Review : Asus Zenfone Max Plus พิสูจน์แบตฯ 4,130 mAh ใช้งานได้นานแค่ไหน

14920

การที่เอซุส (Asus) เลือกแยกไลน์สินค้าในตระกูล Zenfone Max ออกมาจากตระกูลหลัก Zenfone 4 หรือ Zenfone 5 ที่กำลังจะเปิดตัวใหม่ ถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจ ว่าเอซุสกลับมาโฟกัสในตลาดสมาร์ทโฟนช่วงราคาต่ำกว่า 7,000 บาทอีกครั้ง หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จในตลาดนี้มาก่อนสมัยเริ่มนำ Zenfone เข้าสู่ตลาดประเทศไทย

ทั้งนี้ จุดเด่นหลักของสมาร์ทโฟนในตระกูล Zenfone Max ที่ผ่านมาเลยคือเรื่องของแบตเตอรี ที่แม้ว่าจะไมไ่ด้แบต mAh จำนวนมากๆ มาแต่มีระบบบริหารจัดการพลังงานที่ดี ทำให้ช่วยยืดระยะเวลาใช้งานต่อการชาร์จแบตออกไปได้มากกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆในตลาด

รวมถึงความสามารถอย่างการแปลง Zenfone Max เป็น Powerbank ให้แก่สมาร์ทโฟนเครื่องอื่น (ในกล่องมีแถมสาย OTG มาให้) แสดงให้เห็นว่า เป้าหมายหลักของเครื่องนี้จริงๆคือการเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องที่ 2 ของผู้ใช้งานมากกว่า แต่ก็ยังไม่สายในสเปกมาให้เพียงพอกับการใช้งานเป็นเครื่องหลักด้วย

การออกแบบ

ในแง่ของดีไซน์ Asus Zenfone Max Plus (M1) จะเน้นที่การปรับสัดส่วนหน้าจอเป็น 18:9 ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง แต่ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น บนวัสดุพื้นผิวอย่างอะลูมิเนียม ที่เพิ่มความหรูหราให้แก่ตัวเครื่อง โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 73 x 152.6 x 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 160 กรัม มีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือ ทอง เงิน และดำ

ด้านหน้าจากขอบบนจะเป็นลำโพงสนทนา กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 เซ็นเซอร์ต่างๆ ถัดลงมาเป็นหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1440 x 720 พิกเซล) โดยใช้กระจกขอบโค้ง 2.5D รองรับการสัมผัส 5 จุด ซึ่งปุ่มควบคุมหลักจะอยู่บนหน้าจอทั้งหมด

ด้านหลังเด่นๆเลยคือเรื่องของกล้องคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 คู่กับเลนส์มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีไฟแฟลช LED อยู่ข้างๆ ถัดลงมาเป็น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่จะอยู่บริเวณนิ้วชี้ พอดีเวลาจับถือเครื่องช่วยให้ปลดล็อกง่ายขึ้น ภายในมีแบตเตอรีขนาด 4,130 mAh

ด้านซ้ายจะเป็นช่องถาดใส่ซิม ที่รองรับการใส่นาโนซิมการ์ด 2 ช่อง พร้อมกับไมโครเอสดีการ์ดอีก 1 ช่อง (สูงสุด 256 GB) ด้านขวาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนตัวที่ 2 ด้านล่างเป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี ช่องไมโครโฟนสนทนา และลำโพง

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องประกอบ นอกจากตัวเครื่องประกอบด้วย หูฟัง สายไมโครยูเอสบี สาย OTG (ใช้เป็นตัวต่อชาร์จกับอุปกรณ์อื่นได้) เข็มจิ้มซิมการ์ด อะเดปเตอร์ (แบบชาร์จเร็ว) และ คู่มือการใช้งาน

สเปก

ภายในของ Asus Zenfone Max Plus (M1) จะมากับหน่วยประมวลผล MediaTek MT6750T ที่เป็น Octa-Core 1.5 GHz RAM 4GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32 GB รองรับไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 256 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.0

ส่วนของการเชื่อมต่อรองรับ 3G/4G โดยซิมหลักจะรองรับ 4G ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 150 Mbps อัปโหลด 50 Mbps ซิมรองสแตนบาย 3G ส่วน Wi-Fi บนมาตรฐาน 802.11 b/g/n นอกจากนี้ ก็มีบลูทูธ 4.0 GPS วิทยุ FM มาให้ใช้งานด้วย

ฟีเจอร์เด่น

จุดเด่นหลักๆของ Asus Zenfone Max Plus (M1) จะเน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งาน ดีไซน์ตัวเครื่องยุคใหม่ (สัดส่วน 18:9) ในระดับราคา 6,990 บาท ซึ่งถือว่ามีคู่แข่งที่มาจับในตลาดนี้ค่อนข้างน้อย พร้อมกับหวังว่าด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ เอซุส จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายด้วย

ในแง่ของการใช้งาน Zen UI 4.0 ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้ในระดับหนึ่ง คือการใช้งานทั่วๆไปจะไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก และมีทางลัดต่างๆให้ใช้งานไม่ต่างจากแอนดรอยด์เวอร์ชันปกติมากนัก ดังนั้นถ้ามีพื้นฐานการใช้งานแอนดรอยด์โฟนมาก่อนก็ปรับตัวใช้งานได้ไม่ยาก

ทั้งนี้ จุดเด่นหลักๆของในตระกูล Zenfone Max จริงๆแล้วคือในเรื่องของแบตเตอรี ดังนั้นทีมงานจึงเน้นในแง่ของการใช้งานแบตเตอรีเป็นหลัก เพราะจากขนาดของแบตเตอรีที่ลดลงเหลือ 4,130 mAh เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจะอยู่ระดับ 5,000 mAh ทำให้ระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องน้อยลง

เริ่มจากการทดสอบใช้งานดูหนังบน Youtube ต่อเนื่อง จะใช้งานได้ราวชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆไป 10 ชั่วโมงก็ได้สบายๆ จากเดิมที่สามารถใช้ได้ต่อเนื่องมากกว่า 12 ชั่วโมง แน่นอนว่าทั้งเรื่องของขนาดหน้าจอ และขนาดแบตเตอรีที่เปลี่ยนไปทำให้ระยะเวลาการใช้งานได้ไม่ยาวนานเหมือนเดิม แต่ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆในตลาดก็ถือว่าค่อนข้างอึดอยู่ดี

ส่วนของการแปลง Asus Zenfone Max Plus (M1) ให้กลายเป็นแบตฯสำรอง ที่ถือเป็นอีกจุดเด่น ก็ยังทำหน้าที่ได้ตามปกติ ด้วยการต่อสาย OTG จากตัวเครื่อง Zenfone เข้ากับสายชาร์จ เพื่อไปเชื่อมต่อกับมือถือที่ต้องการชาร์จ เพื่อใข้ในเวลาฉุกเฉิน

อีกส่วนที่น่าสนใจคือฟีเจอร์อย่าง Power Master ที่เอซุส จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี ทั้งการควบคุมไฟในการชาร์จแบตเตอรี การควบคุมรอบของการชาร์จ (Cycle) เพื่อช่วยให้แบตเตอรีสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติ

ในขณะที่ประสิทธิภาพของกล้อง ถือว่าเป็นไปตามราคาของเครื่อง จากการที่กล้องหลักจะเน้นความคมชัดให้รายละเอียดได้ดี ส่วนเลนส์มุมกว้างที่ให้มาด้วยระดับความละเอียดที่ต่ำกว่า คุณภาพของรูปที่ได้ก็จะดรอปลงไป ถือว่าให้มาใช้แบบขำๆว่ามีกล้องคู่มากกว่า

เรื่องของการปลดล็อกตัวเครื่อง นอกเหนือจากตัวสแกนลายนิ้วมือแล้ว Asus Zenfone Max Plus (M1) ยังเพิ่มฟีเจอร์อย่างปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้ามาให้ด้วยก็ถือเป็นอีกลูกเล่นที่น่าสนใจเพียงแต่ในการปลดล็อกด้วยใบหน้าความแม่นยำยังไม่ค่อยสูงถ้าอยู่ในมุมหรือองศาที่ไม่ได้ใส่ข้อมูลไว้สุดท้ายก็ต้องใช้การป้อนรหัสแทนอยู่ดี

ทดสอบประสิทธิภาพ

Antutu Benchmark = 54,007 คะแนน
Quadrant Advanced Edition = 18,936
Multi-Touch = 5 จุด

PC MarkWork 2.0 = 2,757 คะแนน
Computer Vision = 1,277 คะแนน
Storage = 2,590 คะแนน
Work = 3,666 คะแนน

3D Mark
Sling Shot Unlimited = 462 คะแนน
Ice Storm Extreme = 5,399 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 8,798 คะแนน
Ice Storm = 8,773 คะแนน

Geekbench 4
Single-Core = 446 คะแนน
Multi-Core = 2,221 คะแนน
Compute = 1,741 คะแนน

PassMark PerformanceTest
System = 3,362 คะแนน
CPU Tests = 75,348 คะแนน
Memory Tests = 4,943 คะแนน
Disk Tests = 25,723 คะแนน
2D Graphics Tests = 2,755 คะแนน
3D Graphics Tests = 744 คะแนน

สรุป

สิ่งที่ทำให้ Asus Zenfone Max Plus (M1) น่าสนใจคือการที่เอซุส กล้าทำราคาลงมาต่ำกว่า 7,000 บาท ทำราคาได้น่าสนใจกว่า Wiko View Prime ที่ก่อนหน้าที่ครองตำแหน่งของสมาร์ทโฟนจอ 18:9 ในราคาต่ำกว่า 8,000 บาทอยู่

นอกจากนี้ ด้วยชื่อแบรนด์ และเทคโนโลยีของเอซุสที่ใส่มาในสินค้าตระกูล Zenfone Max ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ ดังนั้นถ้ามองหาสมาร์ทโฟนที่มาใช้เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ใช้งานเพื่อความบันเทิงในระดับราคาที่ไม่สูงเกินไป Asus Zenfone Max Plus (M1) ถือเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตัวเครื่องใช้หน่วยประมวลผลเป็น MediaTek MT6750T อาจทำให้ถ้านำมาเล่นเกมที่สเปกสูงๆหน่อย เมื่อปรับสุดอาจเกิดอาการกระตุก หรือหน่วงๆได้ แต่ถ้าไม่ได้เน้นเล่นเกมแรงๆแล้ว ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้สบายๆ

ข้อดี

ตัวเครื่องหน้าจอ 5.7 นิ้ว ในสัดส่วน 18:9

วัสดุที่ใช้เป็นอะลูมิเนียม ให้ความแข็งแรง และหรูหราในตัว

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมไมโครเอสดีการ์ด

แบตเตอรีขนาด 4,130 mAh ที่สามารถใช้ชาร์จมือถือเครื่องอื่นได้

ข้อสังเกต

แบตเตอรีไม่อึดเท่ารุ่นที่ผ่านมา

ตัวเครื่องยังมีอาการหน่วงๆ เมื่อใช้งานหนักๆ

กล้องมุมกว้างความละเอียดยังต่ำอยู่

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE