Review : Samsung Galaxy S10+ พัฒนาในทุกมิติให้เรือธงน่าสนใจมากขึ้น

4704

สมาร์ทโฟนระดับเรือธงของซัมซุง ที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบรอบด้าน ทำให้ Samsung Galaxy S10 ได้รับความสนใจจากทุกกลุ่มผู้ใช้งาน เพราะไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องของการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการใช้งานที่จะช่วยยกระดับการใช้ชีวิตให้สะดวกขึ้น

ที่ผ่านมาสินค้าในตระกูล Galaxy S ของซัมซุง จะมีจุดเด่นอยู่ที่เรื่องของดีไซน์ และประสิทธิภาพการใช้งานที่ลื่นไหล พร้อมกับความสามารถที่ครบถ้วน ในทุกๆจุด โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ Galaxy S8 ไล่มาจนถึง S9 และ S10 ที่ถือว่าทำมาตรฐานมาได้แบบสม่ำเสมอ

ในบางมุมผู้บริโภคอาจจะไม่รู้สึกว่า S10 รุ่นใหม่มีอะไรที่โดดเด่นกว่าเดิม เพราะ S9 เดิมก็ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามองลงไปถึงดีเทลในการใช้งานก็จะมีจุดที่พัฒนาขึ้นทั้งจุดที่เห็นได้ชัดอย่างกล้องหลังที่เพิ่มเลนส์มุมกว้างมา จนถึงฟีเจอร์เล็กๆอย่างการปลดล็อกตัวเครื่องที่นำนวัตกรรมมาใช้งาน

ข้อดี

  • จอ Infinitu-O (จอแบบเจาะรู) ที่แสดงผลสีสันชัดเจน
  • ประสิทธิภาพตัวเครื่องระดับสูง รองรับการใช้งานหลากหลาย
  • กล้องที่ปรับปรุงขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

ข้อสังเกต

  • ปัญหาสแกนลายนิ้วมือไม่ติด สำหรับผู้ที่ลายนิ้วมือจาง
  • การถ่ายภาพในที่แสงน้อยยังสู้คู่แข่งไม่ได้
  • ด้วยการที่เป็นจอโค้งทำให้เครื่องจับถือยากอยู่เหมือนเดิม

Samsung Galaxy S10 / S10+ เหมาะกับใคร

ทีมงาน Cyberbiz ได้คุยกับผู้บริหารซัมซุง ในแง่ของการสื่อสารทางการตลาดของรุ่นนี้ ที่ตามปกติแล้วจะมีคีย์ไฮไลท์ ขึ้นมาให้เห็นกันชัดๆ อย่างบางแบรนด์เน้นเรื่องกล้องภาพนิ่ง บางแบรนด์เน้นวิดีโอ บางแบรนด์เน้นเรื่องแบต

แต่กับ Galaxy S10 ทางซัมซุงได้เปลี่ยนแนวทางในการสื่อสารไป เพราะมองว่า S10 มีความโดดเด่นในทุกๆด้าน เลยได้แนวคิดใหม่ออกมาว่าเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่มีความสามารถครบถ้วนรอบด้าน

คำว่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ของซัมซุง ไม่ได้เน้นแบบเจาะลึกลงไปว่าต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือผู้ที่ทำเพจ เป็นยูทูปเบอร์ แต่หมายถึงคนทุกคนที่ชื่นชอบในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ โพสต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก การนำสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงไปใช้เพื่อทำงาน และใช้งานในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของ S10 และ S10+ จึงกลายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชื่นชอบการถ่ายภาพ ไปจนถึงกลุ่มคนวัยทำงานที่ตัองการสมาร์ทโฟนคู่กาย ที่ช่วยทำให้งานเสร็จได้เร็วขึ้น และช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการถือใช้งานด้วย

สำรวจเครื่อง Samsung Galaxy S10+

รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบในครั้งนี้คือ Samsung Galaxy S10+ สีขาว (แม้ว่าจะสะท้อนแสงไฟแล้วออกฟ้าอ่อนๆ) ที่มีนวัตกรรมหน้าจอที่หันมาใช้แบบ Infitinity-O หรือจอแบบเจาะรู ที่ใช้จอแบบ Curve AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ขนาดของตัวเครื่อง S10+ จะอยู่ที่ 74.1 x 157.6 x 7.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 175 กรัม

โดยจุดที่จะช่วยแยก S10+ และ S10 ออกจากกันเมื่อมองจากด้านหน้าก็คือรูบนจอ เพราะถ้าเป็น S10+ จะมากับกล้องหน้าคู่เลนส์เซลฟี่ (80°) ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/1.9 กับเลนส์ RGB Depth (90°) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 เข้ามาด้วย ส่วน S10 จะมีแค่รูเดียว

ส่วนกล้องหลังทั้ง S10 และ S10+ มากับกล้อง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วย Wide Angle (77°) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่สามารถปรับรูรับแสงได้ f/1.5 / f.24 พร้อมกันสั่น OIS เลนส์ Ultra Wide (123°) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2 และ เลนส์ Telephoto (45°) ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4

รอบๆตัวเครื่อง ทางด้านขวาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง ด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และเรียกใช้งาน Bixby ด้านบน มีช่องใส่ถาดซิม และรูไมโครโฟนไว้ช่วยตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่าง มีลำโพง พอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

ตัว Samsung Galaxy S10+ จะรองรับการใช้งาน 2 ซิม โดยใช้นาโนซิมการ์ดทั้งคู่ หรือในกรณีที่ต้องการใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพื่อเพิ่มความจุในการเก็บข้อมูล ก็จะสามารถเลือกใส่นาโนซิมการ์ดคู่กับไมโครเอสดีการ์ดได้

แม้ว่าโดยรวม ดีไซน์ของ S10 จะไม่เปลี่ยนไปจาก S8 หรือ S9 มากนัก แต่ในภาพรวมซัมซุง มีการปรับปรุงในส่วนของขอบตัวเครื่องให้ถือแล้วใช้งานได้ดีขึ้น ด้วยการใช้กระจกที่โค้งกว่าเดิม ช่วยให้เวลาจับถือแล้วไม่ไปโดนบริเวณขอบเหมือนรุ่นแรกๆ

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตัวเครื่องเป็นโลหะ ผสมกับขอบจอโค้งทำให้เวลาถือใช้งานตัวเครื่องจะค่อนข้างลื่น ถ้าใครที่ไม่ระมัดระวังในการถือใช้งานก็แนะนำให้หาเคสมาใส่เพิ่มเติมไปดีกว่า ทั้งนี้ตัวเครื่องที่ขายในไทยจะมีกับเคสใสให้ด้วยภายในกล่อง

หันมาใช้สแกนลายนิ้วมือ UltraSonic

อีกนวัตกรรมที่ Samsung นำมาใช้งานใน S10 คือเรื่องของการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่ใช้เทคโนโลยี UltraSonic มาช่วยในการสแกนลายนิ้วมือ แทนการใช้เซ็นเซอร์ออปติคัลแบบเดิมๆ โดยซัมซุง ระบุว่า สามารถปลดล็อกได้เร็วขึ้นกว่าเทคโนโลยีเดิม 30%

เบื้องต้น เท่าที่ลองใช้งานการปลดล็อกบนหน้าจอมา ถือว่าระดับความแม่นยำถือว่าใช้ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับลายนิ้วมือของแต่ละคน เพราะมีผู้ใช้งานบางคนที่ลายนิ้วมือจาง กลายเป็นแทบจะปลดล็อกตัวเครื่องด้วยลายนิ้วมือไม่ได้เลย

อีกปัญหาคือเรื่องของฟิลม์กันรอย ที่ซัมซุงตัดปัญหาการนำเครื่องไปติดฟิลม์กันรอยด้วยการแถมมาให้ภายในกล่องเลย เนื่องจากพอเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ใช้การสแกนใต้หน้าจอ ทำให้ฟิลม์หรือกระจกบางประเภทไม่สามารถใช้งานได้

เบื้องต้นทีมงานทดลองนำฟิลม์กระจกราคาถูกรุ่นเก่าที่ขายตามท้องตลาดมาทดลองแปะลงไป แล้วลองสแกนลายนิ้วมือก็เจอปัญหาไม่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ หลังจากนั้นลองเปลี่ยนมาใช้วิธีอย่างใช้สารนาโนมาเคลือบผิวกระจกแทน ก็พบว่าสามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ตามปกติ

ดังนั้น ก็ถือเป็นอีกทางเลือกให้ผู้ใช้ ในกรณีที่ชอบการใช้งานตัวเครื่องแบบไม่ติดฟิลม์ การใช้สารนาโนป้องกันรอยขีดข่วนมาเคลือบลงไปก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง และยืนยันว่าสามารถใช้สแกนลายนิ้วมือได้แน่นอน หรือถ้าต้องการติดฟิลม์กระจก อาจจะต้องหายี่ห้อที่รองรับการสแกน UltraSonic ด้วย

กล้องถ่ายวิดีโอดีขึ้นอย่างชัดเจน

อีกจุดที่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของกล้อง จากเดิมที่ใน S8 S9 ตัวกล้องถ่ายภาพนิ่งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการปรับรูรับแสง การถ่ายภาพในที่แสงน้อย ที่ใน S10 ก็ทำงานได้ดีขึ้น

โดยเฉพาะโหมดอย่าง Shot Suggestions ที่จะช่วยแนะนำมุมในการถ่ายภาพ ด้วยการเพิ่มจุดสีเหลืองขึ้นมา โดยให้ผู้ใช้เลื่อนภาพไปตามจุดที่ระบุ ด้วยการนำ AI มาใช้แนะนำตำแหน่งภาพที่เหมาะสม

แต่ที่โดดเด่นมากๆเลยคือเรื่องของการถ่ายวิดีโอ ที่ซัมซุง ชูข้อดีว่าสามารถใช้งานแทนกล้องแอคชันแคมได้เลย ด้วยโหมดอย่าง Super Steady ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยลดการสั่นไหวของภาพ ทำให้แม้ถือเดินถ่ายวิดีโอก็ยังนิ่งอยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดคือเมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้แล้วจะไม่สามารถซูมภาพได้

นอกจากนี้ การเพิ่มเลนส์อย่าง UltraWide มาทำให้การถ่ายภาพนิ่งใช้งานได้สนุกขึ้น สามารถเก็บมุมมองใหม่ๆในการถ่ายภาพได้ ถือว่าเป็นการต่อยอดที่พัฒนาขึ้นชัดเจนหลังจากนำเลนส์ไวด์มาใส่ใน A ซีรีส์ก่อนหน้านี้ เพราะในรุ่น S10 ให้คุณภาพที่คมชัดมากขึ้น

ทั้งนี้ สามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S10+ ได้จากอัลบั้มด้านล่าง

ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่น

อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาบน Samsung Galaxy S10 คือระบบชาร์จไร้สาย ที่สามารถแปลงเป็นแท่นชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ ในชื่อ Wireless Power Share โดยซัมซุง ชูจุดเด่นขึ้นมาในเรื่องของการนำ S10 มาใช้ชาร์จหูฟังอย่าง Galaxy Buds ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน

ความสามารถของ Samsung Galaxy Buds ก็น่าสนใจ ในเรื่องของการจับคู่ เมื่อเปิดฝากล่องหูฟังออกมา ที่ S10+ จะเด้งหน้าจอให้กดเชื่อมต่อได้ทันที และยังสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าปุ่มสัมผัสได้ภายในแอปด้วย

สุดท้ายในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งาน แน่นอนว่าเมื่อเป็นรุ่นระดับท็อป การประมวลผลต่างๆ สามารถทำได้ในระดับต้นๆอยู่แล้ว จากหน่วยประมวลผล Exynos 9820 ที่ให้มา แถมยังใส่ RAM มาให้ถึง 8 GB ดังนั้นในการใช้งานจึงลื่นไหลไม่มีสะดุด

ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลแรงขึ้น แต่การบริหารจัดการแบตเตอรีใน S10+ กลับทำได้น่าสนใจ เพราะเท่าที่ลองใช้งานมาไม่เคยเจออาการแบตหมดระหว่างวันเลย นอกจากกรณีที่ใช้งานถ่ายภาพวิดีโอหนักๆ ตลอดเวลา แต่ถ้าใช้งานทั่วๆไปแบตเตอรีอยู่ได้สบายๆ

ผลการทดสอบจากโปรแกรมต่างๆ

พัฒนาขึ้นรอบด้าน

ผลสรุปของ Samsung Galaxy S10+ เลยคือการพัฒนาขึ้นในทุกๆด้าน แสดงให้เห็นถึงการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีของซัมซุงในรอบนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นเจ้าของนวัตกรรมต่างๆ ทั้งเรื่องของจอแสดงผลที่รองรับ HDR10+ เป็นรุ่นแรกของโลก

ขณะเดียวกัน ถ้าใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง เมื่อถ่ายเสร็จต้องการปรับแต่งรูป หรือตัดต่องานแบบด่วนๆ S10+ ก็สามารถทำได้จบบนเครื่องทันที ดังนั้น จึงกลายเป็นอุปกรณ์คู่กายของเหล่าครีเอเตอร์ได้ไม่ยาก

แถมหน้าจออย่าง Infitity-O ที่ทำออกมา ยังสร้างสีสันให้ผู้ใช้ เลือกโหลดภาพพื้นหลังที่เนียนไปกับจอเจาะรูได้อีก ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสนุกขึ้น และในการใช้งานจริงก็ได้หน้าจอที่เต็มตามากขึ้น แต่ก็ยังมีบางแอปพลิเคชันที่ยังไม่รองรับการแสดงผล ก็จะเห็นเหมือนเป็นแถบๆนึง

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น