แนะนำ – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Mon, 26 Jul 2021 04:32:11 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Cyber Apps 26/07/21 : Dazz Cam / Falou / Similo / Rush Royale https://cyberbiz.mgronline.com/cyber-apps-260721-dazz-cam-falou-similo-rush-royale/ Mon, 26 Jul 2021 04:32:11 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=35704 Dazz Cam – Vintage Camera สนุกกับฟิลเตอร์เรโทร ช็อตไหนๆ ก็โก้สุดๆ 

การถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มถือเป็นงานอดิเรกใหม่ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ด้วยเพราะกล้องต่างรุ่นกัน ฟิล์มต่างยี่ห้อกัน ก็ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่เหมือนกัน แต่ ณ เวลานี้ การตามล่าหากล้องและฟิล์มมาให้ครบมือไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ว่าแล้วก็มาลองรู้จักกับ Dazz Cam กันหน่อยเป็นไง

Dazz Cam คือ แอปเดียวที่รวบรวมเอาฟิลเตอร์ที่คล้ายๆ ภาพที่ถ่ายจากกล้องฟิล์มรุ่นเก่าๆ ตั้งแต่ยุค 80’s มาไว้ให้เราเลือกถ่ายช็อตเด็ดๆ สไตล์เรโทรได้ดังใจ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์กล้องที่ถ่ายด้วยฟิล์ม8มม. หรือ กล้องที่ถ่ายภาพ 3 มิติ ทุกแช๊ะ ก็แนวพร้อมเรียกไลค์ ในแอปยังมีลูกเล่นเกี่ยวกับการถ่ายภาพอื่นๆ อีก เช่น มีเลนส์ตาปลา (ฟิชอายเปลี่ยนสีแฟลชได้ ตั้งแต่เวลาถ่ายได้ เป็นต้น

ดาวน์โหลดแอป Dazz Cam – Vintage Camera ได้บน iPhone ฟรี

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/dazz-cam-vintage-camera/id1422471180

Falou เรียนรู้หลากภาษาใหม่ๆ พร้อมฝึกสำเนียงให้เป๊ะยิ่งกว่าเดิม

สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการเรียนภาษา คือ การรู้ว่าเราออกเสียงผิดเพี้ยนจากเจ้าของภาษาไปมากขนาดไหน และแอปอย่าง Falou ก็ตั้งใจออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยฝึกภาษาใหม่ๆ ให้กับคุณ ในแอปเดียว

คุณสามารถเลือกเรียนได้ถึง 18 ภาษาให้เลือกเรียน หากจะเรียนภาษาเอเชียยอดฮิตก็มีให้เลือกทั้ง ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น หรือจะฝึกภาษาที่ 3 จากฝั่งตะวันตก ก็มีภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ให้เลือกเรียนด้วย การเรียนทุกๆ ภาษาก็มีเนื้อหามากมาย สำหรับฝึกทุกทักษะที่จำเป็น ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน รวมถึงจดจำศัพท์สำคัญๆ ด้วย

จุดเด่นสำคัญของแอป คือ การใช้สมองกลในการเทียบเคียงเสียงของเรา กับเสียงของเจ้าของภาษา และแนะนำเราว่า เราออกเสียงคำไหนผิดเพี้ยนไป และเมื่อฝึกบทสนทนาแต่ละบทเสร็จ ก็จะมีการฟังทบทวนทั้งหมด เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการฟัง และการเข้าใจความหมายอย่างท่องแท้อีกด้วย เมื่อเปิดแอปมา ระบบจะถามคำถามเพื่อทำความรู้จักกับผู้เรียนก่อน เช่น ระดับภาษาของเราอยู่ที่ขั้นไหน? เช่น ระดับเบื้องต้น และเป้าหมายของการเรียนคืออะไร? เช่น เรียนเพื่อพัฒนาการออกเสียง หรือ เพื่อการเขียนได้อย่างถูกต้อง

จากนั้นระบบจะแนะนำจำนวนเวลาในการฝึกภาษานั้นๆ ปกติก็ควรเรียนต่อเนื่องวันละ 10 นาที เป็นอย่างน้อย แต่หากอยากจะเก่งไวก็สัก 30 นาทีไปเลย สำหรับผู้ที่ชอบเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ แอป Falou ถือเป็นคุณครูคนใหม่ที่สุดแอคทีฟ ที่คุณน่าจะลองทำความรู้จักดูสักตั้ง

แอป Falou ใช้งานฟรี 3 วัน จากนั้นเดือนละ 609 บาท (หากสมัครายปีจะถูกกว่าเหลือเพียงปีละ 1,900 บาทเท่านั้น) ดาวน์โหลดแอป Falou เพื่อเริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ บน iPhone ฟรี 

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/falou-speak-a-new-language/id1460579936

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.moymer.falou&&

บอกใบ้ ค้นหาไพ่ปริศนา ใน Similo

เกมการ์ดไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเสมอไป มาร่วมมือกันได้ใน Similo: The Card Game เกมยอดเยี่ยมที่ดัดแปลงมาจากบอร์ดเกมยอดนิยม หัวใจของมันก็คือการรู้ใจกัน โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นแบบออนไลน์หรือเล่นจากอุปกรณ์เครื่องเดียวและส่งต่อกันไปมากับเพื่อนอีกคนก็ได้

ผู้เล่น 2 คนจะได้รับตารางการ์ดที่ประกอบด้วยการ์ดที่มีภาพวาดอันสวยงามจำนวน 12 ใบ เป้าหมายของเกมนี้คือการค้นหา Secret Card ในตารางให้เจอ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกและท้าทายก็คงอยู่ที่ เฉพาะคนเล่นเป็น Clue Giver เท่านั้นที่จะสามารถดูได้ว่าเป็นไพ่ใบไหน และสิ่งที่ Clue Giver ควรทำก็แค่เลือกการ์ดใบอื่นในแต่ละรอบ และบอกกับ Guesser ว่าการ์ดนั้นดูแตกต่างหรือว่าคล้ายคลึงกับ Secret Card

จากนั้น Guesser จะทำการตัดการ์ดที่คิดว่าไม่ใช่ออกไปตามข้อมูลที่ได้มา Similo จะท้าทายทักษะการคิดนอกกรอบของคุณ โดยให้คุณบอกใบ้ด้วยการนึกถึงความคิดของอีกคนด้วย ซึ่งสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทายหรือเป็นคนใบ้ปริศนา จะไม่มีการเล่นครั้งไหนที่ซ้ำกันเลยล่ะ 

ราคาเพียง 59 บาท สนุกไม่แพ้บอร์ดเกมจริง เล่นได้ทั้งบน iPhone และ iPad

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/similo-the-card-game/id1512015829

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.horriblegames.similo&hl=th&gl=US

พลิกโฉมเกมสร้างป้อม ใน Rush Royale

กองทัพศัตรูโผล่มาทันทีตั้งแต่เริ่มแมตช์ ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์เหล่านี้ต่อแถวกันมาเรื่อยๆ แบบไม่มีสิ้นสุดเพื่อจะบุกเข้าไปยังปราสาทของคุณ น่ากลัวใช่ไหมล่ะถึงพวกมันอาจมีจำนวนที่เยอะกว่ามาก แต่ว่าคุณมีสมองอันเฉียบคมและกองทหารสุดแกร่งเป็นอาวุธ ถึงเวลาที่จะเอาคืนกันแล้ว!

Rush Royale – Tower Defense TD เป็นการผสมผสานระหว่างเกมแนวสร้างป้อมป้องกันฐาน (Tower Defense) กับเกมแนวผสานไอเทม ที่ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแนวเกมที่ลงตัวซึ่งให้ฟีลที่สดใหม่ไม่เหมือนใคร การต่อสู้จะสั้นลงและเข้มข้น คุณสามารถเสริมแกร่งให้กับนักสู้ด้วยการผสานพวกเขาเข้าด้วยกัน หรือจะเพิ่มจำนวนสมาชิกในทีมและยิงถล่มศัตรูให้เละด้วยลูกธนูและสายฟ้า

มีกลยุทธ์มากมายให้คุณได้เลือกใช้ แต่ว่าก็มีส่วนของการสุ่มให้คุณต้องรับมือด้วยนะ เพราะเมื่อคุณตัดสินใจวางนักสู้ลงไปในสนาม คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่านักสู้คนไหนจะถูกเรียกออกมา แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเล่นแบบไหน ระบบต่อสู้สุดล้ำของ Rush Royale จะทำให้คุณอยากกลับมาเล่นอยู่เรื่อยๆ เลยล่ะ 

เริ่มเล่นได้ฟรี บน iPhone และ iPad 

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/rush-royale-tower-defense-td/id1526121033

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.my.defense&hl=th&gl=US

]]>
Review : Xiaomi Mi 10T Pro สมาร์ทโฟน 5G สเปกเรือธง ราคาคุ้มค่า https://cyberbiz.mgronline.com/review-xiaomi-mi-10t-pro/ Mon, 30 Nov 2020 06:35:13 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=34274

หนึ่งในปรากฏการณ์ เสียวหมี่ (Xiaomi) ที่เกิดขึ้นในปี 2020 คือการสร้างความคุ้มค่าในการเข้าถึงสมาร์ทโฟน 5G ให้คนไทยได้ใช้งานเครื่องประสิทธิภาพสูงในระดับไฮเอนด์ ในราคา 13,990 บาท ทำให้แบรนด์ของ Xiaomi ได้รับการพูดถึงมากยิ่งขึ้น

ภาพของการต่อแถวจองเครื่องสมาร์ทโฟนในระดับราคาหมื่นกลางๆ นั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย จะมีก็แต่มือถือระดับไฮเอนด์เกิน 2 หมื่นบาท เท่านั้นที่เคยเกิดขึ้น แต่ Xiaomi ทำได้ ในการเปิดจอง Mi 10T และ Mi 10T Pro

ความโดดเด่นของ Mi 10T Pro คือการเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องในระดับราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ด้วยการเลือกนำซีพียูอย่าง Snapdragon 865 มาใช้งานร่วมกับโมเด็มที่รองรับ 5G หน้าจอที่ตอบสนองการแสดงผลแบบ 144 Hz แบต 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W ในราคาเริ่มต้น 13,990 บาท

ข้อดี

  • ประสิทธิภาพสูงจาก Snadragon 865
  • หน้าจอ 6.67 นิ้ว แบบ Adaptive Display 144 Hz
  • รองรับการใช้งาน 5G ในไทย

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับระบบชาร์จไร้สาย
  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Xiaomi Mi 10T Pro ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมผสมกับกระจกหน้าหลัง ทำให้ตัวเครื่องดูมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ ดำ Cosmic Black เงิน Lunar Silver และ น้ำเงิน Aurora Blue ขนาดตัวเครื่อง 165.1 x 76.4 x 9.33 มิลลิเมตร น้ำหนัก 218 กรัม 

อย่างไรก็ตาม หน้าจอของ Mi 10T Pro ขนาด 6.67 นิ้ว ยังคงเลือกใช้หน้าจอแบบ LCD ไม่ได้เปลี่ยนมาใช้จอ OLED ที่ให้สีสันสดใสกว่า แต่ก็แลกมากับรองรับการ Refresh Rate สูงสุดที่ 144 Hz โดยตัวเครื่องจะมีระบบอย่าง AdaptiveSync มาช่วยคำนวนการปรับอัตราการแสดงผลให้เหมาะสมเพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น

กล้องหน้าแบบเจาะรูที่ให้มาความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/2.2 มีโหมดถ่ายภาพบุคคลมาให้ ทำงานร่วมกับ AI ในการตรวจจับฉากหลังต่างๆ ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด Full HD 30 fps

ด้านหลังของตัวเครื่องด้วยการที่ใช้กระจก ทำให้สะท้อนแสงได้หลากหลายมุม และมีรอยนิ้วมือติดค่อนข้างง่าย โดยมีชุดเลนส์กล้องอยู่ที่มุมซ้ายบน ร่วมกับไฟแฟลช และมีสัญลักษณ์ Mi อยู่ที่ซ้ายล่าง

ด้านซ้าย จะถูกปล่อยว่างไว้ ด้านขวามีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ที่ฝั่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย และปุ่มเพิ่มลดเสียง ด้านล่างจะมีช่องใส่ถาดซิม ลำโพง และพอร์ต USB-C สำหรับเสียบสายชาร์จ และเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

รองรับ 5G ราคาคุ้มค่า

การทำราคาจำหน่ายของ Xiaomi Mi 10T 5G ในราคา 13,990 บาท นั้นเรียกได้ว่า ทำให้ตลาดราคาสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ได้รับผลกระทบพอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มของ Galaxy S20 FE ที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นเดียวกัน แต่ราคาอยู่ที่ราว 2 หมื่นบาท

ประกอบกับการที่ เสียวหมี่ มองว่ารุ่นนี้เป็นเครื่องไฮไลท์ส่งท้ายปี ที่มากระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟน และยอดขายของเสียวหมี่ให้เติบโต จึงทำให้ตั้งราคามาได้น่าสนใจ โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 11,990 – 15,990 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องการสเปกไหน รองรับ 5G หรือไม่

ดังนั้น ถ้าใครที่มีงบประมาณจำกัดอยู่ในช่วงหมื่นต้นๆ Xiaomi Mi 10T ซีรีส์ ถือว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน ทั้งเรื่องของหน้าจอ การเชื่อมต่อ กล้องถ่ายภาพ แบตเตอรี และการใช้งานตัวเครื่องที่ลื่นไหล

จุดแตกต่างระหว่าง Mi 10T และ Mi 10T Pro หลักๆ แล้วจะอยู่ที่กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล และ 108 ล้านพิกเซล ตามลำดับ ให้สเปกสูงสุดที่ RAM 8 GB ROM 256 GB และมีรุ่นเล็กอย่าง Mi 10T 5G RAM 6 GB ROM 128 GB ออกมาให้เลือกในราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาทเท่านั้น

ที่สำคัญคือทุกรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ 5G นั่นแปลว่า ซื้อเครื่องแล้วสามารถใช้งานต่อไปได้ยาวๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องหาเครื่อง 5G มาใช้งานในอนาคตอีก เพราะในไทยเครือข่าย 5G รองรับการใช้งานทั่วประเทศแล้ว และทำให้ประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายดีขึ้นด้วย

เครื่องแรงกล้องดี

นอกเหนือจากการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ดีแล้ว Mi 10T Pro ยังมากับหน่วยประมวลผลรุ่นท็อปอย่าง Snapdragon 865 ที่พัฒนาบนสถาปัยกรรมแบบ 7 นาโมเมตร ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลระดับสูง ทำให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเล่นเกมที่ใช้สเปกสูงๆ จนถึงการประมวลผลภาพจากกล้องที่ดีขึ้น

ก่อนหน้านี้ Xiaomi เคยนำกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาใช้งานกับ Mi Note 10 เพียงแต่ว่าใน่ชวงนั้น ทำงานกับซีพียูรุ่นรองลงมาทำให้เกิดปัญหาในการโปรเซสภาพที่ช้า แต่พอมาเป็น Mi 10T Pro ปัญหาดังกล่าวหายไป และได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างดี

ความน่าสนใจของ Mi 10T Pro คือมากับกล้องหลัง 4 เลนส์ โดยมีเลนส์หลัก 108 ล้านพิกเซล f/1.69 ที่ใช้เก็บรายละเอียด ตามด้วยเลนส์มุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล f/2.4 และมาโคร 5 ล้านพิกเซล

เมื่อกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ทำให้เครื่องรุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 8K 24/30 fps ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อทำงานกับ Snapdragon 865 แล้วก็ยังประมวลผลออกมาได้รวดเร็ว แต่ในการใช้งานจริง วิดีโอความละเอียด 4K ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว

แบตฯ ใช้งานได้ยาวๆ

อีกหนึ่งจุดที่ต้องยอมรับว่า Xiaomi ทำการบ้านมาดีคือ การเลือกใช้แบตเตอรีขนาด 5000 mAh เมื่อทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบด้วย MIUI 12 ถือว่าจัดการพลังงงานได้ดีมาก

แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G เล่นเกมต่อเนื่องก็สามารถใช้งานได้ตลอดวัน แต่จะมีแบตลดเร็วๆ บ้างในช่วงที่ใช้งานกล้องต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการที่ตัวเครื่องร้อนขึ้นมา แต่ในภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้

ขณะเดียวกัน เมื่อมากับระบบชาร์จเร็ว 33W ที่แถมอะเดปเตอร์แบบ USB-A to USB-C มาให้ในกล่อง ก็ช่วยให้การชาร์ตแบตเตอรีขนาด 5000 mAh ทำได้รวดเร็ว และไม่ใช้ระยะเวลามากเกินไป

ทดสอบประสิทธิภาพ

ในการใช้งาน Xiaomi Mi 10T Pro เรื่องการประมวลผลต่างๆ ถือว่าอยู่ในระดับท็อปอยู่แล้ว รองรับทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง แต่ที่น่าสนใจคือด้วยหน้าจอที่ให้มาขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว ทำให้การรับชมภาพยนต์แบบสตรีมมิ่งทำได้น่าสนใจมากขึ้น

โดยทาง Xiaomi ได้ทำพันธมิตรร่วมกับ Netflix ให้ลูกค้าที่ซื้อ Mi 10T Pro รับชม Netflix ฟรี 6 เดือนด้วย เมื่อลงทะเบียนภายในสิ้นเดือนมกราคม 2021

ส่วนการใช้งานแบตเตอรี เมื่อลองปรับการใช้งานระหว่างหน้าจอแบบ Adaptive Display 144 Hz เทียบกับ 60 Hz ใช้งานแล้วจะอยู่ที่ 17 ชั่วโมง เทียบกับ 20 ชั่วโมงตามลำดับ ซึ่งถือว่าเปิดใช้งานไว้ตลอดก็ไม่ได้ใช้พลังงานแบตเตอรีเพิ่มมากนัก ยังใช้งานได้ตลอดวันสบายๆ

สรุป

Xiaomi Mi 10T Pro ถือเป็นรุ่นเด่นที่สุดของ Xiaomi ในปีนี้ก็ว่าได้ เพราะด้วยการทำราคาที่น่าสนใจ กับให้สเปกมาสุด จึงทำให้กลายเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ เพราะทั้งรองรับ 5G หน้าจอ 144 Hz แบตเตอรี 5000 mAh ก็ใช้งานยาวๆ ได้อีกหลายปีแล้ว

Gallery

]]>