Review : Apple Watch Series 3 ปรับสเปกใหม่ในร่างเดิม

51748

Apple Watch กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าไอทีจากแอปเปิลที่หลายคนต่างเฝ้าจับตามองการเปลี่ยนแปลงในทุกปีไม่แพ้สินค้าในกลุ่ม iPhone โดยในวันนี้หลังจากเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X ไปแล้ว ก็ถึงคิวของสมาร์ทวอทซ์เรือนใหม่อย่าง Apple Watch Series 3 ที่แอปเปิลเลือกปรับสเปกใหม่พร้อมเซอร์ไพร์สเปิดตัวรุ่น Cellular (เซลลูลาร์มีซิมโทรศัพท์ภายในตัวเอง) ทำตลาดควบคู่ไปกับรุ่น GPS ปกติ

โดยในวันนี้สำหรับตลาดประเทศไทยเองได้เริ่มวางขาย Apple Watch Series 3 ในรุ่น GPS ซึ่งเป็นตัวที่ทีมงานจะนำมารีวิวให้ชมในวันนี้ ส่วนรุ่น GPS + Cellular สำหรับบ้านเรายังไม่มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการจากแอปเปิล

การออกแบบ

ด้านการออกแบบ Apple Watch Series 3 ไม่มีความแตกต่างด้านรูปลักษณ์จาก Watch Series 2 แต่อย่างใด โดยในส่วนวัสดุตัวเรือนสำหรับรุ่น GPS จะเป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด ขนาดความกว้างยาวสูง การจัดวางรูปแบบพอร์ตและสล็อตเชื่อมต่อสายนาฬิกาจะเท่ากับ Watch Series 2 ทำให้อุปกรณ์และสายนาฬิกาที่เคยใช้จากรุ่นก่อนหน้าสามารถนำมาเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับ Watch Series 3 ได้ทันที

ในส่วนหน้าปัดนาฬิกาจะมีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 38 มิลลิเมตร (ความละเอียดหน้าจอ 272×340 พิกเซล) และ 42 มิลลิเมตร (ความละเอียดหน้าจอ 312×390 พิกเซล) หน้าจอใช้วัสดุ Ion-X มีความแข็งแรงทนแรงขีดข่วนได้ ส่วนจอภาพเป็น OLED Retina รุ่น 2 (ความสว่าง 1,000 นิตตัวเดียวกับ Watch Series 2) พร้อม Force Touch รับรู้แรงกดหน้าจอได้หลายระดับ

มาดูด้านหลังนาฬิกา ฝาหลังใช้วัสดุคอมโพสิต ตรงกลางเป็นส่วนของเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจพร้อมไฟ LED 2 ดวง รวมถึงเป็นส่วนใช้เชื่อมต่อกับที่ชาร์จแบตเตอรีแบบแม่เหล็กและรองรับแผ่นรองชาร์จ AirPower ด้วย ส่วนปุ่มกดบนและล่างจะเป็นตัวปลดล็อกสายนาฬิกา (กดค้างเพื่อปลดล็อกและดันสายออกด้านข้าง)

ด้านข้างนาฬิกาเริ่มจากด้านขวา เป็นที่อยู่ของเม็ดมะยมและปุ่มเปิดปิด/สลับใช้งานแอปฯ

ด้านซ้าย จะเป็นที่อยู่ของลำโพงและไมโครโฟน

สเปก

Apple Watch Series 3 ถูกอัปเกรดสเปกภายในใหม่ตั้งแต่ซีพียูไปใช้ S3 แบบ Dual Core ทำงานเร็วขึ้น ประกบกับชิป W2 ที่เข้ามาจัดการเรื่องระบบเชื่อมต่อไร้สายรวมถึงจัดการการใช้พลังงานระหว่าง Watch Series 3 กับ Apple iPhone ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดการใช้พลังงานลงและสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายอย่าง AirPods หรือ beats ได้โดยตรงด้วย

นอกจากนั้นแอปเปิลยังได้เพิ่มฮาร์ดแวร์ Barometric altimeter เพื่อใช้วัดระบบความสูงได้ในตัวเอง พร้อมมี GPS/GLONASS รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n มีไจโรสโคป อุปกรณ์จับการเคลื่อนไหวภายในและรองรับบลูทูธ 4.2 ด้านหน่วยเก็บข้อมูลภายในมีขนาด 8GB ในรุ่น GPS ส่วนรุ่น GPS + Cellular จะให้มา 16GB (เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 4-5GB) และแบตเตอรีสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 18-20 ชั่วโมง

สุดท้ายคุณสมบัติด้านการป้องกันน้ำ Watch Series 3 สามารถทนน้ำที่ระดับ 50 เมตรได้ รองรับกิจกรรมว่ายน้ำ ลงน้ำทะเล บุกป่าฝ่าดงได้สบายๆ

ฟีเจอร์เด่นและการใช้งาน

ด้วย WatchOS 4.0 ทำให้การเชื่อมต่อนาฬิกากับ iPhone ทำได้ง่ายขึ้น เพียงคุณเปิดนาฬิกาและเปิดหน้าจอ iPhone ขึ้น จากนั้นให้นำตัวนาฬิกามาวางใกล้กับ iPhone ระบบจะค้นหาและจับคู่อัตโนมัติเหมือนกับการเชื่อมต่อ Apple AirPods

อีกทั้งสำหรับคนที่มีนาฬิกา Apple Watch Series 3 มากกว่า 1 เรือน ชิป W2 จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสลับใช้งานนาฬิกาแต่ละเรือนได้แม่นยำแบบไร้รอยต่อมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีโอกาสพบปัญหาสัญญาณเชื่อมต่อระหว่างนาฬิกาและ iPhone หลุดออกจากกัน โดยคุณสามารถเปลี่ยนนาฬิกา Watch ที่ข้อมือได้ทุกเวลา ระบบจะเรียนรู้เองว่าคุณกำลังใส่นาฬิกาเรือนไหนออกจากบ้าน ข้อมูลทุกอย่างจะเชื่อมถึงกันทั้งหมด

มาถึงในส่วนซอฟต์แวร์ควบคุม Apple Watch สำหรับ Series 3 จะติดตั้ง WatchOS 4.0 มาจากโรงงาน โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากระบบปฏิบัติการตัวรุ่นก่อน อย่างแรกก็คือหน้าปัดนาฬิกาใหม่ เช่น ธีมทอยสตอรี่หรือจะเลือกดึงผู้ช่วยอัจฉริยะ Siri ขึ้นมาใช้งานบนหน้าปัดได้โดยตรงก็สามารถทำได้เพราะใน WatchOS ใหม่นี้ Siri สามารถพูดคุยกับเราได้เหมือนใน iOS หลังจากตัวก่อน Siri จะตอบกลับเราเป็นแค่ตัวหนังสือเท่านั้น

อีกส่วนที่ได้รับการอัปเดตใหม่ก็คือ “Apple Health” หรือแอปฯสุขภาพที่ในครั้งนี้แอปเปิลปรับปรุงส่วนวัดอัตราการเต้นของหัวใจใหม่ โดยแยกการวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจในช่วงพักผ่อนและเดินออกจากกัน นอกจากนั้นสำหรับคนเป็นโรคหัวใจ Health ตัวใหม่ยังสามารถวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้ได้ด้วย

ส่วนถ้าต้องการตรวจจับการนอนหลับหรือใช้ตรวจวัดการวิ่งออกกำลังกายต่างๆ Apple Watch รองรับการติดตั้งแอปฯจากผู้พัฒนาภายนอก เช่น Strava, Nike Run Club, Pillow โดยเฉพาะแอปฯตรวจจับการนอนหลับที่ปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกับ Watch Series 3 ได้ดียิ่งขึ้น เพราะระบบการจัดการแบตเตอรีในนาฬิการุ่นใหม่นี้ทำได้ดีแล้ว

อีกทั้งสำหรับคนที่มีดนตรีในหัวใจ Apple Watch Series 3 สามารถซิงค์เพลงเข้าไปไว้ในนาฬิกาแล้วเชื่อมต่หูฟัง เช่น AirPods เข้ากับตัวนาฬิกาเลือกฟังเพลงได้โดยตรง ส่วนรุ่น GPS + Cellular ในอนาคตจะรองรับการสตรีมมิงเพลงจาก Apple Music ผ่านนาฬิกาได้ด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

เดิมที่ผู้ทดสอบได้ใช้ Apple Watch Series 2 เป็นนาฬิกาประจำตัวอยู่แล้ว พอได้รับ Watch Series 3 รุ่น GPS มาทดสอบ สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ รูปทรงและฟีเจอร์ภายในไม่แตกต่างจากรุ่น Series 2 ที่อัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น WatchOS 4 ทุกฟีเจอร์ที่ Series 3 มี เช่นระบบไล่น้ำจากรูลำโพง หน้าปัดนาฬิการแบบต่างๆไปถึงแอปฯและฟีเจอร์ทุกตัวที่มีใน Series 3 ก็สามารถใช้งานได้ใน Series 2 เช่นกัน

แต่เมื่อลองใช้งานไปร่วมอาทิตย์ ผู้ทดสอบเริ่มเห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่าง Watch รุ่นเก่าและใหม่ก็คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพวกแอปฯจำพวก Line หรือ Messenger ที่ปกติตั้งรุ่น Original มาถึง Series 2 มักมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในการโหลดข้อมูล แต่ใน Watch Series 3 การโหลดข้อมูลทุกอย่างทำได้รวดเร็วขึ้น แอปฯที่เคยทำงานล่าช้าในรุ่นก่อนหน้าสามารถเข้าใช้งานได้รวดเร็วขึ้นใน Apple Watch Series 3 รวมถึงระบบ GPS ทำงานได้รวดเร็วขึ้นและเซ็นเซอร์ตรวจวัดความสูงที่เพิ่มเข้ามา

นอกนั้นในส่วนการทำงานอื่นๆ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS จะเหมือนกับ Watch Series 2 ทั้งหมด ใครมี Series 2 อยู่ที่ข้อมือไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น Series 3 แต่อย่างใด ยกเว้นเมื่อรุ่น GPS + Cellular เข้ามาทำตลาดแล้วคุณอยากได้ Apple Watch ที่สามารถโทรออกรับสายโดยไม่ต้องพึ่งพา iPhone ถึงวันนั้นก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่โดยรวมในเรื่องฟีเจอร์และการใช้งานแทบแตกต่างจากรุ่นเดิมน้อยมาก ยกเว้นแค่ส่วนประสิทธิภาพความเร็วที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นรวมถึงระบบจัดการพลังงานได้ดีขึ้นจากความสามารถของชิป W2 และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายเช่น หูฟัง AirPods ได้โดยตรง

ในส่วนราคา Apple Watch Series 3 เริ่มต้นที่ 11,900 บาท (เข้ามาทำตลาดแทนที่ Series 2) ส่วนรุ่นประหยัด Series 1 ยังคงทำตลาดวางขายในราคาเริ่มต้น 8,900 บาท

ข้อดี

– สเปกซีพียูใหม่ เร็วขึ้น วัดความสูงได้ในตัว
– รองรับแผ่นรองชาร์จ AirPower ร่วมกับ iPhone X
– ระบบจัดการพลังงานทำได้ดีขึ้น แบตเตอรีใช้ได้นานขึ้นเล็กน้อย เหมาะแก่การใส่ตรวจจับการนอนหลับแล้ว
– เพิ่มรุ่น GPS + Cellular โทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องพึ่ง iPhone
– รองรับการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายผ่านบลูทูธได้โดยตรง

ข้อสังเกต

– ในรุ่น GPS ที่ทีมงานได้รับมาทดสอบถือว่าภาพรวมการใช้งานแตกต่างจาก Series 2 น้อยมาก ใครมี Series 2 อยู่ที่ข้อมือแล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น Series 3

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
5
สเปก/ฟีเจอร์เด่น
6.8
ความสามารถโดยรวม
8
ความคุ้มค่า
6.9
SHARE