การออกแบบ
BeatsX จัดเป็นหูฟังไร้สายแบบ in ear ใช้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านสัญญาณ Bluetooth โดยอุปกรณ์ iOS จะเชื่อมต่อแบบเดียวกับ AirPods คือเมื่อเปิดใช้งานหูฟังแล้วนำมาใกล้กับอุปกรณ์ของแอปเปิล (ต้องเปิดบลูทูธไว้ด้วย) ระบบจะเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ ส่วนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียอื่นๆสามารถทำได้โดยการเลือกจับคู่ (Pair) ผ่านบลูทูธปกติ
ในส่วนสาย BeatsX ถูกออกแบบเป็นแบบ Flex-Form มีความยืดหยุ่น ลดการพันของสายเวลาจัดเก็บ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานตลอดทั้งวัน และถูกออกแบบมาให้สามารถคล้องคอได้ด้วย
มาถึงตัวหูฟัง จุดเด่นอยู่ที่จุกหู in ear มีให้เลือก 4 ขนาด พร้อมขาเกี่ยวใบหูหรือ “Wingtip” ซึ่งช่วยให้การสวมใส่กระชับมากยิ่งขึ้น ส่วนบริเวณโลโก้ Beats (หลังหูฟัง) จะมาพร้อมแม่เหล็กเพื่อใช้ดูดหูฟังทั้งสองข้างติดกัน ซึ่งช่วยทำให้การม้วนเก็บสายทำได้ง่ายขึ้น
จากตัวหูฟังลงไปด้านล่าง ด้านซ้ายมือจะเป็น “RemoteTalk” โดยตรงกลางจะเป็นปุ่มกดเพื่อสั่งงานสมาร์ทโฟน เช่น เมื่อฟังเพลงอยู่กด 1 ครั้งเพื่อหยุดหรือเล่นเพลง กด 2 ครั้งข้ามเพลง ไปถึงใช้กดเพื่อรับสาย/วางสายโทรศัพท์หรือกดค้างเพื่อเรียก Siri (สำหรับ iOS) ก็สามารถทำได้ที่ปุ่มนี้ ส่วนถ้ากดตรงแป้นขึ้นหรือลงจะเป็นการเพิ่มลดเสียง
ขยับมาตรงสายด้านขวามือ จะเป็นส่วนที่อยู่ชิป Apple W1 พร้อมปุ่มกดสำหรับเปิดปิดเครื่องและไฟแสดงสถานะการทำงาน (ปุ่มนี้สามารถกดค้างเพื่อกระตุ้นการทำงานของบลูทูธในกรณีเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายยี่ห้อ) ส่วนอีกด้านจะเป็นพอร์ต Lightning สำหรับชาร์จไฟ โดยทางผู้ผลิตจะให้เฉพาะสายชาร์จ Lightning to USB มาเท่านั้น ส่วนอะแดปเตอร์ต้องใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือจะเลือกเสียบชาร์จกับคอมพิวเตอร์ก็ได้
โดยระบบชาร์จจะเป็นแบบ Fast Fuel ชาร์จไฟเพียง 5 นาทีจะฟังเพลงได้นาน 2 ชั่วโมง ส่วนเมื่อชาร์จไฟเต็มจะฟังเพลงได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง
สุดท้ายในส่วนเคสเก็บหูฟังจะเป็นยางธรรมดา (ไม่มีระบบชาร์จไฟแบบ AirPods) โดยการเก็บต้องใช้วิธีม้วนสายแล้วค่อยใส่ลงไป (ต้องใช้การฝึกฝนในครั้งแรกเพราะเคสยางออกแบบมาพอดีกับหูฟังเลย)
ฟีเจอร์เด่น
ต้องยอมรับว่า ด้วยการที่ BeatsX เป็นของแอปเปิล เพราะฉะนั้นผู้ใช้ iOS Device เท่านั้นถึงจะใช้งานหูฟังรุ่นนี้ได้เต็มฟังก์ชันมากที่สุด อย่างเรื่องระบบจับคู่หูฟังกับสมาร์ทดีไวซ์ สำหรับแอปเปิลผู้ใช้มีหน้าที่เพียงเปิดหูฟังแล้วนำมาวางใกล้ๆ iOS Device เท่านั้นระบบจะจับคู่พร้อมตั้งชื่อให้เรียบร้อย ส่วนผู้ใช้สมาร์ทดีไวซ์แบรนด์อื่นจะต้องจับคู่ด้วยตัวเอง
นอกจากนั้นใน iOS ยังสามารถแสดงสถานะแบตเตอรีของตัวหูฟังได้ และการสลับใช้งาน สำหรับผู้ใช้ Apple Family สามารถทำได้ง่ายเช่นเดียวกับ AirPods เพราะทุกอย่างถูกเชื่อมต่อผ่านระบบ iCloud แล้ว (เชื่อมต่อครั้งเดียว อุปกรณ์ Apple ในบ้านจะรู้จักหูฟังตัวนี้ทั้งหมด เวลาใช้งาน คุณเพียงแค่สไลด์เลือกหูฟังที่ต้องการฟังเท่านั้น)
และสำหรับคนที่ฟังเพลงผ่าน Apple Music แอปเปิลได้ให้ Redeem Code ฟังเพลงฟรี 3 เดือนด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป
เริ่มจากงานประกอบ การออกแบบ ถือว่าเป็นไปตามสไตล์ Beats ผสม Apple คือเน้นเรียบง่ายและดูจับกลุ่มวัยรุ่นได้ดีกว่า AirPods โดยในส่วนฟังก์ชันใช้งานถือว่าไม่แตกต่างจากหูฟังทั่วไปเท่าใด จะแตกต่างก็เพียงหูฟังรุ่นนี้เป็นระบบไร้สายจากชิป W1 ที่จัดการระบบการเชื่อมต่อได้ดีแม้จะไม่ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิล แต่ก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ไม่มีปัญหาแถมอาการสัญญาณหลุดหรือเสียงสะดุดระหว่างใช้งานก็ไม่พบเจอเลย เรียกได้ว่าเคยชื่นชอบระบบของ AirPods อย่างไร BeatsX ก็มีคุณภาพดีไม่ต่างกัน
ส่วนเรื่องเสียง ด้วยความเป็น in ear ทำให้การป้องกันเสียงสภาพแวดล้อมเข้ามาในหูขณะฟังเพลงทำได้ค่อนข้างดี จุกหูฟังสวมใส่แน่นและสบาย เรื่องคุณภาพเสียงในภาพรวมถือว่าทำได้กลางๆ เบสไม่ได้หนักแน่นเหมือนหูฟังรุ่นบนของ Beats จะเด่นก็โทนเสียงสูงที่คมชัดดีมาก เหมาะแก่การนำไปฟังเพลงแนว Hip Hop, R&B, Soul หรือ Pop ส่วนขาร็อค Heavy Metal, Hardcore ขาโหด BeatsX ดูจะไปด้วยกันไม่ได้ เพราะโทนเสียงสูง (แหลม) ค่อนข้างบาดแก้วหูมากจนไปกลบเสียงต่ำแทบทั้งหมด
สุดท้ายเรื่องแบตเตอรี ก็ถือเป็นไปตามที่แอปเปิลเครมไว้ว่าอยู่ได้ 8 ชั่วโมง เสียดายเคสเก็บหูฟังไม่สามารถชาร์จไฟได้แบบเดียวกับ AirPods ทำให้คนที่ชอบฟังเพลงและเดินทางบ่อยอาจต้องขยันชาร์จไฟหน่อย
สำหรับราคาค่าตัว BeatsX อยู่ที่ 5,900 บาท (ถูกกว่า AirPods หนึ่งพันบาท) ถือเป็นหูฟัง in ear ที่มาเติมเต็มตลาดหูฟังไร้สายของแอปเปิลและ Beats ระดับเริ่มต้นกับราคาที่มองแล้วก็ตัดสินใจยากอยู่ เพราะตัวหูฟังก็เหมือน AirPods ลดฟังก์ชันไฮเทคแต่ไปเน้นเพิ่มเรื่องคุณภาพเสียงอีกเล็กน้อยและเป็น in ear ติดแฟชันเท่านั้น