Samsung – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Wed, 27 May 2020 14:51:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Samsung Galaxy Tab S6 Lite แท็บเล็ตหมื่นต้นๆ พร้อมปากกา S Pen https://cyberbiz.mgronline.com/review-samsung-galaxy-tab-s6-lite/ Wed, 27 May 2020 14:51:17 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=32875

การขยายไลน์สินค้าของซัมซุง มาจับกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้งานแท็บเล็ตในช่วงระดับราคาหมื่นต้นๆ ด้วย Samsung Galaxy Tab S6 Lite ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นจุดที่มาอุดช่องว่างสำคัญในตลาดแท็บเล็ตได้อย่างเหมาะสม

เนื่องจากที่ผ่านมา Samsung มีแต่แท็บเล็ตในระดับพรีเมียมอย่าง Tab S6 ที่ระดับราคาอยู่ในช่วง 2 หมื่นบาท ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Apple มี iPad รุ่นเริ่มต้น ส่วน Huawei ก็มี MediaPad ที่จับกลุ่มระดับราคาหมื่นต้นๆ อยู่ทั้งหมด

Samsung Galaxy Tab S6 Lite จึงเข้ามากลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงราคา 11,900 บาทได้ทันที ที่สำคัญคือมาพร้อมกับปากกา S Pen พร้อมให้ใช้งานทันที ไม่ต้องซื้อเพิ่มแบบ Apple Pencil และมีให้เลือกรุ่น 4G LTE ด้วยในราคา 14,900 บาท

ข้อดี

  • แท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10.4 นิ้ว น้ำหนักเบา 465 กรัม
  • ทำงานร่วมกับ S Pen
  • แบตเตอรีขนาด 7,040 MHz ใช้งานต่อเนื่องยาวๆ

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับการใช้งาน Samsung DeX
  • รองรับแค่ WiFi 5 ยังไม่เป็น WiFi 6
  • ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

แท็บเล็ต เพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบ

ถ้ามองในแง่ของการใช้งานทั่วไป Samsung Galaxy S6 Lite เฉพาะตัวเครื่อง ถือว่าเข้ามาตอบโจทย์ในแง่ของการเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงในขนาดหน้าจอ 10.4 นิ้ว ได้อย่างลงตัว

ทั้งในแง่ของการออกแบบให้ตัวเครื่องบาง น้ำหนักเบา ถือใช้งานได้ง่ายทั้งแนวตั้ง และแนวนอน โดยขนาดตัวเครื่องของ Tab S6 Lite อยู่ที่ 244.5 x 154.3 x 7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 465-467 กรัม (รุ่น WiFi / รุ่น LTE) และมีให้เลือก 3 สี คือ เงิน (Oxford Gray) น้ำเงิน (Angola Blue) และชมพู (Shiffon Pink)

รายละเอียดของจอขนาด 10.4 นิ้ว ที่ใช้งานคือเป็นจอความละเอียด WUXGA+ (2000 x 1200 พิกเซล) 16 ล้านสี โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ด้านบน สามารถใช้เพื่อสแกนปลดล็อกใบหน้าได้ด้วย

รอบตัวเครื่อง ทางฝั่งขวา จะมีปุ่มเปิดปิด เเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง โดยในรุ่น LTE จะมีช่องใส่ถาดซิมอยู่ทางขวาล่างด้วย ส่วนทางซ้ายจะปล่อยว่างไว้ เพื่อให้สามารถใส่เคสตั้งใช้งานในแนวนอนได้

ด้านบน จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ด้านล่าง เป็นพอร์ต USB-C โดยทั้ง 2 ด้าน จะมีลำโพงอยู่ด้วย เพื่อให้เวลาใช้งานเครื่องในแนวนอนจะได้เสียงแบบสเตอรีโอทั้งซ้าย และขวา ที่ปรับแต่งเสียงจาก AKG

ด้านหลังเครื่องจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลอยู่ที่มุมบนเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะมีโลโก้ Samsung พาดอยู่ตรงกึ่งกลาง และสำหรับรุ่น LTE จะมีเส้นที่เป็นตัวรับสัญญาณเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อใช้รับทั้งสัญญาณ 4G และ WiFi

ภายในของ Tab S6 Lite จะมากับหน่วยประมวลผล Exynos 9611 ความเร็ว 2.3 GHz, 1.7 GHz RAM 4 GB ROM 64 GB แบตเตอรีขนาด 7040 mAh รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 5 (802.11ac) บลูทูธ 5.0 4G LTE สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้สูงสุด 1 TB

จุดเด่นอยู่ที่ S Pen

ความพิเศษที่ทำให้ Tab S6 Lite มีความน่าสนใจขึ้นมาจากแท็บเล็ตทั่วไปในระดับราคาดังกล่าวคือ มี S Pen มาให้ใช้งานด้วย ดังนั้นจากการที่เป็นแท็บเล็ตที่ใช้งานเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ก็จะสามารถใช้งานในรูปแบบอื่นได้มากขึ้น

โดยตัว S Pen มีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ให้จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับที่อยู่ใน Galaxy Note จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตัว S Pen จะมีแม่เหล็กในตัว ทำให้สามารถแปะติดกับ S6 Lite ได้ทันทีที่ไม่ต้องใช้งาน หัวปากกามีขนาด 0.7 รองรับแรงกด 4,096 ระดับ

อย่างไรก็ตาม การวาดรูปที่อาจจะเป็นงานอดิเรกของใครบางคน แต่ก็สามารถนำมาใช้ทำให้เกิดการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน หรือแม้แต่ในกรณีที่ต้องใช้ทำงาน S Pen ก็จะมาช่วยให้คอมเมนต์งานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น

หรือในกรณีที่นำมาใช้กับภาคการศึกษา Tab S6 Lite ที่จับคู่กับ S Pen จะช่วยให้สามารถจดบันทึก พร้อมกับเรียนออนไลน์ไปพร้อมๆ กันได้ในตัว จากการที่ตัวเครื่องมีระบบ MultiTasking

จนถึงการเแปลงแท็บเล็ตเป็นสมุดระบายสีให้เด็กๆ ได้ใช้งานในช่วงที่โรงเรียนยังไม่เปิดเทอม ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิให้กับเด็กๆ ได้ด้วย หรือถ้าโตขึ้นมาหน่อยใช้เพื่อเรียนรู้ หรือจะเล่นเกมเพื่อความบันเทิงก็รองรับได้เป็นอย่างดี

ข้อดีอีกอย่างคือผู้ที่ใช้งาน Samsung Galaxy Tab S6 Lite จะได้รับสิทธิในการสมัครใช้งาน YouTube Premium ฟรี 4 เดือน จากการเป็นพันธมิตรในการให้บริการระหว่างกูเกิล และซัมซุง

One UI 2 ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น

อีกจุดที่มีการอัปเกรดเพิ่มเติมมาบน Tab S6 Lite คือ User Interface One UI 2 ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 เป็นรุ่นแรกของแท็บเล็ตซัมซุง ที่ได้ใช้งาน ทั้งการเพิ่ม Dark Mode ให้ใช้งานได้สบายตามากขึ้นในเวลากลางคืน

พร้อมกับการเชื่อมต่อแท็บเล็ตเข้ากับอีโคซิสเตมส์ของซัมซุง เมื่อใช้งานแท็บเล็ต Tab S6 Lite คู่กับสมาร์ทโฟน Galaxy ที่ลงทะเบียนด้วย Samsung Account เดียวกัน จะสามารถใช้รับโทรศัพท์ได้จากแท็บเล็ตได้ด้วย

รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น อย่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Personal Hotspot เมื่อตัวเครื่องตรวจพบว่ามีสมาร์ทโฟนที่ใช้บัญชีเดียวกันอยู่ใกล้เคียง จะแสดงตัวเลือกขึ้นมาให้เลือกเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนใช้งานได้ด้วย

นอกจากนี้ ในกรณีที่เป็นผู้ใช้งาน Spotify แบบ Premium เมื่อล็อกอินเข้าใช้งานแล้ว ยังสามารถค้นหาเพลงต่างๆ ได้จากระบบค้นหาของ Tab S6 Lite ได้ทันที โดยไ่ต้องกดเข้าไปค้นหาจากในแอป Spotify

ทดสอบประสิทธิภาพ

ถ้ามองในแง่ของการใช้งานทั่วไปประสิทธิภาพของ S6 Lite ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรีที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อถอดจากสายชาร์จแล้วใช้งานตลอดวันแบตฯ ก็ยังไม่หมดแน่นอน

สรุป

จะเห็นได้ว่าจากความสามารถของ Samsung Galaxy Tab S6 Lite ที่มาคู่กับปากกา S Pen ให้ใช้งาน ในราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท ได้กลายมาเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจทันที ในช่วงระดับราคาดังกล่าว

เพราะที่ผ่านมาตลาดนี้แทบจะถูกครองโดย iPad เป็นหลัก ซึ่งทำให้มีตัวเลือกค่อนข้างน้อย การนำ Tab S6 Lite เข้ามาจึงช่วยให้มีตัวเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น กับประสิทธิภาพในการใช้งานที่ครอบคลุม และหลากหลายมากกว่า

Gallery

]]>
Review : Samsung Galaxy XCover Pro / Galaxy Tab Active Pro คู่หูดีไวซ์จับกลุ่มองค์กร https://cyberbiz.mgronline.com/review-samsung-xcover-tab-active-pro/ Thu, 30 Apr 2020 09:58:04 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=32709

การทำงานในองค์กรธุรกิจช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีกระแสชองการนำ BYOD (Bring your own device) หรือการนำดีไวซ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงาน เพื่อให้ไม่ต้องพกพาอุปกรณ์หลายชนิดให้เป็นภาระ

จนทำให้แบรนด์มือถือ และไอที ทั้งหลายไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความจำเป็นต้องการอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น ที่ต้องการเรื่องของความทนทาน และประสิทธิภาพในการใช้งาน

ในปีนี้ Samsung เริ่มเห็นถึงโอกาสในการเข้าไปอุดช่องว่างดังกล่าว เลยปัดฝุ่นสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน XCover และแท็บเล็ต Galaxy Tab ออกมาพัฒนาเป็นดีไวซ์สำหรับองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะ

เพื่อเข้าไปตอบโจทย์การใช้งานทั้งในสำนักงาน รวมถึงการนำออกไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ สำหรับพนักงานที่ต้องออกไปสำรวจพื้นที่ หรือเข้าไปเช็กสต็อกภายในโรงงาน

ข้อดี

  • ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ทนทาน ทั้งกันกระแทก และกันน้ำ กันฝุ่น
  • ประสิทธิภาพตัวเครื่องในระดับท็อป ทำงานได้หลากหลาย
  • มีการเพิ่มปุ่มลัดมาให้เรียกใช้งานแอปฯ ที่ต้องใช้เป็นประจำ
  • รองรับการถอดเปลี่ยนแบตเตอรี

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ตัวเครื่องจะไม่ได้เน้นความสวยงามมากนัก
  • การออกแบบของ Active Pro เน้นใช้งานแนวนอนเป็นหลัก

Galaxy XCover Pro พกง่าย สมบุกสมบัน

เริ่มกันที่สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy XCover Pro ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทันสมัยมากขึ้น แม้ว่าจะไม่เพรียวบาง และหรูหราเหมือนสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy S หรือ Note แต่ถ้ามองในเรื่องของความแข็งแรงแล้ว XCover Pro ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ

ด้วยการที่ให้ตัวหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่เจาะรูแบบ Infinity-O เหมือนใน Galaxy S10 ซึ่งยังคงรักษามาตรฐานในการแสดงผลสีได้อย่างสดใสตามสไตล์ของซัมซุง

บริเวณรอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสามารถป้องกันแรงกระแทกได้ ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.9 x 76.7 x 9.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 218 กรัม โดยทางซัมซุง เคลมว่าสามารถป้องกันการตกจากที่สูงได้ถึง 1.5 เมตร พร้อมกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่ 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที นอกจากนี้ ยังผ่านมาตรฐาน US Military Standards MIL-STD-810G มาช่วยยืนยันความแข็งแรงของตัวเครื่อง

ฝาหลังของ XCover Pro จะสามารถแกะออกมาเพื่อปล่อยแบตเตอรีได้ในกรณีที่ต้องการใช้งานต่อเนื่อง และเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด เหมือนสมาร์ทโฟนสมัยก่อนด้วย

บริเวณฝาหลังด้านในจะมียางคอยซีลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในตัวเครื่อง และเวลาหลังจากที่มีการถอดฝาหลังออก ตัวเครื่องจะมีการเตือนให้ตรวจสอบการปิดฝาหลังให้สนิททุกครั้งด้วยเช่นกัน

ความพิเศษอีกอย่างของ XCover Pro คือนอกจากปุ่มใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิดปิด ปุ่มปรับระดับเสียงทางขวาแล้วซัมซุงได้เพิ่มปุ่มสั่งานเข้ามาให้ใช้งานอีก 2 ปุ่มคือ Top Key ที่ด้านบน และ XCover Key ทางด้านซ้าย

ส่วนบริเวณล่างเครื่อง นอกจากใส่พอร์ต USB-C มาให้เสียบสายชาร์จรองรับชาร์จเร็ว 15W แล้ว ยังมี POGO Pin หรือแถบแม่เหล็กมาให้ใช้คู่กับแท่นวางเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟนได้ทันที ช่วยให้มีความสะดวกเพิ่มมากขึ้น

เพื่อช่วยให้เวลาที่ต้องการเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดใช้งานได้ทันที พร้อมมีการเพิ่มความสามารถอย่าง PTT (Push to Talk) ไว้ใช้สื่อสารกันภายในองค์กรมาให้ด้วย

เมื่อเป็นการใช้งานในองค์กรอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของความปลอดภัย XCover Pro มากับระบบ Biometric Authentication ให้เลือกใช้งานร่วมกับ Samsung Knox ไม่ว่าจะเป็นการสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอให้ใช้งานด้วย

สเปกตัวเครื่องของ Samsung XCover Pro จะมากับหน่วยประมวลผล Exynos 9611 RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 3G/4G WiFi 5 บลูทูธ จีพีเอส และ NFC

ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสถานที่ และทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ในธุรกิจค้าปลีกอย่างเป็นอุปกรณ์ไว้ตรวจสอบข้อมูล โรงงานอุตสาหกรรม สำหรับการเช็กสต็อกสินค้า หรือแม้แต่ธุรกิจการบินที่นำไปใช้เพื่อสแกนตั๋วเครื่องบินก็ได้

Galaxy Tab Active Pro ครบเครื่องด้วย S-Pen

การนำแท็บเล็ตไปใช้ในงานภาคธุรกิจ น่าจะกลายเป็นรูปแบบการทำงานยุคใหม่ที่หลายองค์กรเริ่มปรับตัว และนำมาใช้งาน เพราะช่วยทั้งเรื่องของค่าใช้จ่าย ความสะดวก และความรวดเร็วในการทำงาน

Galaxy Tab Active Pro จึงได้ถูกปรับการดีไซน์มาให้เหมาะกับการใช้งานในภาคธุรกิจ ที่อาจจะไม่ได้บางเหมือนในกลุ่มคอนซูเมอร์ แต่ก็ไม่ได้หนาเท่ากับแท็บเล็ต Rugged สมัยก่อน

สำหรับตัวเครื่อง Galaxy Tab Active Pro จะมากับหน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียด WUXGA ที่ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 550 nit เพื่อช่วยให้สามารถใช้งานในที่กลางแจ้งได้

โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาให้ใช้งาน ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 170.2 x 243.5 x 9.9 มิลลิเมตร นำ้หนัก 653 กรัม กันน้ำ กันฝุ่นมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810G

ในส่วนของการใช้งาน ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่า จะใช้งานเฉพาะตัวเครื่องแท็บเล็ต ที่สามารถนำไปเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด หรือใช้เป็นหน้าจอแสดงผลร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างล่าสุด ซัมซุง นำแท็บเล็ตรุ่นนี้ไปใช้กับหุ่นยนต์การแพทย์เพื่อช่วยให้สื่อสารได้สะดวกขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 ด้วย

กรณีที่ต้องการความแข็งแรงของตัวเครื่องมากขึ้น จะมีสามารถใส่เคสเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้มีช่องเก็บปากกา S-Pen เพิ่มเข้ามาด้วย ดังนั้นก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบในการใช้งานที่หลากหลาย ส่วนเครื่องความปลอดภัย Tab Active Pro มีการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้บริเวณปุ่มโฮมด้วย

รอบตัวเครื่องของ Galaxy Tab Active Pro ทางขวาจะเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พร้อมกับ USB-C และลำโพง ส่วนด้านบน จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปรับระดับเสียง และปุ่มลัดไว้ตั้งเรียกใช้งานแอปฯ เหมือนใน XCover Pro

ด้านล่างจะเป็น POGO Pins ไว้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ โดย Galaxy Tab Active Pro ยังรองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอ เพื่อใช้งาน Samsung DeX ที่เป็นโหมดเดสก์ท็อปเพื่อให้ใช้งานคู่กับเมาส์ และคีย์บอร์ดได้ด้วย

ด้านหลังเครื่องเมื่อถอดเคสออกมา จะสามารถเปิดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรีขนาด 7,600 mAh ได้ พร้อมกับมีช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดเหมือนกับใน XCover Pro ซึ่งช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน กรณีที่ไปในที่ๆ หาที่ชาร์จไม่ได้กรณีแบตหมดก็สามารถเปลี่ยนก้อนใหม่ได้ทันที

สำหรับสเปกของ Galaxy Tab Active Pro จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 ที่เป็น Octa Core 2+1.7 GHz RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 512 GB ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G/4G WiFi 5 บลูทูธ 5.0 GPS NFC ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10

ปุ่มพิเศษไว้เรียกใช้แอปฯ ด่วน

ทั้ง Galaxy XCover Pro และ Galaxy Tab Active Pro จะมีความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจใช้งานกันคือการเพิ่มปุ่ม XCover และ ปุ่ม Top ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งได้ว่าจะใช้การกด 1 ครั้งเพื่อเข้าแอปพลิเคชัน หรือสั่งงานตัวเครื่อง ทำให้กรณีที่มีแอปฯ ขององค์กรที่ต้องใช้งานก็สามารถเปิดใช้ได้ทันที

ส่วนการใช้งานด้านอื่นๆ XCover Pro ก็จะเหมือนสมาร์ทโฟน Galaxy ที่รองรับการใช้งานทั่วๆ ไปได้ทั้งหมด ส่วน Galaxy Tab Active Pro ก็จะมีโหมด DeX ให้ใช้งานบนแท็บเล็ตเพิ่มมา หรือจะเลือกใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen ก็ได้เช่นกัน

ทดสอบประสิทธิภาพ

ด้วยสเปกที่ให้มาของตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่น ถือว่ารองรับการทำงานได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรีที่ยาวนานต่อเนื่อง และการประมวลผลต่างๆ โดยสามารถดูรายละเอียดคะแนนจากโปรแกรมทดสอบต่างๆได้

สรุป

Samsung Galaxy XCover Pro และ Galaxy Tab Active Pro ถือว่าเข้ามาเป็นตัวเลือกให้แก่องค์กรธุรกิจที่ต้องการสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตไปใช้งาน โดยมีจุดเด่นอยู่หลายๆ เรื่องทั้งความทนทาน ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และแบตเตอรีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้

ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละองค์กรธุรกิจที่จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในยุค Digital Tranformation โดยมีพื้นฐานของระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Samsung Knox มาช่วยการันตีให้ข้อมูลของบริษัทมีความปลอดภัยด้วย

Gallery

]]>
Review : Samsung Galaxy Tab S3 พรีเมียมแท็บเล็ตพร้อมปากกา S Pen และลำโพง 4 ตัว https://cyberbiz.mgronline.com/review-tabs3/ Wed, 12 Jul 2017 01:30:48 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=26545

Samsung Galaxy Tab S ถือเป็นกลุ่มแท็บเล็ตพรีเมียมจากซัมซุงที่ได้รับความนิยมสูงมาตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2014 จนปัจจุบัน Tab S เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 (Tab S3) กับจุดขายใหม่ “พรีเมียมแท็บเล็ตที่สามารถขีดเขียนได้ด้วยปากกา S Pen” ครั้งแรกของตระกูลพรีเมียม Tab S ที่ในครั้งนี้ ซัมซุงตั้งใจปรับปรุงปากกามาให้โดดเด่นเป็นพิเศษอีกด้วย

การออกแบบ

สำหรับ Samsung Galaxy Tab S3 จะมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 9.7 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอเป็น 4:3 แบบเดียวกับ Tab S2 มาพร้อมความละเอียหน้าจอ 2,048×1,536 พิกเซล รองรับการเล่นวิดีโอ HDR และรองรับปากกา S Pen

ในส่วนขนาดตัวเครื่องจะมีความหนาอยู่ที่ 6 มิลลิเมตร หนัก 434 กรัม

ด้านหน้า เหนือหน้าจอขึ้นำไป ข้างโลโก้ Samsung จะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2

ใต้จอภาพ ตรงกลางจะเป็นปุ่มโฮมพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) แบบดั้งเดิมของซัมซุง ด้านซ้ายเป็นปุ่มสัมผัสเรียก Recent Apps ขวา ปุ่มย้อนกลับ

ด้านหลังตัวเครื่อง วัสดุจะเป็นกระจก โดยด้านบนจะเป็นที่อยู่ของกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f1.9 พร้อมไฟแฟลชแบบ LED

มาดูด้านข้างเครื่องกันบ้าง เริ่มจากด้านบนจะเป็นที่อยู่ของลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวพร้อมเสารับสัญญาณโทรศัพท์

ด้านล่าง ซ้าย-ขวาจะเป็นที่อยู่ของลำโพงอีก 2 ตัว พร้อมเสารับสัญญาณโทรศัพท์เช่นเดียวกับด้านบน ส่วนตรงกลางจะเป็นที่อยู่ของช่อง USB-C รองรับมาตรฐานเชื่อมต่อสูงสุด USB 3.1 พร้อมช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

ด้านขวา จะเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง โดยตรงกลางจะเป็นช่องใส่ถาดใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ Nano Sim (รองรับ ซิมเดียว) และช่องใส่ MicroSD Card รองรับความจุสูงสุด 256GB

ด้านซ้าย จะเป็นส่วนเชื่อมต่อ POGO กับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด

มาถึงส่วนของปากกา S Pen ที่ในครั้งนี้ซัมซุงปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับ Tab S3 มากยิ่งขึ้น (ใช้สเปกเดียวกับ S Pen ใน Galaxy Note 7) ตั้งแต่ขนาดตัวปากกาที่ออกแบบให้เหมือนของจริง จับถนัดมือกว่า Galaxy Note พร้อมหัวปากกาแบบ 0.7 มิลลิเมตร รองรับทั้งเขียนหนังสือและวาดรูป ไปถึงสเปกที่ในครั้งนี้ซัมซุงเพิ่มการรองรับแรงกดมากถึง 4,096 ระดับ มากกว่า Galaxy Tab A และ Note 5 เป็นเท่าตัว

และที่สำคัญปากกาไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี ไม่ต้องใส่ถ่าน

สุดท้าย Galaxy Tab S3 จะรองรับระบบชาร์จไฟแบบเร็ว เช่นเดียวกับ Galaxy S8 และในแพกเกจจะมาพร้อมอะแดปเตอร์ Adaptive Fast Charging ด้วย

สเปก

หน่วยประมวลผลขับเคลื่อน Galaxy Tab S3 ซัมซุงเลือกใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon 820 Quad-core ความเร็ว 2.15GHz แรม 4GB (ประสิทธิภาพแรงกว่ารุ่นก่อนหน้า 18% กราฟิกแรงกว่า 3 เท่า) มาพร้อมรอม 32GB เหลือพื้นที่ให้ใช้งานจริงประมาณ 23.1GB

ในส่วนการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ จะรองรับ 3G/4G LTE ทุกเครือข่ายในบ้านเรา สามารถโทรศัพท์ได้แต่อาจต้องทำผ่านบลูทูธ ส่วน WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac มี GPS/Glonass/Beidou/Galileo ในตัว บลูทูธรองรับรุ่นใหม่ 4.2 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 ส่วนแบตเตอรีให้ความจุมา 6,000 mAh

ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสและฟีเจอร์เด่น

เริ่มจากยูสเซอร์อินเตอร์เฟส (UI) จะเป็นซัมซุงยุคใหม่คือไม่ยัดเยียดแอปฯมาให้เกินความจำเป็น ทำให้ UI ค่อนข้างเบาและรูปแบบการใช้งานจะเหมือนกับ UI ใน Galaxy S8 ผสม Galaxy A7 2017 รวมถึงรอบรับ Multitasking เปิดใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้

ในส่วนหน้าจออัตราส่วน 4:3 แม้มองเผินๆจะดูไม่คุ้นตานัก แต่เรื่องของพื้นที่แสดงผล สำหรับการใช้งานเอกสาร เล่นเว็บไซต์ถือว่าให้พื้นที่กว้างขวาง ไม่อึดอัด โดยเฉพาะการเปิด 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอ จะมีพื้นที่ใช้งานค่อนข้างมาก แต่ถ้านำไปเล่นวิดีโออัตราส่วน 16:9 หรือ 21:9 จะเกิดขอบดำบนล่างค่อนข้างมาก มองแล้วไม่เต็มตา

มาถึงฟีเจอร์ S Pen นอกจากตัวปากกามีข้อดีในเรื่องไม่ต้องใช้ถ่านแล้ว ระบบการทำงานยังถือว่าครั้งนี้ซัมซุงได้พอร์ตฟังก์ชันจาก Galaxy Note 7 มาให้ใช้บน Tab S3 แทบทุกฟังก์ชัน เริ่มตั้งแต่ Smart Select ไปถึงสามารถสร้าง GIF Animation จากคลิปวิดีโอได้หรือจะเลือกครอปภาพด้วยปากกา เขียน Screenshot หรือฟังก์ชันเด่นอย่าง ยกปากกาเหนือข้อความก็สามารถเลือกแปลภาษา (รองรับแปล อังกฤษ-ไทย) ได้ด้วย

ลำโพง 4 ตัว – ในครั้งนี้ซัมซุงจับมือพัฒนาลำโพง Tab S3 ร่วมกับ AKG/HARMAN โดยลำโพงทั้ง 4 ตัวจะทำงานสอดประสานกันในรูปแบบสเตอริโอ แยกเสียงเบสและโทนแหลมออกจากกัน ทำให้เสียงมีความคมชัดและความดังที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนกล้องถ่ายภาพ รองรับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล วิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K โดยในส่วนคุณภาพภาพนิ่งจะอยู่กลางๆประมาณ Galaxy A-Series ส่วนวิดีโอถือว่าพอใช้ ระบบกันภาพสั่นไหวสามารถเปิดให้ซอฟต์แวร์ช่วยเหลือได้

ทดสอบประสิทธิภาพ

3D Mark
Sling Shot Extreme = 2,478 คะแนน
Sling Shot = 2,913 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 24,302 คะแนน
Ice Storm Extreme = 13,995 คะแนน

PC Mark
Work 2.0 = 4,549 คะแนน

AnTuTu Benchamrk = 100,960 คะแนน

Geekbench 4
Single-Core = 1,368 คะแนน
Multi-Core = 3,930 คะแนน

PassMark PerformanceTest
System = 9,689 คะแนน
CPU Tests = 150,911 คะแนน
Memory Tests = 9,465 คะแนน
Disk Tests = 40,764 คะแนน

AndroBench (ทดสอบการอ่านเขียนของรอม)
Seq. Read = 289.65 MB/s
Seq. Write 89.48 MB/s

มาดูเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพ ด้านผลคะแนนถือว่ากลางๆ พอใช้ แอบเสียดายที่ซัมซุงเลือกใช้สเปกฮาร์ดแวร์จากตัวท็อปของปีที่แล้ว โดยเฉพาะส่วนของซีพียู Snapdragon 820 ซึ่งการใช้งานจริงถือว่าไม่มีปัญหา สามารถใช้งานได้ปกติ

แต่สำหรับเครื่องเดโมที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะพบอาการเครื่องช้าบ้าง โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน Multitasking หรือเปิดใช้งานแอปฯจำนวนมากสลับไปมา

ส่วนการใช้งาน S Pen วาดภาพและเขียนหนังสือ เรียกได้ว่าถอดแบบ Galaxy Note 7 มาเลย ประสิทธิภาพปากกาเหมือนกัน โดย S Pen ใน Tab S3 จะจับถนัดกว่า ส่วนความลื่นไหลก็อยู่ในเกณฑ์ดี ผิดจากประสิทธิภาพของตัวเครื่องโดยรวมที่อยากให้ซัมซุงนำสเปกของ Galaxy S8 มาใส่ไว้ใน Tab S3 เสียจริงๆ หรืออย่างน้อยก็พัฒนาซีพียูของพรีเมียมแท็บเล็ตขึ้นมาเฉพาะเลยจะดีกว่า

ส่วนการเล่นเกม อย่างเกม Modern Combat 5 ไม่ทราบเป็นที่ตัวเกมไม่ได้ปรับประสิทธิภาพมาให้เข้ากับ Tab S3 หรืออย่างไร เพราะเกมค่อนข้างหน่วง เล่นแล้วไม่ลื่นไหล ต้องปรับค่ากราฟิกลงมากลางๆ

มาถึงการทดสอบสุดท้าย “แบตเตอรี” สามารถทำเวลาใช้งานแบบต่อเนื่องจากชุดทดสอบ PC Mark (เปิดจอทิ้งไว้และประมวลผลตลอดการทดสอบ) อยู่ที่ 8 ชั่วโมง 6 นาที แบตเตอรีเหลือ 20% สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แบตเตอรีจึงใกล้หมด

ส่วนใช้งานจริงถ้าเป็นการใช้งานปกติ เน้นงานเอกสาร ท่องเว็บไซต์ผ่าน WiFi/4G จะอยู่ที่ประมาณ 10-12 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วนถ้านำมาเล่นเกมหรือใช้งานตกแต่งภาพที่ต้องใช้ซีพียูหนักหน่วง แบตเตอรีสามารถหมดได้เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

ภาพรวมถือว่า Samsung Galaxy Tab S3 ในส่วนประสิทธิภาพประมวลผลถือว่าอยู่ระดับกลางๆ ไม่โดดเด่นหวือหวาเหมือนแฟลกชิปอย่าง Galaxy S8

สรุป

สำหรับราคาขาย Galaxy Tab S3 (32GB WiFi/รองรับ 3G/4G LTE) พร้อม S Pen จะอยู่ที่ 24,500 บาท

เรียกได้ว่าเป็นราคาที่สูงมากเมื่อเทียบกับสเปกเครื่องที่ไม่สดใหม่นัก แต่ Tab S3 มีดีที่ปากกา S Pen ที่ถูกปรับปรุงใหม่ใช้งานได้ดี โดยเฉพาะคนชอบจดโน้ต S Pen รุ่นนี้ทำงานได้ค่อนข้างแม่นยำ ฟีเจอร์ปากกาดี คนที่สนใจหาซื้อมาทำงานเอกสาร พิมพ์งานน่าจะถูกใจ แต่สำหรับคนที่ต้องการซื้อมาเพื่อเล่นเกม เน้นเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก อยากให้ลองไปทดสอบที่ Samsung Shop ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะในส่วนที่ปรับปรุงใหม่อย่างลำโพง 4 ตัวไปถึงหน้าจอและสเปกเครื่องก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพแค่ระดับกลางๆ จะเป็นพรีเมียมก็ไม่สมบูรณ์ 100% ดูครึ่งๆกลางๆไม่สุดสักทาง แถมราคาก็ยังไปชนกับ iPad Pro 10.5 นิ้ว (64GB WiFi) รุ่นล่างสุดอีก

ใครกำลังมองหาแท็บเล็ตพรีเมียมราคาระดับ 2 หมื่นบาทคงต้องตัดสินใจกันให้ดีๆ (Tab S3 ซื้อแล้วจบเลย อุปกรณ์ S Pen ได้ครบ ส่วน iPad Pro คงต้องกำเงินถึง 3 หมื่นกว่าบาทถึงจะได้ฟังก์ชันแบบ Tab S3 แต่ iPad Pro ก็ได้ในเรื่องสเปกสุดแรง สดใหม่สุดในตลาดตอนนี้)

ข้อดี

– หน้าจอ Super AMOLED ตัวใหม่ให้สีสดใส รองรับ HDR
– S Pen ทำงานได้ดี ยอดเยี่ยมเหมือนตอนทดสอบกับ Galaxy Note 7
– ลำโพง 4 ตัวให้เสียงที่ดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Tab S ทุกรุ่นที่ผ่านมา

ข้อสังเกต

– สเปกส่วนประมวลผลไม่สดใหม่สมเป็นพรีเมียมแท็บเล็ต
– ราคาสูง
– แบตเตอรี ใช้งานต่อเนื่องยังไม่น่าประทับใจ
– ปัจจุบันความจุมีให้เลือกเพียง 32GB (ไม่แน่ใจจะมีรุ่น 64GB ออกมาภายหลังหรือไม่)

Gallery

]]>
Review : Samsung Galaxy View แท็บเล็ตจอยักษ์เกิดมาไว้ดูหนัง https://cyberbiz.mgronline.com/review-samsung-galaxy-view/ Mon, 22 Feb 2016 03:22:55 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=21595

IMG_20160215_220928

ถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่อีกตลาดของผู้ใช้งานซัมซุงในตระกูล Galaxy ด้วยการที่ซัมซุงเลือกออกแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 18.4 นิ้ว มาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้งานแท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการรับชมคอนเทนต์วิดีโอผ่านแอปพลิเคชันบนแอนดรอยด์เป็นหลัก เข้ามาเสริมกับอีกกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ททีวีเดิม

เมื่อเป็นแท็บเล็ตที่มีเป้าหมายในการใช้งานชัดเจน ซัมซุง จึงเลือกที่จะทำตลาดแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับทาง เอไอเอส ที่เพิ่งมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มอย่าง AIS Play ที่เป็นแหล่งรวมคอนเทนต์วิดีโอสตรีมมิ่งผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมชูจุดเด่นของการใช้งาน 4G Advanced บนตัวเครื่องด้วย แน่นอนว่าถ้าไม่อยากใช้ 4G ก็เลือกเชื่อมต่อไวไฟได้เช่นกัน

การออกแบบ

IMG_20160215_221447

ด้วยการที่เป็นแท็บเล็ตที่มีจอขนาดใหญ่ถึง 18.4 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ที่ 451.8 x 275.8 x 11.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.65 กิโลกรัม วางจำหน่ายสีดำเพียงสีเดียว วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติก ผสมกับกระจกหน้าจอ ทำให้ต้องระมัดระวังในการตกกระแทกเหมือนแท็บเล็ตทั่วๆไปด้วย

ด้านหน้าพื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งหมดจะเป็นหน้าจอขนาด 18.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1,920 x 1,080 พิกเซล) โดยส่วนบนหน้าจอจะมี กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์วัดแสง ส่วนล่างหน้าจอมีโลโก้ของ Samsung สีเงินพาดอยู่ตรงกลาง ตัวเครื่องสามารถแสดงผลได้เฉพาะแนวนอนเท่านั้น

IMG_20160215_221231

ด้านหลังเป็นที่อยู่ของขาตั้ง (Kickstand) ที่ปรับมุมมองในการวางได้ 2 รูปแบบคือ แนวตั้ง และแนวราบ ไม่สามารถปรับเอียงองศาเพิ่มเติมได้ ตรงส่วนของขาตั้งจะมีช่องสำหรับถือกรณีที่ต้องการเคลื่อนย้ายที่วางแท็บเล็ต ในบริเวณดังกล่าวเมื่อมองทะลุเข้าไปจะมีโลโก้ของ AIS อยู่ แสดงถึงความเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเอไอเอส กับสัญลักณ์ของซัมซุงตรงกลางขาตั้ง

เมื่อดูลึกเข้าไปในขาตั้ง จะมีการเชื่อมต่อกับตัวเครื่องบริเวณกลางเครื่องเท่านั้น เพื่อให้ขาตั้งสามารถพลิกย้ายรองรับการวางหน้าจอได้ โดยลำโพงสเตอริโอจะซ่อนอยู่ในจุดบริเวณขาตั้ง ส่วนช่องใส่นาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด จะมีฝาปิดอยู่บริเวณมุมล่างซ้ายเมื่อมองจากด้านหลังเครื่อง ภายในบรรจุแบตเตอรีขนาด 5,700 mAh

IMG_20160215_221043

IMG_20160215_221139

บริเวณรอบตัวเครื่องจะมีจุดที่น่าสนใจ 2 ส่วนเท่านั้น คือบริเวณด้านบนที่จะมีปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ และทางด้านขวาที่มีช่องเสียบสายหูฟังขนาด 3.5 มม. พอร์ตไมโครยูเอสบี และช่องเสียบสายชาร์จแยกอีกช่องหนึ่ง เพื่อให้สามารถชาร์จไปพร้อมกับการใช้งานพอร์ตยูเอสบีได้

IMG_20160215_220242

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับคู่มือการใช้งาน หูฟังขนาด 3.5 มม.แบบ In-Ear พร้อมจุกให้เลือก และอะเดปเตอร์ชาร์จเครื่อง เมื่อแกะโฟมออกก็จะพบกับตัวเครื่องห่อมาในพลาสติก พร้อมแปะฟิลม์อีกชั้นหนึ่ง

สเปก

สำหรับสเปกของ Galaxy View จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Samsung Exynos 7580 Octa-Core 1.6 GHz RAM 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 32 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 (Lollipop)

ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 4G LTE Cat 6 ทำให้สามารถใช้งาน LTE Advanced ได้ความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุด 300/50 Mbps กับ 3G บนคลื่น 900/2100 ความเร็วสูงสุด 42.2/5.76 Mbps รวมถึง Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac ทำให้วิ่งได้ทั้งบน 2.4 GHz และ 5 GHz บลูทูธ 4.1 มี GPS ภายในตัวด้วย

ฟีเจอร์เด่น

s01

อย่างที่บอกไปว่ารูปแบบการทำตลาดของ Galaxy View จะมีการจับมือกับโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการคอนเทนต์ในการวางจำหน่ายเหมือนอย่างในสหรัฐฯ มีการจับมือกับทาง AT&T ในบ้านเราก็เช่นกัน ซัมซุงเลือกที่จะจับมือกับทาง AIS มาทำตลาดตัวเครื่อง Galaxy View ร่วมกับการโปรโมท 4G Advanced และ AIS Play ไปในคราวเดียว

เมื่อมีการเอ็กซ์คลูซีฟกัน สิ่งที่เกิดขึ้นใน Galaxy View คือจะมีการบันเดิลแอปพลิเคชันของเอไอเอสติดมาในตัวเครื่องด้วย เริ่มตั้งแต่หน้าจอหลักในการใช้งาน ‘AIS Galaxy View’ ที่มีหน้าแสดงผลเฉพาะตัวด้วยสีเขียวของเอไอเอส มีการแสดงพยากรณ์อากาศ เวลา และวันที่ บริเวณมุมซ้ายบน พร้อมสัญลักาณ์ AIS มีมุมขวาบน

s02s03

ตรงกลางหน้าจอมีไอค่อนลัดสำหรับเข้าสู่บริการอย่าง AIS Play เลือกเข้าใช้งานแอปพลิเคชันโปรด เบื้องต้นจะมีติดตั้ง AIS Cloud+ AIS BookStore และ AIS U Academy มาให้ ผู้ใช้สามารถตั้งแอปที่ต้องการเพิ่มได้ รวมถึงการสร้างโฟลเดอร์ไว้รวมกัน และไอค่อนสุดท้ายสำหรับการเรียกใช้งาน AIS eService

s04

เมื่อลองกดเข้ามาใน AIS Play ก็จะพบกับหน้ารวมวิดีโอคอนเทนต์ที่มีให้เลือกทั้งการรับชมทีวีดิจิตอล ภาพยนตร์ รายการย้อนหลัง ซีรีส์ การ์ตูนสำหรับเด็ก เลือกดูสิทธิพิเศษ 4G โปรแกรมคาราโอเกะ ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บริการสตรีมมิ่งวิดีโออย่าง Hooq และหน้าการเรียนรู้

s05

เมื่อกดเข้าไปในภาพยนตร์ก็จะพบกับหนังที่มีให้เลือกทั้งพากย์ไทย และซับไทย รวมถึงเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ ที่เอไอเอสพยายามสร้างอยู่อย่างการนำการแข่งขันของ Amanda Car มาให้รับชม เมื่อเลือกเข้าไปดูก็จะมีขึ้นหน้าให้กรอกเลขหมายเอไอเอส เพื่อส่งข้อความเป็นรหัสในการเข้าชม หลังจากนั้นก็สามารถรับชมคอนเทนต์ต่างๆได้ทันที

s06

แน่นอนนว่าฟีเจอร์เหล่านี้ เพิ่มขึ้นมาจากการที่ทางซัมซุงบันเดิลแพกเกจในการจำหน่าย Galaxy View ร่วมกับทางเอไอเอส แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ต้องการให้หน้าจอหลักเป็น AIS Galaxy View ผู้ใช้ก็สามารถเข้าไปเลือกตั้งหน้า Home Screen กลับเป็นอินเตอร์เฟสที่คุ้นเคยอย่าง TouchWiz ตามเดิมได้เช่นเดียวกัน

มาถึงในแง่ของการใช้งานเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ 5.1 ที่ครอบด้วยอินเตอร์เฟส TouchWiz ของซัมซุง ซึ่งผู้ที่เคยใช้แท็บเล็ตของซัมซุงมาก่อนน่าจะคุ้นเคยกันดี คือมีหน้าจอหลักมาให้ สามารถเลือกวิตเจ็ตต่างๆมาใส่ได้ มีปุ่มรวมแอปพลิเคชันให้กดเข้าไปเลือกใช้งาน

s07

แถบการตั้งค่าลัด และแจ้งเตือนยังเมื่อลากนิ้วลงมาก็จะอยู่บริเวณกลางตัวเครื่อง สามารถใช้ตั้งค่าด่วนอย่างเปิดปิดไวไฟ จีพีเอส เสียง บลูทูธ ดาต้า ระบบประหยัดพลังงาน เปิดไวไฟฮ็อตสป็อต ตั้งความสว่างหน้าจอได้ทันที หรือเลือกเข้าไปหน้าการตั้งค่าจากฟันเฟืองที่ส่วนบน

s08

ตัวแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้พื้นฐานในเครื่องก็เป็นแอปทั่วๆไป เพราะจะมีหน้าสโตร์ของ Galaxy และ AIS ให้เข้าไปดาวน์โหลดแอปติดตั้งเพิ่มเติมได้ เช่นเดียวกับ Play Store แต่ก็จะมีแอปเพิ่มเติมมาให้ใช้อย่าง Family Square ที่ทำเป็นเหมือนไวท์บอร์ดให้คนในครอบครัวใช้จดโน้ต เก็บบันทึกรูปภาพในความทรงจำ และ S Console ที่เป็นหน้าจอในการเล่นเกมด้วยรีโมทบลูทูธ ที่ซิงค์กับเพลย์สโตร์ในการโหลดเกมมาติดตั้ง

s11

ฟังก์ชันสำคัญในการใช้งานแท็บเล็ตของซัมซุงอย่าง Multi Screen ยังคงใช้งานได้อยู่ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้แอปพลิเคชันจากกูเกิลเซอร์วิสพื้นฐานพร้อมๆกันได้ อย่างการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ ยูทูป แกลอรี อีเมล เครื่องเล่นเพลง ภาพยนตร์ แบบ 2 หน้าจอพร้อมกัน พร้อมกับการปรับขนาดให้เหมาะสมตามการใช้งาน

s09

ด้วยการที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ คีย์บอร์ดเสมือนที่ติดตั้งมาให้จึงมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย พร้อมแยกปุ่มตัวเลขออกมาให้พิมพ์ใช้งานได้ทันที ไม่เหมือนในสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตหน้าจอเล็กที่ต้องกดปุ่มเพื่อสลับโหมดในการพิมพ์ แน่นอนว่าถ้าคีย์บอร์ดใหญ่เกินไปก็สามารถปรับให้เล็กลงเพื่อใช้งานสะดวกขึ้นได้

จุดสำคัญในการใช้งานของ Galaxy View คือใช้งานได้เฉพาะแนวนอนเท่านั้น ประกอบกับหน้าจอที่เป็นสัดส่วนแบบ 16:9 ทำให้เหมาะกับการรับชมภาพยนตร์เป็นหลัก ดังนั้นจึงถือเป็นอุปกรณ์ที่มาตอบโจทย์ด้านความบันเทิงเป็นหลัก เสมือนแท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถพกพาติดตัวไปไหนก็ได้ และใช้งานได้ทุกพื้นที่ ต่างจากสมาร์ททีวี หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอื่นๆ เพราะภายในมีแบตเตอรีให้ใช้งานได้ด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพ

s16

ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 23,720 คะแนน และ 41,705 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน

s17

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ ได้ 2,821 คะแนน แอนดรอยด์เว็บวิวได้ 2,344 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 2,989 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 1,099 คะแนน Multicore 1,623 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 720 คะแนน Multi-Core 3,658 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 14 ชั่วโมง 26 นาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 5,773 คะแนน จากแบตเตอรีที่ใหญ่ถึง 5,700 mAh

s18

ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 4,119 คะแนน 3D Mark ตัว Sling Shot ES3.1 ได้ 207 คะแนน Sling Shot ES3.0 ได้ 332 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 7,854 คะแนน ส่วน Ice Storm Extreme 5,032 คะแนน และ Ice Storm 8,595 คะแนน

ส่วน Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 4,717 คะแนน CPU 31,266 คะแนน Disk 22,020 คะแนน Memory 4,863 คะแนน 2D Graphics 3,428 คะแนน และ 3D Graphics 1,273 คะแนน

สรุป

Screen-Shot-2559-02-17-at-5.33.38-PM

ถ้ามองไปที่โจทย์หลักในการเป็นแท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการรับชมคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอสตรีมมิ่ง Galaxy View ถือว่าออกมาตอบโจทย์ให้แก่ทั้งซัมซุง และเอไอเอส ในฐานะที่เป็นพาร์ทเนอร์ในการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และได้ส่วนเสริมคือการเป็นอุปกรณ์ในการนำไปพรีเซนต์งานนอกสถานที่ และอุปกรณ์ความบันเทิงที่พกพาไปไหนก็ได้ด้วย ในราคา 23,900 บาท

อีกมุมหนึ่งถ้าต้องการนำ Galaxy View มาเพื่อใช้แทนแท็บเล็ตในการใช้งานทั่วๆไป ต้องยอมรับว่าด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่เกินไป การใช้งานในระยะใกล้ๆ อาจทำให้สายตาล้าได้ เพราะต้องมีการกรอกตาไปให้ทั่วหน้าจอ ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้งานทั่วๆไปในระยะเวลายาวนานแทนแท็บเล็ตอย่างแน่นอน

ดังนั้น ถ้าเป็นผู้บริโภคที่ต้องการแท็บเล็ต หรือกำลังมองหาสมาร์ททีวีขนาดหน้าจอไม่ใหญ่เกินไป เชื่อว่า Galaxy View จะกลายเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพียงแต่ในการใช้งานรับชมทีวีต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาไม่สามารถรับชมเป็นแบบดิจิตอลทีวีได้นั่นเอง

ข้อดี

แท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ 18 นิ้ว สามารถพกพาไปใช้งานข้างนอกได้ เพราะมีแบตเตอรีภายในตัว

เหมาะกับการใช้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G และ Wi-Fi

ข้อสังเกต

พอร์ตการเชื่อมต่อที่ให้มามีแต่ MicroUSB น่าจะมีช่องยูเอสบีมาให้เสียบใช้งานได้ด้วยเลย

ถ้าต้องการต่อกับอุปกรณ์อย่าง ฮาร์ดดิสก์ คีย์บอร์ด เมาส์ ต้องผ่านสาย USB On The Go และ USB Hub

Gallery

]]>
Review: Samsung Galaxy Tab S2 8” ต่อยอดแท็บเล็ตพรีเมียม https://cyberbiz.mgronline.com/samsung-tabs2/ Tue, 15 Sep 2015 04:37:38 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=18263

558000010576503

การมาของ Tab S2 ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นที่ต่อยอดจาก Tab S รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จากการที่วางโพสิชันเป็นแท็บเล็ตในระดับพรีเมียมของทางซัมซุง ชูจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง รวมถึงประสิทธิภาพตัวเครื่องที่อยู่ในระดับไฮเอนด์

จุดเด่นหลักของ Tab S2 ที่นำมารีวิวในครั้งนี้ก็คือจอแสดงผล SuperAMOLED ระดับ 2K ตัวเครื่องมากับหน่วยประมวลผลแบบ 64 บิต Octa Core Exynos 5433 ให้ RAM มาสูงถึง 3 GB กับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง 4G และ WiFi ที่สำคัญคือความบางเครื่องที่ 5.6 มิลลิเมตร

โดยจริงๆแล้ว Tab S2 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ รุ่นหน้าจอขนาด 8 นิ้ว และรุ่นหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว โดยมีความต่างอยู่เพียงที่ขนาดหน้าจอ น้ำหนัก 272 กรัม กับ 389 และแบตเตอรีจาก 4,000 mAh เป็น 5,870 mAh ในราคา 15,900 บาท และ 18,900 บาท ตามลำดับ

การออกแบบและสเปก

558000010576504

ถ้ามองแล้ว Galaxy Tab S2 8” จะถูกออกแบบมาคล้ายๆกับ Galaxy Note 4 ที่เน้นวัสดุอลูมิเนียมรอบตัวเครื่อง และฝาหลังเป็นพลาสติกเพื่อให้น้ำหนักเบา มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 198.6 x 134.8 x 5.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 272 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ สีขาว และสีทอง

ด้านหน้า – ที่เด่นที่สุดคือหน้าจอ SuperAMOLED ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด QXGA (2048 x 1536 พิกเซล) โดยจะมีช่องลำโพงสนทนาอยู่ส่วนบน พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และวัดแสง

ล่างหน้าจอเป็นปุ่มกดเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด (กดค้างเพื่อเข้าสู่โหมดมัลติสกรีน) ปุ่มโฮม (มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ) และปุ่มย้อนกลับ

558000010576505

ด้านหลัง – อย่างที่บอกไปว่าวัสดุส่วนหลังจะใช้เป็นพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา โดยจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ กับจุดสำหรับยึดกับเคสเฉพาะของ Tab S2 เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน ภายใน Tab S2 8” จะมากับแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรีได้

558000010576507

558000010576508

ด้านซ้าย – จะถูกปล่อยว่างไว้ เพื่อให้เป็นฐานในการตั้งเครื่องกรณีที่ใช้งานคู่กับเคส ด้านขวา – จะมีทั้งปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ช่องถาดใส่นาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด ที่ต้องใช้เข็มจิ้มถาดออกมา

558000010576509558000010576510

ด้านบน – ถูกปล่อยว่างไว้เช่นเดียวกัน ด้านล่าง – มีพอร์ตไมโครยูเอสบี ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องลำโพงภายนอก

558000010576537558000010576525

สำหรับสเปกภายในของ Tab S2 8” มากับหน่วยประมวลผล Exynos 5433 Octa-core 1.9 GHz (QuadCore 1.9GHz กับ 1.3GHz) RAM 3 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 32 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอดย์ 5.0

ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 3G และ 4G ทุกคลื่นที่ใช้งานในประเทศไทย ไวไฟ มาตรฐาน 802.11 b/g/n/ac บลูทูธ 4.1 GPS สามารถใช้สายต่อ MHL เพื่อเชื่อมกับจอทีวีได้ แต่ไม่มี NFC

ฟีเจอร์เด่น

558000010576521

ด้วยการที่ชูจุดเด่นเป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมียม ทำให้ Tab S2 ถูกเน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้ทำงาน รวมถึงเพื่อสร้างความบันเทิง โดยอินเตอร์เฟสการใช้งานจะเป็นรูปแบบของซัมซุงคือ TouchWiz เพียงแต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีขนาดไอค่อนใหญ่ขึ้นตามมาด้วย

558000010576523

หน้าจอหลักผู้ใช้สามารถเลือกนำวิตเจ็ตที่ต้องการ หรือไอค่อนลัดเรียกใช้งานแอปมาวางไว้ได้ตามต้องการ ส่วนแถบการแจ้งเตือน จะมีไอค่อนลัดสำหรับการตั้งค่าด่วนมาให้ แน่นอนว่าสามารถปรับที่ใช้งานบ่อยๆมาไว้ได้เช่นเดียวกัน รวมกับแถบปรับความสว่างหน้าจอ และ S Finder และ Quick Connect ที่ให้มา

558000010576522

แอปพลิเคชันที่ให้มาในตัวเครื่องจะเป็นแอปพื้นฐานทั่วๆไป รวมกับบริการของกูเกิล เพียงแต่จะมีใน่สวนของซัมซุงพิเศษเพิ่มขึ้นมาอย่างตัว SideSync Galaxy Gift Galaxy Apps ที่ถือเป็นโปรแกรมเฉพาะของผู้ใช้งานสินค้าในตระกูล Galaxy

558000010576533

ด้วยการที่เป็นแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ จึงมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานอย่าง Multi Screen กล่าวคือผู้ใช้สามารถกดปุ่ม Recent Apps ค้างเพื่อแบ่งครึ่งหน้าจอในการเปิดใข้งาน 2 แอปพลิเคชันที่รองรับพร้อมๆกัน โดยผู้ใช้สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ และเลือกใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

558000010576531

การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ถือว่าทำได้ลื่นไหล สมกับเป็นแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง การเปิดหน้าเว็บทำได้รวดเร็วดี ใช้งานสะดวกทั้งแนวตั้งและนอนนอน โดยในการสลับหน้าต่างการใช้งานสามารถใช้ปุ่ม Recent Apps ควบคู่ไปได้ทันที

558000010576526558000010576527

โหมดการถ่ายภาพ เป็นการนำอินเตอร์เฟสแบบเดียวกับในสมาร์ทโฟนมาใส่ไว้ใน Tab S2 ดังนั้น ถ้าเป็นผู้ที่คุ้นเคยในการใช้งานซัมซุงอยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องแน่นอน ด้วยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทำให้รองรับการถ่ายภาพแบบความละเอียดสูงระดับ QHD ได้ด้วย

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโหมดการถ่ายภาพเพิ่มเติม จากที่มากับตัวเครื่องได้จากสโตร์ของทางซัมซุง นอกเหนือไปจากที่มีมาให้อย่างโหมดอัตโนมัติ โหมดโปร โหมดพาโนราม่า ถ่ายภาพชดเชยแสง ถ่ายกล้องหน้ากล้องหลักพร้อมกันเป็นต้น

558000010576529

ด้านการใช้งานมัลติมีเดีย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ทำออกมาโดยรวมได้ค่อนข้างดี เพราะจากหน้าจอที่ละเอียดทำให้สามารถแสดงผลได้ชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องของเสียงที่ให้เสียงดังชัดเจน ดังนั้นในแง่ของมัลติมีเดียถือว่าสอบผ่าน

558000010576534

การใช้งานโทรศัพท์ในรุ่นจอ 8 นิ้ว จะสามารถยกแท็บเล็ตขึ้นมาคุยแนบหู หรือใช้งานผ่านลำโพง และหูฟังบลูทูธได้ แต่ในรุ่น 9.7 นิ้ว จะไม่สามารถยกคุยแบบแนบหูได้ หน้าจอการใช้งานโทรศัพท์ในส่วนของการกดเลขหมายจะเป็นแบบเต็มจอ แต่เมื่อเข้าสู่หน้าสนทนาจะเด้งออกมาเป็นป็อปอัปแยกให้ควบคุมแทน

558000010576532

ส่วนของคีย์บอร์ดเป็นไปตามมาตรฐานของซัมซุง ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนภาษาได้ด้วยการสไลด์บริเวณแถบสเปซบาร์ หรือกดปุ่มลูกโลกแทนก็ได้ แน่นอนว่ารองรับการใช้งานทั้งแนวตั้ง และแนวนอน โดยในการพิมพ์ภาษาอังกฤษจะเป็นแบบ 4 แถว ทำให้สามารถป้อนตัวเลขได้ทันทีด้วย

558000010576530

Smart Manager ถือเป็นแอปที่ซัมซุงใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยบริหารจัดการแบตเตอรี หน่วยความจำ RAM และเรื่องของความปลอดภัย โดยช่วยให้ผู้ใช้สามารถเคลียแรมเพื่อให้ตัวเครื่องตอบสนองการใช้งานได้เร็วขึ้น

558000010576524

ในส่วนของการตั้งค่าแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆเช่นเดิมคือ การเชื่อมต่อ การตั้งค่าตัวเครื่อง การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และระบบ โดยมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างฟังก์ชันการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งาน รวมถึงระบบอัจฉริยะต่างๆ อย่างการโทรออกทันทีที่นำเครื่องแนบหู คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง

ทดสอบประสิทธิภาพ

558000010576535

มาถึงส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 27,741 คะแนน และ 45,331 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 4,694 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 3,620 คะแนน Android WebView 3,582 คะแนนๅ ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Meta) 1,893 คะแนน Multicore 2,187 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 1,214 Multi-Core 4,094 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 36 นาที 10 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 3,945 คะแนน

558000010576536

ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 6,065 คะแนน 3D Mark ตัว Sling shot ได้ 449 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 14,454 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream 9,158 คะแนน และ Ice Storm คะแนนทะลุเกินไป

ส่วน Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 5,435 คะแนน CPU 34,157 คะแนน Disk 35,817 คะแนน Memory 3,462 คะแนน 2D Graphics 3,578 คะแนน และ 3D Graphics 1.,811 คะแนน

สรุป

ถ้ามองถึงแท็บเล็ตในระดับราคาประมาณหมื่นบาทกลางๆ รองรับการใช้งาน 4G เชื่อว่าชื่อของ Galaxy Tab S2 จะขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆที่แนะนำ เพราะว่าด้วยความละเอียดหน้าจอ สัดส่วนจอแบบ 4:3 ความบาง และน้ำหนัก จะเหมาะกับการใช้งานเป็นแท็บเล็ตมาก เพราะเมื่อถือใช้เป็นเวลานานๆแล้วจะไม่เมื่อยมือมาก

ในแง่ของประสิทธิภาพ ถ้าไม่นับตัวกล้องที่ให้มาแค่ 8 ล้านพิกเซล ที่เหลือต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์เลยก็ว่าได้ทั้งซีพียู RAM พื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มาสามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ ทำให้สามารถใช้ทั้งทำงาน และเพื่อความบันเทิงได้สมบูรณ์แบบ

แน่นอนว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันกับ Tab S2 คงหนีไม่พ้น iPad ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าอยากได้แท็บเล็ตอเนกประสงค์ที่ใช้แอนดรอยด์ หรือ iOS มากกว่ากัน เพราะถ้าถามถึงการใช้งานทั่วไปแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นทำงานได้ไม่ต่างกัน

ข้อดี

– แท็บเล็ตระดับพรีเมียม ในราคาหมื่นกลางๆ
– ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 4G สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้
– หน้าจอ QHD (2K) ให้ภาพที่คมชัด
– บาง 5.6 มม. น้ำหนัก 272 กรัม

ข้อสังเกต

– แบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่องราว 6.5 ขั่วโมง อาจจะไม่เพียงพอกับการใช้งานหนักๆ
– ไม่มีระบบ Fast Charge และ Wireless Charge มาให้ด้วย

Gallery

]]>