ในแบรนด์หัวเว่ย Mate ซีรีส์ จะเป็นสมาร์ทโฟนในระดับไฮเอนด์ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ สเปกแรง พร้อมกับการอัดฟีเจอร์พิเศษเข้ามาให้ลูกค้าใช้งาน เทียบเคียงได้กับซีรีส์อย่าง Note ในซัมซุง หรือ iPhone รุ่นที่มี Plus ตามหลัง เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ต้องการเครื่องประสิทธิภาพสูงหน้าจอใหญ่
โดย Mate 8 จะมีจุดเด่นในแง่ของดีไซน์ตัวเครื่องที่ใช้วัสดุอะลูมิเนียม ที่ให้สัมผัสแตกต่างจากแบรนด์จีนอื่นๆ พร้อมหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ที่ใส่ฟีเจอร์อัดเต็มมาไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ กล้องถ่ายภาพความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และจุดแข่งของหัวเว่ยในแง่ของการเชื่อมต่อระบบ 4G ในระดับราคา 23,900 บาท
การออกแบบ
ตัว Mate 8 ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Metallic Unibody ที่สร้างความแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆในท้องตลาดได้พอสมควร มีความเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนที่ใช้ในสมาร์ทโฟนหัวเว่ยรุ่นหลังๆ โดยมีขนาดรอบตัวเครื่องที่ 80.6 x 157.1 x 7.9 มิลลิเมตร นำ้หนัก 185 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือสีทอง (Champange Gold) และสีน้ำตาล (Mocha Brown)
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ ทำให้ขนาดของตัวเครื่องใหญ่ตามไปด้วย จึงทำให้กรณีที่ผู้ชายพกใช้งาน อาจจะลำบากเล็กน้อย เพราะไม่สามารถใส่กระเป๋ากางเกงได้พอดี ตัวเครื่องจะยื่นออกมาเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีกระเป๋าถือ ก็เก็บใส่กระเป๋าได้สบาย
ด้านหน้า – ไล่จากส่วนบนก็จะเป็นช่องลำโพงสนทนาที่วางพาดอยู่ตรงกึ่งกลาง โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F/2.4 และเซ็นเซอร์ ถัดลงมาเป็นหน้าจอ 6 นิ้ว ความละเอียด FullHD (1920 x 1080 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 368ppi และมีสัญลักษณ์แบรนด์ Huawei อยู่ล่างหน้าจอ
โดยขนาดหน้าจอคิดเป็นสัดส่วนถึง 85% ของตัวเครื่อง ด้วยการทำให้ขอบจอเสมอไปกับตัวเครื่อง ส่งผลให้เวลาจับถือบางขณะจะเป็นการสัมผัสที่ริมจอทันที แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ เพราะทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงจากขอบจอด้วยการทำเทคโนโลยีการออกแบบ 2.5D Diamond Cut Glass มากับกระจกแผ่นหน้าที่ครอบไปทั้งแผ่น
ด้านหลัง – ที่เด่นชัดที่สุดคือกล้อง 16 ล้านพิกเซล ที่มีขอบนูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันตัวเลนส์ไปในตัว โดยมีไฟแฟลชแบบ Dual LED อยู่ข้างๆ ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่จะอยู่ตรงกับนิ้วชี้เวลาจับถือเครื่องพอดี ส่วนล่างก็จะมีสัญลักษณ์หัวเว่ย และแถบแสดงมาตรฐานต่างๆ ตัวเครื่องไม่สามารถถอดฝาหลังได้ ภายในบรรจุแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh เอาไว้
ด้านซ้าย – จะมีรูไว้ให้จิ้มนำถาดใส่ซิมการ์ดออกมา โดยถาดใส่ซิมจะเป็นแนวยาว สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ นาโนซิมการ์ด ทั้ง 2 ช่องเพื่อใช้งานแบบ 2 ซิม หรือเลือกใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ ด้านขวา – เป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด–ปิดเครื่อง
ด้านบน – มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟน ด้านล่าง – จะมีช่องเสียบสายไมโครยูเอสบี โดยมีการทำลายเป็นช่องหูฟังขนาบทั้ง 2 ฝั่ง เพียงแต่เสียงจะออกจากทางฝั่งขวาเท่านั้น โดยมีรูน็อตขนาบข้างอีกครั้งหนึ่ง
อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องของ Mate 8 นอกจากตัวเครื่องแล้ว จะมีหูฟัง สายยูเอสบี อะเดปเตอร์แบบ QuickCharge Smart Case และคู่มือการใช้งาน มาในกล่องที่ทำออกมาได้หรูหราสมกับการที่วางให้เป็นเครื่องระดับพรีเมียมของหัวเว่ย
สเปก
สำหรับสเปกภายในของ Mate 8 จะมากับหน่วยประมวลผล Kirin 950 ที่เป็น Octa-Core 2.5GHz / 1.8 GHz ใช้กราฟิกของ Mali-T880MP4 อัด RAM มา 4 GB พร้อมหน่วยความจำในตัวเครื่อง 64 GB ที่สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้อีก ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0 (Marshmallow)
ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 3G และ 4G ทุกคลื่นที่ให้บริการในไทย สามารถใช้งานเป็น 2 ซิมได้ ถ้าเปลี่ยนช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดเป็นใส่นาโนซิมใช้งานแทน สำหรับไวไฟรองรับบนมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac ที่รองรับทั้ง 2.4G/5G บลูทูธ 4.2 GPS NFC วิทยุFM
ฟีเจอร์เด่น
อินเตอร์เฟสการใช้งานของ Mate 8 ถูกพัฒนาขึ้นบน Emotion UI (EMUI 4.0) ที่ทำงานบนแอนดรอยด์ 6.0 ที่เน้นถึงความง่ายในการใช้งานเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ง่าย จึงไม่มีการทำหน้าเมนูรวมแอปขึ้นมา แต่ใช้การแสดงผลบนหน้าจอหลักไปเลย รวมถึงมีการปรับโทนสีของแอปให้เข้ากับสีตัวเครื่อง
ผู้ใช้สามารถกดที่หน้าจอค้างเพื่อเข้าไปเลือกเปลี่ยนภาพพื้นหลัง ใส่วิตเจ็ต เปลี่ยนรูปแบบการหมุมระหว่างหน้าจอ รวมถึงการตั้งค่าเพิ่มเติมอย่าง ระยะช่องบนหน้าจอ จัดระเบียบแอปอัตโนมัติ เขย่าหน้าจอเพื่อจัดเรียงแอป การหมุนหน้าจอให้วนกลับมาได้
ในส่วนของแถบการแจ้งเตือน จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือรายการแจ้งเตือน วันเวลา โดยมีปุ่มถังขยะให้กดล้างออก ตามปเดตใหม่บนแอนดรอยด์ 6.0 กับอีกส่วนคือการตั้งค่าลัด ที่มีปุ่มมาให้เลือกใช้ 6 การตั้งค่า โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกสลับการตั้งค่าที่ใช้งานบ่อยๆเพิ่มเติมได้อย่าง ไฟฉาย จีพีเอส โหมดห้ามรบกวน การบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอเป็นต้น
ด้วยการที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ ทำให้ใช้งานด้วยมือข้างเดียวไม่ถนัด Mate 8 ก็มีการใส่โหมดใช้งานมือเดียว ด้วยการใช้นิ้วรูดที่แถบคำสั่งบริกเวณขอบล่าง ถ้าลากจากซ้ายไปขวา จะย่อหน้าจอไว้ที่มุมขวาล่าง ถ้าลากจากขวาไปซ้ายจะย่อไว้ที่มุมซ้ายล่าง และออกจากโหมดหน้าจอขนาดเล็กด้วยการสัมผัสบริเวณพื้นดำด้านนอกหน้าจอที่แสดงผล
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปเลือกเปลี่ยนรูปแบบปุ่มนำทาง การควบคุมตัวเครื่องด้วยการเคลื่อนไหวขณะมีสายเรียกเข้าอย่างการพลิกหน้าจอเพื่อปิดเสียง ยกขึ้นเพื่อลดระดับเสียง รับสายอัตโนมัติเมื่อแนบหู การเอียงหน้าจอขณะย้ายไอค่อนแอปเพื่อเปลี่ยนหน้า
รวมถึงโหมดพิเศษจากการใช้ข้อนิ้ว ในการเคาะหรือลากบนหน้าจอ โดยใช้การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อจับภาพหน้าจอ การใช้ 2 ข้อเคาะหน้าจอเพื่อบันทึกวิดีโอหน้าจอ (Screen Cast) วาดตัว O เพื่อจับภาพหน้าจอเฉพาะส่วน วาดตัว S เพื่อจับภาพหน้าจอแบบเลื่อนหน้า และยังมีการใช้นิ้วลากจากซ้ายไปขวาตรงกลางหน้าจอเพื่อแบ่งครึ่งหน้าจอใช้งานด้วย
อีกโหมดที่หัวเว่ย ทำการบ้านมาค่อนข้างดีคือเรื่องของ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่มีพัฒนานอกเหนือจากเรื่องของความแม่นยำแล้ว การที่สามารถใช้นิ้วสัมผัสบริเวณเซ็นเซอร์เพื่อเปิดหน้าจอแทน โดยไม่ต้องปลุกเครื่องขึ้นมาก่อนก็ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยลดการกดปุ่มเปิด–ปิดเครื่องเพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานปุ่มให้นาขึ้นได้ด้วย ที่สำคัญคือไม่ได้ทำให้แบตเตอรีหมดเร็วขึ้นแต่อย่างไร
เพียงแต่ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานร่วมกับรูปแบบการปลดล็อกด้วยการกรอกรหัสเท่านั้น ถึงจะเปิดใช้งานสแกนลายนิ้วมือได้ ถ้าเปลี่ยนรูปแบบการปลกล็อกเป็นใช้การลาก Pattern จะไม่สามารถใช้งานปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้ เพราะต้องใช้งานควบคู่กับรหัสตัวเลข
ตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ยังถูกนำมาใช้แทนชัตเตอร์กล้องในโหมดถ่ายภาพได้ ด้วยการสัมผัสที่เซ็นเซอร์ค้างไว้ในการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ กรณีที่มีสายเข้าก็สายแตะที่เซ็นเซอร์เพื่อรับสายได้ รวมถึงในโหมดรักษาความปลอดภัยอย่างการล็อกแอปพลิเคชัน และโหมดเข้ารหัสไฟล์ในการเก็บข้อมูล
ในแง่ของการเชื่อมต่อ จากการที่หัวเว่ยถือเป็นผู้นำในแง่อุปกรณ์เน็ตเวิร์ก จึงได้มีการเพิ่มระบบอย่าง Link+ ที่ภายในจะมี Wi-Fi+ ที่จะสลับการใช้งานดาต้า ระหว่าง Wi-Fi และผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ได้ความเร็วในการใช้งานที่ดีขึ้น แต่ก็แลกกับค่าใช้จ่ายดาต้าที่อาจจะเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงระบบที่จะจำพิกัดเพื่อการเชื่อมต่อ Wi-Fi อัตโนมัติด้วย อีกส่วนคือ Signal+ ที่จะมีการปรับระดับการจับสัญญาณโทรศัพท์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด
โหมดการใช้งานโทรศัพท์ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ทำให้ปุ่มกดตัวเลขมีขนาดใหญ่ มาพร้อมระบบคาดเดารายชื่อจากตัวเลข และตัวอักษร เมื่อเข้าสู่หน้าจอสนทนา จะมีแสดงชื่อ เบอร์ และปุ่มลัดเรียกใช้งานปฏิทิน พักสาย จดบันทึก เพิ่มสาย ปิดเสียง เรียกดูรายชื่อ เปิดลำโพง และเรียกปุ่มกด ขณะที่หน้าจอสายเรียกเข้าจะใช้การลากเพื่อรับสาย ตัดสาย เลือกส่งข้อความกลับได้ตามปกติ
ในจุดนี้ หัวเว่ยมีการพัฒนาในส่วนของการใช้งานลำโพงสนทนา ร่วมกับระบบไมค์รับเสียงที่มีอยู่ 3 จุดรอบเครื่อง คือที่ด้านบน 1 ตัว และล่าง 2 ตัว เพื่อให้สามารถรับเสียงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเลือกเป็นลำโพงแบบระบุทิศทางตามเสียงพูด หรือลำโพงแบบรอบทิศทาง แน่นอนว่าระบบดังกล่าวนำไปใช้กับระบบบันทึกเสียงด้วย
ต่อเนื่องจากไมโครโฟน ก็มาถึงระบบมัลติมีเดียที่ให้มาในเครื่อง ในส่วนของเครื่องเล่นเพลง หน้าหลักจะให้ผู้ใช้เลือกดูเพลงในเครื่อง รายการโปร รายการเพลง และเพลงที่เล่นล่าสุด เมื่อเลือกเล่นเพลงแล้วจะเข้าสู่หน้าปุ่มควบคุม ในหน้านี้สามารถสลับการแสดงผลปกอัลบั้ม เนื้อเพลงได้ ส่วนของการตั้งค่าผู้ใช้สามารถตั้งตัวกรองเพลงว่า ถ้ามีไฟล์เสียงที่มีความยาวต่ำกว่ากี่วินาที กี่นาที ไม่ต้องรวมเข้ามาได้
ถัดมาคือในแง่ของเครื่องเล่นวิดีโอ ตัวเครื่องมีระบบปรับความเร็วในการเล่นไฟล์ได้ตั้งแต่ 0.5 – 1.5 เท่า นอกจากนี้ ยังมีโหมดล็อกหน้าจอด้วยการกดที่ปุ่มเครื่องหมายล็อกทางฝั่งซ้าย เพื่อให้เวลาสัมผัสโดยหน้าจอจะไม่แสดงแถบเครื่องมือขึ้นมาบังการรับชม
การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ เป็นอีกพื้นฐานที่น่าสนใจ เพราะด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันถ้าต้องการจับภาพหน้าจอก็สามารถใช้ฟังก์ชันอย่างการวาดตัว S บนหน้าจอเพื่อจับภาพแบบเลื่อนหน้าจอได้ด้วย
กล้อง ถือเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจใน Mate 8 เพราะมีการปรับอินเตอร์เฟสการใช้งานใหม่ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับโหมดการถ่ายภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ ภาพแบบ Time Labs รวมถึงภาพบิวตี้โหมด และถ่ายภาพแบบเปิดชัตเตอร์ยาวนานขึ้นได้ ด้วยการปาดซ้าย–ขวาเพื่อเปลี่ยนโหมด พร้อมกับการแสดงเอฟเฟกต์สีให้เลือกใช้
หรือจะกดเข้าไปเลือกโหมดถ่ายภาพเพิ่มเติมอย่างพาโนราม่า โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดถ่ายภาพชดเชยแสง รวมถึงโหมดให้ตั้งค่ากล้องเอง คือเลือกทั้ง ISO สปีดชัตเตอร์ ค่าชดเชยแสง โหมดโฟกัส สมดุลแสงขาว โหมดใส่ลายน้ำในภาพ โหมดถ่ายภาพเอกสารให้เลือกใช้
ในส่วนของการตั้งค่าก็จะมีให้เลือกความละเอียดภาพ ระบบระบุพิกัดในการถ่ายภาพ พื้นที่จัดเก็บ การตั้งเวลาถ่ายภาพ ระบบควบคุมเสียง (สั่งถ่ายภาพด้วยเสียง) การจับรอยยิ้ม ติดตามวัตถุ ขณะที่การบันทึกภาพวิดีโอทำได้สูงสุดที่ Full HD 60fps ส่วน Time Labs จะอยู่ที่ HD
พวกนี้ถือเป็นฟังก์ชันการใช้งานหลักๆที่ให้มาใน Mate 8 แต่ก็จะมีเครื่องมือในการใช้งานให้เลือกใช้เพิ่มเติมอีกไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีมที่ใช้งาน ตัวจัดการไฟล์ ระบบเคลียความจำเครื่อง เพื่อล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น รวมถึงฟังก์ชันอย่างโหมดไฟฉาย บันทึกเสียง กระจก วิทยุFM เข็มทิศ การสำรองข้อมูลต่างๆ ที่จะรวมกันอยู่ในโฟลเดอร์เครื่องมือ
สุดท้ายในส่วนของการตั้งค่า หัวเว่ย มีการจัดเรียงการตั้งค่าใหม่ ด้วยการนำการตั้งค่าที่ใช้งานบ่อยๆขึ้นมาไว้ในหน้าแรก อย่างการจัดการการเชื่อมต่อ ตั้งค่าหน้าจอ เสียง การแจ้งเตือน รหัสลายนิ้วมือ การล็อกหน้าจอ ฟังก์ชันอัจฉริยะต่างๆ และบัญชีผู้ใช้มารวมไว้ในหน้าแรก ส่วนการตั้งค่าเครื่องทั่วๆไปจะถูกรวมไว้ในแถบการตั้งค่าขั้นสูงแทน
ทดสอบประสิทธิภาพ
ส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 32,255 คะแนน และ 89,711 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน โดยในส่วนของ Antutu หัวเว่ยถือเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากแอนดรอยด์เว็บวิวได้ 6,345 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 5,345 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 2,988 คะแนน Multicore 3,444 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 1,810 Multi-Core 6,132 คะแนน
ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 12 ชั่วโมง 47 นาที 40 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 7,583 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 6,622 คะแนน 3D Mark ตัว Sling Shot ES3.1 ได้ 879 คะแนน Sling Shot ES3.0 ได้ 1,138 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 18,181 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream และ Ice Storm คะแนนทะลุเพดานไป
ส่วน Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 6,978 คะแนน CPU 230,907 คะแนน Disk 54,991 คะแนน Memory 7,733 คะแนน 2D Graphics 7,023 คะแนน และ 3D Graphics 1,529 คะแนน
สรุป
ถ้ามองที่ราคาเปิดตัวของ Mate 8 ผู้บริโภคหลายรายที่ยังไม่มั่นใจในแบรนด์ของหัวเว่ย อาจจะมองว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ระดับราคาสูงเกินไป แต่เมื่อมีการทำโปรโมชันร่วมกับโอเปอเรเตอร์ในการจำหน่ายพร้อมสมัครแพกเกจ และเซ็นสัญญาใช้บริการล่วงหน้า ทำให้ราคาเครื่องลดลงมาต่ำกว่า 2 หมื่นบาท Mate 8 จึงกลายเป็นรุ่นที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
ความสามารถโดยรวมของ Mate 8 ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักเพราะมีฟีเจอร์ในการใช้งานให้ลูกค้าครบถ้วน ทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไป ที่มีฟังก์ชันลัดต่างๆมาให้ใช้งาน ใช้เพื่อทำงาน และใช้เพื่อความบันเทิง จากหน้าจอขนาดใหญ่ รวมถึงใช้ไปกับไลฟ์สไตล์ทั่วๆไป ที่สำคัญคือเรื่องของระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องที่ใช้ 1 วันสบายๆ ไม่มีแบตหมดก่อนแน่นอน