Review : Samsung Galaxy Buds+ พัฒนาขึ้นรอบด้านในราคาจับต้องได้

2515

เมื่อตลาดหูฟังบลูทธแบบ True Wireless ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่แบรนด์สมาร์ทโฟนต่างหันมาจับตลาดนี้กันหมด แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาหนึ่งในรุ่นที่ได้รับการชื่นชมในเรื่องของคุณภาพเสียงเมื่อเทียบกับราคาก็คือ Samsung Galaxy Buds

พอมาในปีนี้ ซัมซุง เลยถือโอกาสอัปเกรดความสามารถของ Galaxy Buds ออกมาเป็นรุ่นใหม่อย่าง Buds+ ที่ดูภายนอกแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมากๆ แต่จริงๆแล้วข้างในมีการปรับปรุงค่อนข้างเยอะ

ทำให้รวมๆ แล้ว Galaxy Buds+ น่าใช้งานมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และทำให้กลายเป็นหูฟัง True Wireless ในระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทที่น่าสนใจตอนนี้

ข้อดี

  • คุณภาพเสียง ที่ถูกปรับแต่งร่วมกับ AKG
  • รองรับการชาร์จไร้สาย
  • แบตเตอรีใช้งานได้ 11 ชั่วโมง
  • เพิ่มโหมดรับฟังเสียงรอบข้าง

ข้อสังเกต

  • ยังไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกแบบ ANC
  • ใช้ปุ่มสัมผัสในการสั่งงาน ทำให้เวลาถอดใส่ จะโดนปุ่มสั่งงานไปในตัว
  • แม่เหล็กที่เคสหูฟังค่อนข้างอ่อน ต้องระวังเวลาหยิบใส่

พัฒนาให้ Buds+ สมบูรณ์มากขึ้น

ในตอนที่ซัมซุงออก Galaxy Buds รุ่นแรกมา ถือว่าเป็นการต่อยอดมาจาก Gear IconX ด้วยการทำให้ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของซัมซุงง่ายขึ้น ทั้งเรื่องการเชื่อมต่อ และปรับแต่งใช้งาน

พอมาเป็นในรุ่นของ Buds+ สิ่งที่ซัมซุงพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นมา คือเรื่องของคุณภาพเสียง ทั้งจากหูฟัง และเสียงสนทนา ที่ในรุ่นแรกจะมีปัญหาต้องใช้เสียงที่ดังกว่าปกติเวลาสนทนา แต่ใน Buds+ ปัญหานี้ได้ถูกแก้ไขไปแล้ว

ในส่วนของการเชื่อมต่อใช้งานร่วมสมาร์ทโฟนซัมซุง ยังง่ายเหมือนเดิมคือดาวน์โหลด Galaxy Wearable ติดตั้งไว้ หลังจากนั้นเปิดฝา Buds+ ขึ้นมา จะมีหน้าจอ Pop Up ให้เชื่อมต่อได้ทันที

หลังจากนั้นก็เข้าไปใช้งานในแอปเพื่อดูสถานะของแบตเตอรี ที่แสดงผลทั้งหูฟัง และเคสชาร์จ เพิ่มเติมด้วยการเลือกปรับระดับเสียงรอบข้าง ในกรณีที่ใช้งานในพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุด เพราะเป็นหูฟังแบบ In-Ears อาจจะทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างน้อยลง

นอกจากนี้ ก็ยังสามารถเข้าไปปรับตั้ง Equalizer ได้ตามแนวเพลงที่ชื่นชอบ รวมถึงการตั้งค่าการแจ้งเตือน ตั้งค่าการสั่งงานด้วยการแตะ รูปแบบต่างๆ ทั้งการแตะ 1 ครั้งเพื่อเล่นหรือหยุดเพลง 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนแปลง 3 ครั้งเพื่อเล่นเพลงก่อนหน้า

สุดท้ายคือ การแตะค้างเพื่อเลือกใช้คำสั่งพิเศษ อย่างเรียกผู้ช่วยส่วนตัว ปรับโหมดรับเสียงรอบข้าง เพิ่มลดเสียง หรือเรียกใช้งานแอปตามที่ตั้งไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแอปเพลงที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง

การออกแบบ

Samsung Galaxy Buds+ จะมากับรูปทรงเดิมเหมือน Galaxy Buds ทำให้ผู้ที่เคยใช้งานรุ่นเก่า สามารถสลับเคสมาใส่ใช้งานกับรุ่นใหม่ได้ด้วย โดยจุดที่แตกต่างกันคือเรื่องของผิวพลาสติกที่ Buds+ จะเป็นแบบเคลือบเงา ในขณะที่ Buds จะเป็นสีขาวด้าน

สำหรับ Buds+ จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ ขาว ดำ ฟ้า และแดง วางจำหน่ายในราคา 4,990 บาท ตัวเคสรองรับการชาร์จทั้งจากสาย USB-C ที่มีมาให้ภายในกล่อง และยังรองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ซึ่งสามารถใช้ฟีเจอร์ Wireless Power Share จากสมาร์ทโฟนซัมซุงรุ่นที่รองรับก็ได้

ภายในกล่องนอกจากสายชาร์จแล้ว ซัมซุง ยังให้จุกหูฟัง In-Ears มาให้เปลี่ยนทั้งหมด 3 ขนาด พร้อมยางครอบหูฟังเพื่อให้เข้ากับใบหูของผู้ใช้งานแต่ละรายด้วย

สำหรับจุดเปลี่ยนแปลงภายในคือใน Buds+ จะเพิ่มลำโพงไดนามิกระบบเสียง 2 ทาง และวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงเบสแน่นมากขึ้น ส่วนลำโพงทวิตเตอร์จะให้เสียงสูงที่ชัดเจนขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มไมโครโฟนเป็น 3 ตัว ที่อยู่ด้านนอก 2 ตัว เพื่อรับเสียงของผู้ใช้ และตัดเสียงรบกวนภายนอก เพิ่มเติมด้วยไมโครโฟนด้านในที่จะคอยวิเคราะห์เสียงที่ได้ยิน เพื่อแยกเสียงหลักออกมา

ขณะที่แบตเตอรี่ในการใช้งาน สามารถใช้ได้ยาวขึ้นเป็น 11 ชั่วโมง และเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จจะเพิ่มเป็น 22 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จเร็ว ที่ชาร์จไว้ 3 นาที สามารถฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง

สรุป

Samsung Galaxy Buds+ ถือเป็นหูฟังไร้สายรุ่นที่น่าสนใจ และสามารถนำมาใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Galaxy ได้อย่างลงตัว จากแอปพลิเคชันที่รองรับให้ปรับแต่งการใช้งานต่างๆ ได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ซัมซุง ยังไม่ได้นำระบบตัดเสียงรบกวนมาใช้ อาจจะทำให้ผู้ใช้งานบางส่วนที่ต้องการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกมองข้ามรุ่นนี้ไปได้

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE