ชื่อแบรนด์ของ Dyson ก่อนที่จะมาดังในอุปกรณ์อย่างพัดลมไร้ใบพัด และเครื่องเป่าผมแรงสูง หนึ่งในอุปกรณ์ที่เป็นต้นกำเนิดก็คือเครื่องดูดฝุ่น ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงในรุ่นล่าสุดอย่าง Dyson V8 Carbon Fibre
จุดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นของ Dyson ในช่วงหลังๆ คือเรื่องของความสะดวกในการใช้งาน จากการเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ที่มีพัฒนาการในแง่ของพลังในการดูดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงรุ่นนี้ที่มีแรงดูดอยู่ที่ 155 แอร์วัตต์ (AW) หรือการหมุนของใบพัดราว 10,000 รอบต่อนาที
แต่แน่นอนว่าด้วยการที่เป็นแบบไร้สาย ก็หมายความว่าต้องใช้งานร่วมกับแบตเตอรี โดย Dyson V8 Carbon Fibre จะใช้งานแบบไร้สายได้ราว 40 นาที ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง หรือถ้าใช้งานในโหมดความเร็วสูงจะใช้งานได้ราว 5 นาทีเท่านั้น
ต่อหัวดูดใช้ได้ทันที
ความสะดวกของ Dyson V8 คือเรื่องหลักในการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ เพราะผู้ใช้สามารถเลือกหัวดูดฝุ่นมาต่อเข้ากับเครื่องดูด แล้วกดใช้งานได้ทันที ขณะเดียวกันจากการที่มีหัวดูดฝุ่นมาให้เลือกหลากหลาย ก็สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ
โดยนอกจากหัวดูดฝุ่นตามพื้นปกติแล้ว ก็จะมีหัวดูดสำหรับโซฟา ที่นอน รวมถึงข้อต่อช่วยยืดระยะให้สามารถดูดฝุ่นตามเพดานห้องได้ และข้อต่อพลาสติกที่งอได้ เพื่อให้เข้าถึงมุมต่างๆ ไม่นับรวมกับท่อคาร์บอนสีเหลืองที่ถือเป็นท่อปกติให้ใช้งาน
อีกจุดคือเรื่องของการทิ้งฝุ่น ที่ Dyson มีการพัฒนามาให้สามารถนำตัวเครื่องไปถือไว้เหนือถังขยะ แล้วดึกสลักสีแดงบริเวณด้ามจับ เพื่อทิ้งฝุ่นได้ทันที โดยจะเป็นกลไกในการเปิดฝาที่อยู่ใต้เครื่องเพื่อทิ้งจากถังดักฝุ่นได้ทันที
เมื่อทิ้งฝุ่นจากใต้เครื่องได้ ก็ทำให้สะดวกแก่ผู้ใช้ที่ไม่ต้องมือเปื้อน หรือต้องถอดถังดักฝุ่นออกไปเททิ้งในถังขยะ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจายขึ้นมาขณะทิ้งด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถถอดถังดักฝุ่นไปล้างทำความสะอาดได้อีกด้วย
ส่วนจุดที่ใช้สีน้ำเงิน จะเป็นส่วนที่ผู้ใช้สามารถหมุน เพื่อถอดตัวกรอง และฟิลเตอร์ออกมาทำความสะอาดได้ หรือกรณีถ้าต้องการสั่งซื้อฟิลเตอร์อันใหม่มาเปลี่ยนก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆช่วยในการถอดเปลี่ยน
รวมๆแล้ว ถ้าไม่ได้มีข้อจำกัดในแง่ของตัวราคาสินค้าแล้ว ถือว่า Dyson V8 Carbon Fibre เป็นหนึ่งในเครื่องดูดฝุ่นที่เครื่องเดียวจบ เพราะสามารถใช้งานได้หลากหลาย โดยความแรงของเครื่องสามารถใช้ในการดูดไรฝุ่นบนที่นอนได้ด้วย
ความแตกต่างระหว่าง V8 และ V8 Carbon Fibre
ก่อนหน้าที่ Dyson จะออกรุ่น Carbon Fibre ออกมา ได้มีการทำตลาดรุ่น V8 Animal, V8 Total Clean และ V8 Absolute มาสักพักแล้ว โดยจุดที่ทั้ง 3 รุ่นธรรมดา แตกต่างจากในรุ่น V8 Carbon Fibre คือเรื่องของพลังดูดในการทำความสะอาด
โดยในรุ่น V8 ปกติ จะสามารถดูดฝุ่นในโหมดปกติได้ที่ความแรงระดับ 115AW แต่ถ้าเป็น Carbon Fibre จะได้ที่ความแรงระดับ 155AW ส่วนที่เหลือทั้งความจุในการเก็บฝุ่นจะอยู่ที่ 0.54 ลิตร น้ำหนักเครื่อง 2.55 กิโลกรัมเท่ากัน
อีกจุดที่แตกต่างคือระยะเวลาในการใช้งานโหมดปกติจะอยู่ที่ 40 นาทีเท่ากัน แต่ถ้าเป็นโหมดแรงรุ่นธรรมดาจะดูดได้ประมาณ 6 นาที ส่วนถ้ารุ่น V8 Carbon Fibre จะได้ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น เพราะให้พลังดูดที่แรงกว่า
สุดท้ายคือการเพิ่มหัวดูดฝุ่งแบบลูกกลิ้งนุ่ม (Fluffy) และหัวแบบ Direct-drive ที่มาพร้อมกับเส้น Carbon Fibre เพื่อช่วยไม่ให้เกิดไฟฟ้าสถิตเวลาดูดฝุ่น ที่ทาง Dyson ระบุว่าช่วยให้ทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายของ Dyson V8 Carbon Fibre จะอยู่ที่ 28,900 บาท โดยเป็นราคาเดิมกับตอนที่เริ่มวางจำหน่าย Dyson V8 รุ่นปกติ ทำให้ราคาของรุ่นปกติตอนนี้จะปรับลดลงมาแล้ว
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
ในส่วนของอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนอกจากตัวเครื่อง Dyson แล้วก็จะมี หัวทำความสะอาดแบบลูกกลิ้งนุ่ม, หัวทำความสะอาดแบบ Direct-drive, หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก, หัวดูด 2 in 1, หัวดูดปากแคบ, หัวดูดปากแคบแบบโค้งงอได้, แปรงปัดฝุ่นขนนุ่ม, หัวดูดฝุ่นที่นอน, หัวดูดสำหรับดูดที่สูง, ท่อต่อหัวดูด
ที่เหลือก็จะเป็นอุปกรณ์ทั่วไปอย่าง กระเปําเก็บอุปกรณ์ที่ทำมาเป็นถุงผ้าช่วยให้พกพาได้ง่ายจึ้น, แท่นชาร์ตติดผนังสำหรับแขวนหัวเครื่องดูดฝุ่น และอะเดปเตอร์ชาร์จไฟ