การเพิ่มระบบบันทึกพิกัด GPS เข้ามาในสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพของ Fitbit Chrage 4 ทำให้อุปกรณ์รุ่นนี้ กลายเป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพรุ่นเริ่มต้นที่น่าสนใจขึ้นมาทันที สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ในการวัดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่ง และการปั่นจักรยาน
แต่เดิมในรุ่นก่อนหน้า Fitbit Charge จะใช้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อดึงพิกัดสถานที่มาใช้งาน ทำให้เวลาออกกำลังกายถ้าต้องการความแม่นยำในเรื่องของการบันทึกข้อมูลต่างๆ ผู้ใช้จำเป็นต้องพกพาสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย แต่พอมาเป็น Charge 4 ที่ใส่ GPS มาให้ด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวเวลาออกกำลังอีกต่อไป
นอกจากการเพิ่ม GPS เข้ามาแล้ว Charge 4 ยังโดดเด่นในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ใส่ใช้งานได้เป็นสัปดาห์ รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Fitbit Pay มาให้ใช้ชำระค่าสินค้า และบริการจากร้านที่รองรับ ไม่นับรวมกับชุมชนผู้ใช้งาน Fitbit ที่กว้างขวาง และระบบใหม่อย่าง Fitbit Premium ที่มาช่วยกระตุ้นผู้ใช้ให้รักษาสุขภาพ
รุ่นที่สมบูรณ์มากขึ้น
จุดใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของ Fitbit Charge 4 เมื่อเทียบกับ Charge 3 คือการเพิ่ม GPS เข้ามาทำให้สามารถระบุตำแหน่งเวลาออกกำลังได้ พร้อมกับเพิ่ม Fitbit Pay มาให้ใช้งานกัน ทำให้ปัจจุบัน Fitbit ทุกรุ่นจะรองรับการชำระเงินผ่าน Fitbit Pay แล้ว
แต่กลับกันในด้านอื่นๆ ของ Charge 4 กลับไม่ได้มีที่เปลี่ยนแปลงเลย ทั้งเรื่องของดีไซน์ ที่มาในลักษณะเดิม รวมถึงเรื่องสำคัญในการใช้งานในไทยอย่าง การแสดงผลภาษาไทยที่ Fitbit ยังไม่พัฒนาให้อุปกรณ์รองรับเสียที
ดังนั้น ถ้ามองในมุมของการใส่เพื่อวัดทางด้านสุขภาพ และการออกกำลังกาย Fitbit Charge 4 เป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ เพราะสามารถเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตทั้งการเดิน การนอน และการออกกำลังได้เป็นอย่างดี
ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับแอปฯ Fitbit ที่คอยเก็บข้อมูล และแสดงเป็นสถิติออกมาให้ดูย้อนหลังได้ ยิ่งทำให้เห็นพัฒนาการทางด้านสุขภาพของผู้ใช้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าตัวผู้สวมใส่ไม่จริงจังกับการออกกำลังกาย Fitbit Charge 4 ก็จะเป็นแค่อุปกรณ์ไว้คอยเก็บข้อมูลเฉยๆ
สิ่งที่ Fitbit ให้ความสำคัญในช่วงหลังๆ คือการพัฒนาฟังก์ชันในการตรวจจับการนอน โดยระบุว่า การนอนหลับที่ดีจะส่งผลถึงสุขภาพมากที่สุด ดังนั้นจึงแนะนำว่าการใช้งาน Fitbit ให้คุ้มที่สุดนอกจากใส่เพื่อวัดกิจกรรมในเวลากลางวันแล้ว ควรใส่เวลานอนเพื่อคอยตรวจจับการนอนด้วย
ทำให้ Fitbit Charge 4 ไม่ได้เป็นอุปกรณ์สำหรับคนรุ่นใหม่เท่านั้น ที่เหมาะกับการใส่เพื่อวัดสุขภาพในชีวิตประจำวัน แต่ยังเหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุที่ควรให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะการที่มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจใน Fitbit Charge 4 ยิ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยแจ้งเตือนเวลาอัตราการเต้นของหัวใจสูงเกินไป
ออกกำลังได้แม่นยำกว่าเดิม
กลับมาที่เรื่องของการออกกำลังกาย การเพิ่ม GPS เข้ามาใน Fitbit Charge 4 นอกจากจะสะดวกในแง่ของการที่ไม่ต้องคอยพกสมาร์ทโฟนเวลาออกไปวิ่ง หรือปั่นจักรยานแล้ว ที่เพิ่มเข้ามาคือเรื่องของการเก็บข้อมูลการออกกำลังที่แม่นยำมากขึ้น
ทั้งการคำนวนความเร็วในการเคลื่อนที่ หรือถ้าเป็นสายวิ่งก็จะใช้มาคำนวนค่า Pace หรือระยะเวลาที่ใช้วิ่งต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ถ้าสายปั่นก็จะสามารถแสดงความเร็วเฉลี่ยในแต่ละนาที ทำให้สามารถรักษาระดับความเร็วที่เหมาะสมในการออกกำลังได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการนำค่าไปคำนวนร่วมกับอัตราการเต้นของหัวใจ และแสดงผลออกมาเป็นเส้นบนแผนที่ให้เห็น ด้วยการเทียบความเร็วในการเคลื่อนที่ อัตราการเต้นของหัวใจว่าอยู่ในโซนเท่าไหร่ เหมาะกับรูปแบบการออกกำลังที่ต้องการหรือไม่
เพราะในแง่ของการออกกำลังกาย การควบคุมโซนของอัตราการเต้นของหัวใจ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริโภคควรศึกษาไว้ เพราะถ้าต้องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักก็จะอยู่ในช่วงโซน 1-2 ถ้าต้องการเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายก็จะอยู่ในโซน 3-4 เป็นต้น
มองเป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ ยังไม่ใช่สมาร์ทวอทช์
แม้ว่าตัวเครื่อง Charge 4 จะมากับหน้าจอแสดงผลที่ให้ข้อมูลมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Charge 4 ยังหยุดอยู่ที่การเป็นอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือเพื่อบันทึกข้อมูลสุขภาพเท่านั้น ยังไม่ได้ยกระดับขึ้นมาเป็นนาฬิกาอัจฉริยะแต่อย่างใด
เพราะฉนั้นในการใส่ใช้งานแล้วหวังจะให้ Fitbit Chrage 4 มาแทนที่สมาร์ทวอทช์เรือนเดิมที่ใส่ และรับการแจ้งเตือน หรือดูข้อมูลต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าใช้ดูข้อมูลสุขภาพอย่างก้าวเดิน ปริมาณแคลลอรี่ที่เผาผลานไป อัตราการเต้นของหัวใจต่างๆ ตอบโจทย์ได้
อีกจุดคือเรื่องของการแจ้งเตือน Charge 4 จะมากับการแจ้งเตือนทั่วไปอย่างสายเข้า ข้อความ มีการสั่นเตือนเวลาโทรศัพท์แล้วปลายสายรับสายเป็นต้น แต่ในแง่ของการใช้ Charge 4 เพื่อควบคุมสั่งงานต่างๆ เบื้องต้นจะใช้ได้เฉพาะควบคุมเพลงบน Spotify เท่านั้น
สรุป
ถ้าใครกำลังมองหาอุปกรณ์ ฟิตเนส แทร็กเกอร์ ประสิทธิภาพสูงที่ใช้วัดได้ทุกกิจกรรมระหว่างวัน จนถึงเวลานอน Fitbit Charge 4 กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทันที เพราะได้ทั้งเรื่องของแบตเตอรี มี GPS ภายในตัว
แต่ก็แลกกับราคาที่สูงกว่าฟิตเนสแทร็กเกอร์จากจีนอยู่เป็นเท่าตัว เพราะ Charge 4 เปิดราคามาอยู่ที่ 6,490 บาท ซึ่งนอกจากตัวเรือนนาฬิกาแล้ว ยังได้แอปพลิเคชันที่มีอีโคซิสเตมส์สมบูรณ์
โดยเฉพาะผู้ที่จริงจังในการออกกำลังกาย สามารถสมัครใช้งาน Fitbit Premium รายเดือนเพิ่มเพื่อกระตุ้นให้ออกกำลังกายตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ด้วย