Review : Huawei Band 6 สมาร์ทแบนด์วัดออกซิเจนในเลือด ราคา 1,499 บาท

3836

เมื่อการวัดค่าออกซิเจนในเลือดกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ผู้บริโภคมองหา ทำให้บรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพหลายๆ แบรนด์เร่งพัฒนาความสามารถนี้ ให้กลายเป็นฟีเจอร์พื้นฐานในการใช้งาน ที่แม้ว่าจะไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ก็สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ มาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค

Huawei Band 6 ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทแบนด์ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ดังกล่าว ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ด้วยโปรโมชันเปิดตัวที่ 1,499 บาท ที่นอกจากได้ Wearable ที่มาวัดค่า SpO2 หรือออกซิเจนในเลือดแล้ว ยังได้กึ่งๆ สมาร์ทวอทช์หน้าจอ 1.47 นิ้ว ที่รองรับการแจ้งเตือน และตรวจจับการออกกำลังกายได้ด้วย

ข้อดี

  • สมาร์ทแบนด์ฟีเจอร์ครบราคาเข้าถึงได้ 1,499 บาท (จากราคาปกติ 1,899 บาท)
  • หน้าจอ AMOLED 1.47 นิ้ว เหมาะกับทุกคน
  • ตรวจวัด HR / SpO2 / ความเคลียด / มีโหมดกีฬา 96 โหมด

ข้อสังเกต

  • สายเป็นซิลิโคนทำให้ดูไม่พรีเมียม แต่สามารถเปลี่ยนสีได้
  • ต้องใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน Huawei ถึงใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

เน้นฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ

การเป็นสมาร์ทแบนด์ ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ทำให้ Huawei Band 6 มากับความสามารถที่น่าสนใจหลากหลายอย่างเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการวัดจำนวนก้าวเดิน การทำกิจกรรมต่างๆ จนถึงการนอน ที่สมาร์ทแบนด์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดทำได้อยู่แล้ว

แต่ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาของ Huawei Band 6 คือการเพิ่มความสามารถในการวัดค่าออกซิเจนในเลือดขณะออกกำลังกาย (SpO2) ทำให้ผู้ใช้งาน สามารถรับรู้ถึงปริมาณออกซิเจนในเลือดได้ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ (ตามปกติต้องสูงกว่า 95%)

โดยปัจจุบันค่าออกซิเจนในเลือดได้กลายมาเป็นหนึ่งในการวัดค่าสุขภาพที่ผู้บริโภคสนใจ เกี่ยวเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เมื่อเกิดการติดเชื้อแล้วเริ่มลามไปที่ปอด ออกซิเจนในร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อจะลดลง การที่มีอุปกรณ์วัดออกซิเจนมาติดตัวจะช่วยให้สามารถเฝ้าระวังความผิดปกติของร่างกายได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ Huawei Band 6 ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความแม่นยำในการวัดค่า SpO2 รวมถึงการเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือดตลอดเวลา ดังนั้นในการใช้งาน Huawei Band 6 ต้องระลึกไว้เสมอว่าเป็นค่าที่อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ ต้องมีการตรวจสอบร่วมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อความมั่นใจอีกครั้ง และข้อมูลที่ได้ถือเป็นข้อมูลอ้างอิงเฉพาะบุคคลเท่านั้น

นอกเหนือจากการวัด SpO2 แล้ว Huawei Band 6 ยังได้พัฒนาระบบตรวจจับการออกกำลังกายเพิ่มเติม ที่จะคอยแทร็กพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีการออกกำลังกายโดยที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บข้อมูล ก็จะคอยบันทึกข้อมูลไว้ เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกประเภทของกีฬาในการบันทึกข้อมูลภายหลังได้

ปัจจุบัน Huawei Band 6 มีชนิดกีฬาให้เลือกใช้งานทั้งหมด 96 โหมด ที่มีกีฬาประเภทใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างสเก็ตบอร์ด หรือกระโดดเชือก เพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีโหมดที่จะคอยเก็บข้อมูลรอบประจำเดือนของผู้หญิง ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งผู้ชาย และผู้หญิงไปพร้อมๆ กัน

Huawei Band 6 ยังรองรับการตรวจวัดทางด้านสุขภาพเพิ่มเติม ทั้ง Huawei TruSleep ที่เมื่อเปิดใช้งานจะวัดการนอนในระดับที่ลึกมากขึ้น การตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา และทำการแจ้งเตือนเมื่อเกินค่าที่กำหนด รวมถึงวัดระดับความเครียดของผู้สวมใส่ได้

จอใหญ่ ใช้งานง่าย

ในส่วนของการออกแบบ Huawei Band 6 ถือว่าทำมาได้น่าสนใจ กับสมาร์ทแบนด์ที่ให้หน้าจอขนาด 1.47 นิ้ว ความละเอียด 194 x 368 พิกเซล โดยหน้าจอมีสัดส่วนเมื่อเทียบกับตัวเครื่องถึง 64% วางจำหน่ายด้วยกัน 3 สีคือ ดำ Graphite Black เขียว Forest Green และ ชมพู Sakura Pink

น้ำหนักเฉพาะตัวเรือนประมาณ 18 กรัม โดยมีขนาดตัวเรือนที่ 43 x 25.4 x 10.99 มิลลิเมตร ในส่วนของสายซิลิโคนที่ให้มาจะมีขนาด 13-21 เซนติเมตร ถือว่ารองรับการใช้งานทั้งผู้ชาย และผู้หญิง ให้สามารถสวมใส่ใช้งานได้

หน้าจอที่ให้มาเป็น AMOLED ที่รองรับการสัมผัสในการสั่งงาน และมีปุ่มเรียกเมนูเพิ่มทางด้านขวาของตัวเครื่อง ด้านหลังเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ภายในให้แบตเตอรี 180 mAh สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 14 วัน และมีระบบชาร์จเร็ว 5 นาที ใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 วัน ชาร์จเต็มในเวลาประมาณ 65 นาที

ความน่าสนใจของ Huawei Band 6 อีกอย่างคือผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้เพิ่มเติม เพียงแต่ต้องเชื่อมต่อกับ Huawei Health บนสมาร์ทโฟน ถึงจะสามารถดาวน์โหลด และเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ (iOS โหลดได้เฉพาะหน้าปัดฟรี)

จะได้เห็นว่าในการใช้งาน Huawei Band 6 ร่วมกับ iOS บนแอปพลิเคชัน Huawei Health จะมีฟังก์ชันในการใช้งานได้น้อยกว่าใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ หรือ มือถือของหัวเว่ย เอง อย่างฟีเจอร์ในการใช้เป็นเครื่องมือควบคุมการเล่นเพลง หรือเป็นชัตเตอร์กล้องจะหายไป ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ iOS ได้

สรุป

ถ้าใครเป็นผู้ที่ใช้งาน Android แล้วกำลังมองหาสมาร์ทแบนด์ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายๆ สามารถตรวจวัดเกี่ยวกับสุขภาพ อย่างอัตราการเต้นของหัวใจ วัดค่าออกซิเจนในเลือด และตรวจจับการออกกำลังกายได้ Huawei Band 6 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจเวลานี้

เนื่องจากในช่วงเปิดตัวมีการทำโปรโมชันให้สั่งจองล่วงหน้าในราคา 1,499 บาท จะได้รับสายซิลิโคนเพิ่ม 1 เส้น ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 5 พฤษภาคม ก่อนที่จะวางจำหน่ายในราคาปกติ 1,899 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์ และหน้าร้าน Huawei High-End Experience Store ที่สยามพารากอน เท่านั้น

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น