Review : Nokia 8.1 กล้อง Zeiss ไม่ทำให้ผิดหวัง

11192

Nokia 8.1 คือสมาร์ทโฟนเรือธงที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เอชเอ็มดี โกลบอลซื้อแบรนด์ Nokia กลับมาสู่อ้อมอกบ้านเกิด จุดขายหลักของ Nokia 8.1 คือสมรรถนะการทำงานที่รวดเร็ว, กล้องคู่เลนส์ ZEISS ที่ทำงานผสานกับระบบ AI, ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่อัปเดตความปลอดภัยทุกเดือนเป็นเวลา 3 ปี และรับประกันการอัปเดต Android เวอร์ชั่นใหม่อย่างน้อย 2 เวอร์ชั่น ทั้ง 4 จุดขายนี้ถูกนำมารวมกันในเครื่องที่มองแล้วหน้าตาคล้ายรุ่นฮิต Nokia 6.1 Plus

ข้อดี

– ดีไซน์หรู วัสดุดูดี
– ระบบ Android One ลื่นไหล
– แบตเตอรี่อึดทนนาน เหลือ 3% ยังใช้ต่อได้เกิน 1 ชั่วโมง
– กล้องคู่เลนส์ ZEISS ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดี

ข้อสังเกต

– ไม่มีฟีเจอร์ซอฟต์แวร์พิเศษ
– หากไม่ได้ชาร์จกับ adapter ที่ให้มา จะชาร์จได้ช้ามาก

สวยขึ้นนิดเดียว?

ความรู้สึกแรกที่ได้จับ Nokia 8.1 คือหน้าตาที่มองคล้ายกับรุ่นพี่ทั้ง Nokia 6.1 Plus และ Nokia 7 Plus แต่จุดต่างคือความเล็กกว่าของหน้าจอขนาด 6.18 นิ้ว รอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ตัดขอบด้วยสีทองแดงหรือ Copper จนเป็นลูกเล่นที่ดึงดูดสายตาคนชอบความแวววาวได้อยู่หมัด

Nokia 8.1 มีกล้องหน้าความละเอียดสูงติดไว้ด้านบน หน้าจอความละเอียด Full HD+ ฝั่งซ้ายของเครื่องเป็นช่องใส่ซิม และ Micro SD, ฝั่งขวามีปุ่มกดปรับระดับเสียงและเปิดปิดเครื่อง

Nokia 8.1 มาพร้อมพอร์ต USB-C ติดไว้ด้านล่างของเครื่อง วางไว้กึ่งกลางระหว่างลำโพงและไมโครโฟน สำหรับช่องเสียบหูฟังถูกติดไว้ด้านบนแทน ด้านหลังของ Nokia 8.1 มีกระจกเคลือบ ช่วยลดรอยนิ้วมือกวนใจได้ดีมาก กล้องถ่ายภาพเลนส์ Zeiss คู่วางไว้เหนือระบบสแกนลายนิ้วมือ ตามมาด้วยโลโก้ Nokia ที่วางแนวนอน

AI ช่วยให้ฉลาดขึ้น

การเพิ่มระบบ AI ที่ทำให้ Nokia 8.1 ดูฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรวมกับระบบปฏิบัติการ Android Pie พ่วงด้วยฐานะมือถือ Android One ทำให้สิ่งที่สัมผัสได้ชัดบน Nokia 8.1 คือความลื่นไหล ที่สำคัญคือกล้องหลังของ Nokia 8.1 ที่เป็นเลนส์ Zeiss คู่ 13 และ 12 ล้านพิกเซลและทำงานร่วมกับระบบ AI ประมวลผลภาพนั้นช่วยยกระดับการถ่ายภาพบน Nokia 8.1 ได้แบบไม่ต้องอธิบายกันมาก

UI กล้องแบบใหม่บน Nokia 8.1 ถือว่าใช้ง่าย มีระบบ Auto Focus ถ่ายภาพไม่ผิดหวังเพราะมีแฟลช LED Flash Two Tone ภาพเหล่านี้จะยิ่งชัดใสเมื่อแสดงบนหน้าจอ Nokia 8.1 ที่มีฟีเจอร์ Pure Display ผ่านหน้าจอ LTPS LCD ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล

Nokia 8.1 ไม่เพียงถูกใจคอวิดีโอเพราะสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30 FPS แต่ยังถูกใจคอเซลฟี่เพราะกล้องหน้าของ Nokia 8.1 ใช้เลนส์ Zeiss ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่งยังคงมีลูกเล่นเฉพาะของ Nokia อย่าง Bothie เหมือนเดิม

Nokia 8.1 ตอบโจทย์คอเกมได้ด้วยซีพียู Qualcomm Snapdragon 710 หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB พื้นที่เก็บข้อมูล ROM ขนาด 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 512GB รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE (Dual SIM), WiFi 802.11AC, Bluetooth 5.0, GPS และ A-GPS

ผลการทดสอบของ Nokia 8.1 พบว่าพอเชิดหน้าชูตาได้ เช่นเดียวกับการแสดงผลกราฟฟิก


แบตเตอรี่ของ Nokia 8.1 ใหญ่ 3500 mAh ใช้งานทั่วไปได้ตลอดวันแบบไม่ต้องชาร์จ การชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% เป็น 100% ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ผลงานของที่ชาร์จใหญ่ขนาด 18W ซึ่งแปลว่า HMD Global ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีชาร์จไว

ปิดรอยบากไม่ได้

Nokia 8.1 ไม่มีซอฟต์แวร์ซ่อนรอยบากหรือ Notch มากับเครื่อง ผู้ใช้ที่รำคาญตาอาจต้องไปดาวน์โหลดโปรแกรมเพื่อซ่อนรอยบากด้วยตัวเอง ถือเป็นจุดต่างของสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia เทียบกับแอนดรอยด์โฟนค่ายอื่นอย่างเช่น Huawei หรือ Oppo ที่มีซอฟต์แวร์ซ่อนทั้งรอยบากและรอยหยดน้ำบนหน้าจอไร้ขอบของตัวเอง

นอกจากการไม่มีซอฟต์แวร์เสริม อีกจุดที่สัมผัสได้จากการทดสอบ Nokia 8.1 เครื่องนี้คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่ทำงานไม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ การหยิบจับเครื่องเมื่อวางลงยังทำได้ยาก เกิดจากตัว body ของเครื่องที่ลื่น ไม่ถนัดมือ

สรุป

ตัวเครื่องและจอแสดงผลสวยงามทำให้ราคาโปรโมชัน 9,900 บาท จากราคาเต็ม 13,900 บาทถูกมองว่าดีงามมาก โดยเฉพาะการถ่ายรูปในที่แสงน้อยที่ทำได้ดีเหลือเชื่อ

แบตเตอรี่ 3,500 mAh ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะสามารถใช้งานต่อได้แม้ไม่ชาร์จทุกวัน ระบบจะตัดคุณสมบัติบางส่วนออกเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้ยังสามารถใช้งานต่อได้อีกหลายชั่วโมง

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น