การออกแบบ
Acer Aspire S 13 ทุกรุ่นมาพร้อมหน้าจอด้าน LED IPS ขนาด 13.3 นิ้ว (Active Matrix TFT Color LCD) ความละเอียดหน้าจอ Full HD 1,920×1,080 พิกเซล พร้อมกล้องเว็บแคม ไมโครโฟน และด้านในหน้าจอยังมีการวางเสาอากาศรับ WIFi แบบ 2×2 MU-MIMO ขนาบไว้ทั้งสองข้างหน้าจอด้วย
ส่วนขนาดตัวเครื่อง กว้าง 327 มิลลิเมตร ลึก 288 มิลลิเมตร หนา 14.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 1.30 กิโลกรัม
ด้านการออกแบบ ตัวเครื่อง Core i5 จะเป็นสีดำ ส่วนตัว Core i7 จะเป็นสีขาว ฝาเครื่องใช้การพิมพ์ลายนาโน ส่วนบานพับเป็นโลหะชุปสีทองแดงผิวเรียบ มุมเครื่องได้รับการออกแบบให้โค้งมน พร้อมชื่อรุ่น Aspire S สลักอยู่บริเวณตรงกลางของบานพับโลหะ
คีย์บอร์ด มาพร้อมปุ่ม Function (Fn) ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ไฟ Backlight และมีการออกแบบให้คีย์แป้นพิมพ์เตี้ยลง กดสัมผัสได้ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้านนิ้ว ส่วนทัชแพดเป็นมัลติทัช ตอบสนองเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า
ด้านข้าง เริ่มจากขวามือจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB 3.1 Type-C , USB 3.0, พอร์ต HDMI, ไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง, ไฟแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรีและสุดท้ายช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ไฟบ้าน
อีกด้านจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB 3.0, ช่องหูฟัง/Headset ขนาด 3.5 มิลลิเมตร และช่องอ่านการ์ด SD
ด้านหลัง จะเป็นส่วนบานพับโลหะทั้งหมดพร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่จำนวน 2 ช่อง
พลิกเครื่องมาดูด้านล่าง (ไม่สามารถถอดแบตเตอรีและอัปเกรดฮาร์ดแวร์ได้ด้วยตัวเอง) ด้านบนจะเป็นส่วนหมุนเวียนอากาศเพื่อระบายความร้อน ส่วนด้านล่างบริเวณซ้ายและขวาของตัวเครื่องจะเป็นส่วนลำโพงสเตอริโอ
สเปก
มาดูสเปกเครื่อง สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ซีพียูดูอัลคอร์ Intel Core i7 6500U ความเร็ว 2.50GHz แรมให้มา 8GB แบบ Dual Channel LPDDR 3 กราฟิก ให้มาเฉพาะออนบอร์ด Intel HD Graphics 520 ฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 512GB, WiFi รองรับมาตรฐานสูงสุด IEEE 802.11ac
ในส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 Home Single Language แบตเตอรีภายในเป็น ลิเธียมโพลิเมอร์ 3 เซลล์ 4,030 mAh
ฟีเจอร์เด่น
นอกจากระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ติดตั้งมาจากโรงงานแล้ว ตัวเครื่องยังรองรับระบบคลาวด์ BYOC (Build Your Own Cloud) ของเอเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นทางเอเซอร์จึงจัดเต็มติดตั้งแอปพลิเคชันเกี่ยวกับคลาวด์ส่วนตัวมาให้ใช้งานอย่างครบครัน รวมถึง Acer Care Center ที่มีให้ผู้ใช้สามารถตรวจเช็คอัปเดตเฟริมแวร์ สำรองข้อมูลได้อย่างง่ายดายเช่นเดิม
ด้านระบบเสียง Aspire S 13 รองรับ Dolby Audio ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระตามรูปแบบการใช้งาน
ทดสอบประสิทธิภาพ
ในครั้งนี้ทีมงานคงไม่ลงรายละเอียดส่วนทดสอบประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากจุดประสงค์ของตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อเน้นเรื่องความบางเบา และใช้งานทั่วไป เพราะฉะนั้นการทดสอบจึงเน้นเรื่องประสิทธิภาพสำหรับงานเอกสาร ตัดแต่งปรับสีภาพ รวมถึงการใช้เล่นเกมฆ่าเวลาเล็กๆน้อยๆ แน่นอนว่า Acer Aspire S 13 สามารถตอบสนองการใช้งานเหล่านั้นได้ดี ซีพียู Intel Core i7 Dual Core สามารถใช้งานได้ครอบคลุมตั้งแต่งานมัลติมีเดีย ตัดต่อคลิปวิดีโอจากสมาร์ทโฟน ไปถึงการตัดแต่งปรับสีภาพถ่าย RAW, JPEG จากซอฟต์แวร์เฉพาะก็สามารถใช้งานได้ลื่นไหลจาก Aspire S 13
นอกจากนั้นเรื่องแบตเตอรี สำหรับการใช้งานแบบหนักหน่วงผ่านชุดทดสอบ PC Mark 8 สามารถทำเวลาได้ 4 ชั่วโมง 2 นาที และเมื่อทดสอบใช้งานจริงพบว่า ตัวเครื่องสามารถใช้งานต่อเนื่องประมาณ 6-9 ชั่วโมง ไม่แตกต่างจากอัลตร้าบุ๊กแบรนด์อื่นนัก
สรุป
สำหรับราคาค่าตัว Acer Aspire S 13 (Core i7) อยู่ที่ 39,990 บาท เรียกได้ว่าเป็นอัลตร้าบุ๊กเน้นความเบาบางติดอันดับโน้ตบุ๊กพกพาสะดวกสบายอันดับต้นๆของกลุ่มได้สบายๆ
ด้านการออกแบบ วัสดุที่เลือกใช้ ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะบานพับที่ผลิตจากโลหะ มีความแข็งแรง หรูหราเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนักธุรกิจอย่างดี ส่วนประสิทธิภาพก็เป็นไปตามสเปก i7 Dual Core คือใช้งานทั่วไป ไปถึงสามารถตัดคลิปวิดีโอเล็กๆน้อยๆได้ทั้งหมด แต่ถ้านำไปใช้งานเฉพาะทาง เช่น ตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูง 4K หรือตกแต่งภาพเป็นหลัก Aspire S 13 อาจไม่เหมาะแก่งานเหล่านั้น