ตลาดโน้ตบุ๊กระดับโปร กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตเนื่องมาจากมีกลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะทาง ที่ต้องการเครื่องประสิทธิภาพสูง โดยไม่ได้กังวลในเรื่องของราคา แต่มองในแง่ของการตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า รวมถึงกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นเกมมิ่งแล้วต้องการโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้งานแทนเดสก์ท็อปได้
Asus ZenBook Pro จึงกลายเป็นรุ่นที่มีตลาดเฉพาะตัว และมีความน่าสนใจเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากสเปกเครื่องที่ผู้ผลิตแต่ละราย ถ้าต้องการก็ใส่กันมาได้อยู่แล้ว แต่เป็นการนำเสนอความต่างในแง่ของการใช้งานที่นอกเหนือขึ้นไป
Asus เคลมว่า ZenBook Pro 5 เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่สามารถแสดงผลได้พร้อมกัน 5 จอ ประกอบไปด้วยหน้าจอหลัก 15” หน้าจอที่ 2 ตรงทัชแพด 5.5” ส่วนจอที่ 3-5 จะใช้การเชื่อมต่อจากพอร์ต HDMI และ USB-C ที่ติดมากับเครื่อง ที่สำคัญคือสามารถจอที่ความละเอียด 4K และใช้งานได้อย่างลื่นไหล
ที่สำคัญราคาจำหน่ายของ ZenBook 15 Pro เริ่มต้นที่ 69,900 บาท สำหรับรุ่น Intel Core i7 8750H และ 89,990 บาท สำหรับรุ่น Intel Core i9 8950HK พร้อมกับระบุว่าถูกกว่า Macbook Pro เกือบ 3 เท่า ถ้าต้องการสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ทำความรู้จัก ScreenPad ตัวช่วยใหม่ในการใช้งาน
ใน Asus ZenBook Pro 15 นิ้ว มีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Screen Pad มาให้ใช้งาน และถือว่าเป็นการนำหน้าจอทัชสกรีนที่สามารถปรับการแสดงผลได้มาใช้งานแทนทัชแพดรุ่นแรกของโลกด้วย โดยจะเปลี่ยนจากการเป็นทัชแพดแบบเดิมๆ มาเป็นกระจกในการแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วแทน
ในการใช้งาน Screen Pad ผู้ใช้สามารถกดปุ่ม F6 เพื่อเลือกสลับโหมดในการใช้งานได้ว่า จะเปิดใช้งาน Screen Pad ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันพิเสษ อย่าง Spotify เครื่องคิดเลข ปฏิทิน เครี่องเล่นเพลง หรือเปลี่ยนเป็นปุ่มกรอกตัวเลข
หรือจะเลือกใช้เป็นการขยายหน้าจอวินโดวส์ โดยการเพิ่ม Screen Pad ให้เป็นจอที่ 2 โดยสามารถเลือกเปิดโปรแกรมมาใช้งานเพื่อแสดงผลอะไรก็ได้ สุดท้ายก็คือเลือกปิดการแสดงผล และใช้งานเป็นทัชแพดตามปกติ
Screen Pad ถือเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ สำหรับกลุ่มครีเอเตอร์ ที่สามารถใช้จอที่ 2 มาช่วยแสดงผลแบบงาน หรือตัวอย่างให้สามารถทำงานบนหน้าจอหลักได้ โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา หรือใช้ในการควบคุมการเล่นมัลติมีเดียต่างๆ เพียงแต่ว่าด้วยการที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ต้องรอนักพัฒนานำความสามารถไปใช้กับโปรแกรมหลักๆ เพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น
ตัวเครื่อง ZenBook 15 Pro
ดีไซน์ของ ZenBook Pro 15 นิ้ว จะเน้นไปที่การใช้สีสัน และขอบเครื่องให้ดูหรูหราขึ้นเป็นหลัก ไม่ได้เน้นการออกแบบให้ดูเพรียวบาง เพราะเนื่องจากตัวเครื่องมากับหน่วยประมวผลระดับ Core i9 ทำให้ต้องมีการเว้นพื้นที่ให้ระบบระบายอากาศมาช่วย เพื่อให้เวลาใช้งานตัวเครื่องหนักๆแล้วไม่ร้อนด้วย
ขนาดตัวเครื่อของ ZenBook Pro 15 จะอยู่ที่ 36.5 x 24.1 x 1.89 เซนติเมตร น้ำหนัก 1.88 กิโลกรัม มีให้เลือกสีเดียวคือ Deep Dive Blue ที่เป็นสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับขอบเครื่องสีทอง แต่อย่างไรก็ตาม ในการพกพาตัวเครื่องไปใช้งานก็ต้องพกคู่กับอะเดปเตอร์ชาร์จไฟขนาดใหญ่ไปด้วย เพราะตัวเครื่องค่อนข้างใช้ไฟเยอะ
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาจะเจอกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) ในอัตราส่วน 16:9 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่มีการปรับค่าสีในการแสดงผลให้อยู่บนมาตรฐาน Delta E < 2, 100% Adobe RGB ขณะที่สัดส่วนหน้าจอต่อขอบจอจะอยู่ที่ 83% โดยขนาดของขอบจอจะอยู่ที่ 7.3 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีกล้องเว็บแคมให้ใช้งานอยู่ด้วย
ถัดลงมาเป็นคีย์บอร์ด ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ถึง 15 นิ้ว ดังนั้น ตัวคีย์บอร์ดที่ให้มาถือว่าเป็นขนาด Full Size พร้อมกับมีไฟแสดงผลใต้คีย์บอร์ดให้สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้ด้วย
ส่วนพอร์ตที่ให้มารอบตัวเครื่อง ไล่จากทางซ้ายประกอบไปด้วย ช่องต่ออะเดปเตอร์ไฟ พอร์ต HDMI และพอร์ต USB-C 2 พอร์ต ส่วนทางขวาเป็น พอร์ต USB 3.1 2 พอร์ต USB-C อีก 1 พอร์ต ช่องเสียบไมโครเอสดีการ์ด และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
สเปกตัวเครื่อง ZenBook Pro 15 ที่ได้รับมาทดสอบจะเป็นรุ่น 8 Gen Intel Core i9 8950HK ที่เป็น Hexa Core (6 คอร์) ความเร็ว 2.9 GHz 12 MB Cache ให้ RAM มา 16 GB พร้อมกับกราฟิกการ์ด Nvidia GeForce GTX 1050i 4 GB และพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 โฮม ส่วนของการเชื่อมต่อ Asus ZenBook Pro 15 รองรับ WI-FI 5 หรือ 802.11ac พร้อมกับบลูทูธ 5.0
Gallery
เหมาะกับใครใช้งาน
ZenBook Pro 15 ถูกออกแบบมาให้กลายเป็นเวิร์คสเตชันเคลื่อนที่ เน้นการใช้งานโน้ตบุ๊กที่เน้นการประมวลผลเป็นหลัก ดังนั้น ถ้าใครที่ต้องใช้โน้ตบุ๊กเพื่อตัดต่อวิโอ ทำงานกราฟิก ออกแบบ 3มิติ เหล่านี้คือกลุ่มเป้าหมายหลักของเครื่องรุ่นนี้
แต่ในความเป็นจริง กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นเกมเมอร์ และต้องการเครื่องแรงๆ ก็เป็นอีกกลุ่มที่เหมาะกับเครื่องรุ่นนี้ แม้ว่าระดับราคาเครื่องจะสูงขึ้นมาสักหน่อย แต่เมื่อแลกกันประสิทธิภาพที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าคุณไม่ใช่กลุ่มเหล่านี้ เครื่อง ZenBook Pro 15 ก็จะเกินความจำเป็นในการใช้งานไป