวเครื่องผ่านฟีเจอร์ Windows Hello ใน Windows 10 และเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง รวมถึงภายในยังมีไจโรสโคปด้วย

นอกจากนั้นบริเวณขอบจอทั้งสองด้าน ไมโครซอฟท์เลือกติดตั้งลำโพงสเตอริโอ (ใช้เทคโนโลยี Dolby Audio Premium) ไว้ด้วย

ด้านหลัง วัสดุเป็นอะลูมิเนียมมาพร้อมขาตั้ง Kickstand อันเป็นเอกลักษณ์เด่นของไมโครซอฟท์ Surface โดยในรุ่นปี 2017 ขาตั้งจะกางออกได้ถึง 165 องศา ส่วนการปรับเปลี่ยนขาตั้งสามารถทำได้ 3 โหมดหลักได้แก่ 1.แล็ปท็อป เมื่อเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดจะใช้งานได้แบบโน้ตบุ๊ก 2.Studio ปรับ Kickstand ลงให้สุด 165 องศาสำหรับใช้งานวาดเขียน 3.แท็บเล็ต สามารถใช้งานเป็นแท็บเล็ตพกพาได้ปกติ

มาดูกล้องหลังจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลพร้อมออโต้โฟกัสและรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด FullHD 1080p พร้อมไมโครโฟนรับเสียงสเตอริโอติดตั้งอยู่ด้วย

ส่วนช่องใส่การ์ด MicroSD (จะใช้เพื่อเพิ่มความจุตัวเครื่องหรือใช้อ่านการ์ด MicroSD ปกติก็ได้) จะถูกติดตั้งอยู่ใต้ Kickstand

มาถึงพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มกดรอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านซ้ายมือจะเป็นช่องหูฟัง/Headset 3.5 มิลลิเมตร ถัดไปจะเป็นส่วนแม่เหล็กที่สามารถดูดปากกา Surface Pen ให้ติดกับตัวเครื่องได้ (หรือจะเรียกว่าที่เก็บปากกาก็ไม่ผิด)

ขวา เริ่มจาก Surface Connect สำหรับใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมและอะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้านของ Surface พอร์ต USB 3.0 จำนวน 1 ช่องและ Mini Display Port (ไม่รองรับการเชื่อมต่อ USB-C)

ด้านล่าง ตรงกลางจะเป็นช่องเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานในรูปแบบโน้ตบุ๊ก

ด้านบน เป็นปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่มเปิดปิดเครื่อง

อุปกรณ์เสริม (จำหน่ายแยก)

มาดูอุปกรณ์เสริมของ Surface Pro 2017 กันบ้าง เริ่มจากคีย์บอร์ดจะเพิ่มรุ่น “Surface Pro Signature Type Cover” (ราคา 6,390 บาท) หุ้มด้วยผ้าวัสดุ Alcantara ตามภาพประกอบด้านบน

Surface Arc Mouse ใหม่ เมาส์ดีไซน์ล้ำจากไมโครซอฟท์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Surface Pro และสามารถนำไปใช้งานกับโน้ตบุ๊กทั่วไปหรือพีซีที่ติดตั้ง Windows 10/8.1/8 ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ โดยส่วนแบตเตอรีอัลคาไลน์ขนาด AAA สองก้อน

Surface Pen รุ่นใหม่ปี 2017 (ต้องซื้อแยกต่างหากในราคา 3,900 บาท) จะถูกอัปเกรดเรื่องการรองรับแรงกดได้มากถึง 4,096 จุดพร้อมปรับปรุงเรื่องการตอบสนองให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า หัวปากกาขนาด HB ส่วนการเชื่อมต่อทำผ่านบลูทูธ แบตเตอรีใช้ถ่าน AAAA 1 ก้อน รองรับ Surface Pro ตั้งแต่รุ่น 3 ขึ้นไป

สเปก

สำหรับ Surface Pro รุ่นใหม่นี้จะวางตลาดด้วยสเปกซีพียูใหม่ 3 รุ่นย่อยได้แก่ Intel Core m3, i5 และ i7 (เจนเนอเรชั่น 7 ทั้งหมด) โดยรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบวันนี้จะเป็นตัวกลางขับเคลื่อนด้วยซีพียู Intel Core i5 7300U ความเร็ว 2.60GHz กราฟิกการ์ดเป็นออนบอร์ด Intel HD Graphics 620 (ท็อปสุดสำหรับรุ่นซีพียู i7 จะเป็นการ์ดจอ Intel Iris Plus 640) พร้อมแรม DDR3 (Dual Channel) 8GB หน่วยเก็บข้อมูลเป็น SSD ความจุ 256GB (เหลือให้ใช้จริงประมาณ 190-200GB) มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ตัวเต็ม พร้อมแถม Office ให้ใช้งานฟรี 30 วันด้วย

ด้านการเชื่อมต่อจะรองรับ WiFi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.1 ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ และไม่มี GPS นำทางในตัว

ฟีเจอร์เด่นและทดสอบประสิทธิภาพ

Surface Pro 2017 จะติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่รองรับ Windows ได้ปกติเช่น ชุดซอฟต์แวร์ Adobe, Office ได้แบบเดียวกับการใช้บนพีซีหรือโน้ตบุ๊กทั่วไป ส่วนซอฟต์แวร์พิเศษ เนื่องจาก Surface Pro เป็นของไมโครซอฟท์เพราะฉะนั้นการปรับตั้งค่าระบบต่างๆจะสามารถทำผ่านหน้า Settings ได้ทั้งหมด รวมถึงการกำหนดรูปแบบการใช้พลังงานเพื่อประหยัดแบตเตอรีก็สามารถทำผ่านส่วนไอคอนแบตเตอรีได้ทันที

ทดสอบประสิทธิภาพ : PCMark 10 = 2,894 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพ : Geekbench 4 / Single Core = 4,071 คะแนน / Multi Core = 8,415 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพ : Cinebench R15 / OpenGL = 43.02 เฟรมต่อวินาที / CPU = 343cb

มาดูด้านการทดสอบประสิทธิภาพ โดยรุ่นที่เราได้รับมาเป็น Core i5 7300U ประกบกราฟิก Intel HD Graphics 620 ซึ่งถือเป็นสเปกระดับกลาง ภาพรวมถือว่าสามารถตอบโจทย์การทำงานได้หลากหลายตั้งแต่ใช้พิมพ์งาน ตกแต่งภาพจากไฟล์ RAW ของกล้อง DSLR ไปถึงตัดวิดีโอ 1080p ทุกอย่างทำงานได้ลื่นไหล หน่วยเก็บข้อมูล SSD ทำงานได้รวดเร็วดี และสามารถเพิ่มความจุด้วย MicroSD เพื่อใช้สำหรับเก็บไฟล์งานได้ (แต่ไม่แนะนำให้ใช้เก็บโปรแกรมเพราะอ่านเขียนช้า)

ส่วนข้อสังเกตจะเป็นเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่มีให้เพียง USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ตเท่านั้น (ถ้ามีอุปกรณ์ต่อพ่วงเยอะอาจต้องหาอุปกรณ์เสริมอย่าง Surface Dock มาใช้งาน) อีกทั้งตัวเครื่องยังไม่มี USB-C ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของปีนี้ติดตั้งมาให้ด้วย

ด้านการใช้งานคีย์บอร์ดและปากกา เริ่มจากคีย์บอร์ด ทีมงานรู้สึกว่านอกจากพื้นผิว Alcantara ในคีย์บอร์ดเวอร์ชัน Signature Type Cover ที่สัมผัสแล้วรู้สึกกระชับมือ วางพิมพ์งานบนตักแล้วตัว Cover เกาะกับขาและกางเกงไม่ลื่นหล่นได้ดีมาก ส่วนแป้นพิมพ์ให้ความรู้สึกกดง่ายและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะส่วนทัชแพดที่ตอบสนองได้ดีมาก

ด้านปากกา Surface Pen นอกจากดีไซน์ที่ปรับเหมือนดินสอมากขึ้นแล้ว เรื่องสเปกฮาร์ดแวร์ภายยังถูกปรับปรุงให้ตอบสนองได้ดีขึ้นแถมรับแรงกดได้ละเอียดขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ประสิทธิภาพถือว่าเทียบเท่าคู่แข่งแล้ว แถมตัวปากกายังมีฟีเจอร์เด่นอย่างท้ายปากกาเป็นยางสามารถใช้แทนยางลบดิจิตอลหรือแม้แต่หัวปากกาก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ทั้งเป็นแบบดินสอ HB/B หรือหัวปากกาลูกลื่น

สุดท้ายในส่วนของแบตเตอรีโดยทดสอบใช้งานเป็นโน้ตบุ๊กส่วนตัวเน้นพิมพ์งาน ต่อ WiFi เข้าเว็บไซต์ แชทและเล่นเกมฆ่าเวลาบ้างสลับตลอดทั้งวัน พบว่าเรื่องของแบตเตอรีทำได้น่าพอใจกว่ารุ่นก่อน โดยทีมงานทดสอบสามารถทำเวลาใช้งานได้มากถึง 9-11 ชั่วโมงเลยทีเดียว และอีกหนึ่งข้อดีของ Surface Pro ที่ถูกปรับระบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Windows 10 มาให้เข้ากันมากขึ้นก็คือ เวลาเราเลิกใช้งานเครื่องเราสามารถกดปุ่มปิดเครื่องครั้งเดียวเพื่อสั่งให้หน้าจอดับแล้วเข้าโหมดสแตนบายได้ทันทีแบบเดียวกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์หรือ iOS และสามารถปลุกเครื่องให้ตื่นได้ตลอดเวลาโดยไม่พบอาการเครื่องค้างให้เห็น อีกทั้งถ้าเรากดสแตนบายเครื่องเป็นเวลานานเกินไป ระบบจะพาตัวเองเข้าสู่ Hibernate อัตโนมัติ เวลาเปิดเครื่องใหม่ระบบบู๊ตค่อนข้างเร็วกว่ารุ่นที่แล้ว ทำให้การใช้งาน Surface Pro 2017 ไม่พบอาการสะดุดให้เห็นตลอดการทดสอบร่วม 2 อาทิตย์ (ทีมงานไม่เคยสั่งชัทดาวน์เครื่องเลย ส่วนใหญ่ใช้วิธีกดปุ่มปิด 1 ครั้งให้หน้าจอดับแล้วก็ใส่กระเป๋าทันที)

กล้องหน้า

กล้องหลัง

สุดท้ายในส่วนการทดสอบกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากด้านหน้า คุณภาพถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ไม่ค่อยคมชัดเมื่ออยู่ในที่แสงน้อย แต่เรื่องความลื่นไหลของภาพถือว่าทำได้ดี ส่วนกล้องหลังถือว่าคุณภาพกลางๆ ใช้แก้ขัดได้

สรุป

สำหรับราคา Surface Pro 2017 จะเริ่มต้นที่ 30,900 บาทไปจนถึงรุ่นท็อปสุด Intel Core i7/1TB SSD/16GB RAM/Iris Plus Graphics 640 อยู่ที่ราคา 101,900 บาท

Surface Pro 2017 ถือว่าเป็นแท็บเล็ตลูกผสมโน้ตบุ๊กสายพันธุ์ Windows 10 จากไมโครซอฟท์ที่เน้นการปรับปรุงด้านสเปกภายในที่มีให้เลือกหลากหลายระดับตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปถึงเน้นประสิทธิภาพสูง เน้นงานตัดต่อวิดีโอ 4K รวมถึงการปรับปรุงเรื่องฟีเจอร์ในแบบแท็บเล็ต เช่น การปิดเปิดเครื่องที่รวดเร็วกว่าโน้ตบุ๊กปกติและสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันแบบไร้รอยต่อ สิ่งเหล่านี้ไมโครซอฟท์ปรับปรุงมาได้ดีมากขึ้น ผู้อ่านที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ตวินโดวส์เน้นน้ำหนักเบา พกพาง่ายแบบแท็บเล็ตแต่ประสิทธิภาพสูงสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์รองรับ Windows ได้แบบเดียวกับพีซี Surface Pro 2017 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

ส่วนผู้ใช้ที่เป็นแฟน Surface Pro อยู่แล้ว ต้องเรียนตามตรงเลยว่ารุ่นปี 2017 ถูกปรับปรุงเน้นความลงตัวและพยายามเป็นแท็บเล็ตไฮบริดที่สมบูรณ์มากกว่าเก่า จุดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมจริงๆจะอยู่ที่ตัว m3 กับ i5 ที่ไม่มีพัดลมระบายความร้อนแล้วทำให้เครื่องทำงานเงียบมาก รวมถึงแบตเตอรีที่อึดขึ้น มองแล้วมีความเป็นแท็บเล็ตสูงกว่ารุ่นก่อน นอกนั้นจะแตกต่างจากเดิมไม่มากนัก ใครกำลังสนใจต้องลองช่างใจดูเองครับ

ข้อดี

– ปรับแต่งได้ลงตัวไม่ว่าจะใช้ในโหมดไหนก็ตาม
– ได้ Windows 10 Pro มาจากโรงงาน
– รุ่น m3 และ i5 ทำงานเงียบเพราะใช้ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ ไร้พัดลม
– แบตเตอรีอึดกว่ารุ่นเดิมเกือบเท่าตัว
– ปากกา Surface Pen ใหม่ เขียนได้แม่นยำ ลื่นไหลขึ้นมาก

ข้อสังเกต

– กล้องหน้าและหลังคุณภาพแค่พอใช้
– ช่องเชื่อมต่อ USB ให้มาน้อย ไม่มี USB-C

Gallery

]]>
Review : Microsoft Surface Pro 4 พัฒนาไปอีกระดับกับแท็บเล็ตลูกผสม https://cyberbiz.mgronline.com/review-microsoft-surface-pro-4/ Fri, 11 Dec 2015 07:32:10 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=20017

IMG_1483

ถือว่าเป็นต้นแบบที่ทำตลาดต่อเนื่องมาเป็นรุ่นที่ 4 แล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Surface ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการที่เป็นอุปกรณ์ที่นำเสนอการใช้งานแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ อย่างระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ให้ใช้งานได้สมบูรณ์แบบมากที่สุด เพียงแค่ว่าก็มากับราคาที่สูงพอสมควรเช่นเดียวกัน

Surface Pro 4 มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาจาก Surface 3 หลักๆเลยคือในส่วนของซีพียูที่ใช้งานภายในเป็น Intel 6th Gen และมีให้เลือกหลากหลายรุ่นมากขึ้นตั้งแต่ Core M3 จนถึง Core i7 ถัดมาคือส่วนของหน้าจอที่เพิ่มความละเอียดมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับกล้อง ส่วนที่เหลือก็จะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า

การออกแบบ

IMG_1487

ในส่วนของการออกแบบ ยังคงเป็นรูปลักษณ์เดิมคือเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว ที่ผู้ใช้สามารถกาง Kick Stand ออกมาเพื่อวางตั้งไว้บนพื้นเรียบได้ โดยขนาดรอบตัวของ Surface Pro 4 จะอยู่ที่ 292.1 x 201.42 x 8.45 มิลลิเมตร น้ำหนัก 786 กรัม เมื่อรวมกับคีย์บอร์ดแล้วจะอยู่ที่เกือบๆ 1.1 กิโลกรัม

สำหรับหน้าจอที่ให้มามีขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล เป็นอัตราส่วน 3:2 รองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อยู่ส่วนบน ใกล้ๆกันก็จะมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง ระบบสแกนใบหน้า และมีแถบลำโพงซ่อนอยู่ตรงขอบฝั่งซ้าย และขวา

IMG_1509

ขณะเดียวกันได้มีการปรับการวางปุ่มให้สะดวกกับการใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วยการนำปุ่มเปิดเครื่อง และปรับระดับเสียงไปอยู่ไว้ด้านบน เพื่อให้ด้านซ้ายโล่ง กลายเป็นที่เก็บปากกา ด้วยแม่เหล็กแทน ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าในการใช้งาน Surface Pen แล้วจะไม่มีที่เก็บปากกา เพราะ Surface Pro 4 ถูกออกแบบมาเฉพาะ

IMG_1497

ถัดมาคือในส่วนของพอรตการใช้งานที่ยังคงเก็บพอร์ตหลักๆอย่าง USB 3.0 และพอร์ต Thunderbolt ไว้ให้ใช้งาน พร้อมกับช่องเสียบสายชาร์จที่เป็นแบบแม่เหล็ก ในฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้าย จะมีเพียงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ล่างเครื่องจะมีพอร์ต และแม่เหล็กเฉพาะสำหรับคีย์บอร์ดแบบ Type Cover ที่มีการยึดแน่นหนาขึ้น ไม่หลุดง่ายเหมือนรุ่นก่อนๆ

IMG_1492

หลังเครื่องจะมีสัญลักษณ์วินโดวส์สีเงิน ติดอยู่บริเวณ Kick Stand โดยมีกล้องหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซลอยู่ ส่วนตัว Kick Stand จะสามารถกางได้ 150 องศา เพื่อรับกับมุมในการใช้งานที่แตกต่างกันอยู่ผู้ใช้ ซึ่งจะมีตัวยึดเป็นข้อต่ออยู่ทั้งฝั่งซ้าย และขวา นอกจากนี้ ยังซ่อนช่องไมโครเอสดีการ์ดไว้เพื่อใส่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มด้วย

IMG_1533

นอกจากตัวเครื่องแล้ว ภายในกล่องก็จะมาพร้อมกับปากกา Surface Pen มาให้ด้วย 1 แท่ง สีเงิน มีปุ่มกดที่บริเวณกลางปากกา และปลายปากกา แต่ความสามารถของ Surface Pen รุ่นใหม่นี้ นอกจากรองรับแรงกดเพิ่มขึ้นเป็น 1024 ระดับแล้ว ตรงหัวปากกายังสามารถเปลี่ยนขนาดได้ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน มีให้เลือกทั้ง 2B H HB และ B ในราคา 690 บาท

IMG_1521

ขณะที่ Surface Pro 4 Type Cover นั้นไม่ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะยังคงเป็นคีย์บอร์ดลักษณะเดิม ที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานได้เสมือนคีย์บอร์ดจริง มีไฟแอลอีดีภายในเพื่อส่องสว่างกรณีที่ใช้งานในเวลากลางคืน รวมถึงทัชแพดที่รองรับการสั่งงานแบบมัลติทัชมากยิ่งขึ้น ขนาดของ Type Cover จะอยู่ที่ 295 x 217 x 4.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 310 กรัม

สเปก

s02

สำหรับสเปกภายในของ Surface Pro 4 จะมากับหน่วยประมวลผล Intel 6th Gen Core m3 – Core i7 RAM 4 – 16 GB โดยรุ่นที่ได้มาทดสอบคือรุ่น Core i5 RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล SSD 256 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10

ด้านการเชื่อมต่อจะรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.0 โดยจะไม่มีรุ่นที่รองรับการใส่ซิมการ์ดเข้ามา เนื่องจากไมโครซอฟท์มองว่าปัจจุบันการให้บริการไวไฟสาธารณะมีมากขึ้น ประกอบกับสมาร์ทโฟนก็สามารถปล่อยสัญญาณมาให้ใช้งานได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คำแนะนำของไมโครซอฟท์ในการเลือกใช้งาน Surface Pro 4 ระหว่างรุ่น Core m3 Core i5 และ Core i7 คือ Core m3 จะเหมาะกับการใช้งานซอฟต์แวร์บนโน้ตบุ๊กทั่วไป เน้นการสตรีมเพลง วิดีโอต่างๆเป็นหลัก Core i5 จะเหมาะกับกาใช้งาน Microsoft Office เล่นเกม รวมถึงการแต่งภาพบนโปรแกรมอย่าง Photoshop

ขณะที่รุ่น Core i7 จะเหมาะกับผู้ที่ใช้ในการตัดต่อวิดีโอระดับ HD ทำงานแต่งรูปบน Photoshop ใช้งานแอประดับมืออาชีพอย่าง Visual Studio หรือ AutoCAD ในการสร้างโมเดล 3มิติ ดังนั้น ในการเลือกซื้อก็ควรจะเลือกให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานด้วย

ฟีเจอร์เด่น

IMG_1527

จุดเด่นหลักที่ไมโครซอฟท์ พยายามชูขึ้นมานอกเหนือจากเรื่องของสเปกที่มีการพัฒนา และให้เลือกหลากหลายมากขึ้นแล้ว ก็จะเป็นเรื่องของการใช้งานตัวเครื่องที่ออกแบบมาใหม่ให้สามารถติดปากกาไว้ที่ข้างเครื่องเพื่อป้องกันการที่ไม่มีที่เก็บปากกา

IMG_1534

ขณะที่ความสามารถของ Surface Pen กดปุ่มบนสุดปากกาค้างไว้เพื่อเรียกใช้งาน Cortana หรือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะในการค้นหาข้อมูล หรือสั่งงานอย่างง่าย กดปุ่ม 1 ครั้ง สำหรับเรียกใช้งานโปรแกรม OneNote ในการจดข้อมูลแบบเร่งด่วน และกด 2 ครั้ง เพื่อจับภาพหน้าจอ และเขียนลงไปได้ทันที

IMG_1535

ที่สำคัญคือ กรณีที่ต้องการหัวปากกาที่ให้ลายเส้นหลายขนาด ทางไมโครซอฟท์ ก็ได้มีการขายเป็นชุดหัวปากกาเสริม มีให้เลือกตั้งแต่หัว 2H H HB และ B ให้เปลี่ยนกัน ทั้งนี้หัวปากกาที่แถมมาให้กับ Surface Pen จะเป็นหัวแบบ HB อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชันที่ใช้งานด้วยว่ารองรับการทำงานร่วมกับแรงกดของปากกาถึง 1024 ระดับหรือไม่

20151209_004241

นอกจากนี้ ก็จะมีระบบปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า Face  Recognize ถือเป็นอีกระบบรักษาความปลอดภัยที่ไมโครซอฟท์คิดค้นขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีร่วมกับทางอินเทล และติดตั้งมาบนวินโดวส์ 10 เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับ Surface Pro 4 ก็จะได้ความสามารถในการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้า รวมถึงการใช้ใบหน้าแทนการป้อนรหัสผู้ใช้ (Admin) ในขั้นตอนการลงโปรแกรมเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าคือ กรณีที่ปิดเครื่องด้วยโหมด Sleep ไว้ และปรากฏเครื่องเปิดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ตัวระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าก็จะพยายามค้นหาใบหน้าเพื่อมาปลดล็อกเครื่องไปเรื่อยๆ อาการเหมือนตัวเครื่องกลับมาทำงานแต่ไม่สามารถปลดล็อกเครื่องได้ ความร้อนจากการประมวลผลก็จะสะสมไปเรื่อยๆ ทำให้พัดลมเครื่องทำงานจนท้ายที่สุดคือแบตเตอรีหมด แม้ว่าจะตั้งเวลา Sleep เครื่องไว้ก็ตาม

ในจุดนี้ ทางไมโครซอฟท์ ออกมายอมรับถึงข้อผิลพลาดดังกล่าวแล้วว่า ระบบ Sleep ของเครื่องวินโดวส์ 10 ไม่หลับลึกเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงได้เตรียมการจะอัปเดตวินโดวส์เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทำให้ต้องรอดูว่าหลังจากมีการอัปเดตแล้วปัญหาดังกล่าวจะหายไปหรือไม่

s01

ที่เหลือความสามารถของ Sufface Pro 4 ก็คล้ายคลึงกับการใช้งานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ที่มีการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ในแง่ของการใช้งานระหว่างเป็นแท็บเล็ต และเป็นพีซี หน้าจอแสดงผลก็จะแตกต่างกัน โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปกดสลับการทำงานได้

IMG_1522
IMG_1523

ส่วนของ Type Cover ที่ขายแยกในราคา 5,190 บาท ก็จะมีความในแง่ของการวางระดับในการใช้งาน ว่าจะให้ตัวคีย์บอร์ดราบไปกับพื้น หรือติดขึ้นมาบนหน้าจอเล็กน้อย เพื่อให้แป้นเอียงรับองศากับการพิมพ์ นอกจากนี้ กรณีที่ใช้งานเป็นแท็บเล็ตยังสามารถสลับด้านในการติดกับจอเพื่อให้ปุ่มแนบเข้าไปกับหลังเครื่องได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ที่สำคัญยังมาพร้อมกับไฟส่องสว่างให้สามารถใช้งานได้ในเวลากลางคืน

IMG_1537ที่ไมโครซอฟท์ใส่ใจอีกจุดในการผลิตสินค้าออกมาคือ อะเดปเตอร์ ที่นอกจากจะมีขนาดเล็ก และใช้สายชาร์จปกติแล้ว ยังมีพอร์ตยูเอสบีให้ 1 ช่องสำหรับใช้ในการชาร์จอุปกรณ์เสริมอื่นๆเพิ่มไป ทำให้ไม่ต้องกังวลในกรณีที่มีปลั้กไม่เพียงพอในการใช้งาน

ทดสอบประสิทธิภาพ

pcmark-creative

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของ Surface Pro 4 ผ่านโปรแกรมทดสอบยอดนิยมอย่าง PC Mark 8 ผลที่ได้ในส่วนของ Cretive Conventional จะอยู่ที่ 2,448 คะแนน ส่วนแบบทดสอบอื่นๆ ต้องรอการอัปเดตเพิ่มเติมให้รองรับการทำงานบนวินโดวส์ 10 ของทาง FutureMark ก่อน

3dmark

ถัดมาในส่วนของ 3D Mark ทดสอบผ่านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Fire Strike Ultra ได้ 191 คะแนน Fire Strike Extreme 361 คะแนน Fire Strike 770 คะแนน Sky Diver 3,437 คะแนน Cloud Gate 5,654 คะแนน Ice Storm Unlimited 56,017 คะแนน Ice Storm Extreme 35,585 คะแนน และ Ice Storm 48,067 คะแนน

geekbench32geekbench64

ขณะที่ Geek Bench บนการทดสอบแบบ 32 บิต ได้คะแนน Single Core 2,907 คะแนน และ Multi Core 6,102 คะแนน ส่วน 64 บิต ได้คะแนน Single Core 3,051 คะแนน และ Multi Core 6,102 คะแนน

สรุป

IMG_1524

ถ้าถามว่า Surface Pro 4 น่าใช้หรือไม่ ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแท็บเล็ต และพีซี (2in1) รุ่นที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆในฝั่งของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ จากการที่ไมโครซอฟท์ทำออกมาให้ผสานการทำงานของวินโดวส์ 10 ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เพียงแต่ด้วยระดับราคาของ Surface Pro 4 ทำให้ผู้บริโภคหลายรายอาจถอยหนี เพราะกับราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท ในรุ่น Intel Core M3 ก็ถือว่าแรงเอาเรื่อง

กลับกันด้วยขนาดของตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่ ทำให้เวลาใช้งานจริง Surface Pro 4 จะถูกใช้งานในรูปแบบของโน้ตบุ๊ก อาจจะมีการสัมผัสหน้าจอ หรือใช้ปากกาจดลงบนหน้าจอบ้างเป็นบางเวลา แต่โดยรวมก็ถือว่ามีไว้ดีกว่าไม่มี ดังนั้นถ้าเป็นผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์แบบเครื่องเดียวจบ ไม่งอกเครื่องที่ 2-3 ต่อไปก็ควรจะหา Surface Pro 4 มาใช้

อย่างไรก็ตาม Surface Pro 4 ยังมีจุดที่ต้องทำการบ้านอีกเล็กน้อยอย่างในเรื่องของแบตเตอรี ที่แม้จะเคลมว่าสามารถใช้งานเล่นวิดีโอได้ต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง แต่ในการใช้งานจริง 4-5 ชั่วโมงก็ถือว่าสูงแล้ว รวมถึงปัญหาการ Sleep ที่หลับไม่ลึกพอ ทำให้เครื่องยังมีการทำงานบางช่วงก็ส่งผลกระทบต่อแบตเตอรีเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันในเรื่องของการระบายความร้อนถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ เพราะเวลาใช้งานเครื่องหนักๆ ตัวเครื่องมีความร้อนสะสมก็จะทำให้ไม่สามารถใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอได้ (ทดสอบจากรุ่น Core i5) และเมื่อมีความร้อนก็ทำให้พัดลมต้องทำงานหนัก ทำให้มีเสียงออกมารบกวนในเวลาใช้งานในที่เงียบๆด้วย

ข้อดี

แท็บเล็ต ที่สามารถเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดให้กลายเป็นพีซีได้

ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10

มีให้เลือกหลายสเปกตามความต้องการของผู้ใช้

อะเดปเตอร์ สามารถเสียบสายยูเอสบีพร้อมกับการชาร์จเครื่องได้ด้วย

ข้อสังเกต

ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อผ่านไวไฟเท่านั้น ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ด

เครื่องที่ได้รับมาทดสอบเป็นซีพียู Core i5 เมื่อใช้งานไปสักพักจะมีเสียงพัดลมออกมาค่อนข้างดัง

ในการใช้งานจริงแบตเตอรีหมดค่อนข้างเร็ว ไม่เพียงพอกับการใช้งานตลอดวัน

Gallery

]]>