หลังจากทีมงานไซเบอร์บิซได้ลงบทความรีวิวสัมผัสแรก Nikon 1 J5 ไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพร้อมเสียงตอบรับจากผู้อ่านว่าอยากเห็นคุณภาพไฟล์จากสภาพแวดล้อมต่างๆรวมถึงคุณภาพการจัดการสัญญาณรบกวนในแต่ละช่วงค่าแสง (ISO) เพิ่มมากขึ้น วันนี้ทางนิคอน ประเทศไทย ได้จัดส่งกล้อง Nikon 1 J5 มาให้ทีมงานได้ทดสอบแบบเจาะลึกกันอีกครั้ง
โดยก่อนรับชมรีวิวนี่กรุณาอ่านบททดสอบตอนแรกกันก่อนเพื่อความเข้าใจและรู้จัก Nikon 1 J5 เพิ่มมากขึ้น >แรกจับประทับใจ Nikon 1 J5<
สเปก
Nikon 1 J5 จัดอยู่ในกลุ่ม ACIL มิร์เรอร์เลสของนิคอน ที่ในครั้งนี้นิคอนคิดใหม่ทำใหม่พยายามให้ J5 มีความลงตัวตั้งแต่ด้านการออกแบบให้มีขนาดเล็กพร้อมดีไซน์ย้อนยุคโดนใจคนทุกเพศทุกวัยด้วยน้ำหนักเพียง 265 กรัม คิทเลนส์ 10-30 f3.5-5.6 VR ถูกออกแบบมายืดหดเก็บตัวเองเมื่อไม่ใช่งานได้แบบเดียวกับดิจิตอลคอมแพกต์ทั่วไปเพื่อสะดวกต่อการพกพาอีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์แปลงใส่เลนส์ Nikon DSLR ได้ด้วย
นอกจากนั้นในส่วนหน้าจอขนาด 3 นิ้วยังให้เป็นแบบสัมผัสและเป็นลักษณะ Tiltable พับเปลี่ยนหน้าจอเปลี่ยนองศาการรับชมได้
มาถึงส่วนสำคัญกับเรื่องหน่วยประมวลผลภาพที่นิคอนเปลี่ยนไปใช้ EXPEED 5A เซนเซอร์รับภาพ CMOS CX-Format รองรับความละเอียดภาพสูงสุด 20.8 ล้านพิกเซล วิดีโอความละเอียดสูง 1,920×1,080 พิกเซล 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการถ่ายภาพความเร็วสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ชัตเตอร์เร็วสุดตั้งได้ 1/16,000 วินาที ช้าสุด 30 วินาที ความไวแสง ISO มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 160-12,800 และออโต้โฟกัสที่มาพร้อมพื้นที่จับโฟกัสมากถึง 41 จุด ส่วนโฟกัสแบบจุดเดียว สามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้มากถึง 171 จุด
และสุดท้าย J5 ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน WiFi และ NFC กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพ
เริ่มจากสิ่งที่หลายคนอยากรู้มากที่สุดก็คือการทดสอบ ISO เมื่อตอนที่ 1 ผม เป๋า @dorapenguin ชมอย่างออกหน้าออกตาว่าครั้งนี้นิคอนทำได้ดีมาก หลังจากที่ผมได้รับ Nikon 1 J5 กลับมาทดสอบอีกครั้งด้วยรูปแบบการทดสอบเดิมของเรา ผมขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือกล้องในตระกูล 1 ที่สามารถจัดการเรื่องสัญญาณรบกวน (Noise) ได้ดีที่สุดตั้งแต่เคยทดสอบมาและถือเป็นครั้งแรกที่นิคอนทำให้กล้องตระกูล 1 สามารถใช้งานได้สนุกและปราดเปรียวขึ้นมาก
จุดที่น่าสนใจอีกส่วนในเรื่อง ISO ก็คือ HIGH ISO Zone 12,800 ที่นิคอนเลือกใส่ช่วง ISO พิเศษมาก็คือ ISO 12,800 with Noise Reduction (์NR) ที่ระบบจะช่วยจัดการลบสัญญาณรบกวนออกให้ด้วยซอฟต์แวร์ภายในกล้อง เท่ากับว่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปคุณสามารถเลือกใช้ ISO ได้ทุกช่วงแสงจริงๆโดยไม่ต้องกังวลว่าภาพที่ได้จะแตกเละแต่อย่างใด ในขณะที่ผู้ใช้งานมืออาชีพขึ้นมาก็น่าจะพอใจช่วงค่าแสงตั้งแต่ ISO 160-6,400 ที่ EXPEED 5A ให้ผลลัพท์มาได้น่าประทับใจกว่า EXPEED ตัวเก่าที่อยู่ในวันรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด
มาลองทดสอบกับการถ่ายภาพในสถานที่จริงในสภาพแสงน้อย (สองภาพบน ISO 1,600 – ภาพล่าง ISO 6,400) ผมเลือกถ่ายด้วยการดึง ISO ให้สูงและใช้มือถือถ่ายแทนขาตั้งกล้อง โดยตัวเลือกเสริมที่ผมเพิ่มเข้ามาก็คือเปิดใช้งานร่วมกับระบบกันสั่น VR (Vibration Reduction) ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าประทับใจมากกับคุณภาพไฟล์ภาพที่ออกมา รวมถึงสีสัน ระบบวัดแสงและโหมดอัตโนมัติที่ทำได้ถูกต้องและรวดเร็ว
อีกทั้งเมื่อประกบกับหน้าจอแบบสัมผัสเรื่องการจับจุดโฟกัสแบบจิ้มหน้าจอก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น และยิ่งประกบกับขนาดตัวกล้องที่ออกแบบมาได้เล็กจึงไม่เป็นจุดสนใจของผู้คนทั่วไปเมื่อต้องนำไปใช้งานถ่ายภาพท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆอีกด้วย
ทีนี้ลองถ่ายแบบ Manual ที่ต้องเน้นการปรับแต่งค่าด้วยตัวเอง ก็ถือว่าใน Nikon 1 J5 การจัดการค่ากล้องต่างๆก็สามารถทำได้ดีเหมือนใช้กล้อง DSLR ตัวใหญ่ รวมถึงจุดเด่นยังอยู่ที่ RAW File ซึ่งเก็บรายละเอียดภาพมาได้ดีเหมือนรุ่นพี่ใหญ่เลขสามหลัก Dxxx รุ่นใหม่มาก
ยกตัวอย่างภาพนี้ผมถ่ายแบบ RAW File ISO 160 f6.3 ชัตเตอร์ 30 วินาที ขนาดไฟล์อยู่ที่ 19.3MB เข้าตกแต่งผ่าน Capture NX-D และ Lightroom ด้วยการดึงฟ้าให้เห็นดาวมากขึ้น นอกนั้นส่วนอื่นเป็นภาพเดิม White Balance ติดกล้องเดิมไม่เปลี่ยนค่าใดๆ ภาพที่ได้ถือว่าทำได้ประทับใจลบความทรงจำแย่ๆที่เคยมีกับกล้องตระกูลวันไปทั้งหมดเลย
Nikon 1 J5 / 1 NIKKOR VR 10-30mm f/3.5-5.6 PD-ZOOM / f5.6 / 1/250s / ISO 400
Nikon 1 J5 / 1 NIKKOR VR 10-30mm f/3.5-5.6 PD-ZOOM / f4.0 / 1/30s / ISO 2,800
Nikon 1 J5 / 1 NIKKOR VR 10-30mm f/3.5-5.6 PD-ZOOM / f7.1 / 1/250s / ISO 220
Nikon 1 J5 / 1 NIKKOR VR 10-30mm f/3.5-5.6 PD-ZOOM / f7.1 / 1/250s / ISO 360
สุดท้ายกับการทดสอบถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติทั้งหมด โดยตั้งค่า ISO Auto ไว้ที่ช่วง 160-12,800 ถือว่าผลลัพท์ที่ได้น่าประทับใจทุกช่วงค่าความไวแสง การประมวลผลภาพและวิเคราะห์เลือกซีนภาพต่างๆทำได้ค่อนข้างดีจนถือเป็นมิรเรอร์เลสที่ถ่ายสนุกมาก
อีกส่วนหนึ่งที่มีการปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นก็คือโหมดวิดีโอสโลโมชันที่มีความคมชัดใช้จริงได้ตั้งแต่ 120-400fps แล้ว ส่วน 1,200fps ยังให้ภาพที่ความละเอียดต่ำเกินไป
นอกจากนั้นโหมดวิดีโอยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้ง Optical VR และ Electronic VR ช่วยให้การถือถ่ายวิดีโอทำได้นิ่งมาก
แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการปรับใหม่ของ Nikon 1 J5 จะไม่มีข้อสังเกตใดๆเลย โดยจากการทดลองใช้งานร่วม 1 อาทิตย์เต็มพบว่าข้อสังเกตหลักจะตกไปอยู่ที่เรื่องแบตเตอรีก้อนเล็กที่หมดเร็วมาก ถ่ายได้ประมาณ 200-240 รูปแบตเตอรีก็หมดแล้ว หรือถ้าใช้ถ่ายวิดีโอและเชื่อมต่อ WiFi หรือถ่ายชัตเตอร์ช้าบ่อยครั้งแบตเตอรีสามารถหมดลงได้เร็วกว่าปกติเป็นเท่าตัว รวมถึงฟีเจอร์ถ่าย 4K ที่ความเร็ว 15 เฟรมต่อวินาทีที่ผมมองว่าเป็นได้แค่ฟีเจอร์ลูกเล่นสนุกๆเท่านั้น ใช้จริงคงไม่เหมาะเท่าใด
สรุป
สำหรับราคาเปิดตัว Nikon 1 J5 พร้อมคิทเลนส์ 1 NIKKOR VR 10-30mm VR f/3.5-5.6 PD-ZOOM อยู่ที่ 21,990 บาท ถือเป็นมิร์เรอร์เลสที่ลงตัวสุดและดีที่สุดของนิคอนแล้ว โดยเฉพาะการถ่ายภาพนิ่งที่ทำได้สนุกเหมาะกับคนชอบเที่ยวชอบเก็บภาพความประทับใจต่างๆ กล้องสามารถจัดการให้คุณได้หมดทั้งแบบโหมดอัตโนมัติหรือปรับตั้งค่าเอง โดยคุณไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับตั้ง ISO เพื่อหลีกเลี่ยง Noise เลยเพราะชิปประมวลผลภาพตัวใหม่สามารถให้ผลลัพท์ภาพที่ดีระดับสามารถดึงไปใช้งานทั่วไป เช่น อัปโหลดภาพลงโซเชียล เว็บไซต์ได้ คนที่เคยบ่นเรื่องเซนเซอร์ CX Format ขนาดเล็กและให้คุณภาพที่ยังไม่ดีลองมาทดสอบใช้ 1 J5 ดูก่อนแล้วคุณจะเปลี่ยนใจทันที