ถึงแม้ปัจจุบันหน่วยเก็บข้อมูลแบบชิปรวมถึง Solid State Drive จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพราะมีราคาที่ปรับลดลง แต่ฮาร์ดดิสก์จานแม่เหล็กก็ยังเป็นตัวเลือกสำคัญในการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ที่ปัจจุบันเกมหนึ่งเกมใช้เนื้อที่ค่อนข้างมาก SSD อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักเพราะยิ่งความจุสูงขึ้น ผู้อ่านก็ต้องจ่ายเงินมากป็นเท่าตัว ยกตัวอย่าง SSD 1TB มีราคาขายอยู่ที่ 1 หมื่นบาทในขณะที่ฮาร์ดดิสก์จานแม่เหล็ก 1TB ราคาขายอยู่เพียงหลักพันไม่เกินสี่พันบาทเท่านั้น
เพราะฉะนั้นทาง Seagate (ซีเกท) จึงได้คิดค้นฮาร์ดดิสก์รูปแบบใหม่ขึ้นมาเรียกว่า “SSHD” ย่อมาจาก Solid State Hybrid Drive หรือภาษาง่ายๆก็คือ ฮาร์ดดิสก์ไฮบริดระหว่าง SSD กับ ฮาร์ดดิสก์จานแม่เหล็กแบบเดิม
การออกแบบ สเปกและฟีเจอร์เด่น
โดยหน้าตาของ Seagate FireCuda (รุ่นที่นำมาทดสอบขนาด 3.5 นิ้วใช้กับ Desktop PC) จะเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ปกติ เพียงแต่ภายในจะได้รับการออกแบบใหม่ตั้งแต่การติดตั้ง SSD (NAND Flash MLC) ขนาด 8GB เพิ่มลงไป เพื่อใช้เก็บข้อมูลที่ถูกเรียกใช้งานบ่อย (คอมพิวเตอร์จะมองไม่เห็นส่วน SSD แต่ระบบภายในฮาร์ดดิสก์จะเรียนรู้และจัดการด้วยตัวเองอัตโนมัติ คล้ายกับระบบแคชไฟล์)
ส่วนจานแม่เหล็ก Seagate ออกแบบใหม่ โดยให้จานแม่เหล็ก 1 แผ่นมีความจุ 1TB ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น ความทนทานเพิ่มขึ้น น้ำหนักเบาลง ความร้อนน้อยลง ประหยัดไฟมากขึ้น
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อใช้เป็น SATA 6Gb/s (รองรับ SATA 1.5/3.0) บัฟเฟอร์อยู่ที่ 64MB และรอบจานหมุนอยู่ที่ 7,200 รอบต่อนาที
ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป
มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพ เริ่มจากชุดทดสอบ Crystal DiskMark ทดสอบคะแนนส่วน Seq อ่านอยู่ที่ 154.5 MB/s เขียนอยู่ที่ 198.8 MB/s
ส่วนการทดสอบคัดลอกข้อมูลขนาดประมาณ 8GB ทำความเร็วได้ประมาณ 130-150 MB/s เลยทีเดียว
มาดูคะแนนจาก PC Mark 8 อยู่ที่ 3,294 คะแนน (23.18MB/s)
ลองมาทดสอบใช้งานจริงด้วยการเล่นเกมและใช้งานคัดลอก เซฟไฟล์งานในชีวิตประจำวัน ถามว่า Seagate FireCuda เร็วแรงสมคำคุยจริงหรือไม่ ทีมงานขอตอบว่า เร็วแรงจริงถ้าเทียบกับกลุ่มฮาร์ดดิสก์จานแม่เหล็กด้วยกัน FireCuda ให้ผลลัพท์ที่ดีมากโดยเฉพาะการใช้เล่นเกมและใช้ร่วมกับงานตัดต่อวิดีโอ FireCuda ให้ประสิทธิภาพที่ดี (ไม่ต้องไปเทียบกับ SSD นะครับ เพราะอย่างไรฮาร์ดดิสก์จานหมุนต้องทำงานช้ากว่าอยู่แล้ว)
ส่วนถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์เกมเมอร์ด้วยกัน ด้านความเร็วจะใกล้เคียงกันแต่เรื่องการเข้าถึงข้อมูล FireCuda จะทำได้ลื่นไหลกว่า โดยเฉพาะเสียงรบกวนจากการอ่านข้อมูลบนจานแม่เหล็ก FireCuda ทำงานได้ค่อนข้างเงียบกว่าหลายแบรนด์เลยทีเดียว
ส่วนราคาถ้าเทียบในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ระดับเดียวกัน เช่น WD Black ตัว Seagate FireCuda จะมีราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 3 พันกว่าบาทสำหรับรุ่น 3.5 นิ้ว ความจุ 1TB