Review : Samsung Galaxy Note 7 สเปกแรง สแกนม่านตา ปากกาฉลาด เขียนใต้น้ำได้

27836

headnote7

“Galaxy Note” ถือเป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปจากซัมซุงอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดไม่แพ้กลุ่มไฮเอนด์แฟลกชิปอย่าง Galaxy S โดยในวันนี้ซัมซุงนำ Galaxy Note เดินทางข้ามเลข 6 มาเป็นเลข 7 ด้วยเหตุผล คือ

“ต้องการให้ชื่อสอดคล้องกับแฟลกชิป Galaxy S7 เพื่อลดความสับสนด้านการตลาด และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจที่มาที่ไปของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Galaxy Note ว่าแท้จริงแล้วสเปกเครื่องจะสอดคล้องกับ Galaxy S ที่เปิดตัวก่อน โดยกลุ่ม Galaxy Note จะถูกจัดให้เป็นสมาร์ทโฟนเน้นทำงาน ขีดเขียนได้เพราะมีปากกา S Pen เป็นจุดขายรวมถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์บางตัวจะสดใหม่กว่า”

(ตอนรุ่นที่แล้ว Galaxy Note 5 กับ Galaxy S6 มีหลายคนเข้าใจว่า Note 5 สเปกต่ำกว่าเพราะชื่อรุ่นมาก่อน S6 ทั้งที่จริงแล้วสเปกพื้นฐานเหมือนกัน)

รับชมวิดีโอไฮไลท์เด่นก่อนอ่านบทความรีวิว เพื่อความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้น

การออกแบบ

IMG_6082

IMG_6084

ซัมซุงยกดีไซน์ของ Galaxy S7 edge มาไว้บน Galaxy Note 7 ทั้งหมด ตั้งแต่หน้าจอ Super AMOLED แบบขอบโค้งทั้งสองด้าน (Dual edge Screen) ที่ซัมซุงปรับเรื่องความโค้งของขอบจอให้จับถนัดและกระชับมือกว่า Galaxy S7 edge อีกทั้งถ้ามองหน้าจอในแนวตรงจะพบว่า การออกแบบขอบจอใหม่ทำให้มองดูภาพจากจอ Note 7 เหมือนไร้ขอบเลยทีเดียว

IMG_6085

สำหรับสเปกจอภาพ ซัมซุงเลือกใช้ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด Quad HD 2K (2,560×1,440 พิกเซล) ความหนาแน่นพิกเซลต่อตารางนิ้วสูงถึง 518 ppi ส่วนกระจกจอด้านหน้าทั้งหมดเป็น Corning Gorilla Glass 5 ตัวใหม่ล่าสุด กันการตกกระแทกที่ความสูงระดับ 1.6 เมตร

ด้านขนาดตัวเครื่องกว้างxยาว อยู่ที่ 73.9×153.5 มิลลิเมตร หนา 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 169 กรัม

IMG_6081

ด้านบนเหนือจอภาพขึ้นไปปกติจะเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง RGB Light Sensor, Hall Sensor แต่ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงเพิ่มกล้องตรวจจับม่านตา (Iris Scanner) ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ IR LED เข้ามาด้วย (อธิบายหลักการทำงานในส่วนต่อไป)

ส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหน้าหรือ Selfie Camera ซัมซุงยกมาจาก Galaxy S7 โดยความละเอียดกล้องหน้าอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f1.7

ใต้จอภาพ – ตรงกลางเป็นที่อยู่ของปุ่มโฮมพร้อมเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือ ซ้ายและขวาเป็นปุ่ม Navigation Buttons พร้อมไฟส่องสว่างตามแบบฉบับของซัมซุง

IMG_6083

ด้านหลังเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 เหมือนด้านหน้าทั้งหมด พร้อมกล้องหลัง Dual Pixel ยกชุดมาจาก Galaxy S7 ตั้งแต่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และรูรับแสงกว้าง f1.7 สามารถถ่ายในที่แสงน้อยให้คุณภาพไม่ต่างกับ Galaxy S7 แต่อย่างใด

ถัดจากกล้องไปด้านขวาจะเป็นส่วนของไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

IMG_6094

IMG_6095

ด้านข้าง – จะเป็นเฟรมโลหะรับกับกระจกโค้งทั้งหน้าและหลังได้อย่างเรียบเนียนเหมือน Galaxy S7 edge โดยด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิดปิดเครื่อง ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียง

IMG_6093

IMG_6113

ด้านบน – ซ้ายของภาพเป็นช่องไมโครโฟน ขวาเป็นช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบนาโน รองรับ Dual Sim โดยช่องใส่ซิมที่ 2 จะแชร์กับช่องใส่ MicroSD Card รองรับความจุสูงสุด 256GB

IMG_6092

ด้านล่าง – เริ่มจากซ้ายเป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ตรงกลางเป็น USB-C ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟน ลำโพงและช่องใส่ปากกา S Pen

IMG_6109

IMG_6112

มาดูรายละเอียดพอร์ต USB-C เพิ่มเติมเล็กน้อย เนื่องจากเป็นพอร์ตเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด ซัมซุงจึงได้แถมอะแดปเตอร์แปลงพอร์ตมาให้ 2 แบบได้แก่ แบบที่ 1 แปลงจาก USB Type A เป็น USB-C และแบบที่ 2 แปลงจาก MicroUSB ยอดนิยมเป็น USB-C เพราะฉะนั้นถ้าเรามีอุปกรณ์เชื่อมต่อ USB แบบเก่า เช่น แฟลชไดร์ฟ จอยเกม ฯลฯ ก็ยังสามารถใช้ร่วมกับ Galaxy Note 7 ได้เช่นเดิม

IMG_6111

ในส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จไฟยังคงเป็นมาตรฐาน Adaptive Fast Charging 9V 1.67A เช่นเดิม สามารถชาร์จไฟจาก 0% ถึง 100% ในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง

IMG_6099

IMG_6100

มาถึงรายละเอียดของปากกา S Pen ตัวใหม่กันบ้าง จุดเด่นที่ชัดเจนสุดคงอยู่ที่หัวปากกาที่ปรับให้เล็กกว่า 0.7 มิลลิเมตร ทำให้การเขียนลื่นไหลขึ้นมาก อีกทั้งปัญหาการใส่ปากกาเข้าช่องใส่แบบกลับด้านแล้วทำให้ปากกาติดอยู่ในช่องจนล็อกแตก ซัมซุงได้แก้ปัญหาแล้วใน Galaxy Note 7

waterresis

สุดท้ายทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาในส่วนการออกแบบ เชื่อว่าทุกคนต้องถูกใจฟีเจอร์นี้มากที่สุด ก็คือ “ฟีเจอร์กันน้ำ กันฝุ่นตามาตรฐาน IP68 (ลงสระน้ำได้ลึก 1.5 เมตร นานเป็นเวลา 30 นาที)” แบบเดียวกับ Galaxy S7 แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ตัวเครื่องที่กันน้ำกันฝุ่นได้เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงปากกาก็กันน้ำ กันฝุ่นและที่สำคัญสามารถใช้ปากกาเมื่ออยู่ในน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น วาดรูป เขียนข้อความหรือใช้ปากกาควบคุมตัวเครื่องแทนการสัมผัสหน้าจอ ก็สามารถทำได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย

สเปก

spec-note7

storage-note7

มาต่อกันที่เรื่องสเปกเครื่องกันบ้าง สำหรับโมเดลขายในประเทศไทยจะใช้ซีพียู Exynos 8890 Octa core 64 บิต โดย 4 คอร์แรกจะมีความเร็วอยู่ที่ 2.60GHz ส่วน 4 คอร์หลังมีความเร็ว 1.59GHz แรมให้มา 4GB (LPDDR4) รอมหรือหน่วยเก็บข้อมูลในตัวเครื่องจะเริ่มต้นที่ 64GB (UFS 2.0) เหลือพื้นที่ให้ใช้จริงประมาณ 52GB แบตเตอรีให้มา 3,500mAh รองรับ Wireless Charging และระบบปฏิบัติการจากโรงงานเป็น Android 6.0.1 (Marshmallow) รองรับการอัปเดตเป็น Android 7.0 (Nougat) ในอนาคตแน่นอน

ด้านสเปกการเชื่อมต่อเครือข่าย 3G/4G LTE รองรับทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย โดย 4G รองรับ LTE-A ความเร็วสูงสุดถึง Cat.12 อีกทั้งยังรองรับ Carrier Aggregation แบบ 3CA รวมถึงรองรับ VoLTE, WiFi Calling ส่วนการใช้งานซิมแบบ Dual sim ก็ยังรองรับมาตรฐาน Full NetCom 3.0 เต็มรูปแบบด้วย

เรียกได้ว่า Galaxy Note 7 เป็นอีกหนึ่งไฮเอนด์สมาร์ทโฟนที่รองรับทุกเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีในประเทศไทยทั้งหมดตอนนี้ได้อย่างสบายๆ

มาถึงสเปกปลีกย่อยอื่นๆ เริ่มจาก WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac MIMO 2×2 Dual Band 2.4/5GHz, บลูทูธรองรับเวอร์ชัน 4.2 มี NFC และ GPS รองรับทั้ง GLONASS และ Beidou

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์เด่น

home-note7

otherapps-note7

move-apps

ระยะหลังตั้งแต่ Galaxy S6 เป็นต้นมาจะเห็นว่าซัมซุงพยายามปรับยูสเซอร์อินเตอร์เฟสให้มีความลื่นไหลและเสถียรมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นที่น่าชื่นชมเป็นอันดับแรกก็คือ การใส่แอปฯจากโรงงานมาให้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น (คล้ายกับ Galaxy S7) ทำให้ระบบปฏิบัติการทำงานได้ลื่นไหลและบริโภคหน่วยความจำน้อยลง โดยใน Galaxy Note 7 หน้าตายูสเซอร์อินเตอร์เฟสมีการปรับปรุงใหม่ให้มีความเบา เรียบง่ายสอดคล้องกับตัวแอนดรอยด์ 6.0 Marshmallow มากขึ้น

powermanage-note7

โดยสิ่งที่เห็นชัดเจนมากที่สุดก็คือระบบจัดการพลังงานใหม่ โดยทุกครั้งที่ผู้ใช้ติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ ตัวจัดการพลังงานภายในจะมีระบบตรวจจับอัตราการบริโภคแบตเตอรีและการทำงานพื้นหลังอัตโนมัติ ถ้าแอปฯตัวใดมีการทำงานที่ผิดปกติ (ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังกดปิดหน้าจอ แอปฯบางตัวอาจทำงานพื้นหลังตลอดเวลา) ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและเราสามารถเข้าไปจัดการกดปิดแอปฯเหล่านั้นได้ทันที

นอกจากนั้นทางซัมซุงยังได้พัฒนาส่วนของซอฟต์แวร์จัดการพลังงานของตนเองเพื่อใช้ร่วมกับตัวระบบปฏิบัติการหลักด้วย โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้เล่นเกมหรือไม่จำเป็นต้องใช้การประมวลผลซีพียูที่สูงตลอดเวลา ก็สามารถเข้าไปกดเปิด Power saving mode เพื่อลดความละเอียดหน้าจอและจำกัดการทำงานของซีพียูได้ด้วย

IMG_6069

securitylock-irises

Iris scanner – มาดูฟีเจอร์ใหม่ครั้งแรกของซัมซุงกับระบบปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนม่านตา โดยการทำงานระบบจะเปิดกล้อง Iris พร้อมปล่อยแสงอินฟาเรดสีแดงมาที่ตาของเรา (ให้ภาพคล้าย Night Vision) โดยเราต้องขยับดวงตาทั้งสองข้างให้ตรงกับกรอบวงกลมทั้งสอง โดยเมื่อระบบอ่านม่านตาเราและตรงกับที่ใส่ข้อมูลไว้ในเครื่อง หน้าจอจะปลดล็อกทันที

ข้อควรปฏิบัติสำหรับระบบสแกนม่านตาใน Galaxy Note 7

– ระบบสแกนม่านตาไม่รองรับดวงตาที่ใส่คอนแทคเลนส์แบบสีหรือมีลวดลายต่างๆ
– ระยะสแกนม่านตาที่เหมาะสมอยู่ที่ 25-35 เซนติเมตร หลีกเลี่ยงการใช้งานกลางแสงแดดที่จ้าเกินไป และสมาร์ทโฟนต้องอยู่นิ่งๆ
– สแกนม่านตารองรับการสแกนผ่านแว่นกันแดดได้
– การตั้งระบบสแกนม่านตาครั้งแรกเพื่อลงทะเบียนเข้าในระบบ สำหรับคนที่ใส่แว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์สายตาต้องถอดออกก่อน โดยเมื่อระบบลงทะเบียนม่านตาเราแล้ว การใช้งานปกติสามารถใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์สายตาเพื่อปลดล็อกได้

securitylock

– การสแกนม่านตาเพื่อปลดล็อกหน้าจออาจทำได้ไม่สะดวกถ้าผู้ใช้เดินอยู่ เพราะฉะนั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดแนะนำให้ตั้ง Screen lock type แบบอื่นร่วมด้วย เช่น ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ รหัสผ่าน เป็นต้น

IMG_6106

spen1-note7

S Pen – มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เริ่มจาก Magnify หรือแว่นขยาย โดยผู้ใช้สามารถนำปากกาลอยเหนือหน้าจอจะมีกรอบแว่นขยายภาพปรากฏขึ้น โดยผู้ใช้สามารถตั้งอัตราขยายได้ตั้งแต่ 100%-300%

spen2-note7

S Pen Translate – เมื่อเลือกฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้สามารถถือปากกาลอยเหนือทุกข้อความ ทุกตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจอ จากนั้นระบบจะเชื่อมต่อกับ Google Translate และแปลข้อความให้พร้อมทั้งยังสามารถสั่งให้อ่านออกเสียงให้เราฟังได้ด้วย (รองรับภาษาหลากหลายรวมถึง อังกฤษเป็นไทย)

หรือถ้าต้องการค้นหาคำศัพท์แบบละเอียดมากขึ้น ก็สามารถกดปุ่มที่ปากกาค้างไว้และป้ายคำศัพท์ที่ต้องการหาความหมาย จากนั้นกด Dictionary ได้ทันที

gif-notespen

S Pen GIF Animation – ใน Smart select ทางซัมซุงได้เพิ่มฟีเจอร์สร้าง GIF Animation ด้วยปากกา S Pen มาให้ด้วย โดยผู้ใช้สามารถสร้าง GIF จากภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในหน้าจอทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถกำหนดขนาดของ GIF ที่ต้องการได้ด้วยการลาก S Pen (ตัวอย่างการใช้งาน : https://youtu.be/Tck0mNgFwlo?t=3m12s)

new-note-ss

spen3-note7

Samsung Notes – เป็นซอฟต์แวร์สำหรับขีดเขียน จดข้อความตัวใหม่จากซัมซุงที่ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะในโหมดวาดภาพด้วยสีน้ำที่ครั้งนี้ระบบจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถผสมสีได้เหมือนการวาดลงบนกระดาษจริง ยกตัวอย่างเช่น เราระบายสีดำลงไปจากนั้นเราเลือกสีส้มแล้วระบายทับสีดำ สีทั้งสองจะรวมกันและได้เป็นโทนสีใหม่

ส่วนระบบจดข้อความส่วนนี้จะมีการรวมกับเครื่องบันทึกเสียงไว้ด้วย อีกทั้งแป้นคีย์บอร์ดยังรองรับการแปลงจากลายมือเขียนเป็นตัวพิมพ์ให้เช่นเดียวกับ Note รุ่นก่อนด้วย

secure-folder

Secure Folder – เป็นฟีเจอร์ในกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล Samsung Knox ตัวใหม่ล่าสุดที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Galaxy Note 7 สามารถเก็บภาพ ข้อความแบบส่วนตัวได้เหมือนกับเรามี Note 7 อีกหนึ่งเครื่องที่ได้รับการเข้ารหัสด้วยสแกนม่านตาหรือรหัสผ่านไว้

โดยแอปฯ (สามารถเพิ่มได้ตามต้องการ)และโฟลเดอร์ทั้งหมดที่ปรากฏให้ส่วนของ Secure Folder จะถูกแยกการทำงานจากแอปฯและโฟลเดอร์ที่ปรากฏในหน้าหลัก โดยแอปฯที่ต้องมีการล็อกอิน สามารถแยกใช้งานคนละ ID ระหว่างหน้าหลักกับ Secure Folder ได้เหมือนเรามีสมาร์ทโฟน 2 เครื่อง

ยกตัวอย่างเช่น ไลน์ (LINE) ในหน้าหลักเราใช้อีก ID หนึ่ง ใน Secure Folder ก็สามารถล็อกอินอีก ID หนึ่งได้พร้อมกัน หรือแม้แต่การถ่ายรูปจากกล้องใน Secure Folder ภาพที่ได้จะถูกเข้ารหัสและเก็บไว้ภายใน Gallery ของ Secure Folder เท่านั้น Gallery ในหน้าหลักจะไม่มีรูปดังกล่าวปรากฏ (ชมตัวอย่างการใช้งาน https://youtu.be/Tck0mNgFwlo?t=11m44s)

smart-switch-note7

Smart Switch Mobile – เป็นระบบย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่ามา Galaxy Note 7 ที่แต่เดิมต้องทำผ่านสาย USB แต่ใน Galaxy Note 7 สามารถทำผ่านระบบไร้สายได้แล้ว

setup-note7

New Settings – มาถึงฟังก์ชันใหม่ๆในส่วนตั้งค่าระบบ เริ่มจาก Blue light filter เมื่อเปิดหน้าจอจะเป็นสีอมเหลืองเพื่อถนอมสายตา โดยผู้ใช้สามารถตั้งเวลาปิดเปิดได้ ถัดไปเป็น WiFi Sharing ที่ระบบอนุญาตให้ทำ Hotspot จาก WiFi ที่เชื่อมต่อกับเครื่องเราได้แล้ว

IMG_6116

videoenhance

และสุดท้าย Video Enhancer เมื่อเปิดใช้ฟังก์ชันนี้ เวลารับชมวิดีโอจาก YouTube, Video Player หรือ Google Play Movies หน้าจอจะปรับแสง ความคมชัดและความสดใสของเม็ดสีให้เหมาะแก่การใช้รับชมภาพยนตร์อัตโนมัติ

นอกนั้นในส่วนฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ส่วนใหญ่ซัมซุงจะยกชุดมาจาก Galaxy S7 edge ไม่ว่าจะเป็น

IMG_6089

Always-on display – สามารถแสดงนาฬิกาและแจ้งเตือนตลอดเวลาได้โดยไม่กินแบตเตอรี อีกทั้งยังสามารถดึง S Pen ออกมาเขียนที่หน้าจอดำๆได้ทันทีเหมือน Galaxy Note 5

edge-panel-note7

Edge Panel หรือบริเวณขอบจอโค้งด้านขวา ผู้ใช้สามารถนำนิ้วปาดเพื่อเรียกเมนูใช้งานได้ตั้งแต่ Apps edge รวมแอปฯที่ใช้งานบ่อยครั้ง (สามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ) หรือในส่วน Edge Panel ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดปลั๊กอินอำนวยความสะดวกต่างๆมาใช้ได้เหมือนกับ Galaxy S7 edge

gallery-note7

Gallery สามารถปรับแต่งภาพ สเกล ปรับเอียงซ้ายขวาหรือจะใส่กรอบ ใส่ข้อความ รวมถึงเลือกสำรองข้อมูลกับ Samsung Cloud ไปถึงสร้างอัลบั้มรวมเรื่องราวภาพถ่ายก็สามารถทำได้จากส่วนนี้ทั้งหมด

gametools-note7

Game Tools จะเหมือนกับใน Galaxy S7 ก็คือ เวลาเล่นเกมผู้ใช้สามารถกดบันทึกหน้าจอแบบวิดีโอพร้อมถ่ายวิดีโอเซลฟีตัวเองเพื่อทำ Game Cast ไปถึงการปิดแจ้งเตือนไม่ให้รบกวนเวลาเรากำลังเล่นเกมหรือเลือกปรับความละเอียดของเกมให้ต่ำลงเพื่อยืดอายุแบตเตอรีก็สามารถทำได้จากส่วนนี้

กล้องถ่ายภาพ

camera1-note7

camera2-note7

นอกจากสเปกกล้องที่ซัมซุงยกชุดมาจาก Galaxy S7 แล้ว ส่วนของซอฟต์แวร์ก็ไม่ต่างกัน โดยซอฟต์แวร์ควบคุมกล้องนอกจากโหมดอัตโนมัติแล้วยังรองรับ Pro Mode (Manual Mode) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง ชดเชยแสง โฟกัสและสมดุลแสงขาวได้ด้วยตัวเอง พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบ RAW File เช่นเดิม

ส่วนกล้องหน้ามาพร้อม Beauty Mode สามารถปรับแก้รูปหน้า ทำหน้าเนียนได้อย่างละเอียด รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 2K ซึ่งให้คุณภาพที่ลื่นไหลทุกสภาพแสงด้วย

ตัวอย่างวิดีโอจากกล้องหน้า (ถ่ายที่ความละเอียด 2K)

ตัวอย่างภาพนิ่งจากกล้องหน้า f1.7 (5MP)

selfie-note7

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง Dual Pixel 12MP คุณภาพเดียวกับ Galaxy S7

ทดสอบประสิทธิภาพ

bench-note7-1

3DMark

Sling Shot ES 3.1 = 1,900 คะแนน
Sling Shot ES 3.0 = 2,261 คะแนน

PCMark

Work Performance = 4,548 คะแนน
Storage = 4,745 คะแนน

AnTuTu Benchmark = 117,323 คะแนน

Geekbench

Single-Core = 1,885 คะแนน
Multi-Core = 5,684 คะแนน

bench-note7-2

Vellamo

Multicore = 3,265 คะแนน
Metal = 2,005 คะแนน
Chrome Browser = 5,999 คะแนน

PassMark PerformanceTest Mobile

System = 8,166 คะแนน
CPU Tests = 196,267 คะแนน
Disk Tests = 55,458 คะแนน
Memory Tests = 6,416 คะแนน
2D Graphics Tests = 6,310 คะแนน
3D Graphics Tests = 2,162 คะแนน

สรุปในส่วนการทดสอบประสิทธิภาพพบว่า Galaxy Note 7 ทำงานได้ลื่นไหลได้อารมณ์ไม่ต่างจาก Galaxy S7 edge ที่ทีมงานเคยทดสอบไปก่อนหน้า การใช้งานทั่วไปและใช้งานแบบหนักหน่วงรวมถึงการลงน้ำ ใช้งานใต้น้ำ สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ

batterytest-note7

Screen-Shot-2559-08-17-at-5.01.24-PM

ในส่วนการทดสอบแบตเตอรีถ้าเทียบกับ Galaxy S7 edge ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ ฟังก์ชันที่มากกว่าและแบตเตอรีที่ความจุน้อยกว่าเล็กน้อย ทำให้ Note 7 สามารถใช้งานต่อเนื่อง (เปิดหน้าจอตลอดเวลา) อยู่ที่ 11 ชั่วโมง 8 นาที 50 วินาที น้อยกว่า S7 edge เพียงเล็กน้อย

ส่วนเมื่อนำมาคิดหาเวลาใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 16-20 ชั่วโมงเลยทีเดียว (ทดสอบแล้วด้วยการใช้งานเล่นเกม ถ่ายภาพ แชทไลน์ เข้าเฟสบุ๊กตลอดวัน)

สรุป

IMG_6086

ราคาเปิดตัว Samsung Galaxy Note 7 เริ่มต้น 64GB อยู่ที่ 28,900 บาท มี 4 สี ได้แก่ สีทองแพลทตินัม (Gold Platinum) สีเงินไทเทเนี่ยม (Silver Titanium) สีดำออนิกซ์ (Black Onyx) และสีฟ้าโครัล (Blue Coral) เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 9 กันยายนนี้

สำหรับ Galaxy Note 7 ถ้ามองในภาพรวมทั้งหมด แนวทางการพัฒนานอกจากจะอัปเกรดสเปกตามสมัยนิยมแบบเดียวกับ Galaxy S7/S7 edge แล้ว ซัมซุงยังเน้นปรับปรุงจุดขายเดิมให้สมบูรณ์ขึ้น อย่างในตระกูล Note ก็คือปากกาและซอฟต์แวร์เน้นทำงานต่างๆให้มีความเสถียรและใช้งานจริงได้ทุกฟีเจอร์ เช่น ความสามารถกันน้ำกันฝุ่นทั้งตัวสมาร์ทโฟนและปากกา ไปถึงซอฟต์แวร์ภายในที่ถูกออกแบบใหม่หลายส่วน ยกตัวอย่างที่ชัดเจนสุดก็คือ Secure Folder ที่ทำงานบน Samsung Knox เดิม แต่ในรุ่นใหม่สามารถใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนนวัตกรรมใหม่อย่างระบบสแกนม่านตาเพื่อใช้ปลดล็อกหน้าจอ ณ ปัจจุบันทีมงานขอมองเป็นแค่ลูกเล่นเสริมความไฮโซพอเพราะยังต้องได้รับการปรับปรุงเรื่องความเสถียรอีกมาก

ส่วนลูกค้า Galaxy Note รุ่นเก่าที่กำลังคิดจะเปลี่ยนมาเป็น Note 7 ทีมงานขอฟันธงตรงนี้เลยว่า ถ้าไม่ติดเรื่องการเงิน ทีมงานแนะนำให้เปลี่ยนเลยเพราะคุณน่าจะประทับใจกับฟีเจอร์และฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ที่ถึงแม้จะไม่มากมายแต่ก็โดดเด่นใช้งานได้จริงทั้งหมด โดยเฉพาะกล้องถ่ายภาพ ถ้าคุณไม่เคยใช้ Galaxy S7 มาก่อน คุณน่าจะประทับใจกับคุณภาพภาพของกล้องหลังที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อยมากๆ รวมถึงความลื่นไหลและอนาคตของการอัปเดตระบบปฏิบัติการที่ Note 7 จะไปได้ไกลกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งหมด

ข้อดี

– สเปกฮาร์ดแวร์โดดเด่นเหมือน Galaxy S7 edge
– ตัวเครื่องออกแบบดี โดยเฉพาะการจับถือทำได้ดีกว่า Galaxy S7 edge
– ปากกา S Pen ออกแบบใหม่เขียนลื่นไหลขึ้น รวมถึงมีฟีเจอร์ใหม่ โดดเด่นสุดคือ S Pen Translate แปลคำศัพท์ได้
– ทั้งตัวเครื่องและปากกากันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ใช้งานปากกาใต้น้ำแทนการสัมผัสได้
– Secure Folder ทำงานได้น่าประทับใจมาก
– การจัดการพลังงานทำได้น่าประทับใจ

ข้อสังเกต

– ช่องใส่ปากกา S Pen เล็กลง เวลากดเพื่อดึงปากกาออกมาจะทำได้ลำบากสำหรับคนนิ้วใหญ่มากๆ (อาจต้องใช้เล็บกดแทน)
– สแกนม่านตา มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก และต้องได้รับการปรับปรุงเรื่องความเสถียรให้ดีกว่านี้
– สแกนลายนิ้วมือไม่ได้รับการปรับปรุงเลย
– ความจุเริ่มต้น 64GB

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
9.5
สเปก/ฟีเจอร์เด่น
10
ความสามารถโดยรวม
9.5
ความคุ้มค่า
8.8
SHARE