ในยุคของการทำงานแบบ Mobility อุปกรณ์ในการทำงานที่ใช้ในแต่ละวันอาจจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่ทำงานร่วมกับเดสก์ท็อปเครื่องใหญ่ๆ กลายมาเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องบางเบา ไปจนถึงการพกพาสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการทำงานแทน
ดังนั้นส่วนประกอบที่เลือกนำมาใช้งานบนโต๊ะทำงาน จากเดิมอาจจะใช้เป็นพีซีเครื่องใหญ่ๆ คู่กับจอ หรือถ้าเป็นออฟฟิศสมัยใหม่อาจจะเลือกใช้พีซีเครื่องเล็กๆ เพื่อใช้งาน ก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป
เอชพี เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มองเห็นช่องว่างตรงนี้ และเริ่มนำผลิตภัณฑ์จอภาพรุ่นใหม่อย่าง EliteDisplay เข้ามาทำตลาด โดยชูจุดเด่นที่ไม่ใช่เป็นแค่จอภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น Docking เพื่อใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆได้
ข้อดี
- จอภาพพร้อม Docking ที่ให้พอร์ตมาครบ
- รองรับการหมุนหน้าจอเพื่อใช้งานหลายๆรูปแบบ
- USB-C พ่วงกับโน้ตบุ๊กทีเดียวจบ
ข้อสังเกต
- ความละเอียดของหน้าจอ ยังอยู่ที่ Full HD
- ฐานจอยังค่อนข้างกินพื้นที่ เมื่อเทียบกับจอสมัยใหม่
จอที่พร้อมวางไว้ต่อกับอุปกรณ์ทำงาน
ด้วยการที่ HP EliteDisplay เป็นจอมอนิเตอร์ที่ออกแบบมาให้เป็น Docking ภายในตัว ดังนั้นความสามารถโดยรวมของจอรุ่นนี้จึงถูกออกแบบมาให้ครบ สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน
แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานของ HP EliteDisplay อาจจะถูกออกแบบมาเพื่อเป็นจอมอนิเตอร์สำหรับต่อพ่วงกับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของเอชพี ที่เน้นตัวเครื่องบาง เบา มากับพอร์ตแบบ USB-C ที่ทำให้มีช่องเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กจำกัด
เมื่อนำโน้ตบุ๊กมาเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์ ก็จะได้พื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอเพิ่มขึ้น สามารถใช้เป็นจอเสริมคู่กับโน้ตบุ๊ก หรือจะเลือกใช้งานเป็นจอหลักแทนก็ได้ แต่ความน่าสนใจจริงๆของ HP EliteDisplay ไม่ได้อยู่แค่ที่การแสดงผล แต่อยู่ที่พอร์ตเชื่อมต่อที่รองรับได้หลากหลาย
ตัวจอ HP EliteDisplay นอกเหนือจากช่องที่ใช้เชื่อมต่อหลักกับโน้ตบุ๊กอย่างพอร์ต USB-C และช่องต่อสายชาร์จแล้ว ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็น USB 4 พอร์ต ช่องเสียบหูฟัง HDMI (ต่อจอเพิ่มได้) ช่องเสียบสาย LAN และช่องต่อลำโพง
โดยตัวหน้าจอจะมากับขนาด 23.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD ซึ่งมีขอบจอ 3 ด้านที่บางมากๆ (3 Sided Micro-edge bezel) ที่มากับขาตั้งแบบที่สามารถปรับระดับความสูงได้ (เลื่อนจอขึ้น-ลง) หมุนซ้าย-ขวา ไปจนถึงหมุนจอเพื่อให้เป็นโหมดแนวตั้งแทนก็ทำได้
ลองนึกภาพว่าบนโต๊ะที่ทำงาน แค่นำโน้ตบุ๊กที่ใช้ประจำมาเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ เชื่อมต่อกับเมาส์ และคีย์บอร์ด (ทั้งผ่านสาย USB หรือบลูทูธก็ตาม) ก็จะได้พื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอที่กว้างขึ้น และช่วยให้สะดวกมากขึ้นด้วย
รองรับทุกดีไวซ์
ในมุมของเอชพี อาจจะนำเสนอแค่การที่จอมอนิเตอร์รองรับการเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กที่รันบนวินโดวส์ 10 แต่จริงๆแล้ว HP EliteDisplay กลับรองรับการทำงานของทุกๆ อุปกรณ์ จากพื้นฐานที่ใช้งานกันคือพีซีบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์
HP EliteDisplay สามารถเชื่อมต่อกับ MacBook ผ่านพอร์ต USB-C เพื่อใช้งานเป็นจอภาพพร้อมมอนิเตอร์ และสายชาร์จไปได้ในตัว (เอชพีระบุว่าชาร์จไฟผ่าน USB-C ได้ 65w ซึ่งแรงกว่าอะเดปเตอร์ของ MacBook Air อีก)
แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะมอนิเตอร์รุ่นนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับ iPad Pro (ผ่านพอร์ต USB-C เช่นกัน) แท็บเล็ต Android หรือแม้แต่สมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ๆ ที่มีโหมดการทำงานร่วมกับจอภาพแยกออกมาได้
อย่างที่ทีมงานลองเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy S10+ เพื่อใช้งาน Samsung DeX ตัวจอ HP EliteDisplay ก็รองรับการใช้งานได้ครบถ้วน เมื่อต่อกับคีย์บอร์ด และเมาส์ ก็สามารถใช้งานทดแทนพีซีได้ทันที
สรุป
ด้วยการที่ เอชพี ตั้งราคาจำหน่ายของ HP EliteDisplay E243d 23.8 นิ้ว จะอยู่ที่ 11,390 บาท ทำให้อาจจะมองว่าราคาค่อนข้างสูงไปสักนิด เมื่อเทียบกับหน้าจอความละเอียด Full HD ขนาดนี้ แต่อย่าลืมว่ามอนิเตอร์รุ่นนี้เป็น Docking ภายในตัว
ดังนั้นความสามารถที่ได้จากการใช้งานจึงอยู่ในระดับที่คุ้มค่า สำหรับกลุ่มนักธุรกิจ หรือการนำไปใช้งานในออฟฟิศสมัยใหม่ ที่อุปกรณ์หลักของพนักงานคือโน้ตบุ๊กที่พกพาได้ง่ายๆ พอมานั่งทำงานที่โต๊ะก็สามารถเชื่อมต่อกับ HP EliteDisplay เพื่อทำงานได้สะดวกขึ้น