Review : Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G จับคู่ S Pen เพิ่มความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

3800

จะเห็นได้ว่าการออกสมาร์ทโฟนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาของ Samsung Galaxy S และ Galaxy Note นั้น จะไม่ได้เน้นการนำนวัตกรรมที่มีความหวือหวา หรือแปลกใหม่แบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน มาให้ใช้งาน แต่จะเป็นการพัฒนา และปรับปรุงความสามารถเดิมที่ได้รับความนิยม ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์การนำไปใช้งานเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ใช้

เมื่อซัมซุง นำแนวทางในการฟังเสียงจากผู้ใช้ และนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ออกมา จึงทำให้สมาร์ทโฟนในยุคหลังของ ซัมซุง กลายเป็นตอบโจทย์การใช้งานในทุกมิติ ทั้งเรื่องความบันเทิง การทำงาน ที่รวมถึงการพัฒนาทางด้านความปลอดภัย จนเรียกได้ว่า ถ้ามองหาแอนดรอยด์โฟนสักเครื่องในตลาดเวลานี้ ชื่อของ Samsung Galaxy นั้นมีความน่าเชื่อมากที่สุด

ดังนั้น พอมาถึง Samsung Galaxy Note 20 ซีรีส์ ที่มีการคิดนิยามใหม่ของเครื่องรุ่นนี้ว่าเป็น Power Phone ที่เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ด้วยเหตุผลที่ว่า Note 20 ซีรีส์ นั้น รองรับทั้งการใช้งานทั่วไปในมุมของสมาร์ทโฟน เสริมด้วยความสามารถของ Samsung DeX ที่พัฒนาให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เหมือนพกคอมพิวเตอร์ติดตัวไปทุกที่

ขณะที่ในส่วนของฟีเจอร์หลักอย่างหน้าจอแสดงผลที่ให้ Refresh Rate 120 Hz กล้องถ่ายภาพคุณภาพสูง การรองรับ 5G ลูกเล่นใหม่ๆ ที่ใช้งาน Note 20 Ultra คู่กับปากกา S Pen ที่ควบคุมใช้งานได้หลากหลายขึ้น จึงทำให้ Note 20 ซีรีส์ นั้นมีความสมบูรณ์แบบรอบด้านมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถชื่อใช้ไปได้ยาวๆ อีกหลายปี

ข้อดี

  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.9 นิ้ว 120 Hz
  • S Pen พร้อมฟีเจอร์ใช้งานที่หลากหลายขึ้น
  • กล้องซูม 50 เท่า พร้อมเลเซอร์โฟกัส
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G

ข้อสังเกต

  • ราคาค่อนข้างสูง 4G 38,900 บาท / 5G 42,900 บาท
  • โมดูลกล้องยื่นจากตัวเครื่อง ทำให้ต้องระวังเวลาวางเครื่อง

ทำไม Note 20 Ultra ถึงน่าใช้

หลังจาก Samsung เปิดตัว Galaxy Note 20 ซีรีส์ ออกมา หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เลยคือ Note 20 น่าซื้อมากน้อยแค่ไหน การที่จะตอบคำถามนี้ได้ สิ่งแรกเลยคือการย้อนคำถามกลับไปว่าปัจจุบันใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นอะไรอยู่ โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ที่เดิมใช้งาน Samsung Galaxy อยู่แล้ว ในรุ่นสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้ง S9 Note 9 หรือก่อนหน้านั้น Note 20 ซีรีส์ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

กลับกัน ถ้าใช้งาน S10 Note 10 อยู่ การที่จะเลือกอัปเดตมาเป็น Note 20 ในเวลานี้ ก็อาจจะเร็วเกินไปในแง่ของการใช้งานสมาร์ทโฟน เพราะปัจจุบัน Samsung ได้ทยอยอัปเดตสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าให้เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งล่าสุดภายในงานเปิดตัว Note 20 ซัมซุง ก็ออกมาประกาศแล้วว่าจะได้รับการอัปเดต Android OS ให้ใช้งานอย่างต่ำ 3 ปี นั่นแปลว่าเครื่องรุ่นเดิมที่ใช้งาน ถ้าทำการอัปเดตได้ฟีเจอร์ใหม่ๆ มาใช้ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานได้อยู่แล้ว

ยกเว้นในกรณีที่มองว่า ฟีเจอร์ใหม่ที่มีใน Note 20 นั้นตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า อย่างเรื่องของกล้องที่ถ่ายภาพได้ดีขึ้น วิดีโอรองรับความละเอียด 8K โดยเฉพาะการใช้งาน S Pen ที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และพัฒนาให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น จนถึงการใช้งานฟีเจอร์อย่าง Wireless DeX ที่จะเปลี่ยนโทรทัศน์ที่รองรับระบบ Miracast ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ด และเมาส์บลูทูธได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่ได้มองว่า S Pen นั้นมีความสำคัญมาก การหันไปมองตัวเลือกอย่าง Galaxy S20 Ultra 5G ที่แม้จะเปิดตัวไปในช่วงต้นปี แต่หลายๆ ฟีเจอร์ในการใช้งานโดยรวมนั้น ได้รับการอัปเดตให้ดีขึ้นกว่าสมัยที่เปิดตัวมา ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

ต่อมาคือการเลือกว่า Note 20 หรือ Note 20 Ultra ดีกว่ากัน ในจุดนี้ ถ้ามองในแง่ของสเปก ต้องยอมรับว่า Note 20 Ultra นั้นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่าหลายๆ ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ Note 20 Ultra ให้เป็นจอโค้งที่มีขนาดใหญ่กว่า รองรับการแสดงผล Refresh Rate 120 Hz ที่กลายเป็นมาตรฐานของแฟลกชิปสมาร์ทโฟนในตลาดแล้ว ขณะที่ Note 20 มากับหน้าจอปกติ ให้ Refresh Rate ที่ 90 Hz

ตามมาด้วยความแตกต่างในแง่ของการตอบสนองของ S Pen ที่ Note 20 Ultra ให้การตอบสนองที่เร็วกว่าเพียง 9ms ในขณะที่ Note 20 อยู่ที่ 24ms ส่วนของกล้องหลักเป็นอีกจุดที่แตกต่างกันค่อนข้างเยอะ คือใน Note 20 Ultra จะมากับกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมความสามารถในการซูม 50x ส่วน Note 20 ใช้เลนส์ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซูมได้ 30x และไม่มีเลเซอร์โฟกัส มาช่วยในการโฟกัสวัตถุด้วย

ดังนั้น ถ้าต้องเลือกระหว่าง Note 20 และ Note 20 Ultra รุ่นที่แนะนำให้ใช้ยาวๆ คงหนีไม่พ้น Note 20 Ultra ที่ดูแล้วมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่า Note 20 รุ่นธรรมดานั้นไม่ดี เพราะในมุมของการใช้งาน ถ้าไม่ได้มองว่าจุดที่แตกต่างกันนั้นเป็นประเด็น หรือไม่ได้โฟกัสการใช้งานในจุดเหล่านั้น Note 20 ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร

จุดหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ซัมซุง ในการทำตลาดระหว่าง Note 20 และ Note 20 Ultra เลยคือการเลือกนำสเปกของ 2 รุ่นที่แตกต่างกันออกมา เพราะในความเป็นจริงแล้ว ย่อมมีกลุ่มผู้ใช้งานที่อยากได้เครื่องที่ครบ ในขนาดหน้าจอที่เล็กลงมาให้ถือพกพาง่าย ลดขนาดแบตเตอรีลงมานิดหน่อยตามขนาดหน้าจอ แล้วนำมาวางจำหน่ายในราคาที่ต่างกันเล็กน้อย เชื่อว่าจะได้ใจผู้บริโภคมากกว่านี้

ฟีเจอร์ใหม่ S Pen ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

การพัฒนาของ S Pen บน Galaxy Note นั้น ถือเป็นจุดหนึ่งที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นมาต่อเนื่อง โดยในตอน Note9 ซัมซุงพัฒนาให้ S Pen ให้สามารถควบคุมสั่งงานแบบไร้สายด้วยการกดปุ่ม เพื่อเรียกใช้งานแอปฯ หรือให้ใช้งานเบื้องต้นภายในแอป

พอมาเป็นใน Note10 ได้เพิ่มฟีเจอร์อย่าง Air Action เข้ามาให้ตวัด S Pen เพื่อสั่งงานเครื่องอย่างการสลับกล้องหน้าหลัง เลื่อนรูปในอัลบั้ม เพิ่มลดเสียง ด้วยการกดปุ่มที่ S Pen แล้วตวัดปากกาไปมา พร้อมกับฟีเจอร์อย่างการแปลงลายมือเป็นตัวอักษร

เมื่อมาถึง Note 20 ได้เพิ่มความพิเศษของ S Pen ที่ใช้งานร่วมกับ Samsung Notes อย่างการปรับลายมือที่เขียนเอียงๆ ให้ตรงบรรทัดให้อ่านง่ายเป็นระเบียบ โดยยังคงความสามารถในการแปลงลายมือเป็นตัวอักษรเช่นเดิม

ถัดมาคือฟีเจอร์ในการอัดเสียง และจดโน้ตไปพร้อมกัน จากฟังก์ชัน Audio Bookmark ที่เมื่ออัดเสียง และจดข้อวามไปพร้อมกัน เมื่อกดฟังเสียงที่บันทึกไว้ตัวหนังสือที่เขียนก็จะถูกไฮไลท์ขึ้นมาตามช่วงเวลา เพื่อใช้อ้างอิงเวลาย้อนกลับมาฟัง เพิ่มเติมด้วย Air Action ที่สั่งงานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ตามมาคือการพัฒนาระบบการซิงค์ข้อมูลระหว่าง Samsung Account โดยเฉพาะ Samsung Notes ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลที่จดบันทึกบนสมาร์ทโฟน ไปเปิดใช้งานบนแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ต่อได้ทันที

ขณะเดียวกัน การที่ซัมซุง ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์อย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ใช้สามารถซิงค์ข้อมูลที่บันทึกบน Samsung Notes เข้ากับ OneNote เพื่อใช้งานบนคอมพิวเตอรืได้ด้วย โดยจะเริ่มเปิดให้ใช้งานกันในช่วงปลายปีนี้

ผสมผสานไปกับฟีเจอร์อย่าง Link To Windows ที่จะเชื่อมต่อ Note 20 เข้ากับบัญชีของ Microsoft เพื่อให้สามารถควบคุมสั่งงาน Note 20 ได้จากบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้ทันที

ข้อดีอย่างหนึ่งของการที่ซัมซุงเลือกใช้จอแบบ Adaptive Display ที่ให้ Refresh Rate 120 Hz นั้นส่งผลมาถึงการใช้งาน S Pen ด้วยเช่นกัน คือเวลาใช้ปากกาเขียน จะให้ความรู้สึกลื่นไหลมากขึ้น เมื่อเทียบกับจอแบบปกติ

นอกจากนี้ Samsung ยังได้พัฒนาให้ Note 20 Ultra สามารถใช้งาน Samsung DeX ได้แบบไร้สายแล้ว โดยสามารถเชื่อมต่อเข้าใช้งานกับสมาร์ททีวีที่มีระบบ Miracast เพื่อเปลี่ยนโทรทัศน์ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ใช้งานได้ทันที

จากเดิมที่การใช้งาน Samsung DeX จำเป็นต้องเชื่อมสาย USB-C แปลงเป็น HDMI เชื่อมต่อกับจอภาพ หรือใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้น การเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องนี้เพื่อใช้งานแทนคอมพิวเตอร์ในบางจังหวะนั้นสามารถทำได้อย่างไร้รอยต่อ

ปรับปรุงกล้อง รองรับการถ่ายวิดีโอแบบมืออาชีพ

กล้องถือเป็นอีกจุดที่ Note 20 Ultra ปรับปรุงขึ้นมาจาก Note10 พอสมควร ด้วยการนำกล้อง 3 เลนส์มาให้ใช้งาน ทั้งเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล ให้มุมกว้าง 120 องศา f/2.2 เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล  มาพร้อมระบบโฟกัส PDAF และกันสั่น OIS มุมมอง 79 องศา f/1.8

ต่อด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 20 องศา f/3.0 ที่นำเทคโนโลยี Periscope มาใช้งาน ทำให้สามารถซูมภาพแบบออปติคัลได้ 5 เท่า และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 50 เท่า

ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาของ Note 20 Ultra คือมากับเลเซอร์โฟกัส ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับวัตถุเพื่อทำการโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความสามารถของโหมดถ่ายวิดีโอให้รองรับการใช้ไมค์จากบลูทูธไร้สายได้ด้วย

ส่งผลให้เวลาบันทึกเสียงวิดีโอ จะทำได้จากทั้งตัวเครื่อง และหูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ ช่วยให้คุณภาพเสียงของวิดีโอที่ได้ดีขึ้น พร้อมกับลดเสียงรบกวนไปในตัว เมื่อรวมกับคุณภาพของวิดีโอระดับ 8K 24fps ทำให้ Note 20 Ultra เป็นรุ่นที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ทันที

ในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง เชื่อว่า Note 20 Ultra ไม่เป็นรองใครในตลาดสมาร์ทโฟนเวลานี้ ทั้งการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติที่ให้มิติชัดเจน การถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่มีการเพิ่มโหมดถ่ายภาพกลางคืนนำ AI มาช่วยประมวลผลร่วมกับเลนส์หลักที่รูรับแสงกว้าง

ส่วนของกล้องหน้าจะหันมาใช้เลนส์เดียวเป็น Dual Pixel AF ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซึ่งเจาะรูบนหน้าจอ Infinity-O ซึ่งตัวเลนส์มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เวลาใช้งานนั้นได้ประสบกาณ์ใช้งานที่เต็มจอเช่นเดิม

ความน่าสนใจของกล้องหน้าคือเมื่อเปิดเข้าไปในโหมด Selfie เมื่อกล้องตรวจจับว่าภายในภาพมีหลายใบหน้า กล้องจะปรับมุมมองให้กว้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเก็บภาพใบหน้าได้ครบทุกคน และแน่นอนว่าทำงานร่วมกับ S Pen ในการกดชัตเตอร์ได้ด้วย

Gallery

ภาพรวมตัวเครื่องที่สมบูรณ์แบบขึ้น

ในแง่ของดีไซน์ Note 20 Ultra นั้นถือว่าออกแบบมาให้ความรู้สึกที่เป็นพรีเมียมมากขึ้น ด้วยการที่ซัมซุง นำกระจก Gorilla Glass Victus ที่เป็นรุ่นล่าสุดมาใช้งานทั้งด้านหน้า และหลัง ทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงต่อแรงตกกระแทก และรอยขีดข่วนมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ก็ทำให้สัมผัสที่ได้นั้นดีขึ้นด้วย โดย Note 20 Ultra จะมากับหน้าจอแบบขอบจอโค้งเช่นเดิม แต่มีการปรับองศาให้โค้งมากยิ่งขึ้น ทำให้พื้นที่บริเวณขอบลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ขนาดรวมๆ ของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 164.8 x 77.2 x 8.1 มิลลิเมตร น้ำหนัก 208 กรัม

โดยจอของ Note 20 Ultra จะเป็น edge Quad HD+ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 3088 x 1440 พิกเซล ให้ความละเอียดเม็ดสีถึง 496ppi รองรับการแสดงผล HDR10+ ด้วย ใต้หน้าจอมีการฝั่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้งานด้วย ทำให้ไม่เป็นปัญหากับการปลดล็อกตัวเครื่องแม้ใส่หน้ากากอยู่ในช่วงเวลานี้

รอบๆ ตัวเครื่องจะมีส่วนสำคัญที่บริเวณฝั่งขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง โดยมีช่องใส่ถาดนาโนซิมการ์ด 2 ซิม หรือสลับไปใส่ไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 1 TB อยู่ด้านบน

ส่วนด้านล่างมีการปรับช่องใส่ S Pen ไปใส่ที่มุมซ้ายล่างแทน เนื่องจากมุมขวาที่เดิมเคยเป็นจุดใช้งานนั้น ถูกแทนที่ด้วยโมดูลกล้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานจุดเดิมได้ ที่เหลือก็จะเป็นช่องลำโพง พอร์ต USB-C สำหรับเชื่อมต่อ และเสียบสายชาร์จ

ด้านหลังที่บริเวณมุมบนจะมีชุดเลนส์กล้องที่ยื่นจากตัวเครื่องออกมาพอสมควร ทำให้ตัวเครื่องดูค่อนข้างหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวสัมผัสด้านหลังจะให้ลักษณะเป็นผิวด้านเพื่อลดรอยนิ้วมือเวลาจับใช้งานด้วย

แบตเตอรีที่ให้มาใน Note 20 Ultra อยู่ที่ 4,500 mAh ตัวเครื่องรองรับระบบชาร์จเร็ว Super Fast Charge 25W ชาร์จได้ 50% ภายใน 30 นาที ตัวเครื่องรองรับการชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และแปลงด้านหลังเครื่องเป็นแท่นชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ผ่าน Wireless PowerShare

Samsung Note 20 Ultra 5G มากับหน่วยประมวลผล Samsung Exynos 990 ที่เป็น Octa Core ความเร็ว 2.73 GHz RAM รุ่น 5G จะเป็น 12 GB ROM มีให้เลือกระหว่าง 256 GB และ 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบด้วย One UI 2.5

ด้านการเชื่อมต่อ Note 20 Ultra รองรับการเชื่อมต่อ 5G/4G/3G ในไทย สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมกับการเชื่อมต่อ WiFi 6 ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1.2 Gbps บลูทูธ 5.0 และตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำลึกได้ 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที

สรุป

Samsung Note 20 Ultra กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบการจดบันทึก และเน้นการทำงานร่วมกับ S Pen ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ซัมซุง ได้พัฒนาอีโคซิสเตมส์ ในการซิงค์ข้อมูลใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างน่าสนใจ

ทำให้ปัจจุบันการทำงานที่เริ่มบน Note 20 อาจจะไปจบบนแท็บเล็ต หรือพีซี ได้แบบไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ด้วยการที่ให้สเปกมาสุดทั้งเรื่องการประมวลผล กล้อง และการเชื่อมต่อ ทำให้ Note 20 Ultra ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเวลานี้

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น