Review : Razer Phone 2 ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ

7781

แบรนด์อย่าง Razer ถือว่าเป็นเกมมิ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และการยอมรับอย่างต่อเนื่อง มาจากผู้บริโภคสายเกมที่มีกำลังซื้อ เพราะเชื่อว่าอุปกรณ์คู่มือในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด เมาส์ แม้กระทั่งแผ่นรองเมาส์ Razer ถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ในกลุ่มนี้อยู่แล้ว

ในวันที่ Razer หันมาจับตลาดเกม ก็ไม่แปลกที่จะมีกลุ่มผู้ใช้ที่เฝ้ารอวันที่ Razer Phone จะเข้ามาทำตลาดในไทย จนกระทั่งเอไอเอส มีการจับมือกับทาง Razer นำ Razer Phone 2 เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ในราคา 27,990 บาท

เมื่อดูจากราคา แน่นอนว่า Razer Phone 2 เป็นแฟลกชิปสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ที่ต้องเป็นผู้ใช้งานที่ชื่นชอบ และมีกำลังซื้อถึงจะเลือกหามาใช้งาน เพราะจุดเด่นหลักๆ ของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้คือเรื่องของการออกแบบมาสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ

ข้อดี

หน้าจอ 5.72 นิ้ว ที่แสดงผลระดับ 120 MHz

ประสิทธิภาพตัวเครื่องที่เล่นเกมแรงๆ ได้สบาย

ไฟ Chroma ที่เปลี่ยนสีได้ที่โลโก้ด้านหลัง

รองรับการเชื่อมต่อ 4.5G / Next-G / VoLTE

ข้อสังเกต

คุณภาพของกล้องที่ยังอยู่ระดับกลางๆ

ดีไซน์ตัวเครื่อง ทำให้จับถืออยาก

ใช้งานต่อเนื่องแล้วตัวเครื่องค่อนข้างร้อน

จุดที่โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุดใน Razer Phone 2 คือเรื่องของดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยม ที่ฝาหลังใช้วัสดุเป็นกระจก ซึ่งเพิ่มลูกเล่นด้วยไฟ Chroma ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนสีได้เอง บนตราสัญลักษณ์ของ Razer ทำให้เชื่อว่าฟีเจอร์นี้เป็น 1 ในเรื่องสำคัญที่สุดที่ทำให้ผู้ใช้งานภูมิใจที่ได้ซื้อ Razer Phone 2 มาใช้งาน

เนื่องจากปัจจุบัน การถือใช้งานสมาร์ทโฟน ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ 1 ชิ้นอีกต่อไป แต่กลายเป็นสินค้าแฟชันที่แสดงความเป็นตัวตนของผู้ใช้งานด้วย ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความพรีเมียมของแบรนด์อย่าง Razer ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างตัวตนที่มีเอกลักษณ์ได้ไม่ยาก

กลับมาในแง่ของการดีไซน์ตัวเครื่อง Razer Phone 2 จะมากับการออกแบบสมาร์ทโฟนจอสัมผัสที่เน้นเหลี่ยมมุม ที่ Razer ต้องการทำออกมาให้แตกต่างจากสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆในท้องตลาด เพียงแต่ว่าทำออกมาแล้วตัวเครื่องจะค่อนข้างใหญ่ โดยมีขนาดอยู่ที่ 158.5 x 78.99 x 8.5 มิลลิเมตร นำ้หนัก 220 กรัม

เหตุที่บอกว่าตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ เพราะเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 5.72 นิ้วที่ให้มา Razer Phone 2 จะมีขอบจอเครื่องส่วนบนและล่างที่ค่อนข้างหนา แม้ว่าจะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า และลำโพง ที่ให้เสียงดังมากก็ตาม

เพียงแต่ว่ากที่ที่ขอบจอบน และล่างหนา ก็กลายเป็นจุดที่ดีในการเล่นเกม เพราะเมื่อผู้ใช้งานถือเครื่องในแนวนอน ปัญหาอุ้งมือไปสัมผัสบริเวณมุมเครื่องก็จะไม่เกิดขึ้น ทำให้ช่วยลดความผิดพลาดจากการสัมผัสโดยในจุดนี้ไปได้ด้วย

เทคโนโลยีการแสดงผลที่ Razer Phone 2 ใส่มาให้ใช้งานกันจะมีตั้งแต่หน้าจอ ที่เป็น UltraMotion ที่แสดงผลระดับ 120 MHz เพื่อให้ภาพลื่นไหลมากที่สุด (ผู้ใช้สามารถปรับได้ตั้งแต่ 60 MHz 90 MHz และ 120 MHz) บนความละเอียดหน้าจอระดับ 2K (2560 x 1440 พิกเซล)

หลังเครื่องในส่วนของกล้องต้องยอมรับว่า Razer Phone 2 ทำออกมาไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนราคาเกือบ 3 หมื่นบาท แม้ว่าจะใช้กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล (เลนส์มุมกว้าง f/1.75 เลนส์เทเล f/2.6) ที่มีระบบ Dual PDAF มาช่วยในการโฟกัส ส่วนวิดีโอถ่ายได้สูงสุดที่ระดับ 4K

แต่ภาพที่ถ่ายออกมาอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น แต่เชื่อว่าถ้าในอนาคตมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์มา ก็จะช่วยปรับปรุงคุณภาพกล้องให้ดีขึ้นได้ เพราะด้วยคุณภาพของเลนส์ที่ใช้อยู่ในระดับท็อปอยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับทีม Razer ว่าจะปรับปรุงได้มากแค่ไหน

รอบๆเครื่อง Razer Phone 2 จะมีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนทางฝั่งขวาเป็นปุ่มเปิดเครื่อง ที่ในปุ่มจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ ทำให้เวลาจับถือเครื่องขึ้นมาก็สามารถใช้นิ้วโป้งขวา หรือนิ้วชี้ซ้ายปลดล็อกได้ทันที

ตัวเครื่อง Razer Phone 2 มากับแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh รองรับการชาร์ตแบบไร้สาย รวมถึงเทคโนโลยี QuickCharge 4.0 ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรีได้เร็วขึ้น จากพอร์ต USB-C ที่ให้มา และแน่นอนว่าเมื่อใช้ USB-C Razer Phone 2 ก็ตัดพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ออกไปด้วย แต่ก็ให้ตัวแปลงมาใช้ในกล่อง

Gallery

ปรับสีโลโก้ ลูกเล่นสร้างความต่าง

Chroma กลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Razer Phone 2 ด้วยการนำไฟ LED 16 ล้านสี มาให้ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งค่าไฟแสดงผลบนฝาหลังเครื่องได้ โดยสามารถเข้าไปเลือกปรับการแสดงผลไฟสัญลักษณ์นี้ได้ 3 รูปแบบหลักๆคือ ให้เป็นไฟติดค้างไว้ เป็นไฟสลับสีไปเรื่อยๆ หรือไฟแบบวูบขึ้นลงคล้ายจังหวะการหายใจ

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับความเข้มข้นของไฟสัญลักษณ์ในการแสดงผล ที่มีให้เลือกทั้งแบบประหยัดพลังงาน ไปจนถึงให้ความสว่างสูงสุด การเลือกสีไฟสามารถเลือกผ่านตารางสี หรือจะใส่รหัสสีลงไปก็สามารถทำได้เช่นกัน

หน้าจอลื่น แต่ก็ใช้พลังงานสูง

อีกเรื่องที่ผู้ใช้ควรทำความเข้าใจคือเรื่องของการแสดงผลที่ระดับ 120 MHz ที่จะให้ภาพในระหว่างการดูภาพยนต์ หรือเล่นเกม เนียน และลื่นไหลมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นว่าทำให้ใช้พลังงานเครื่องในการประมวลผลสูงตามไปด้วย

ดังนั้น ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆไป ที่ไม่ได้เล่นเกม หรือต้องการประมวลผลภาพสูงๆ แนะนำให้ปรับความละเอียดลงมาเหลือ 60 MHz ก็จะช่วยยืดระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรีไปได้ด้วย เช่นเดียวกับความละเอียดหน้าจอที่สามารถปรับลงมาอยู่ในระดับ FullHD ได้เช่นกัน

หรือถ้าไม่ได้เล่นเกมที่ต้องใช้ความละเอียดสูงมาก การปรับความละเอียดหน้าจอลงมาก็จะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรีไปได้ในตัวด้วย รวมถึงเรื่องของการระบายความร้อนของตัวเครื่อง เพราะยิ่งเครื่องทำงานหนัก ก็จะเกิดความร้อนมากขึ้น

ที่เหลือคือแอนดรอยด์โฟน

นอกจาก 2 ความสามารถหลักที่สร้างเป็นจุดต่างออกมาแล้ว Razer Phone 2 ก็จะเหมือนแอนดรอยด์โฟนสเปกไฮเอนด์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด เพราะด้วยการที่ทุกอย่างอยู่บนระบบปฏฺิบัติการแอนดรอยด์เหมือนกันหมด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Razer ต้องพิสูจน์คือเรื่องของการอัปเดตเวอร์ชันของแอนดรอยด์ว่า จะอัปขึ้นมาเป็นเวอร์ชันล่าสุดเมื่อไหร่ อย่างปัจจุบันที่เป็น Android 9 Pie แต่ใน Razer Phone 2 ยังมากับ Android 8.0 Oreo อยู่ รวมถึงการอัปเกรดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ส่วนเรื่องของการรับประกัน Razer Phone 2 จะให้ทาง AIS เป็นจุดในการรับเครื่องซ่อมกรณีที่มีปัญหาตามปกติอยู่แล้ว ดังนั้นก็ถือว่ามั่นใจได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับเครื่องที่หิ้วเข้ามาขายก็จะมีความต่างอยู่

ทดสอบประสิทธิภาพ

สมาร์ทโฟนเพื่อสาวก Razer

ที่สุดแล้วเชื่อว่ากลุ่มผู้ใช้งาน Razer Phone 2 จริงๆแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสาวกแบรนด์ Razer ที่มีความมั่นใจในแบรนด์อยู่แล้ว เมื่อ Razer หันมาขายสมาร์ทโฟน และมีตัวแทนนำเข้ามาทำตลาดในไทยก็ยิ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นขึ้น จนสุดท้ายก็จะเป็นการตัดสินใจเลือกซื้อจากประสิทธิภาพเครื่อง และอารมณ์ของผู้ใช้มากกว่า

ส่วนจุดที่ Razer Phone 2 ต้องปรับปรุงแบบด่วนๆ ก็คือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่น่าจะทำได้ดีขึ้นกว่านี้ ถ้ามีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ออกมาในอนาคต ส่วนการใช้งานที่เหลือ Razer สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE