Review : realme 8 5G เมื่อเครื่อง 5G เข้าถึงได้ในราคา 9,999 บาท

5060

การแข่งขันในกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาท ที่รองรับ 5G เริ่มมีให้เห็นชัดเจนขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น realme 8 5G ที่ทำราคาเปิดตัวมา 9,999 บาท ตัวเครื่องรองรับ 5G แบบ Dual Standby และให้หน้าจอมาขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว

ความสามารถของ realme 8 5G ในแง่การใช้งานถือว่าอยู่ระดับกลางๆ เนื่องจากต้นทุนของชิปเซ็ต 5G ที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีการปรับลดสเปกเครื่องบางส่วนลง เพื่อให้ตัวเครื่องรองรับ 5G ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G มาใช้งาน ก็เป็นตัวเลือกระดับเริ่มต้นที่น่าสนใจ

ข้อดี

  • สมาร์ทโฟนขนาดจอ 6.5 นิ้ว Refresh Rate 90 Hz
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual Standby
  • แบตเตอรี 5,000 mAh
  • ราคาเปิดตัว 9,999 บาท

ข้อสังเกต

  • ชิปเซ็ต Dimensity 700 5G จะเน้นที่การเชื่อมต่อ 5G เป็นหลัก การประมวลผลอยู่ในระดับกลางๆ
  • กล้องหลักอยู่ที่ 48 ล้านพิกเซล (รุ่น 4G ได้กล้อง 64 ล้านพิกเซล)
  • รองรับชาร์จเร็ว 18W (รุ่น 4G ได้ Dart Charge 30W)

เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้ 5G เริ่มต้น

ด้วยโพสิชันของ realme 8 ที่ออกวางจำหน่ายพร้อมกันทั้งรุ่น 4G และ 5G ในราคาต่างกัน 1,000 บาท ทำให้ realme 8 5G มีสเปกเครื่องโดยรวมหลายๆ ส่วนต่ำกว่ารุ่น 4G เนื่องจากชิปเซ็ตที่รองรับ 5G ในท้องตลาดเวลานี้ ยังมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ ทำให้ต้องตัดต้นทุนในจุดอื่นออกไป

ดังนั้น Realme 8 5G จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนรองรับ 5G ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อนำส่วนต่างจากค่าเครื่องไปสมัครแพ็กเกจใช้งาน 5G ที่ปัจจุบัน การใช้งาน 5G แบบไม่จำกัดจะอยู่ที่ราวเดือนละ 1,099 บาท จะทำให้ได้ประสบการณ์ใช้งาน 5G ที่ดีที่สุด

เพราะอย่าลืมว่า ในการเลือกซื้อเครื่อง 5G มาใช้งาน นอกจากความเร็วในการเชื่อมต่อโมบายอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ราคาของแพ็กเกจที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากปริมาณในการใช้งาน 5G เมื่อเทียบกับ 4G แล้วจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ต้องคำนวนถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่จะตามมาด้วย

ในกรณีกลับกัน ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งาน 5G ตัวเลือกอย่าง realme 8 4G ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะด้วยสเปกหลายๆ ส่วนที่ดีขึ้นทั้งชิปเซ็ตประมวลผล กล้อง และระบบชาร์จเร็ว ทำให้มีความคุ้มค่ามากกว่า

จุดเด่นของ realme 8 5G

นอกเหนือจากการเชื่อมต่อ 5G แล้ว ในภาพรวมของการใช้งาน realme 8 5G ก็ต้องยอมรับว่า realme ทำการบ้านมาได้ดี ในแง่ของประสบการณ์ใช้งานตัวเครื่องทำได้ลื่นไหล เมื่อใช้งานทั่วๆ ไป ประกอบกับการที่ให้จอมา 6.5 นิ้ว Ultra Smooth Display 90 Hz ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ทำให้การแสดงผลทำได้ดี

ถัดมาในแง่ของขนาดตัวเครื่อง realme 8 5G อยู่ที่ 162.5 x 74.8 x 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 185 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือ Supersonic Blue ที่ชุบอินเดียมไฮกลอส เพิ่มความสว่างเป็นประกายที่ฝาหลัง และอีกสีคือ Supersonic Black 

จะเห็นได้ว่า ตัวเครื่องมากับดีไซน์ที่ค่อนข้างบาง และตัวเครื่องไม่หนักจนเกินไป ทำให้การถือใช้งานทำได้ถนัดมือ แม้ว่าส่วนของฝาหลังจะเป็นเงาๆ ทำให้ติดรอยนิ้วมือได้ง่ายสักหน่อย แต่ถ้าการใช้งานส่วนใหญ่ใส่เคสอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา

ในส่วนของกล้อง realme 8 5G ให้กล้องหลักมาที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8 มาพร้อมเลนส์ขาวดำ ที่มาช่วยตรวจจับแสงเพิ่มเติม และเลนส์มาโคร ให้สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 เซนติเมตร พร้อมไฟแฟลช LED

ส่วนกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่ใต้จอจะให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มี AI Beauty Selfie มาให้ใช้งาน รองรับการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหลัก และกล้องหน้าที่ 1080p / 30 fps เท่านั้น ยังไม่สามารถบันทึกภาพแบบ 4K ได้

ความน่าสนใจอีกอย่างของ realme 8 5G คือสัมผัสที่ได้จากขอบเครื่อง ที่ใช้กระบวนการ Microcrack มาช่วยในการหล่อขอบตัวเครื่อง ให้มีความยืดหยุ่นรองรับแรงจอของกระจกหน้าจอ พร้อมกับการออกแบบป้องกันมุม ช่วยลดความเสี่ยงในการแตกของหน้าจอ

โดยจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ทางฝั่งซ้าย ข้อดีของถาดใส่ซิม realme 8 5G ก็คือสามารถใส่ 2 นาโนซิมการ์ด พร้อมกับไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้เลย ส่วนทางฝั่งขวาจะมีปุ่มเปิดเครื่องพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่

ด้านบนตัวเครื่องจะถูกปล่อยว่างไว้ และมีพอร์ต USB-C ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ไมโครโฟนสนทนา และลำโพงอยู่ที่ขอบด้านล่างเครื่อง โดยภายในกล่องจะไม่ได้แถมหูฟังมาให้ด้วย มีเฉพาะอะเดปเตอร์ชาร์จ 18W กับสาย USB Type-A to USB-C ให้เท่านั้น

สเปก

ในแง่ของสเปกตัวเครื่อง realme 8 5G มากับชิปเซ็ตประมวลผล Dimensity 700 5G ที่เป็น Octa-Core ผลิตบนสถาปัตยกรรมแบบ 7 นาโนเมตร ความเร็ว 2.2 GHz ทำงานคู่กับ GPU Mali-G57 ช่วยให้สามารถประมวลผลภาพได้ลื่นไหล กับจอแสดงผลแบบ 90 Hz ได้เป็นอย่างดี

ตัวเครื่องมากับ RAM 8 GB ROM 128 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 1 TB รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 5 บลูทูธ 5.1 พร้อมระบบระบุพิกัด GPS แบตเตอรี 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W กับอะเดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่อง รวมถึงเคสใส และฟิลม์กันรอย

Realme 8 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย realme UI 2.0 ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้ลื่นไหล และง่ายขึ้น ซึ่งตัวเครื่องจะมีการพรีโหลดแอปฯ มาให้ใช้งานด้วย

ทดสอบใช้งาน

เท่าที่ได้ลองใช้งาน realme 8 5G มาอย่างแรกที่ชื่นชอบคือเรื่องความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G ทำได้เป็นอย่างดี ยิ่งอยู่ในพื้นที่รองรับแล้ว ความเร็วระดับ 400 Mbps ขึ้นไป ถือเป็นเรื่องปกติ ช่วยให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างลื่นไหลมาก

ถัดมาในส่วนของความบันเทิงต้องยอมรับว่าด้วยจอที่ให้มา 6.5 นิ้ว 90 Hz ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ดูหนัง ดูยูทูป ประกอบกับแบตเตอรีที่ให้มา 5,000 mAh ทำให้ใช้งานทั้งวันได้สบายๆ

ขณะที่การเล่นเกม แม้ว่าด้วยสเปกเครื่องที่ไม่ได้สูงมาก ทำให้ปรับการแสดงผลแบบสูงสุดไม่ได้ แต่พอปรับให้เหมาะสม การแสดงผล การเล่นต่างๆ ก็ทำได้ลื่นไหล ภายใน realme 8 5G ยังมีโหมดเล่นเกมโดยเฉพาะมาให้ ที่จะคอยเคลียการใช้ทรัพยากรต่างๆ ของเครื่องเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด

ส่วนกล้องที่ให้มา 48 ล้านพิกเซล ถือว่าทำได้คุ้มกับราคาที่เสียไปแน่นอน โดยเฉพาะการถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ สามารถเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี ส่วนในโหมดถ่ายกลางคืน แม้ว่าจะรับแสงได้มากขึ้น แต่ก็อยู่ในระดับพอใช้งานได้เท่านั้น

สรุป

ด้วยค่าตัวของ realme 8 5G ที่ 9,999 บาท ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ น่าสนใจสำหรับผู้ที่พร้อมจ่ายเงินค่าแพ็กเกจ 5G เพิ่ม เลือกใช้งานแน่นอน และรองรับการใช้งานต่อเนื่อง ในอนาคตได้สบายๆ

แต่ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งาน 5G ทางเลือกอย่าง realme 8 4G จะดูคุ้มค่าในการใช้งานมากกว่า เพราะได้ประสิทธิภาพตัวเครื่องที่ดีกว่าอย่าง การชาร์จแบตที่เร็วกว่า แลกกับขนาดจอที่เล็กลงเหลือ 6.4 นิ้ว และไม่รองรับ 5G แค่นั้นเอง

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น