หลังจากทาง HTC (เอชทีซี) ประเทศไทยตัดสินใจไม่ทำตลาด One M9 ในไทย (อาจเพราะคำวิจารณ์จากสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับประสิทธิภาพและสเปกโดยรวมที่ไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้านัก) แต่เปรยให้สาวกรอรุ่นท็อปกว่าอย่าง One M9 Plus แทน วันนี้ก็ถึงเวลาที่ One M9 Plus ได้พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยสเปกหลายส่วนที่เหนือกว่า One M9 และถือเป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่สมบูรณ์ที่สุดของเอชทีซีในตอนนี้
การออกแบบ
ถ้าจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา One M9 Plus ก็เหมือนรุ่นแก้เขินของ HTC หลังจากเสียงตอบรับของ One M9 ไม่ดีนัก แต่ก็ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่ HTC ประเทศไทยไหวตัวทันดึงรุ่นแก้จุดด้อยอย่าง One M9 Plus มาทำตลาดแทน พร้อมการปรับเปลี่ยนสเปกและจัดเต็มฟังก์ชันที่ขาดหายไปเพื่อเอาใจผู้บริโภคและสาวกกันสุดๆ
โดยการออกแบบก็ถือเป็นอีกส่วนที่ HTC เลือกปรับปรุงเช่นกัน โดยเฉพาะหน้าจอสัมผัส Super LCD3 ที่ขยายขนาดเป็น 5.2 นิ้ว จากเดิมรุ่น One M9 อยู่ที่ 5 นิ้ว พร้อมความละเอียด 2K Quad HD (2,560×1,440 พิกเซล) และความหนาแน่นพิกเซล 534ppi แบบเดียวกับคู่แข่งท็อปฟอร์มในปีนี้ทั้งหมด
ในส่วนกล้องหน้ายังคงเลือกใช้ Ultra Pixel ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมลำโพงสเตอริโอขนาบทั้งสองข้างของหน้าจอด้านหน้า (HTC BoomSound) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้
สำหรับน้ำหนักอยู่ที่ 168 กรัม วัสดุงานประกอบทั้งหมดเป็นอลูมิเนียม Unibody
อีกจุดเด่นที่ HTC เพิ่มเข้ามาใน One M9 Plus ก็คือปุ่มโฮมแบบพิเศษที่แทรกกลางอยู่ตรงลำโพงด้านล่างหน้าจอ โดย HTC เลือกใช้วัสดุที่ไม่ทิ้งคราบรอยนิ้วมือเมื่อสัมผัสและภายในยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerscan) แบบใหม่ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ไม่ว่าเครื่องจะนอน กลับหัวหรือทะแยงแนวในก็ตาม เมื่อหน้าจอปิดอยู่ ผู้ใช้สามารถนำนิ้วมาสัมผัสเบาๆ หน้าจอจะติดและปลดล็อกอัตโนมัติสู่หน้าโฮมสกรีนทันที
มาดูด้านหลังของตัวเครื่องจะเห็นความแตกต่างจากรุ่น One M9 ชัดเจนก็คือการกลับมาของกล้องหลังแบบคู่ 2 ตัวพร้อมไฟแฟลชคู่แบบ LED โดยกล้องหลักใหญ่สุด (คาดว่าใช้เซนเซอร์รับภาพจากโซนี่ขนาด 1/3 นิ้ว) จะรองรับการถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียดสูงสุด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2 ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซลจะทำหน้าควบคู่กับกล้องหลักเพื่อใช้เก็บรายละเอียดภาพให้ภาพคมชัดและมีมิติมากขึ้นรวมถึงสามารถใช้โหมด Duo Camera ทำหน้าชัดหลังเบลอได้เหมือน One M8
นอกนั้นการออกแบบฝาหลังจะคล้ายกับ One M9 โดยแถบด้านบนและล่างจะเป็นส่วนเสาสัญญาณ พร้อมไมโครโฟนรับเสียงตัวที่ 3 ติดตั้งเหนือกล้องหลัก ตรงกลางเป็นโลโก้ HTC
ด้านปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากตัวเครื่องด้านซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ Nano Sim เพียงช่องเดียว ส่วนตัวเครื่องด้านขวาจะเป็นช่องใส่การ์ดเพิ่มความจุแบบ MicroSD (รองรับความจุสูงสุด 2TB) พร้อมปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ส่วนช่อง MicroUSB และช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรจะติดตั้งอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง และด้านบนจะเป็นส่วนของช่องยิงแสงอินฟาเรดเพียงอย่างเดียว
สเปก
ด้านสเปก HTC ปรับใหมหมดเช่นกัน ตั้งแต่ส่วนหน่วยประมวลผล (ซีพียู) จากเดิม HTC เลือกใช้บริการ Qualcomm Snapdragon ก็เปลี่ยนมาใช้ซีพียู MediaTek รุ่น MT6795 (Helio X10) ความเร็ว 2.2GHz ที่ทางผู้ผลิตคุยว่าเป็น Octa-core 64bit แท้ๆ กราฟิกชิปใช้ PowerVR Rogue G6200 แรมให้มา 3GB รอม 32GB ส่วนระบบปฏิบัติการเลือกใช้แอนดรอยด์ 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย HTC Sense UI 7.0 รุ่นล่าสุด พร้อม Google Drive ฟรีพื้นที่ 100GB)
ในส่วนสเปกอื่นๆ การรองรับเครือข่าย 3G/4G LTE สามารถรองรับทุกเครือข่ายที่มีในไทยได้ทั้งหมด WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/b/ac Dual Band พร้อมรองรับ WiFi Direct, DLNA, มี NFC อีกทั้งภายในยังติดตั้งภาครับสัญญาณวิทยุ FM แบบสเตอริโอมาให้ด้วย
ด้านภาครับสัญญาณดาวเทียมจะรองรับทั้งระบบ GPS และ GLONASS บลูทูธรองรับเวอร์ชัน 4.1 A2DP และ apt-X และสุดท้ายแบตเตอรีเป็นแบบ Li-Po ความจุ 2,840mAh
ฟีเจอร์เด่น
ขอเริ่มจาก User Interface หน้าตาของ HTC Sense 7.0 บนแอนดรอยด์ 5.0.2 Lollipop ที่ยังคงคอนเซป HTC ไว้ทั้งหมด ไว้ว่าจะเป็นแถบปุ่มคำสั่ง Navigation Buttons รวมถึง Blink Feed แต่อาจมีการปรับดีไซนืไอคอนและกราฟิกให้เรียบง่ายและทันสมัยตามหลัก Material Design
แต่บางส่วนก็อาจมีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่น เพิ่มส่วนแสดงผลแอปพลิเคชันบนหน้าโฮมสกรีนใหม่ โดยจะมีการแบ่งหมวดหมู่ตามสถานที่ใช้งานด้วย GPS แบบอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเมื่ออยู่ที่บ้านระบบจะเลือกแสดงแอปฯที่เรากำหนดไว้ให้แสดงเฉพาะเมื่ออยู่บ้าน อยู่ที่ทำงานก็จะแสดงแอปฯเกี่ยวกับการทำงาน หรืออยู่ข้างนอกบนรถก็จะแสดงแอปฯเกี่ยวกับเพลง แผนที่ หรือผู้ใช้จะเลือกกำหนดเองก็สามารถทำได้
มาดูในส่วนฟีเจอร์เด่น เริ่มจาก HTC BoomSound ที่ในครั้งนี้เลือกจับคู่กับ Dolby Audio ด้วย ทำให้โทนเสียงและมิติเสียงที่ได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการฟังเพลงและรับชมภาพยนตร์ เสียงจะกระจายรอบทิศทางและมีมิติดีขึ้นมาก
ธีม ในครั้งนี้ HTC มีธีมให้เลือกใช้งานและดาวน์โหลดมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงส่วนแสดงผลเมื่อนำเครื่องไปใส่ร่วมกับเคส Dot View จะมีธีมให้เลือกใช้งานแล้ว
Fun Fit หรือแอปฯ นับก้าวเดินที่นอกจากจะบอกผู้ใช้ว่าวันหนึ่งเราเดินไปกี่ก้าว กี่กิโลเมตร และเผาพลาญไปกี่กิโลแคลอรี่แล้ว ตัวแอปฯยังมีเครือข่ายสังคมให้ผู้ใช้สามารถเลือกนำสถิติไปเทียบแข่งกับเพื่อนได้ด้วย
iPhone to HTC อีกหนึ่งส่วนสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่กำลังเปลี่ยนโทรศัพท์จากไอโฟนหรือแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆมาสู่ HTC เพราะคุณสามารถย้ายรายชื่อและข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องเก่ามาสู่ HTC ได้ง่ายผ่านแอปฯตัวนี้ และที่สำคัญสำหรับคนใช้ไอโฟนก็คือ ตัวแอปฯรองรับการ Log in บัญชี iCloud พร้อมดึงข้อมูลรายชื่อและข้อมูลจากไอโฟนทั้งหมดมาใส่ไว้ใน HTC One M9 Plus ได้ทันที
One Gallery ถือเป็นปลั๊กอินของส่วนแกลอรี่ภาพที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออัลบั้มภาพที่เก็บไว้ในโซเชียล เช่น Google Drive, Dropbox, Facebook และ Flickr ให้มาแสดงผลรวมอยู่ในหน้าแกลอรี่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดดูรูปภาพจากโซเชียลได้ง่ายขึ้น
มาถึงแอปฯกล้องถ่ายภาพ การใช้งานถือว่าไม่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆนัก โหมดกล้องเน้นโหมดอัตโนมัติเป็นหลัก แต่ผู้ใช้ก็สามารถเลือกกำหนดค่ากล้องได้เองผ่านโหมด Manual ไม่ว่าจะตั้งความเร็วชัตเตอร์ เลือกโฟกัส ความไวแสง (ISO) สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ
ส่วนโหมดวิดีโอจะรองรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง FullHD ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีหรือจะเลือกถ่ายที่ความละเอียด 4K 30 เฟรมต่อวินาทีไปถึงการถ่ายสโลโมชัน 120 เฟรมต่อวินาทีก็สามารถทำได้เช่นกัน
มาถึงจุดเด่นเรื่องเอ็ฟเฟ็กต์กล้องคู่ Duo Camera ที่เมื่อเปิดใช้งาน ไฟล์ภาพจะถูกบันทึกเป็นสองภาพแทนตาซ้ายและขวาและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพเหล่านั้นได้ตั้งแต่ เลือกจุดโฟกัสทำหน้าชัดหลังเบลอไปถึงเลือกทำเอ็ฟเฟ็กต์ภาพสามมิติดังตัวอย่างด้านบน เป็นต้น
มาถึงอีกหนึ่งความสามารถใหม่เอาใจขา Hipster ก็คือส่วนตกแต่งภาพด้วยเอ็ฟเฟ็กต์ภาพซ้อนภาพบนรูปร่างต่างๆ เอาใจเด็กแนวสุดๆ
สุดท้ายสำหรับ ZOE ก็ยังคงมีให้เลือกใช้งานอยู่เช่นเดิม โดยผู้ใช้สามารถรวมภาพถ่ายพร้อมใส่ดนตรีประกอบจากนั้นเลือกแชร์เข้าสู่สังคม ZOE ได้ทันที แต่น่าเสียดายที่ ZOE เวอร์ชันใหม่นี้ไม่สามารถแชร์ภาพ 3D Dimension เหมือนตอนสมัย One M8 ได้แล้ว
ทดสอบประสิทธิภาพ
เป็นก้าวที่กล้าของ HTC ที่ตัดสินใจเลือกใช้ซีพียู MediaTek แทน Qualcomm Snapdragon ที่ช่วงหลังประสบปัญหาต่างๆมากมาย โดยการตัดสินใจครั้งนี้ HTC ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะประสิทธิภาพโดยรวมจากโปรแกรมทดสอบต่างๆและใช้งานจริงตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาถือว่าทำได้ดีและลื่นไหล แต่ก็แอบมีหน่วงๆให้เห็นบ้างบางครั้ง แตกต่างจากตอน One M8 ที่ทำงานได้ลื่นไหลกว่า
ส่วนเรื่องความร้อนถึงแม้จะเปลี่ยนไปใช้ซีพียูตัวใหม่แล้ว แต่ทีมงานก็ยังสัมผัสถึงความร้อนที่เกิดขึ้นตลอดเวลาระหว่างใช้งานได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานานหรือเปิดๆปิดๆส่วนกล้องถ่ายภาพบ่อยครั้ง ความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นบริเวณฝาหลังก็มีมากเช่นกัน
ด้านการเล่นเกม 3 มิติส่วนสเปกถือว่าไม่ใช่ปัญหาเพราะไฮเอนด์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะรันเกม 3 มิติบน PlayStore ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่สำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้ซีพียู MediaTek อาจมีบางเกมที่ยังรองรับได้ไม่สมบูรณ์นัก ต้องรออัปเดตจากผู้พัฒนาอีกครั้ง
มาถึงเรื่องการทดสอบแบตเตอรีถือว่าทำคะแนนและระยะเวลาใช้งานได้กลางๆ อยู่ที่ 5 ชั่วโมง 47 นาที ถ้าคิดเป็นเวลาใช้งานทั่วไปจะอยู่ประมาณ 11-12 ชั่วโมง ก็ถือว่าความอึดของแบตเตอรีอยู่ระดับกลางๆ สามารถใช้งานเล่นเว็บ แชท โซเชียลได้ตลอดวัน แต่ถ้าให้ดีสำหรับคนที่ใช้งานหนักหน่วง เช่น ชอบถ่ายรูป เล่นเกม อาจต้องหา Power Bank ติดตัวไว้จะปลอดภัยกว่า เพราะการเปิดหน้าจอเล่นสิ่งต่างๆบน One M9 Plus ตลอดเวลา ขีดแบตเตอรีค่อนข้างลดเร็วพอสมควร (ส่วนนี้น่าจะเป็นเพราะหน้าจอที่ใหญ่และความละเอียด 2K ที่บริโภคแบตเตอรีค่อนข้างสูง)
สุดท้ายกับการทดสอบกล้องถ่ายภาพด้านหลัง ทีมงานได้มีโอกาสทดลองเฟริมแวร์กล้องตัวเก่าและใหม่ล่าสุด สำหรับตัวเฟริมแวร์เก่าสีสันที่ได้ค่อนข้างหม่นหมองติดสีตุ่นๆ บางสภาพแสงติดโทนอมฟ้า บางสภาพแสงติดโทนอมชมพูจนทีมงานไม่อยากเชื่อว่านี่คือกล้องจากไฮเอนด์สมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ตามตัวเครื่องมีเฟริมแวร์ใหม่ที่ทางเอชทีซีระบุว่า จะมาช่วยแก้ไขในเรื่องการถ่ายภาพ เป็นเวอร์ชัน 1.61.707.4 ภายใต้แอนดรอยด์ 5.0.2 เมื่อทดลองใช้ก็พบว่า มีการปรับในแง่ของการโฟกัสได้รวดเร็วขึ้น เพียงแต่ในการเก็บสีของภาพยังคงความหม่นเช่นเดิม ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสีสันไม่ค่อยสดใสมากนัก รวมถึงในการเก็บแสงก็ยังทำได้ไม่ดีมากนักในภาพที่มีคอนทราสต์สูง ดังนั้นตรงจุดนี้ยังคงต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม
ทดสอบถ่ายวิดีโอ 1080p ด้วยไมโครโฟน 3 ตัวอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นก็ยังคงมีให้ใช้งานเช่นเดิม
สรุป
สำหรับราคาเปิดตัว HTC One M9 Plus อยู่ที่ 24,990 บาท ซึ่งถือเป็นราคาเปิดตัวที่สูงมาก หลายส่วน HTC ทำได้ดีโดยเฉพาะส่วนสแกนลายนิ้วมือ ลำโพงและการออกแบบ แต่หลายส่วนก็สร้างความผิดหวังให้กับทีมงานเช่นกัน โดยเฉพาะการเลือกใช้ซีพียู MediaTek Helio X10 ที่เป็นซีพียูที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆมาก แต่ HTC กลับดึงความสามารถมาใช้ได้ไม่หมด ทีมงานเชื่อว่าหลายคนตั้งตารอฟีเจอร์แปลกใหม่ที่ MediaTek สามารถให้ได้อย่าง Super Slow Motion แบบ 1080p หรือการนำความสามารถของซีพียูรุ่นนี้มาประยุกต์ใช้กับกล้องถ่ายภาพ Duo Camera ที่น่าจะให้คุณภาพภาพถ่ายและฟีเจอร์กล้องที่แปลกใหม่กว่านี้ แต่ HTC ก็กลับให้ฟีเจอร์มาไม่ต่างกับ One M8 และยิ่งเทียบกับราคาระดับ 2 หมื่น 4 พันบาทปลายๆในยุคที่สมาร์ทโฟนไฮเอนด์มีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นแล้ว ผู้ใดสนใจก็อาจต้องลองพิจารณาความคุ้มค่าให้ดีก่อนตัดสินใจจ่ายเงินออกไป
[usrlist “การออกแบบ:9” “สเปก/ฟีเจอร์เด่น:8” “ความสามารถโดยรวม:8.5” “ความคุ้มค่า:7.5″ avg=”true”]>หลักเกณฑ์การให้คะแนนรีวิว<