Review : ASUS ZenFone Zoom S เน้นกล้องคู่ ท้าชน iPhone 7 Plus

27529

เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เอซุส (ASUS) เป็นแบรนด์เดียวที่สร้างปรากฏการณ์คลอดสมาร์ทโฟนตระกูล ZenFone 3 ออกมากถึง 7 รุ่นครอบคลุมทุกตลาดตั้งแต่ระดับเริ่มต้นราคาหลักพันถึงแฟลกชิปสองหมื่นปลายๆ

มาต้นปีนี้ เอซุสต่อยอดความแรงด้วยการประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนในกลุ่ม ZenFone Zoom เอาใจคนรักการถ่ายภาพบ้างกับ “ASUS ZenFone Zoom S” หรืออีกชื่อก็คือ “ASUS ZenFone 3 Zoom” ต่อยอด ASUS ZenFone Zoom เดิม (คลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่) ที่เคยสร้างปรากฏการณ์กล้องซูมได้จริง 3 เท่ามาก่อนหน้า แต่ผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร

การออกแบบ

ZenFone Zoom S ถูกจัดเป็นรุ่นพิเศษในกลุ่ม ZenFone 3 ที่เอซุสเลือกเน้นปรับส่วนกล้องถ่ายภาพทั้งหน้าและหลังเป็นจุดขายหลัก โดยในส่วนสเปกจะคล้ายกับ ZenFone 3 รุ่นที่ทีมงานไซเบอร์บิซเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ (คลิกอ่านรีวิวที่นี่) เพราะฉะนั้นในบทความรีวิวนี้ ทีมงานจะขอเน้นลงรายละเอียดในส่วนกล้องถ่ายภาพทั้งหน้าและหลังเป็นหลัก

แต่ก่อนอื่น เรามารับชมเรื่องของการออกแบบที่ถูกปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยกันก่อน

เริ่มจากหน้าจอ เอซุสเปลี่ยนกระจกจอไปใช้ 2.5D Corning Gorilla Glass 5 ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1,920×1,080 พิกเซล

ด้านปุ่มคำสั่ง Navigation Buttons จะเป็นแบบสัมผัส แบ่งเป็น ปุ่มซ้ายย้อนกลับ ตรงกลางปุ่มโฮมและขวามือปุ่มเรียก Recent Apps โดยใต้ปุ่มคำสั่งจะไม่มีไฟส่องสว่างเวลากลางคืน

ในส่วนขนาดตัวเครื่อง ZenFone Zoom S จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 170 กรัม หนา 7.99 มิลลิเมตร

ด้านหลัง ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมมี 3 สีได้แก่ Navy Black, Glacier Silver และ Rose Gold พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและกล้องคู่รุ่นใหม่ล่าสุด

ด้านขวาของตัวเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano Sim รองรับ 2 ซิมการ์ด โดยช่องที่ 2 จะแชร์กับช่องใส่ MicroSD Card รองรับความจุสูงสุด 128GB

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มเพิ่มลดเสียง

ด้านล่าง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB-C ฝั่งซ้ายเป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาเป็นไมโครโฟน ฝั่งขวาเป็นลำโพง

ด้านบน เป็นส่วนของไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

กล้องหน้าและหลังปรับใหม่หมด

ถึงแม้ ASUS ZenFone Zoom S จะมาพร้อมกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) เหมือนสมาร์ทโฟนคู่แข่งหลากหลายรุ่น แต่จุดประสงค์การพัฒนากล้องคู่ของเอซุสจะแตกต่างจากคู่แข่งที่ส่วนใหญ่จะเน้นใช้ทำหน้าชัดหลังเบลอ (Depth of Field) แต่กล้องคู่ของ ZenFone Zoom S จะถูกนำมาใช้เพื่อทำให้กล้องหลังสามารถซูมได้ (ตามชื่อรุ่น Zoom S)

ภาพจากกล้องตัวแรก ระยะ 25 มิลลิเมตร

ภาพจากกล้องตัวที่สอง ระยะ 59 มิลลิเมตร หรือเทียบเท่าซูม 2.3 เท่า

โดยกล้องตัวแรกจะเป็นมุมกว้าง (Wide) 25 มิลลิเมตร พร้อมรูรับแสงกว้าง f1.7 ส่วนกล้องตัวสองจะเป็นเทเล (Tele) 59 มิลลิเมตร พร้อมรูรับแสง f2.6 โดยระบบซูมจะถูกควบคุมผ่านซอฟต์แวร์ ASUS PixelMaster 3.0 ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซูมภาพแบบออปติคอล (ซูมจริงผ่านเลนส์กล้อง) มากสุด 2.3 เท่า และสูงสุด 12 เท่าเมื่อซูมผ่านซอฟต์แวร์

นอกจากนั้น กล้องหลังคู่ยังรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Depth of Field) แบบเดียวกับ iPhone 7 Plus หรือ HUAWEI P10 ได้ด้วย

มาดูในส่วนสเปกกล้องหลังกันบ้าง ใน ZenFone Zoom S เอซุสปรับเซ็นเซอร์รับภาพเป็น Sony IMX362 ที่มีขนาด 1/2.55″ เซ็นเซอร์รับภาพรับแสงได้มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป 2.5 เท่า รองรับความละเอียดภาพสูงสุด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกันสั่น OIS 4 แกนสำหรับภาพนิ่งและ EIS 3 แกนสำหรับงานวิดีโอ 4K ประกบชิปประมวลผลภาพ ASUS SuperPixel ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับสี RGB ที่สามารถแก้ไขสีสันของภาพให้เป็นธรรมชาติได้

มาถึงระบบออโต้โฟกัสที่เอซุสปรับใหม่ยกแผงเช่นกัน โดยจากเดิมใน ZenFone 3 จะใช้เทคโนโลยีออโต้โฟกัส ASUS TriTech (Laser AF + Phase Detection AF + Continuous AF) แต่ใน ZenFone Zoom S จะปรับเปลี่ยนเป็น “ASUS TriTech+” ที่รวมเทคโนโลยีออโต้โฟกัสสุดฮิตของปัจจุบัน ตั้งแต่ Dual Pixel PDAF + Laser AF + Continuous AF (Subject Tracking) ทำให้การจับโฟกัสทำได้รวดเร็ว 0.03 วินาทีในทุกสภาวะแสง

พลิกกลับมาดูกล้องหน้า แน่นอนว่าถูกปรับเปลี่ยนใหม่เช่นกัน เริ่มตั้งแต่เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX214 รองรับความละเอียดภาพ 13 ล้านพิกเซล ไปถึงรูรับแสง f2.0 และกล้องหน้ายังรองรับเทคโนโลยี SuperPixel ทำให้สามารถเซลฟีในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม หรือถ้าอยู่ในที่มืดมิดจริงๆ หน้าจอสมาร์ทโฟนก็สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นไฟแฟลชได้เหมือนกับ iPhone 7 Plus

สุดท้ายมาดูซอฟต์แวร์กล้อง PixelMaster กันบ้าง โดยภาพรวมการใช้งานจะไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน ASUS ZenFone ทุกรุ่น แต่ใน ZenFone Zoom S จะมาพร้อมโหมด Manual ที่ปรับตั้งค่าได้อิสระตั้งแต่ ปรับชดเชยแสง ค่าสมดุลแสงขาว โฟกัส ระบบวัดแสง รวมถึงสามารถเปิดใช้งาน RAW File สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการนำภาพไปตกแต่งผ่านซอฟต์แวร์ภายนอก

และนอกจากนั้นในส่วนของโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูปก็มีให้เลือกใช้มากมายตั้งแต่ HDR Pro, ถ่ายภาพบุคคล/เซลฟีที่มาพร้อมส่วนปรับแต่งใบหน้าเราได้ทุกส่วนของหน้า โหมด Super Resolution อัปสเกลภาพไปถึงระดับ 47 ล้านพิกเซล รวมถึงโหมดกล้องอ่าน QR-Code, เซลฟีหมู่, ทำสโลโมชั่น, Timelapse และโหมดถ่ายภาพอื่นๆอีก 20 กว่าโหมด

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ASUS ZenFone Zoom S

สเปกและฟีเจอร์เด่น

ASUS ZenFone Zoom S ยังคงขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 Octa-core ความเร็ว 2.0GHz พร้อมแรม 4GB เช่นเดียวกับ ZenFone 3 โดยในส่วนรอมสำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะมีความจุอยู่ที่ 64GB เหลือให้ใช้จริงประมาณ 51.94GB แบตเตอรีให้มา 5,000mAh ขับเคลื่อนด้วย Android 6.0.1 และ ZenUI 3.0

ด้านการเชื่อมต่อเครือข่าย รองรับ 3G/4G ทุกเครือข่ายในประเทศไทยพร้อมรองรับ VoLTE ในส่วน WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.2 ไม่มี NFC

ส่วนสเปกอื่นๆที่น่าสนใจ ZenFone Zoom S มาพร้อมชิปถอดรหัสเสียง Hi-Res Audio 192kHz/24 บิต รองรับระบบเสียง DTS สำหรับหูฟังและมาพร้อมภาครับสัญญาณ FM Stereo

มาถึงส่วนของซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ZenUI 3.0 จะเห็นว่าไม่แตกต่างจาก ZenFone 3 รุ่นที่ทีมงานได้รีวิวไปเมื่อปีที่แล้วแต่อย่างใด (คลิกที่นี่เพื่ออ่านรีวิว) จะมีเพิ่มเข้ามาก็เป็นแอปฯจำพวกตรวจวัดก้าวเดิน Health Hub และความสามารถในการซ่อนแจ้งเตือนแอปพลิเคชันที่เราไม่ต้องการได้

ที่สำคัญสำหรับคนที่เป็นเจ้าของ ASUS ZenFone Zoom S อย่าลืมล็อคอิน Google Drive ก่อนใช้งาน เพื่อเปิดใช้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 100GB เป็นเวลา 2 ปี

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

PC Mark
Work 2.0 = 4,667 คะแนน
Computer Vision = 2,806 คะแนน
Storage Score = 3,988 คะแนน

Antutu Benchmark = 61236 คะแนน

3D Mark
Sling Shot Extreme = 467 คะแนน
Sling Shot = 849 คะแนน
Ice Storm Extreme = 8,132 คะแนน

Vellamo
Chrome Browser = 3,270 คะแนน
Metal = 1,490 คะแนน
Multicore = 2,571 คะแนน

PassMark PerformanceTest
System = 4,254 คะแนน
CPU Tests = 21,956 คะแนน
Memory Tests = 3,069 คะแนน
Disk Tests = 56,198 คะแนน
2D Graphics Tests = 2,965 คะแนน
3D Graphics Tests = 1,308 คะแนน

Geekbench 4
Single-Core = 857 คะแนน
Multi-Core = 4,096 คะแนน

ด้านการใช้งานจริง ZenFone Zoom S ซึ่งขับเคลื่อนด้วย ZenUI 3.0 ยังคงความลื่นไหลเช่นเดิม ตัว UI สามารถปรับแต่งได้อิสระแทบทุกส่วน การเรียกแอปฯและใช้งานไม่มีอาการหน่วงช้าหรือแอปฯเด้งออกให้พบเห็น แรม 4GB ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปแน่นอน รวมถึงการเล่นเกมถ้าไม่ใช่เกมกราฟิกสูงมาก ZenFone Zoom S ก็สามารถเล่นได้ลื่นไหล แต่อาจจะโหลดข้อมูลช้ากว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อปของตลาดเล็กน้อย

มาถึงจุดที่น่าประทับใจที่สุดก็คือเรื่องแบตเตอรีขนาด 5,000 mAh กับระบบจัดการพลังงานที่ทำได้ค่อนข้างดีมาก (แถมยังปรับเลือกรูปแบบการใช้พลังงานได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ด้วย) ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่อง (เปิดหน้าจอตลอดเวลา) ได้ยาวนาน 14-20 ชั่วโมงเลยทีเดียว และถ้าเป็นคนใช้งานสมาร์ทโฟนไม่หนัก ชาร์จแบตเตอรีเต็มหนึ่งครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 1-2 วันเลย

มาถึงในส่วนกล้องถ่ายภาพ หลังจากทดสอบอยู่ร่วมอาทิตย์ อย่างแรกกล่าวถึงความประทับใจก่อนว่า เทคโนโลยีกล้องของเอซุสถือว่าพัฒนามาได้ดี โดยเฉพาะระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ กล้องหน้าลูกเล่นน่าสนใจและทำได้ดีกว่าหลายแบรนด์ในราคาระดับเดียวกัน รวมถึงการถ่ายในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่ในเรื่องคุณภาพไฟล์ภาพ ส่วนนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เอซุสยังคงต้องพัฒนา เพราะถ้าเทียบกับ iPhone 7 Plus ที่เอซุสตั้งให้เป็นคู่แข่งของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ไฟล์ภาพของเอซุสจะค่อนข้างปรุงแต่งทั้งเรื่องความคมชัดของภาพที่มากเกินไปจนทำให้เวลาซูมดูภาพแล้วเกิดอาการภาพแตกเป็นวุ้นๆ ส่วนสีสันถ้ามองผ่านหน้าจอ ZenFone Zoom S จะให้สีสันที่สดจนเกินธรรมชาติไปมาก ต้องมาเปิดดูในคอมพิวเตอร์ถึงจะเห็นสีสันที่แท้จริง แม้จะปรับเลือกความเข้มของสีสันและแสงของหน้าจอได้ แต่เมื่อปรับเป็นค่ามาตรฐาน สีกลับจืดชืดไม่เป็นธรรมชาติ

อีกเรื่องที่เหมือนเอซุสยังไม่ได้แก้ไขตั้งแต่ ZenFone รุ่นก่อนหน้าก็คือ โหมดวิดีโอทั้ง 1080p และ 4K ยังให้คุณภาพที่ไม่ดี ถึงแม้วิดีโอจะสามารถปรับเลือกคุณภาพไฟล์ได้ทั้งแบบมาตรฐานและแบบละเอียด แต่เมื่อปรับใช้ค่าสูงสุด ไฟล์ที่ได้ดีขึ้นแต่ภาพกลับไม่ลื่นไหล มีอาการภาพสะดุดให้เห็น

ส่วนระบบกันสั่นวิดีโอและภาพนิ่งทั้ง OIS และ EIS ถูกปรับปรุงมาได้ดีมากแล้ว

โดยภาพรวมทุกส่วน ZenFone Zoom S มีดีที่เรื่องกล้องเพียงอย่างเดียว เนื่องจากซอฟต์แวร์และสเปกเครื่องไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ทำให้จุดดีทั้งหมดมาอยู่ที่กล้อง ซึ่งถ้ามองถึงเรื่องเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ ส่วนนี้สอบผ่านเพราะออกแบบมาได้ดีมาก แถมใช้งานได้จริง แต่เมื่อมาเจาะลึกถึงเรื่องไฟล์ภาพ ส่วนนี้ถือว่าเอซุสยังต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะส่วนของภาคซอฟต์แวร์ที่เข้าไปจัดการไฟล์ภาพมากเกินควร จนทำให้ภาพที่ได้ดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก ต่างจากคู่แข่งที่เอซุสเลือกท้าชนอย่าง iPhone 7 Plus ที่ให้คุณภาพไฟล์ภาพที่ดีกว่า

แต่ทั้งนี้ถ้ามองถึงราคาเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา สำหรับ ASUS ZenFone Zoom S อยู่ที่ 16,900 บาท เทียบกับ iPhone 7 Plus แล้วราคาต่างกันเป็นเท่าตัว ทำให้ ASUS ZenFone Zoom S ดูจะคุ้มค่ามากกว่า สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดและกำลังมองหาสมาร์ทโฟนกล้องคู่แบบ iPhone 7 Plus แต่ก็ใช่ว่าในช่วงราคานี้จะไม่มีตัวเลือกอื่นเลย เพราะในปีนี้สมาร์ทโฟนระดับราคาหมื่นกลางๆกำลังเข้ามาทำตลาดหลายรุ่น โดยหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ OPPO R9s Plus ที่มีดีกรีทั้งกล้องและประสิทธิภาพที่ปรับแต่งมาได้ลงตัวไม่แพ้กัน

ข้อดี

– ZenUI 3.0 มาพร้อมฟีเจอร์ที่สามารถปรับแต่งได้อิสระแทบทุกส่วน
– ลำโพงถึงแม้มีตัวเดียว แต่ให้เสียงดังฟังชัดมาก
– กล้องคู่เน้นสองระยะแบบเดียวกับ iPhone 7 Plus
– ฟีเจอร์กล้องมีให้เลือกใช้งานหลากหลาย
– กล้องมีกันสั่น OIS+EIS
– แบตเตอรีอึดมาก

ข้อสังเกต

– สเปกโดยรวมเหมือน ZenFone 3 เมื่อปีที่แล้ว
– วิดีโอ โดยเฉพาะความละเอียด 4K ยังให้คุณภาพไฟล์ที่ไม่ดี
– หน้าจอ สีและคอนทราสต์จัดเกินไป แม้จะปรับแต่งแล้วก็ยังให้ภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
8.7
สเปก/ฟีเจอร์เด่น
9
ความสามารถโดยรวม
8
ความคุ้มค่า
8.8
SHARE