หัวเว่ย (Huawei) หันมาให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ในกลุ่มหูฟังบลูทูธมากยิ่งขึ้น หลังจากเริ่มประสบความสำเร็จในการออกหูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนอย่าง FreeBuds 3 ในช่วงปีที่ผ่านมา
มาในปีนี้ Huawei อัปเดตไลน์ผลิตภัณฑ์หูฟังเพิ่มเติม อย่าง FreeBuds Pro และอีกรุ่นที่น่าสนใจคือ Huawei FreeLace Pro รุ่นนี้ เนื่องจากเป็นหูฟังไร้สายแบบคล้องคอ ไว้ใส่ใช้งานในชีวิตประจำวัน แบบไม่ต้องกลัวหลุดหายเหมือนหูฟัง True Wireless
จุดเด่นของ FreeLace Pro คือมากับระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation แบบแยกไมโครโฟน 2 ตัว พร้อมนำอัลกอริธึมมาช่วยลดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 24 ชั่วโมง ในราคา 2,990 บาท
หูฟังคล้องคอ ตัดเสียงรบกวนได้
ความโดดเด่นของ Huawei FreeLace Pro นอกจากเรื่องของสีสันที่มีให้เลือกทั้งสีเขียว สีดำ และสีขาว (อมชมพู) แล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของการสวมใส่สบาย แม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบ In-Ears ก็ตาม แต่ด้วยการที่เวลาสวมใส่ไม่ต้องระมัดระวังเหมือนตอนสวมหูฟัง True Wireless เพราะมีสายคล้องคอมาช่วยป้องกันการหล่นหายได้ด้วย
อีกความสามารถที่ขาดไม่ได้เลยคือ เรื่องของการตัดเสียงรบกวนที่ FreeLace Pro ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการที่ Huawei มีประสบการณ์ในการผลิตหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling มาก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้การตัดเสียงรบกวนในรุ่นนี้ทำได้ดียิ่งขึ้น
หลักการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนของ FreeLacnce Pro คือการนำไมโครโฟนคู่มาใช้งาน โดยเมื่อสวมใส่แล้วจะมีไมโครโฟนตัวหนึ่งที่อยู่นอกหู คอยตรวจจับเสียงรบกวนต่างๆ มาหักลบกับเสียงจากไมโครโฟนภายในรูหู จึงทำให้การตัดเสียงรบกวนของ FreeLace Pro ทำได้อย่างน่าสนใจ
ขณะเดียวกัน FreeLace Pro ยังมากับไดรเวอร์ของหูฟังขนาด 14 มิลลิเมตร ที่ใหญ่กว่าหูฟังแบบ True Wireless ทั่วไปในท้องตลาด จึงทำให้สามารถขับเสียงได้ดีกว่า โดยเฉพาะเสียงเบส ดังนั้นใครที่ชื่นชอบเสียงเบสหนักๆ หน่อยน่าจะชื่นชอบหูฟังรุ่นนี้เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ในการใช้งาน FreeLace Pro ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรใช้งานคู่กับแอปพลิเคชัน AI Life ที่ผู้ใช้งาน Android สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งใช้งานได้จาก PlayStore หรือถ้าใช้งานสมาร์ทโฟนหัวเว่ย ก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งจาก Huawei App Gallery ได้เช่นเดียวกัน
ภายในแอปพลิเคชัน AI Life หลังจากทำการเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับสมาร์ทโฟนแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกปรับโหมดการใช้งานระหว่างเปิดระบบตัดเสียงรบกวน ANC หรือเล่นเปิดใช้งานโหมด Awareness เพื่อรับฟังเสียงจากรอบข้างได้ ซึ่งถ้าใช้งานหูฟังอยู่ ก็สามารถแตะที่หูฟังเพื่อรับฟังเสียงจากภายนอกได้ทันทีเช่นเดียวกัน
วิธีการเชื่อมต่อกลายเป็นอีกจุดที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหัวเว่ย คู่กับ FreeLace Pro จะได้เปรียบมากกว่า เพราะหูฟังรุ่นนี้ มากับฟีเจอร์อย่าง HiPair ที่ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อพอร์ต USB-C ที่หูฟังเข้ากับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย เพื่อทำการเชื่อมต่อได้ง่ายๆ ภายในคลิกเดียว
แต่ถ้าใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ รวมถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ จะต้องเปิดโหมด Paring ที่ตัวหูฟังด้วยการกดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้ให้เข้าสู่โหมด Pairing ก่อนทำการจับคู่กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ตามปกติ เหมือนการเชื่อมต่อบลูทูธทั่วๆ ไป
ควบคุมได้ครบ โดยไม่ต้องสั่งผ่านสมาร์ทโฟน
ด้วยการที่ Huawei FreeLace Pro เป็นหูฟังบลูทูธแบบคล้องคอ ทำให้หัวเว่ย มีพื้นที่ในการเพิ่มปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆ มาให้ด้วย โดยจะแบ่งเป็น 2 จุดหลักๆ ด้วยกันคือ บริเวณสายหูฟังด้านขวา จะมีแถบควบคุมอยู่ ผู้ใช้สามารถกดปุ่มด้านข้าง เพื่อเปิด–ปิดเครื่อง / กดค้าง 4 วินาที เพื่อเข้าโหมดจับคู่ (Pairing) และที่เพิ่มขึ้นมาคือ กดปุ่มนี้ 2 ครั้ง เพื่อสลับการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ก่อนหน้า
การที่มีฟีเจอร์ให้สามารถกดปุ่มเพื่อสลับการเชื่อมต่อได้นั้น ช่วยให้ผู้ที่มีอุปกรณ์พกพาหลายเครื่อง สามารถสลับการเชื่อมต่อหูฟังระหว่างอุปกรณ์ได้สะดวกขึ้น ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่ใช้งานทั้งสมาร์ทโฟน ร่วมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือแท็บเล็ต ในเวลาที่ใช้งานกับหน้าจอใหญ่ๆ แล้วมีการฟังเพลง หรือดูหนังอยู่ ถ้ามีสายเข้าที่โทรศัพท์ ก็สามารถกดสลับมาสนทนาผ่านหูฟังได้ทันที
ฟีเจอร์นี้ จึงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของการที่ FreeLace Pro รองรับการเชื่อมต่อทีละ 1 อุปกรณ์ไปได้ เพราะตามปกติแล้วเวลาต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ผู้ใช้จำเป็นต้องไปยกเลิกการเชื่อมต่อบนสมาร์ทโฟนก่อนกดเชื่อมต่อในอุปกรณ์ใหม่ ปุ่มสลับเครื่องนี้จึงมาช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น
ต่อมาคือปุ่มควบคุมพื้นฐาน อย่างปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่มฟังก์ชัน ที่สามารถกดค้างเพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว หรือปฏิเสธสาย กด 1 ครั้งเพื่อ เล่นเพลง หยุดเพลง รับสาย วางสาย กด 2 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป และกด 3 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงก่อนหน้า
อีกจุดหนึ่งก็คือบริเวณหูฟังด้านซ้ายที่สามารถแตะค้างเพื่อสลับโหมดการใช้งานระหว่างเปิด ANC โหมด Awareness และ ปิดการตัดเสียงรบกวนได้ จะเห็นได้ว่าในการควบคุมหูฟังนั้น สามารถทำได้ครบจากหูฟังทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ เลย
ออกแบบมาเหมาะกับการออกกำลังกาย
ถ้าถามว่า FreeLace Pro เหมาะกับใครมากที่สุด คงหนีไม่พ้นผู้ที่ต้องการหูฟังบลูทูธ สำหรับใช้ใส่ออกกำลังกาย ที่ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าหูฟัง True Wireless ที่ใส่อยู่จะหลุดหล่นหายระหว่างออกกำลังหรือไม่ และอีกกลุ่มก็คือผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ ชอบเดินทาง พกพาหูฟังรุ่นนี้ไปใช้งานระหว่างวันได้ตลอดทุกที่ ทุกเวลา เพราะกันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IP55
โดยหูฟัง FreeLace Pro นั้น จะมีลักษณะเป็นหูฟังบลูทูธที่เส้นเดียว มีความยาว 862.4 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 34 กรัม มีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือ ดำ Graphite Black เขียว Spruce Green และ ขาว Dawn White ที่มีความพิเศษคือหูฟังจะไม่พันกันเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่วางทิ้งไว้หูฟังจะคลายตัวออกมาเป็นทรงพร้อมคล้องคอโดดอัตโนมัติ
นอกจากนี้ บริเวณปลายหูฟังทั้ง 2 ฝั่ง จะมีแม่เหล็กอยู่ ทำให้เวลาเราถอดหูฟังออกจากหู และปล่อยลงมาคล้องคอ บริเวณปลายหูฟังก็จะเชื่อมต่อติดกันด้วยแม่เหล็ก (Magnetic Snap) ซึ่งเมื่อติดกันแล้วจะเข้าสู่โหมดพักการใช้งานเครื่องโดยอัตโนมัติเพื่อประหยัดแบตเตอรีด้วย
Huawei FreeLace Pro รองรับการเชื่อมต่อแบบบลูทูธ 5.0 และมีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ที่จะซ่อนอยู่บริเวณสายหูฟังทางฝั่งซ้าย ทำให้เวลาต้องการเสียบชาร์จ หรือเชื่อมต่อแบบ HiPair ต้องถอดบริเวณขั้วชาร์จออกมา ซึ่งแน่นอนว่าต้องดูในเรื่องของความคงทนของยางที่ซีลบริเวณขอบของส่วนนี้ด้วย เพราะเวลาใช้ไปนานๆ ถ้ามีการถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ ซีลยางอาจจะเสื่อมได้
แบตเตอรี ภายในของหูฟังรุ่นนี้จะอยู่ที่ 150 mAh โดยทางหัวเว่ย ระบุว่า สามารถเปิดใช้งานในโหมดปิดการตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 24 ชั่วโมง และถ้าเปิดใช้งานโหมด ANC จะอยู่ที่ราว 16 ชั่วโมง ส่วนระยะเวลาในการชาร์จจะอยู่ที่ราว 60 นาที แต่ทั้งนี้ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหัวเว่ย ในโหมด HiPair จะสามารถชาร์จแบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง ในเวลา 5 นาที
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องของ FreeLace Pro นั้น ประกอบไปด้วย Ear Tips หรือจุกหูฟังให้เลือกเพิ่มอีก 2 ขนาด รวมเป็นทั้งหมด 3 ขนาด มีสายแปลงพอร์ต USB-C ไปเป็น USB-A เพื่อใช้งานร่วมกับอะเดปเตอร์ชาร์จมือถือ และคู่มือการใช้งานต่างๆ
สรุป
Huawei FreeLace Pro นับว่าเป็นหูฟังแบบบลูทูธคล้องคอที่มีฟีเจอร์ในการใช้งานที่น่าสนใจ ทั้งระบบการตัดเสียงรบกวน และฟีเจอร์สลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เพียงแต่ว่าด้วยการที่ปัจจุบันหูฟังแบบ True Wireless ได้รับความนิยมมาก เพราะพกพาใช้งานได้สะดวกกว่า ทำให้อาจจะต้องเลือกตัดสินใจว่า ต้องการหูฟังรูปแบบไหนมาใช้งาน
ขณะเดียวกัน ด้วยระดับราคา 2,990 บาท คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคา แต่ถ้าใครที่ต้องการหูฟังที่ให้รายละเอียดเสียงได้ครบ หรือคุณภาพเสียงดีจริงๆ ก็อาจจะต้องมองข้ามรุ่นนี้ไปหาหูฟังระดับไฮเอนด์แทน ซึ่งถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องเสียงขนาดนั้น และต้องการหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนได้ดี FreeLace Pro ตอบโจทย์อย่างแน่นอน