Jabra (จาบร้า) ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตหูฟังไร้สายจากเดนมาร์ก ซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยยังเป็นหูฟังบลูทูธสำหรับใช้สนทนาโทรศัพท์ จนปัจจุบัน Jabra แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาจับกลุ่มที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพที่กำลังอยู่ในกระแสตอนนี้
โดย “Jabra Elite Sport” เป็นหูฟังไร้สายในกลุ่ม Wireless sport headphones ตัวใหม่ล่าสุดที่นอกจากขนาดที่เล็กกว่าหูฟังไร้สายทุกรุ่นในกลุ่มแล้ว เรื่องของเสียงและฟีเจอร์เพื่อคนรักสุขภาพก็จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์เลยทีเดียว
การออกแบบและสเปก
Jabra Elite Sport เป็นหูฟังไร้สายแบบ in-ear ใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณบลูทูธ 4.1 รองรับทั้ง iOS และ Android
โดยตัวหูฟังจะถูกเก็บอยู่ในกล่องที่เป็นทั้งกล่องใส่และที่ชาร์จแบตเตอรี หูฟังสามารถใช้งานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง เมื่อไฟหมดสามารถนำมาใส่กล่องเพื่อชาร์จไฟได้มากสุด 2 ครั้ง หรือคิดเป็นเวลาใช้งานทั้งหมดประมาณ 6 ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องนำกล่องไปเชื่อมต่อกับสาย MicroUSB เพื่อชาร์จไฟจากภายนอก (ไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จไฟมาให้ แต่สามารถใช้ร่วมกับอแดปเตอร์สมาร์ทโฟน, Power Bank, หรือเชื่อมต่อโดยตรงกับคอมพิวเตอร์ก็ได้)
มาดูตัวหูฟัง มองภาพรวมจะเหมือนกับ Apple AirPods ทั้งรูปแบบการใช้งานและแนวคิดการออกแบบ เพียงแต่ Jabra Elite Sport จะเน้นจับกลุ่มคนออกกำลังกายเป็นหลัก ทำให้วัสดุครอบตัวหูฟังทั้งหมดจะผลิตจากยาง ป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IP67 สามารถลงน้ำลึก 1 เมตรได้
นอกจากนั้นตัวหูฟังยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ภายในมากมาย เริ่มตั้งแต่ Tri-axis accelerometer รองรับการตรวจจับการเคลื่อนไหว (TrackFit Motion) สำหรับการวิ่งหรือเดินออกกำลังกาย
in-ear heart rate monitor หรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดหัวใจ ก็ได้ถูกติดตั้งมากับตัวหูฟังเพื่อใช้ตรวจวัดชีพจรระหว่างออกกำลังกายด้วยเช่นกัน
มาถึงส่วนหูฟัง Earbuds (EarGels) และ EarWings สามารถเปลี่ยนได้ 3 ขนาด S/M/L มีให้เลือกทั้งเป็นซิลิโคนและโฟม ส่วนสเปกด้านเสียงจะมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Passive noise cancelation ด้วย
ส่วนไมโครโฟนรับเสียงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ นอกจากมาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน (Advanced noise cancellation technology) จาบร้ายังได้ใส่ฟังก์ชันพิเศษ “HearThrough” มาให้ด้วย
HearThrough จะเป็นการแก้ปัญหาหูฟัง in-ear ที่เมื่อใส่ฟังเพลงวิ่งบนถนน ผู้ใช้มักไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งอยู่ข้างหลังหรือสัญญาณเตือนต่างๆ แต่เมื่อเราเปิดใช้โหมดนี้ ไมโครโฟนจะรับเสียงรอบตัวเข้ามาที่หูฟัง ทำให้เราได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมขณะสวมใส่หูฟังได้
การเชื่อมต่อและใช้งาน
การเชื่อมต่อ Jabra Elite Sport สามารถทำผ่านบลูทูธได้ตามปกติ โดยเมื่อเชื่อมต่อเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับ iOS จะแสดงสถานะแบตเตอรีทั้งบนแถบสถานะด้านบนและในส่วน Battery บน Notifications แบบเดียวกับ Apple AirPods
ส่วนการใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน “Jabra Sport Life” (มีให้ดาวน์โหลดบน iOS และ Android) เพิ่มเติม
โดยภายในแอปฯ Jabra Sport Life จะเน้นเรื่องการใช้เซ็นเซอร์จากหูฟังตรวจจับการออกกำลังกาย ตั้งแต่วัดอัตราการเต้นของหัวใจพร้อมบอกโซน VO2 Max สามารถตั้งโปรแกรมออกกำลังกาย ตรวจจับการวิ่ง บอกระยะทางแคลอรี่ที่เผาผลาญไปได้
และที่สำคัญ Jabra Sport Life ยังมาพร้อม Real Time audio coaching โดยระบบจะพูดบอกระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เราไม่ต้องคอยดูหน้าจอโทรศัพท์ขณะออกกำลังกาย
ส่วนปุ่มคำสั่งที่ตัวหูฟัง (ใช้การกดลงไป) เริ่มจากหูซ้ายจะเป็นปุ่ม +/- เพิ่มลดระดับเสียง หูขวา ปุ่มบนเป็น Sport Button
โดยกด 1 ครั้งจะเรียกแอปฯ Jabra Sport Life
กดค้างไว้ จะเป็นการเริ่มออกกำลังกาย (Workout) และระหว่างโหมด Workout ทำงานกดค้างไว้ 1 วินาทีจะเป็นการหยุดชั่วคราวและกดค้างไว้อีก 1 วินาทีจะเป็นการเริ่ม Workout ต่อ
ส่วนการควบคุมการเล่นเพลง รับและวางสายโทรศัพท์สามารถกดปุ่มคำสั่งด้านล่าง (วงกลม) ส่วนการเล่นเพลงถัดไปหรือก่อนหน้า ต้องกดปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงค้างไว้ 1 วินาที และสุดท้ายการเปิดปิดโหมด Hearthrough ให้กดปุ่มวงกลม (หูขวา) 2 ครั้งติดกัน
ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป
การทดสอบประสิทธิภาพเรื่องเสียง ถ้าเทียบกับ Apple AirPods ที่มีราคาใกล้ๆกันและรูปแบบใช้งานไม่ต่างกัน (Jabra Elite Sport ราคา 9,700 บาท AirPods ราคา 6,900 บาท) ต้องกล่าวว่าคุณภาพเสียงที่ได้ใกล้เคียงกันมาก (คุณภาพเสียงกลางๆไม่ได้เด่นไปทางใดทางหนึ่ง) แต่ AirPods จะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า Jabra Elite Sport นอกนั้นแทบไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด
ด้านการสวมใส่ทำได้กระชับดี แต่เรื่องน้ำหนักและความสบายเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน ถือว่าทำได้กลางๆเท่านั้น ยิ่งเมื่อเทียบกับ AirPods ที่ขึ้นชื่อเรื่อเบามากแล้ว Elite Sport จะใส่แล้วอึดอัดกว่า อีกทั้งแบตเตอรีของตัวหูฟังสำหรับใช้งานต่อเนื่องทำได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ในส่วนฟังก์ชัน HearThrough ถือว่าทำได้ดี คุณสามารถฟังเสียงสภาพแวดล้อมพร้อมกับฟังเพลงได้ และถือเป็นฟังก์ชันเด่นที่ควรเปิดใช้เมื่อคุณอยากวิ่งออกกำลังกายบนท้องถนน เพราะระบบนี้ช่วยให้คุณได้ยินเสียงรอบตัวทั้งหมด
สุดท้ายเรื่องการใช้งาน สำหรับ Jabra Elite Sport เกิดมาเพื่อเป็นหูฟังไร้สายสำหรับคนชอบออกกำลังกายอย่างมาก เพราะนอกจากไม่มีสายไฟให้เกะกะคอและมาพร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆมากมายแล้ว เรื่องการใช้งานแบบลุยน้ำ ลุยฝนรวมทั้งเหงื่อก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม พร้อมประกัน 3 ปีด้วย