เราเตอร์กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น เมื่ออุปกรณ์ไอทีในบ้านเริ่มต้องการเครือข่ายที่ใช้งานได้จริง เพราะนอกจากจะต้องมีความเร็วและระยะการกระจายสัญญาณที่รับได้กับกิจกรรมที่เกิดขึ้นของคนทั้งบ้านแล้ว ยังต้องรองรับจำนวนของอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานพร้อมกันในบ้านได้อย่างไม่มีสะดุด แน่นอนว่าคำตอบของเราเตอร์ที่รองรับได้เช่นนั้น ไม่เกิดขึ้นกับเราเตอร์ที่แถมมากับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอย่างแน่นอน เราลองมาดูเราเตอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถลองรับการใช้งานได้ครอบคลุมความต้องการแบบทั่วพื้นที่กับ D-Link DIR-895L ซึ่งทำงานบนมาตรฐาน AC 5300 กัน
D-Link DIR-895L ถูกแบบมาให้ใช้งานภายในบ้านเป็นหลัก แม้ว่าตัวเครื่องจะมาพร้อมเทคโนโลยีชั้นสูงและขนาดที่ใหญ่ พร้อมการออกแบบที่สุดอลังการด้วยเสา 8 ต้น นั่นเพราะทางดีลิงค์มองว่า อุปกรณ์ภายในบ้านจะต้องการประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่ดีไต่างจากองค์กร เพราะท้ายที่สุดแล้วการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กเพื่อให้อุปกรณ์ที่มีทั้งหมดภายในบ้านทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ ย่อมหมายถึงความสุขที่ไม่ติดขัดของผู้อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน
การออกแบบ
D-Link DIR-895L มาพร้อมรูปลักษณ์สุดอลังการของสีแดงสด รูปร่างสามเหลี่ยมที่ทำให้นึกถึงยานบิน โดยขนาดของเครื่องถือว่าใหญ่พอตัว แถมยังมีเสาทั้ง 8 ตำแหน่งที่จำกัดให้การวางเครื่องที่เหมาะสมมีอยู่ด้านเดียวเท่านั้นนั่น ซึ่งทำให้การหาตำแหน่งวางเครื่องอาจจะดูลำบากสำหรับบ้านไปสักหน่อย ซึ่งโดยเทคนิคแล้วตำแหน่งการวางเครื่องมีผลต่อประสิทธิภาพของการจ่ายสัญญาณด้วยเช่นกัน
ด้านหน้า – จะเห็นเหลี่ยมของเครื่องสีแดงสดสโลปลงด้านข้างซ้ายและขวา มีแถบไปแสดงสถานะตรงกลาง บนพื้นสีบรอนซ์ที่เป็นเส้นแนวยาวตรงขึ้นด้านบน ขณะที่เยื้องไปทางด้านหลังจะเห็นช่องระบายความร้อนแบบรวงผื้งสีแดงแบบเดียวกัน พร้อมตราสัญลักษณ์ D-Link อยู่ตรงกลางโดดเด่น
ด้านหลัง – เป็นแถบช่องต่อสัญญาณต่าง โดยมีพอร์ตยูเอสบี2.0 และ 3.0 ให้อย่างละช่อง ถัดมาเป็นปุ่มรีเซ็ตที่จะต้องใช้เหล็กปลายแหลมจิ้มลงไปไป และปุ่ม WPS ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อง่ายขึ้นอยู่ด้านข้าง ถัดไปเป็บแถบช่องต่อแลนทั้งหมด 4 ช่องเรียงจากขวามาซ้าย และช่องอินเทอร์เน็ต สำหรับการต่อสัญญาณเข้าโดยจะเห็นความแตกต่างของช่องนี้ว่าเป็นสีเหลือง ถัดมาเป็นปุ่มพาวเวอร์เปิด–ปิด และช่องต่อไฟ DC และสุดท้ายเป็นสวิตซ์สำหรับสลับการใช้งานของเครื่องระหว่างเราเตอร์และเอ็กซ์เทนเดอร์นั่นเอง
ด้านล่าง – มีช่องระบายอากาศเป็นร่องตลอดทั้งผืน ทำด้วยวัสดุพลาสติกเป็นสีดำด้าน โดยมีช่องสำหรับแขวนผนังอยู่สองตำแหน่ง พร้อมสติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดรุ่นและสเปกเครื่องโดยประมาณ
ด้านซ้ายและขวา – จะมีช่องต่อเสาสัญญาณแบบถอดได้ขนาดใหญ่อยู่ด้านละ 4 เสา ซึ่งเสาที่สี่จะอ้อมไปทางด้านหลังอย่างละข้าง โดยลักษณะของเสาเป็นแบบพับงอได้บริเวณขั้วเสา ตัวเสามีลักษณะแบนเล็กน้อยเป็นสีเทาและปลายเสามีสีดำ ทุกเสามีตราสัญลักษณ์ D-Link สีดำอยู่ 1 ด้าน
สเปก
ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Broadcom BCM47094 1.4 GHz พร้อมเสาอากาศ 8 เสา สามารถปล่อยสัญญาณได้พร้อมกันถึง 3 ความถี่ โดยแบ่งเป็น 2 ย่านความถี่ 5 GHz ด้วยความเร็วของการส่งตามทฤษฎีอยู่ที่ย่านละ 2,165 Mbps และย่านความถี่ 2.4 GHz ได้อีก 1 ย่านด้วยความเร็ว 1,000 Mbps ทำให้ได้ความเร็วทั้ง 3 ย่านรวม 5,300 Mbps สามารถกระจายสัญญาณตามทฤษฏีได้ครอบคลุม 500 ตารางเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี MU-MIMO (Multiple Users-Multiple Input/Multiple Output) ช่วยให้การรับ–ส่งข้อมูลของอุปกรณ์หลายๆอย่างทำงานได้พร้อมกันอย่างไม่มีสะดุด รองรับ VPN Server แบบ L2TP over IPSec มีขนาดกว้าง 387 มม. ยาว 247.3 มม.และสูง 119.5 มม. น้ำหนักโดยรวม 1 กก.
ฟีเจอร์เด่น
Smart Connect ช่วยให้การเชื่อมต่อง่ายขึ้น โดยระบบจะเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสมให้แบบอัตโนมัติ ช่วยให้การทำงานของทุกอุปกรณ์รับ–ส่งข้อมูลได้อย่างลื่นไหล ทั้งนี้ตัวเครื่อง D-Link DIR-895L นั้นรองรับการปล่อยสัญญาณ 3 ย่านความถี่พร้อมกัน ดังรายละเอียดที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้า ดังนั้นเทคโนโลยีในการเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสมอย่าง Smart Connect จึงเข้ามาช่วยจัดสรรการทำงานของแต่ละอุปกรณ์นั่นเอง
ระบบ D-Link Cloud ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อเราเตอร์ในบ้านเพื่อจัดการได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบ โดยสามารถปรับตั้งค่าการเชื่อมต่อ ตรวจสอบการเชื่อมต่อของเราเตอร์ หรือปิดกั้นการใช้งานจากบุคคลไม่พึงประสงค์ และแม้กระทั่งการควบคุมเนื้อหาการใช้งานของอุปกรณ์ผ่านเราเตอร์ได้อย่างไม่สะดวก
Mydlink Shareport ช่วยให้การเชื่อมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมผ่านช่อง USB 3.0 และ USB 2.0 ทำให้การแชร์ภาพยนตร์ เอกสาร รูปภาพและเพลง ไปยังทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ภายในเราเตอร์นี้ได้อย่างรวดเร็ว
QRS (Quick Router Setup) ช่วยให้การติดตั้งผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะเพียงแค่เสียบเราเตอร์ แล้วเปิดแอปพลิเคชั่นและทำตามเพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเข้ากับเราเตอร์ D-Link DIR-895L โดยที่ไม่ต้องแตะต้องคอมพิวเตอร์เลย แถมยังสามารถตั้งค่าความปลอดภัยผ่านปุ่ม Wifi- Protected ภายในแอปได้อีกด้วย
MU-MIMO (Multiple Users-Multiple Input/Multiple Output) รองรับการทำงานได้ถึง 4 อุปกรณ์พร้อมกันได้อย่างดีเยี่ยม โดยระบบจะทำการปล่อยสัญญาณแยกระหว่างอุปกรณ์แต่ละตัว ทำให้ความเร็วของการใช้งานไม่ลดค่าความเร็วเฉลี่ยลง
Guest zone ช่วยเพิ่มลูกเล่นของการจัดการเครือข่ายให้แขกผู้มาเยือนได้แยกใช้ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยสามารถเลือกช่องทางการตอบรับในกรณีที่ใช้งานในร้านอาหาร ให้กดถูกใจแฟนเพจก่อนเข้าใช้งานก็ได้ โดยสามาถกำหนดรูปแบบและจำกัดความเร็วของการเข้าใช้งานได้ตามที่ต้องการ
ทดสอบประสิทธิภาพ
การทดลองติดตั้งทำได้ง่ายดาย โดยหลังจากต่อสายเรียบร้อย สามารถติดตั้งได้ผ่าน Wizard ภายใน 3 ขั้นตอนเท่านั้น นับว่าสะดวกกับมือใหม่เป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นการตั้งค่าพื้นฐาน หากต้องการเลือกแบ่งโซนการทำงาน หรือการตั้งค่าขั้นสูง อาจจะต้องยุ่งยากในการติดตั้งเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมมีทางลัดเพื่อการตั้งค่าใช้งานปกติครับ
การทดสอบสัญญาณเป็นที่น่าพอใจ โดยในระยะทำการไม่เกิน 3 เมตรสามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 92.15 Mbps และอัปโหลดเร็วสูงสุด 42.74 Mbps สามารถเปิดไฟล์วิดีโอ 4K ได้ลื่นไหลไม่สะดุด ขณะที่การเชื่อมต่อจากชั้นล่างนอกอาคาร โดยเราเตอร์ตั้งอยู่ในห้องชั้น 2 สามารถรับส่งสัญญาณได้ เปิดวิดีโอยูทูปได้ปกติ แต่สังเกตความเร็วน้อยลงตามระยะทาง ซึ่งน่าจะเกิดจากความสามารถที่จำกัดของตัวอุปกรณ์แท็บเล็ตที่ใช้ นอกจากนี้ประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อยังถือว่าต่อเนื่อง
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Wifi-Test ได้ผลทดสอบอยู่ในระดับ Great มีความเร็วประมาณการอยู่ที่ 544 Mbps ของการส่งสัญญาณไวไฟ
สรุป
D-Link DIR-895L นับว่าเป็นเราเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแม้ว่าอาจจะดูดีเกินกว่าจะใช้ในบ้านสักหน่อย แถมราคาที่เปิดตัวก็อยู่ที่ราว 9,500 บาท แต่กระนั้น เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่จะได้รับแล้วนับว่าคุ้มค่าคุ้มค่าราคาจริงๆ หากไม่กังวลเรื่องงบประมาณแล้วจะรู้ว่า ไวไฟที่ดีใช้แล้วไม่สะดุดเป็นอย่างไร แถมมีประสิทธิภาพของสัญญาณที่ดีครอบคลุมทั้งบ้าน หากติดตั้งในตำแหน่งที่ดีและเหมาะสม งานนี้จึงนับว่าโดยรวมของการใช้งานอยู่ในเกณฑ์ดีมากครับ