Review : Samsung Galaxy Z Fold2 5G ประสบการณ์ 1 เดือนกับสมาร์ทโฟนจอพับ

23161

หลังจากออกสมาร์ทโฟนจอพับมาต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 3 ทำให้ ซัมซุง (Samsung) เห็นแล้วว่าความต้องการของผู้ใช้งานคืออะไร และต้องเพิ่มฟีเจอร์อะไรมาช่วยเพิ่มประสบการณ์ใช้งานให้ผู้ใช้ได้มากที่สุด และต้องยอมรับว่ารุ่นนี้ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบแล้ว

ความน่าสนใจของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G คือการเป็นสมาร์ทโฟนจอพับประสิทธิภาพสูง ที่สามารถกางหน้าจอออกมาเป็นหน้าจอใหญ่สำหรับใช้งานได้เต็มตา และที่สำคัญคือรองรับการแสดงผลแบบ 120Hz ด้วย พร้อมกับพัฒนาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

ประกอบกับการที่กลุ่มผู้ใช้งานของ Galaxy Z Fold2 5G นั้นชัดเจนมากๆ คือเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ต้องการสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ๆ ที่มาช่วยตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหาร และผู้สูงอายุที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอใหญ่ และมีกำลังซื้อสูง

ดังนั้น Z Fold2 5G จึงทำให้ซัมซุง สามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนจอพับเวลานี้ได้อย่างไม่ยาก โดยนอกจาก Galaxy Z Fold2 5G แล้วก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนจอพับอย่าง Galaxy Z Filp ก็เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน

ข้อดี

  • สมาร์ทโฟนจอพับที่พัฒนารูปแบบการใช้งานได้หลากหลายขึ้น
  • จอภายนอกขนาดใหญ่ 6.2 นิ้ว กางหน้าจอออกมาเป็น 7.6 นิ้ว
  • ประสิทธิภาพสูง ตามความคาดหวังของสมาร์ทโฟนไฮเอนด์
  • โหมดถ่ายภาพใช้ความสามารถของจอพับได้น่าสนใจ

ข้อสังเกต

  • ระดับราคาค่อนข้างสูง (69,900 บาท)
  • จอภายนอกอัตราการแสดงผล 60 Hz
  • การใช้งานจอพับยังมีข้อจำกัดอย่างการที่ต้องระวังการขูดขีดหน้าจอภายใน

สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นสมบูรณ์

ในปีที่แล้วตอนที่ Samsung เปิดตัว และเริ่มทำตลาด Galaxy Fold รุ่นแรกนั้น มีคำถามที่ตามมาหลายๆ เรื่องถึงรูปแบบการใช้งาน ความคงทนแข็งแรงต่างๆ จนทำให้รู้สึกเหมือนว่าเป็นรุ่นทดลอง หรือ โปรโตไทป์ ที่นำเสนอออกมาสู่ตลาด นำมาซึ่งเสียงตอบรับของผู้บริโภคให้ซัมซุง นำข้อมูลกลับไปปรับปรุงออกมาเป็นรุ่นถัดมา

ต่อด้วยในรุ่นอย่าง Z Flip ที่เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นลักษณะของฝาพับ มีการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานแบบกางจอเพียงครึ่งเดียว เพื่อใช้ประโยชน์ของฝาพับด้านล่างให้กลายเป็นฐานในการใช้งาน ซึ่งรูปแบบการใช้งานนี้ยังไม่เกิดขึ้นกับ Galaxy Fold รุ่นแรก เพราะในรุ่นแรกจะไม่สามารถกางแบบไม่สุดได้

พอมาเป็นรุ่นที่พัฒนาล่าสุดอย่าง Galaxy Z Fold2 5G ต้องยอมรับว่า ปรับการใช้งานออกมาได้หลากหลาย น่าสนใจ ทั้งการกางจอเพียงครึ่งเดียว แล้วใช้ครึ่งล่างเป็นฐานในการวางใช้งานเหมือนใน Z Flip หรือจะเลือกกางเต็มจอแล้วใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน

อีกอย่างที่ปรับปรุงขึ้นคือการทำงานร่วมกับระหว่างจอภายนอก และภายใน ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือ App Continuity ที่เมื่อเปิดใช้งานแอปในหน้าจอนอกแล้ว เมื่อกางจอออกมาใช้งานจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เจออาการแอปหลุด แอปเด้ง ไม่รองรับเหมือนในรุ่นแรก

นอกจากนี้ยังมาพร้อบกับการใช้งานแบบ Multi-Windows ที่ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดแอปใช้งานได้สูงสุด 4 แอปพร้อมกัน โดยแบ่งหน้าจอออกเป็น 3 ส่วน คือครึ่งหนึ่งใช้งาน 1 แอปหลัก ตามด้วยแบ่งอีกครึ่งหน้าจอเป็น 2 แอปเพื่อใช้ดูข้อมูลต่างๆ และแอปสุดท้ายที่มีข้อจำกัดเฉพาะแอปที่รองรับการแสดงผลแบบ Pop Up ออกมา

นั่นหมายถึง ผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิดหน้าไมโครซอฟท์ออฟฟิศ เพื่อทำงานคู่กับ การเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูล และเปิดแอปความบันเทิงอย่างยูทูป หรือ Spotify เพื่อสั่งเล่นเพลงไปพร้อมๆ กันได้เลย และสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายมากๆ

ขณะเดียวกัน ด้วยการที่ซัมซุง ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์อย่างใกล้ชิด ดังนั้น Galaxy Z Fold2 5G จึงทำงานร่วมกับ Microsoft Office ทั้ง Word Excel Powerpoint ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าสนใจ ยิ่งเมื่อใช้งานในลักษณะของจอใหญ่เต็มจอ จะช่วยให้ทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย

ถัดมาในแง่ของความบันเทิง ต้องยอมรับว่า เมื่อมีจอขนาดใหญ่ถึง 7.6 นิ้ว แถมยังรองรับการแสดงผลแบบ 120 Hz นั่นทำให้ทั้งการเล่นเกมได้การแสดงผลที่ลื่นไหล การใช้งานโซเชียลมีเดียทำได้อย่างเต็มตา และที่สำคัญคือการดูหนัง ที่สามารถรับชมได้ไม่ต่างจากแท็บเล็ต ในขณะที่พกพาเครื่องเท่าสมาร์ทโฟนทั่วไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Galaxy Z Fold2 5G อาจจะไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมอย่างหนักหน่วง เพราะด้วยหน้าจอที่เป็นจอพับ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้งานพอสมควร เพราะเป็นจอแบบยืดหยุ่น ไม่ใช่จอกระจก ดังนั้นถ้าใช้เล่นเกมอาจจะมีจังหวะที่เล็บขูดหน้าจอได้

กล้องคุณภาพ ใช้ได้หลายรูปแบบ

กล้องกลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่พัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจใน Galaxy Z Fold2 5G โดยในรุ่นนี้มีกล้องทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน เริ่มจากกล้องหลัก 3 ชุดเลนส์ด้านหลังเครื่อง ที่มากับเลนส์ UltraWide Wide และ Telephoto 12 ล้านพิกเซล

ถัดมาคือกล้องบริเวณจอนอกความละเอียด 10 ล้านพิกเซล และ กล้องที่อยู่ในจอพับด้านในความละเอียด 10 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกัน โดยจะมาในลักษณะของจอเจาะรูแบบ Infinity-O

รวมๆ แล้วอาจจะมองว่าชุดกล้องนั้นไม่สุดเหมือนใน Galaxy Note20 Ultra แต่ด้วยลักษณะการใช้งานของ Fold ที่เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับใช้งานด้านอื่นๆ มากกว่า จึงมองว่ากล้องที่ให้มานั้นเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว

โดยกล้องใน Z Fold2 5G กลับมีความน่าสนใจอยู่ที่รูปแบบการใช้งาน เพราะซัมซุง ได้พัฒนาอินเตอร์เฟสการใช้งานมาให้ใช้บนสมาร์ทโฟนจอพับได้น่าสนใจ เริ่มกันจากตัวกล้องหลัก ที่นอกจากผู้ใช้จะสามารถถ่ายได้ทั้งเวลาที่กางจอ หรือพับจอก็ได้แล้ว

เวลาที่กางจอออกมา ยังสามารถเปิดจอนอกเพื่อให้ตัวแบบสามารถเห็นภาพที่กำลังถ่ายได้ ในลักษณะของการแสดงผล 2 จอ พร้อมกัน ซึ่งในจุดนี้ ก็สามารถประยุกมาใช้เป็นการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลังได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้ภาพที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับกล้องหน้า

ถัดมาคือการใช้งานกล้องเมื่อกางหน้าจอเพียงครึ่งเดียว ตัวเครื่องจะทำการแบ่งครึ่งการแสดงผล ให้ภาพจากกล้องแสดงผลอยู่ครึ่งบน และครึ่งล่างเป็นปุ่มควบคุมอย่างปุ่มชัตเตอร์ เปลี่ยนโหมดใช้งาน และแสดงตัวอย่างภาพก่อนหน้า

นั่นทำให้เราสามารถวาง Galaxy Z Fold2 5G กับพื้นราบ เพื่อใช้แทนขาตั้งกล้องได้ทันที หรือจะเปลี่ยนมาใช้งานคู่กับกล้องหน้า เพื่อใช้งานวิดีโอคอลล์ หรือถ่ายวิดีโอเซลฟี่จากกล้องหน้าก็ได้เช่นเดียวกัน

การออกแบบตัวเครื่อง

ด้วยการที่ Samsung Galaxy Z Fold2 5G เป็นสมาร์ทโฟนจอพับ ทำให้มีหน้าจอแสดงผลอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน โดยจอนอกจะเป็น Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2260 x 816 พิกเซล โดยมีกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่ด้านบน

การที่ซัมซุง เพิ่มขนาดหน้าจอนอกทำให้สามารถใช้งานตัวเครื่องได้ โดยไม่จำเป็นต้องกางจอใช้งาน เวลาที่ไม่สะดวกใช้งาน 2 มือ จากรุ่นก่อนหน้าที่ให้มาเป็นจอ 4.6 นิ้วเท่านั้น ตัวเครื่องมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ Mystic Black และ Mystic Bronze ที่เป็นสีพิเศษของปีนี้

ส่วนจอภายในเป็น Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด QXGA+ (2208 x 1768 พิกเซล) ที่รองรับการแสดงผลแบบ Adaptive Dynamic Display 120 Hz โดยตัวเครื่องจะปรับ Refresh Rate หน้าจอตามลักษณะของคอนเทนต์ที่ใช้งาน ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรีด้วย

ขนาดของ Galaxy Z Fold2 5G จะอยู่ที่ 159.2 x 68 x 13.8 – 16.8 มิลลิเมตร และเมื่อกางหน้าจอออกมาจะอยู่ที่ 159.2 x 128.2 x 6 – 6.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 282 กรัม ซึ่งต้องถือว่าตัวเครื่องเวลาพับแล้วจะค่อนข้างหนา แต่เมื่อกางออกมาใช้งานก็ถือเป็นรุ่นที่มีขนาดบางที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้

หน้าจอของ Galaxy Z Fold2 5G สามารถปรับองศาในการกางได้ตั้งแต่ 75 – 115 องศา เพื่อใช้งานในลักษณะของการวางตัวเครื่องไว้กับพื้นราบ และสามารถกางสุดที่ 180 องศา เพื่อใช้งานเป็นจอใหญ่ได้ตามปกติ

ข้างเครื่องทางฝั่งขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดเครื่อง ที่ฝั่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย เพื่อให้สามารถสแกนนิ้วมือเพื่อใช้จอภาพนอกได้ทันที หรือถ้ากางจอออกมาก็สามารถใช้ปุ่มด้านข้างเครื่องเพื่อปลดล็อกได้

ขณะที่ถาดใส่ซิมการ์ดจะอยู่ที่ฝั่งซ้าย (เวลากางหน้าจอ) ซึ่งในส่วนครึ่งซ้ายทั้งบน และล่าง จะมีช่องลำโพงอยู่ด้วย ทำให้เวลาถือเครื่องใช้งานในแนวนอน อาจจะต้องระวังไม่ให้มือไปปิดลำโพง

ส่วนด้านล่างเครื่องจะมีพอร์ต USB-C สารพัดประโยชน์ ที่รองรับการชาร์จเร็ว 25W เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และหน้าจอเพื่อใช้งาน Samsung DeX หรือจะเชื่อมต่อแบบไร้สายก็ได้

สำหรับด้านหลัง นอกจากชุดเลนส์กล้องแล้ว ยังมากับระบบชาร์จไร้สาย ที่สามารถเป็นแท่นชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วยผ่านฟีเจอร์อย่าง Wireless PowerShare อย่างการใช้งานคู่กับ Galaxy Buds Live ภายในมีแบตเตอรีขนาด 4,500 mAh

สเปก

สำหรับสเปกภายในของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G ทำงานบนหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 RAM 12 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบด้วย One UI

ด้านการเชื่อมต่อรองรับถึง 5G ซึ่งสามารถใช้งานในประเทศไทยได้แล้วบนเครือข่าย AIS และ Truemove H พร้อม WiFi 6 บลูทูธ 5.0 มี GPS NFC ครบถ้วนตามสไตล์ของเครื่องระดับไฮเอนด์

ทดสอบประสิทธิภาพ

ต้องยอมรับว่าการที่ซัมซุง เลือกนำหน่วยประมวลผลรุ่นท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 865 มาใช้งานกับรุ่นนี้เพื่อทำตลาดทั่วโลกนั้น ทำให้ Galaxy Z Fold2 5G มีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำงานแบบมัลติทาสกิ้งที่เป็นจุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้

ขณะเดียวกัน แบตเตอรีที่ให้มา 4,500 mAh ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งาน โดยถ้าใช้งานเฉพาะจอนอกอย่างเดียวจะสามารถใช้ได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 13 ชั่วโมง ส่วนจอใหญ่นั้น ถ้าเปิดใช้งานในโหมด Adaptive Display 120 Hz จะสามารถใช้งานได้ราว 7 ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าปรับการแสดงผลลงมาเป็น 60 Hz

สรุป

Samsung Galaxy Z Fold2 5G ได้กลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอพับ ที่สามารถกางออกมาเป็นหน้าจอขนาดใหญ่เพื่อใช้งานได้ทันที ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการใช้งานของผู้ที่ไม่อยากพกทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ระดับราคาของเครื่องค่อนข้างสูงทำให้กลุ่มผู้ใช้งานจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป แต่เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อ ซึ่งตามปกติแล้วก็จะมีสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตอย่างละเครื่องใช้งานอยู่แล้ว การเลือกใช้งาน Z Fold2 5G ก็จะทำให้ไม่ต้องลงทุนซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่ได้ด้วย

สำหรับใครที่อยากลองประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับ เชื่อว่า Samsung Galaxy Z Fold2 5G นั้นตอบโจทย์อย่างแน่นอน และสามารถใช้งานได้ยาวๆ เพราะตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อยุคใหม่อยู่แล้ว

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น