Acer – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Thu, 20 Jul 2017 03:58:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Acer Aspire VX 15 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งราคาประหยัด https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-aspire-vx15/ Thu, 20 Jul 2017 03:40:29 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=26669

นอกจากเอเซอร์จะมีกลุ่มโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสายฮาร์ดคอร์ในชื่อ Predator (พรีเดเตอร์) ทำตลาดระดับไฮเอนด์ (ราคาเกิน 5 หมื่นบาทขึ้นไป) อยู่แล้ว วันนี้เอเซอร์ก็พร้อมขยายฐานโน้ตบุ๊กเกมมิ่งลงมายังกลุ่มโน้ตบุ๊กยอดนิยมอย่าง Aspire กับซีรีย์ใหม่ Aspire VX จับตลาดเกมเมอร์เน้นความคุ้มค่าและราคาประหยัดไม่เกิน 4 หมื่นบาท โดย Aspire VX รุ่นทำตลาดในประเทศไทยจะยืนพื้นด้วยกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce 1050/1050Ti พร้อมซีพียู Intel Core i7 รุ่นที่ 7 “Kaby Lake”

การออกแบบ

สำหรับดีไซน์ Acer Aspire VX 15 ทุกรุ่นย่อย จะมาพร้อมหน้าจอ Full HD 1,920×1,080 พิกเซล ขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมกล้องเว็บแคมความละเอียด HD 720p โดยในส่วนขนาดตัวเครื่องจะมีความหนา 28.90 มิลลิเมตรและน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มโน้ตบุ๊ก Predator รุ่นล่างสุดที่มีน้ำหนักระดับ 3-4 กิโลกรัมแล้ว Aspire VX 15 จะเคลื่อนย้ายหรือพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายกว่า

ด้านคีย์บอร์ด จะมาพร้อมแป้นตัวเลขและปุ่มฟังก์ชันครบครัน อีกทั้งยังมาพร้อมไฟส่องด้านหลังสีแดงและคีย์ WASD ยังถูกไฮไลท์ด้วยตัวอักษรขอบสีแดง มองเห็นได้ชัดเจน

ส่วน TrackPad มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ล้อมกรอบด้วยเส้นสายสีแดง ด้านคุณภาพจัดอยู่ในระดับกลางๆแบบเดียวกับโน้ตบุ๊ก Aspire ทั่วไป

ด้านล่างตัวเครื่อง จะเป็นช่องระบายความร้อนทั้งหมด (ไม่มีช่องให้อัปเกรมแรมหรือเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ด้วยตัวเองได้) โดยเอเซอร์ได้ติดตั้งพัดลมระบายความร้อน 2 ตัวครอบทับส่วนซีพียูและกราฟิกการ์ด สำหรับวิธีระบายความร้อนจะใช้การดึงลมจากด้านล่างตัวเครื่องออกไปยังด้านหลัง (ตามภาพ : ช่องให้ลมร้อนออกคือบริเวณกรอบสีแดง)

ส่วนแบตเตอรีบรรจุอยู่ภายในตัวเครื่อง (ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง) มีความจุ 4,605mAh (3 เซลล์) เป็นแบตเตอรีลิเธียมไอออน

มาดูเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านขวาจะเป็นช่อง USB-C (Version 3.1 Gen 1) พอร์ต USB 3.0 2 พอร์ต HDMI 1 พอร์ต และพอร์ตแลน RJ-45 อีก 1 พอร์ต

ซ้าย เริ่มจากช่องใส่สายล็อกกันขโมย, ช่องเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน, พอร์ต USB 2.0 1 พอร์ต ช่องอ่านการ์ดความจำ SD และช่องเสียบ Headset/Headphone 3.5 มิลลิเมตร

ส่วนด้านหน้า จะเป็นที่อยู่ของลำโพงสเตอริโอ ซ้าย-ขวา บนเทคโนโลยีเสียง Acer TrueHarmony และ Dolby Audio Premium

สุดท้ายด้านอะแดปเตอร์จ่ายไฟและชาร์จไฟ สามารถจ่ายไฟ 135W ขนาด-รูปร่างอะแดปเตอร์ประมาณ iPhone 7 Plus มีน้ำหนักค่อนข้างมาก

สเปก

Acer Aspire VX 15 รุ่นที่ทีมงานได้รับมารีวิวเป็นโมเดล VX5-591G-71W6 ขับเคลื่อนด้วยซีพียู Intel Core i7 7700HQ 4-Cores 8-Threads ความเร็ว 2.80GHz มาพร้อมแรม DDR4 (Single Channel) จำนวน 8GB ส่วนหน่วยเก็บข้อมูลจะแบ่งเป็น SSD ความจุ 128GB และฮาร์ดดิสก์จานหมุน 1TB อีกหนึ่งลูก

ในส่วนกราฟิกการ์ด ออนบอร์ดจะเป็น Intel HD Graphics 630 ส่วนกราฟิกแยกสำหรับบ้านเราจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 พร้อมแรม GDDR5 4GB (ไม่รองรับ VR) และตัวท็อปสุดจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050Ti พร้อมแรม GDDR5 4GB โดยระบบจะเลือกใช้งานอัตโนมัติ (Auto Switch) เพื่อประหยัดพลังงานเวลาไม่ได้เล่นเกม

ด้านการเชื่อมต่อเครือข่าย เอเซอร์ได้ติดตั้ง WiFi มาตรฐาน 802.11ac มาให้ ส่วนแลนรองรับ Gigabit LAN และมาพร้อม Bluetooth

ด้านระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมากับเครื่อง ตามสเปกชีทในเว็บเอเซอร์ประเทศไทยระบุไว้ว่าเป็น Linux แต่เครื่องที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะติดตั้ง Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์พร้อมมีสติกเกอร์ติดอยู่ด้านใต้โน้ตบุ๊ก เพราะฉะนั้นคนที่กำลังสนใจก่อนเลือกซื้อเครื่องกรุณาสอบถามพนักขายให้ดีเสียก่อน

ทดสอบประสิทธิภาพ

PC Mark 10 = 3,331 คะแนน

3D Mark – Time Spy (DirectX 12) = 1,826 คะแนน

3D Mark Fire Strike = 5,434 คะแนน

3D Mark Sky Diver = 16,328 คะแนน

3D Mark Cloud Gate = 19,159 คะแนน

GeekBench Single Core = 3,767 คะแนน / Multi Core = 11,613 คะแนน

Cinebench R15 OpenGL = 77.23fps / CPU = 699cb

Catzilla = 10,792 คะแนน

ก่อนไปทดสอบเล่นเกมจริง มาเริ่มชุดทดสอบเฉพาะกันก่อน จะเห็นว่าข้อดีของ Aspire VX 15 นอกจากราคาประหยัดแล้ว เรื่องฮาร์ดแวร์ภายในยังถือสดใหม่ใช้ได้เลยทีเดียว ทำให้คะแนนทดสอบถือว่าทำได้ค่อนข้างดี คนที่ซื้อมาทำงานตัดต่อวิดีโอ 4K หรือใช้งานสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ภาพด้วย Adobe After Effect ทีมงานมองว่า VX 15 ตอบโจทย์ได้ดีเช่นเดียวกับการเล่นเกมแน่นอน

มาถึงการทดสอบเล่นเกม เริ่มจากเกมปี 2015 กับ Mad Max (DirectX 11) โดยทีมงานตั้งค่ากราฟิก High ผสม Very High พร้อมเปิดลบรอยหยัก (AA) ที่ความละเอียด 1080p เฟรมเรทที่ได้เป็นดังต่อไปนี้

ถ้าตั้งค่ากราฟิกสูงสุด (MAX Settings) จะได้เฟรมเรทประมาณ 45-57 เฟรมต่อวินาที จะพบอาการหน่วงเล็กน้อยเวลาฉากระเบิดจำนวนมากหรือฉากเกิดพายุทะเลทราย ส่วนถ้าลดกราฟิกลงมาเป็น Very High เฟรมเรทจะนิ่งอยู่ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีตลอด เกมแรกถือว่าสอบผ่านหายห่วง

เกมที่สอง Project Cars (DirectX11) เป็นเกมที่กินสเปกเครื่องพอสมควร แน่นอนว่า GeForce GTX 1050 4GB ไม่สามารถปรับค่ากราฟิกสูงสุดได้ (ที่ความละเอียด 1080p) เพราะเกมจะกระตุกมาก (เล่นไม่ได้) ต้องลดลงแค่ High และปิดลบรอยหยัก SMAA ออกไป ซึ่งเฟรมเรทที่ได้ ถ้าสนามแข่งมีแดดออก เฟรมเรทจะวิ่งที่ 50-67 เฟรมต่อวินาที แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่มีฝนตก เฟรมเรทจะตกลงเหลือ 25-45 เฟรมต่อวินาทีทันที ถ้าอยากให้เฟรมเรทนิ่งเล่นแล้วไม่สะดุด อาจต้องปรับค่ากราฟิกให้ต่ำกว่านี้

มาถึงเกมอภิมหาโหดแห่งการบริโภคสเปกคอมพิวเตอร์ Tom Clancy’s Ghost Recon Wildlands แน่นอนครับว่า Aspire VX 15 ที่มาพร้อม GTX 1050 สามารถเล่นได้ที่ค่ากราฟิก Low – Medium แต่อาจต้องทนกับอาการหน่วงของภาพเล็กน้อย เพราะเฟรมเรทจะวิ่งแกว่งไปมาที่ 20-38 เฟรมต่อวินาทีตลอดทั้งเกม ถ้าจะให้ลื่นจริงๆอาจต้องลดความละเอียดภาพลงมาเหลือ 720p ที่ค่ากราฟิก Low – Medium

ส่วนเกมสุดท้ายทดสอบเทคโนโลยีกราฟิกล่าสุด Async Compute ใน DirectX 12 บน Windows 10 กับเกม Sniper Elite 4 ถือว่า GTX 1050 สอบผ่านที่ค่ากราฟิก High เฟรมเรทที่ได้อยู่ระหว่าง 45-56 เฟรมต่อวินาที

มาถึงการทดสอบความร้อนของตัวเครื่อง ใช้งานปกติตัวเครื่องแทบไม่มีความร้อนแผ่ออกมาให้ผู้ใช้รู้สึก แม้จะตั้งบนตักก็ตาม โดยอุณหภูมิของซีพียูเมื่อใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 45 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกราฟิกการ์ดอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส

ส่วนเมื่อใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ด้านความร้อนที่แผ่ออกมาจะอยู่บริเวณคีย์บอร์ด ส่วนด้านหลังเครื่องพัดลมทำงานค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ความร้อนระบายออกค่อนข้างเร็วด้วยพัดลม 2 ตัวรอบสูงแต่เสียงรบกวนไม่ดังมาก โดยส่วนอุณหภูมิของซีพียูจะอยู่ที่ประมาณ 77-88 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกราฟิกการ์ดอยู่ที่ 69-70 องศาเซลเซียส

สุดท้ายด้านแบตเตอรีเป็นไปตามมาตรฐานโน้ตบุ๊กเกมมิ่งคือ ใช้งานทั่วไป ระบบจะสลับไปใช้การ์ดจอ Intel ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ส่วนเมื่อเล่นเกม ถ้าไม่ต่ออะแดปเตอร์ไฟบ้านระบบจะสลับมาใช้ NVIDIA GeForce GTX 1050 ด้วยโปรไฟล์ประหยัดพลังงาน แบตเตอรีจะใช้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าสั่งให้ระบบวิ่งเต็มประสิทธิภาพพร้อมพัดลมระบายความร้อนทำงาน 100% แบตเตอรีจะใช้ได้ประมาณ 45-50 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น (แล้วแต่เกมที่เล่นด้วย) แนะนำเล่นเกมให้เสียบอะแดปเตอร์ไฟบ้านไว้จะดีที่สุด

สรุป

Acer Aspire VX 15 ในประเทศไทยจะวางขายด้วยกัน 3 รุ่นย่อยได้แก่

VX5-591G-782Z มาพร้อมแรม 4GB ซีพียู i7-7700HQ กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce GTX 1050 ราคาอยู่ที่ 31,990 บาท
VX5-591G-71W6 มาพร้อมแรม 8GB ซีพียู i7-7700HQ กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce GTX 1050 ราคาอยู่ที่ 34,990 บาท
VX5-591G-766Z มาพร้อมแรม 8GB ซีพียู i7-7700HQ กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ราคาอยู่ที่ 37,990 บาท

โดยทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมหน้าจอ 1080p 15.6 นิ้วและหน่วยเก็บข้อมูลเป็น SSD 128GB + HDD 1TB

โดยภาพรวมถือว่า Acer Aspire VX 15 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่เอเซอร์เลือกสเปกภายในมาได้ลงตัวเหมาะสมกับราคา แม้กราฟิกการ์ดแยกจะมีประสิทธิภาพไม่สูงเหมือนตระกูล Predator แต่ภาพรวมการเล่นเกมก็ถือว่า GTX 1050 และ 1050Ti ก็สามารถเล่นเกมในปัจจุบันด้วยค่ากราฟิกระดับกลางๆค่อนต่ำได้เกือบทั้งหมด อีกทั้งด้วยดีไซน์ที่ดูผสมผสานระหว่างโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกับโน้ตบุ๊กตระกูล Aspire ที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน VX 15 สามารถพกพาไปนอกสถานที่ นั่งทำงานที่ร้านกาแฟ หรือพกพา VX 15 ไปพรีเซนต์งาน ก็สามารถทำได้สะดวกสบายกว่าโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสายฮาร์ดคอร์ค่อนข้างมาก

ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ที่มีงบประมาณจำกัดและไม่ได้คลั่งไคล้ชอบปรับค่ากราฟิกในเกมสูงๆเพื่อภาพที่สวยงาม

ข้อดี

– ราคาเทียบประสิทธิภาพถือว่าทำได้น่าพอใจ
– ระบบระบายความร้อนดี
– มีพอร์ต USB-C

ข้อสังเกต

– TrackPad ใช้งานไม่ค่อยลื่นไหล

Gallery

]]>
Review : Acer Aspire E5-553G-T03K โน้ตบุ๊กสุดคุ้ม พลัง AMD ควอดคอร์ ในราคาไม่ถึงสองหมื่นบาท https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-aspire-e-amd/ Tue, 22 Nov 2016 10:14:53 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=24564

IMG_0084

วันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซได้รับโน้ตบุ๊กฝั่ง AMD (เอเอ็มดี) มาทดสอบกับแบรนด์ Acer ตระกูล Aspire E Series ที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย โดยรุ่นที่ทีมงานได้รับมาเป็นรหัส E5-553G-T03K ใช้ซีพียู AMD A-Series เจนเนอเรชันที่ 7 พร้อมกราฟิกการ์ดแยกและไม้ตายเด็ดคือราคาไม่ถึงสองหมื่นบาท

การออกแบบ

IMG_0080

IMG_0124

เริ่มจากการออกแบบ Aspire E Series ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโน้ตบุ๊กเน้นใช้งานหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า เพราะฉะนั้นเอเซอร์จึงจัดสเปกฮาร์ดแวร์มาให้เพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบ ตั้งแต่หน้าจอแบบด้าน ที่ให้ขนาดมาใหญ่โตถึง 15.6 นิ้ว แต่ด้านพาเนลจะลดสเปกไปใช้ Active Matrix TFT Color LCD ที่ความละเอียด HD 1,366×768 พิกเซล พร้อมกล้องเว็บแคมรองรับ HDR และไมโครโฟน

IMG_0108

ด้านวัสดุ ฝาเปิดปิดเป็นพลาสติกขัดลายให้เหมือนโลหะดูหรูหรา

ในส่วนขนาดตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่โตตามขนาดหน้าจอ โดยตัวเครื่องมีความหนา 23.90 (ด้านหน้า)ถึง 30.20 มิลลิเมตร (ด้านหลัง) พร้อมน้ำหนัก 2.23 กิโลกรัม

IMG_0094

แน่นอนว่าด้วยตัวเครื่องขนาดใหญ่ ทำให้แป้นคีย์บอร์ดสามารถติดตั้ง Num Pad (แผงปุ่มตัวเลข) เพิ่มได้ โดยแป้นคีย์บอร์ดจะไม่มีไฟส่องสว่างด้านหลังเวลาใช้งานกลางคืน ส่วน Touch Pad เป็นมัลติทัชรุ่นใหม่แบบมีระบบป้องกันการตอบสนองต่ออุ้งมือจากการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ

IMG_0131

ด้านล่างตัวเครื่อง ในรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมแบตเตอรี 4 เซลล์ขนาด 2,800mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง ลงมาด้านล่างจะเป็นฝาปิดช่องใส่แรมและฮาร์ดดิกส์ (สามารถอัปเกรดได้ภายหลัง แต่ระหว่างอยู่ในประกันเมื่อแกะฝาปิดนี้ออกด้วยตัวเอง ประกันจะขาดทันที) 

IMG_0139

ส่วนช่องซ้ายขวาด้านล่างจะเป็นลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวบนเทคโนโลยี Acer TrueHarmony เน้นให้เสียงมีมิติมากขึ้น

IMG_0120

มาดูพอร์ตเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากขวามือเป็นไดร์ฟ DVD อ่านเขียนได้ ถัดมาเป็นช่องเสียบอะแดปเตอร์ไฟบ้าน พอร์ต USB 2.0 และช่องหูฟัง/Headset 3.5 มิลลิเมตร

IMG_0119

ซ้ายมือ เริ่มจากบนสุดเป็นช่องใส่สายล็อคกันขโมย ถัดลงมาเป็นช่องระบายความร้อน พอร์ต USB-C 3.1, พอร์ต LAN RJ-45, VGA D-sub, HDMI และ USB 3.0 อีก 2 พอร์ต (เรียกได้ว่าครบครันทุกพอร์ตเชื่อมต่อที่ใช้ในปัจจุบันเลย)

IMG_0133

ด้านหน้า เป็นช่องอ่านการ์ด SD Card Reader และไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่องและไฟฮาร์ดดิสก์

สเปก

cpu-a10

มาถึงสเปก เริ่มจากซีพียูใช้เจนใหม่ระดับกลาง เน้นประหยัดพลังงาน (7th Gen) AMD A10 9600P Quad Core ความเร็ว 2.40GHz 10 Compute Cores (GPU+CPU) รองรับ AMD Turbo Core Technology เพิ่มความเร็วได้สูงสุด 3.30GHz แรมเป็น DDR4 Dual Channel ขนาด 8GB

gpuz-a10

amdset1

ในส่วนกราฟิกการ์ดจะมี 2 ตัว (Dual Graphics) คือหนึ่งตัวมากับซีพียูเป็น Accelerated Processor (APU) “Radeon R5” พร้อมแรม 512MB แชร์มาจากแรมตัวเครื่อง DDR4 ส่วนอีกตัวเป็น “AMD Radeon R8 M445DX” (ในรูปจะแสดงชื่อรุ่นผิด ต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์) พร้อมแรม DDR3 ขนาด 2GB โดยการทำงาน ระบบจะจัดการพลังงานและประสิทธิภาพแปรผันตามการใช้งานผ่านซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติ

specaceramdddddd22

ด้านสเปกฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น Acer Aspire E5-553G-T03K มาพร้อมฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลความจุ 1TB จากโตชิบ้า ชิป WiFi จาก Qualcomm รองรับมาตรฐานเชื่อมต่อสูงสุด IEEE 802.11ac พร้อมบลูทูธ

สำหรับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมากับเครื่องจะเป็น Linpus Linux เท่านั้น ใครอยากได้ Windows 10 ต้องซื้อแยกมาติดตั้งเอง

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

pcmark-amdacer1

pcmark-amdacer4pcmark-amdacer2pcmark-amdacer3

ขอเริ่มจาก PCMark 8 กันก่อน จะเห็นว่าผลคะแนนที่ออกมาถ้าเทียบกับโน้ตบุ๊กรุ่นที่ใช้ซีพียูคู่แข่งจะอยู่ประมาณ Intel Core i5 ได้ประสิทธิภาพคุ้มราคาดีเหมือนกันโดยเฉพาะเมื่อใช้งานแอปพลิเคชันเป็นจำนวนมากพร้อมกัน 4 แกนสมองของเอเอ็มดีช่วยเหลือได้ดีมาก

3dmark13dmark2

โดยเฉพาะส่วนกราฟิกแม้เมื่อรวมกันทำงานจะให้ประสิทธิภาพเพียงแค่ระดับเริ่มต้น (3DMark ทดสอบได้แค่ชุด Sky Diver กับ Cloud Gate สูงกว่านั้นสเปกกราฟิกไม่พอ) แต่สำหรับการนำไปใช้ทำงาน เช่น ตกแต่งภาพ เรนเดอร์วิดีโอถือว่าทำได้ลื่นไหลพอตัว โดยทีมงานได้ทดลองตัดต่อวิดีโอ 4K ก็พบว่าสามารถทำได้ในระดับกลางๆ น่าพอใจ อาจไม่รวดเร็วแต่ก็ไม่มีอาการติดขัดใดๆระหว่างใช้งานเลย

geekaceramd

คะแนน Geekbench 4 สำหรับ Single Core อยู่ที่ 1,951 คะแนน Multi-core อยู่ที่ 4,159 คะแนน

ffxiv_dx11-2016-11-19-13-06-17-36

ffxivaceramd

Rise-of-the-Tomb-Raider-v1.0-build-668.1_64-19_11_2559-12_38_39

มาถึงการทดสอบเล่นเกม ตามสเปกและราคา Aspire E5-553G-T03K อาจไม่รองรับกับเกม 3 มิติทุกเกมที่วางขายในท้องตลาดตอนนี้ เนื่องจากสเปกฮาร์ดแวร์ค่อนข้างจำกัดอย่างมาก ยกตัวอย่างเกม Rise of the Tomb Raider สามารถเล่นบน DirectX 12 ที่ค่ากราฟิกต่ำสุดได้เฟรมเรตประมาณ 15-20 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น ถือว่าพอเล่นได้ กราฟิกไม่มีแสดงผลผิดเพี้ยน ถ้าเป็นเกมที่กราฟิกไม่สูงมาก เช่น Overwatch สามารถปรับค่ากราฟิกกลางๆก็สามารถเล่นได้ลื่นไหลสบายๆ หรือ GTA V ถ้าปรับออปชันกราฟิกกลาง-ต่ำ ก็สามารถเล่นได้ลื่นไหลเช่นกัน (เทียบกับคู่แข่งก็ประมาณ NVIDIA GeForce 940M)

aceramda10-batterytest

สุดท้ายกับการทดสอบแบตเตอรี ถือเป็นจุดอ่อนสุดของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้เพราะทำเวลาใช้งานต่อเนื่องได้แค่ 2 ชั่วโมง 33 นาทีเท่านั้น ถ้านับเป็นเวลาใช้งานทั่วไปไม่น่าจะถึง 6 ชั่วโมง

สรุปสำหรับค่าตัว Acer Aspire E5-553G-T03K ราคาเต็มอยู่ที่ 17,990 บาท (ตอนนี้มีการปรับราคาลงเหลือ 14,990 บาท) เรียกว่าเป็นราคาเปิดตัวที่คุ้มค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ที่มาพร้อมซีพียูเจนเนอเรชันที่ 7 จาก AMD สามารถฟัดชนะคู่แข่งได้ไม่ยากเลย (ประสิทธิภาพสูสีกันแล้ว) ยิ่งราคาเปิดตัวมาไม่เกินสองหมื่นบาทด้วยแล้ว ใครมีงบประมาณจำกัด ทีมงานแนะนำให้มองรุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลย

แต่ทั้งนี้ทีมงานก็อยากให้ทางเอเซอร์ปรับความสมบูรณ์ของไดร์ฟเวอร์กราฟิกการ์ดและเฟริมแวร์ตัวเครื่องอีกเล็กน้อย เนื่องจากระบบมองชื่อรุ่นกราฟิกการ์ดผิดรุ่นและบางครั้งระบบมองไม่เห็นกราฟิกการ์ดตัวที่สองทำให้ประสิทธิภาพลดลงไปถึงการจัดการพลังงานภายในที่ต้องได้รับการแก้ไขอีกเล็กน้อย Aspire E5-553G-T03K ก็น่าจะสมบูรณ์แบบและน่าใช้ยิ่งขึ้นไปอีก

ข้อดี

– สเปกเทียบราคาคุ้มค่ามาก
– ซีพียูควอดคอร์
– จอ 15.6 นิ้ว คีย์บอร์ดมีแป้นตัวเลข
– พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน มี USB-C ด้วย
– อัปเกรดแรมและฮาร์ดดิสก์ได้ภายหลัง

ข้อสังเกต

– ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่
– แบตเตอรีหมดเร็ว
– ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ระบบยังไม่ค่อยเสถียรนัก
– ฮาร์ดดิสก์ 1TB ที่ิติดตั้งมากับเครื่องอ่านเขียนค่อนข้างช้า

Gallery

]]>
Review : Acer Aspire S 13 เด่นที่บางเบา รองรับ USB-C https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-aspire-s13/ Tue, 11 Oct 2016 06:07:47 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=24127

acers13-head

Aspire S เป็นตระกูลอัลตร้าบุ๊กจากเอเซอร์ที่เน้นความบางเบาเป็นหลัก โดย Aspire S 13 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2016 มี 2 รุ่นให้เลือกได้แก่ S5-371-56U8 มาพร้อมซีพียู Intel Core i5 และรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ S5-371-74P0 มาพร้อมซีพียู Intel Core i7

การออกแบบ

DSC_2386

DSC_2404

Acer Aspire S 13 ทุกรุ่นมาพร้อมหน้าจอด้าน LED IPS ขนาด 13.3 นิ้ว (Active Matrix TFT Color LCD) ความละเอียดหน้าจอ Full HD 1,920×1,080 พิกเซล พร้อมกล้องเว็บแคม ไมโครโฟน และด้านในหน้าจอยังมีการวางเสาอากาศรับ WIFi แบบ 2×2 MU-MIMO ขนาบไว้ทั้งสองข้างหน้าจอด้วย

ส่วนขนาดตัวเครื่อง กว้าง 327 มิลลิเมตร ลึก 288 มิลลิเมตร หนา 14.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 1.30 กิโลกรัม

DSC_2413

DSC_2451

ด้านการออกแบบ ตัวเครื่อง Core i5 จะเป็นสีดำ ส่วนตัว Core i7 จะเป็นสีขาว ฝาเครื่องใช้การพิมพ์ลายนาโน ส่วนบานพับเป็นโลหะชุปสีทองแดงผิวเรียบ มุมเครื่องได้รับการออกแบบให้โค้งมน พร้อมชื่อรุ่น Aspire S สลักอยู่บริเวณตรงกลางของบานพับโลหะ

DSC_2390

DSC_2441

คีย์บอร์ด มาพร้อมปุ่ม Function (Fn) ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ไฟ Backlight และมีการออกแบบให้คีย์แป้นพิมพ์เตี้ยลง กดสัมผัสได้ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้านนิ้ว ส่วนทัชแพดเป็นมัลติทัช ตอบสนองเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า

DSC_2416

ด้านข้าง เริ่มจากขวามือจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB 3.1 Type-C , USB 3.0, พอร์ต HDMI, ไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง, ไฟแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรีและสุดท้ายช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ไฟบ้าน

DSC_2417

อีกด้านจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB 3.0, ช่องหูฟัง/Headset ขนาด 3.5 มิลลิเมตร และช่องอ่านการ์ด SD

DSC_2420

ด้านหลัง จะเป็นส่วนบานพับโลหะทั้งหมดพร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่จำนวน 2 ช่อง

DSC_2421

พลิกเครื่องมาดูด้านล่าง (ไม่สามารถถอดแบตเตอรีและอัปเกรดฮาร์ดแวร์ได้ด้วยตัวเอง) ด้านบนจะเป็นส่วนหมุนเวียนอากาศเพื่อระบายความร้อน ส่วนด้านล่างบริเวณซ้ายและขวาของตัวเครื่องจะเป็นส่วนลำโพงสเตอริโอ

สเปก

cpu-z-s13

win10details-s13

มาดูสเปกเครื่อง สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ซีพียูดูอัลคอร์ Intel Core i7 6500U ความเร็ว 2.50GHz แรมให้มา 8GB แบบ Dual Channel LPDDR 3 กราฟิก ให้มาเฉพาะออนบอร์ด Intel HD Graphics 520 ฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 512GB, WiFi รองรับมาตรฐานสูงสุด IEEE 802.11ac

ในส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 Home Single Language แบตเตอรีภายในเป็น ลิเธียมโพลิเมอร์ 3 เซลล์ 4,030 mAh

ฟีเจอร์เด่น

Win10home-s13

acercare-s13

นอกจากระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ติดตั้งมาจากโรงงานแล้ว ตัวเครื่องยังรองรับระบบคลาวด์ BYOC (Build Your Own Cloud) ของเอเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นทางเอเซอร์จึงจัดเต็มติดตั้งแอปพลิเคชันเกี่ยวกับคลาวด์ส่วนตัวมาให้ใช้งานอย่างครบครัน รวมถึง Acer Care Center ที่มีให้ผู้ใช้สามารถตรวจเช็คอัปเดตเฟริมแวร์ สำรองข้อมูลได้อย่างง่ายดายเช่นเดิม

ด้านระบบเสียง Aspire S 13 รองรับ Dolby Audio ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระตามรูปแบบการใช้งาน

ทดสอบประสิทธิภาพ

pcmark-s13

geekbench-s13

ในครั้งนี้ทีมงานคงไม่ลงรายละเอียดส่วนทดสอบประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากจุดประสงค์ของตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อเน้นเรื่องความบางเบา และใช้งานทั่วไป เพราะฉะนั้นการทดสอบจึงเน้นเรื่องประสิทธิภาพสำหรับงานเอกสาร ตัดแต่งปรับสีภาพ รวมถึงการใช้เล่นเกมฆ่าเวลาเล็กๆน้อยๆ แน่นอนว่า Acer Aspire S 13 สามารถตอบสนองการใช้งานเหล่านั้นได้ดี ซีพียู Intel Core i7 Dual Core สามารถใช้งานได้ครอบคลุมตั้งแต่งานมัลติมีเดีย ตัดต่อคลิปวิดีโอจากสมาร์ทโฟน ไปถึงการตัดแต่งปรับสีภาพถ่าย RAW, JPEG จากซอฟต์แวร์เฉพาะก็สามารถใช้งานได้ลื่นไหลจาก Aspire S 13

batt-s13

นอกจากนั้นเรื่องแบตเตอรี สำหรับการใช้งานแบบหนักหน่วงผ่านชุดทดสอบ PC Mark 8 สามารถทำเวลาได้ 4 ชั่วโมง 2 นาที และเมื่อทดสอบใช้งานจริงพบว่า ตัวเครื่องสามารถใช้งานต่อเนื่องประมาณ 6-9 ชั่วโมง ไม่แตกต่างจากอัลตร้าบุ๊กแบรนด์อื่นนัก

สรุป

DSC_2388

สำหรับราคาค่าตัว Acer Aspire S 13 (Core i7) อยู่ที่ 39,990 บาท เรียกได้ว่าเป็นอัลตร้าบุ๊กเน้นความเบาบางติดอันดับโน้ตบุ๊กพกพาสะดวกสบายอันดับต้นๆของกลุ่มได้สบายๆ

ด้านการออกแบบ วัสดุที่เลือกใช้ ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะบานพับที่ผลิตจากโลหะ มีความแข็งแรง หรูหราเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนักธุรกิจอย่างดี ส่วนประสิทธิภาพก็เป็นไปตามสเปก i7 Dual Core คือใช้งานทั่วไป ไปถึงสามารถตัดคลิปวิดีโอเล็กๆน้อยๆได้ทั้งหมด แต่ถ้านำไปใช้งานเฉพาะทาง เช่น ตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูง 4K หรือตกแต่งภาพเป็นหลัก Aspire S 13 อาจไม่เหมาะแก่งานเหล่านั้น

ข้อดี

– บางเบา พกพาสะดวกสบาย
– การออกแบบ บานพับโลหะ หรูหราแข็งแรง เก็บงานดีมาก
– แป้นคีย์บอร์ดกดสัมผัสง่าย ใช้งานลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
– มี USB 3.1 Type-C มาให้

ข้อสังเกต

– อะแดปเตอร์ไฟบ้านมีขนาดใหญ่เกินไป น่าจะได้รับการออกแบบใหม่ให้เข้ากับความเป็นตระกูลเน้นบางเบา
– เมื่อพัดลมระบายความร้อนทำงานแรงสุด เสียจะดังมาก

Gallery

]]>
Review : Acer Revo Build คอมพิวเตอร์เบนโตะ จิ๋วแจ๋ว แนวคิดเลิศ https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-revo-build/ Tue, 19 Jul 2016 07:09:49 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=23208

IMG_5810

ครั้งแรกที่ได้เห็น Acer Revo Build ทีมงานไซเบอร์บิซแทบไม่เชื่อสายตาว่านี่คือคอมพิวเตอร์ในกลุ่มเดสก์ท็อปพีซี เพราะด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว แถมการออกแบบในรูปทรงกล่องข้าวแบ่งส่วนฮาร์ดแวร์เป็นบล็อกซ้อนทับกันจนสูงเป็นคอนโด ไม่น่าเชื่อจริงๆว่านี่คือเดสก์ท็อปพีซียุคใหม่

การออกแบบ

IMG_5472

IMG_5470

แนวคิดการออกแบบของ Revo Build เป็นการต่อยอดจาก Revo One ที่วางขายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนอกจากความเล็กจิ๋ว เคลื่อนย้ายสะดวกสบายและเหมาะแก่การนำมาทำเป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว เรื่องของการอัปเกรดก็ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะด้วยการออกแบบตัวเครื่องเป็นคอนโด ทุกบล็อกสามารถถอดแยกชิ้นจากกันได้อย่างอิสระ โดยมีส่วนคอมพิวเตอร์ตัวหลัก (ในภาพคือบล็อกที่มีฝาด้านบนเป็นสีส้ม) เป็นศูนย์กลางควบคุมทั้งหมด คุณมีเพียงคอมพิวเตอร์ตัวหลักเพียงตัวเดียวพร้อมเชื่อมต่อจอภาพ เมาส์และคีย์บอร์ด คุณก็สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ส่วนถ้าคุณอยากเพิ่มอุปกรณ์อื่นๆในอนาคตก็เพียงไปหาซื้อบล็อกมาเชื่อมต่อเสริมเข้าไปเท่านั้น (ทุกชั้นจะเชื่อมต่อกันได้ด้วยพอร์ต 14 พิน ประกบติดกันด้วยแม่เหล็ก)

IMG_5790

IMG_5796

ฮาร์ดดิสก์เสริมขนาด 1TB สามารถถอดออกมาและนำไปใช้เป็น External HDD กับคอมพิวเตอร์อื่นๆผ่านพอร์ต USB3.0 ได้ด้วย

IMG_5476

ส่วน Graphic Block จะมีการติดตั้งพัดลมระบายความร้อนอยู่ด้านล่าง และต้องเสียบไฟก่อนใช้งาน (มีอะแดปเตอร์แถมมาให้) โดยการทำงานจะเป็นแบบอัตโนมัติสลับกับกราฟิกออนบอร์ด

สำหรับ Revo Build ที่ทีมงานได้รับมาทดสอบเป็นโมเดล M2-601 จะมาพร้อมกับบล็อก ฮาร์ดดิสก์เสริมขนาด 1TB และกราฟิกบล็อก AMD Radeon R5 M330 เมื่อนำมาประกบกับคอมพิวเตอร์ส่วนหลักแล้ว รูปทรงจะเป็นตามภาพประกอบด้านบน

rvbfull

ส่วนชุดเต็มออปชันจะเพิ่ม Audio Block, Wireless charging (สามารถทำเป็น Power Bank ชาร์จสมาร์ทดีไวซ์แบบไร้สายได้) เข้ามา และในอนาคตทางเอเซอร์อาจออกอุปกรณ์เสริมอื่นๆอีก

IMG_5474

กลับมาดูที่ส่วนคอมพิวเตอร์หลัก ตัวเครื่องส่วนนี้จะมีขนาดกว้างxยาว 135×135 มิลลิเมตร สูง 56 มิลลิเมตร ด้านบนมีพอร์ตเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บล็อกเสริมต่างๆ

IMG_5801

IMG_5805

ส่วนด้านล่างเป็นช่องเชื่อมต่อกับ Graphic Block และตรงกลางเป็นช่องใส่หน่วยความจำแบบคู่ (แรม) ผู้ใช้สามารถเปิดออกเพื่อเพิ่มหน่วยความจำได้สูงสุด 16GB

IMG_5800

ด้านข้าง – เป็นพอร์ต USB 3.0, ช่องเสียบหูฟัง/Headset, ช่องอ่าน SD Card และช่องระบายความร้อนด้านล่าง

IMG_5795

ด้านหลัง – เริ่มจากช่องระบายความร้อน ถัดลงมาเป็นช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ไฟบ้าน, HDMI, Display Port, USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และช่องแลน (LAN RJ45)

IMG_5811

ในชุดแถมเมาส์กับคีย์บอร์ดไร้สายพร้อมตัวรับส่งสัญญาณมาให้ คุณเพียงหาจอภาพที่มีพอร์ต HDMI หรือจะแปลงจาก HDMI เป็น DVI ก็สามารถใช้ได้ทันที

สเปก

cpudetails-rb

gpu-zrb

ในตระกูล Acer Revo Build จะมีซีพียูให้เลือกใช้งานตั้งแต่ Intel Celeron ถึง Core i5 แต่โมเดลที่ทีมงานได้รับมาวันนี้และคาดว่าจะใช้ทำตลาดในประเทศไทยก็คือ M2-601 ซีพียู Intel Core i3 6100U แบบ 2 cores 4 threads ความเร็ว 2.30GHz พร้อมแรม DDR4 Single Channel 4GB และกราฟิกออนบอร์ด Intel HD Graphics 520

ส่วนถ้าเพิ่ม Graphic Block เข้าไปก็จะได้ AMD Radeon R5 M330 พร้อมแรม 2GB มาใช้งานร่วมด้วย โดยการทำงานจะเหมือนโน้ตบุ๊กที่มีการ์ดจอแยกปกติ กล่าวคือระบบจะทำการสลับการทำงานระหว่างกราฟิกออนบอร์ดและกราฟิกแยกอัตโนมัติตามรูปแบบการใช้งานของเรา

ในส่วนฮาร์ดดิสก์ภายในคอมพิวเตอร์หลักจะให้ความจุมา 500GB ส่วนฮาร์ดดิส์กเสริม (HDD Block) จะมีความจุ 1TB ภายในยังรองรับการเชื่อมต่อระบบไร้สายตั้งแต่ WiFi Wireless-AC และบลูทูธ 4.0 พร้อม Windows 10 ลิขสิทธิ์แบบ Home Single Language 64-bit ด้วย

ซอฟต์แวร์ ฟีเจอร์เด่น

windowshome2-rb

byoc-rb

Windows 10 ที่ติดตั้งมากับ Revo Build จะเหมือนกับวินโดวส์ที่อยู่บนโน้ตบุ๊กของเอเซอร์ทุกรุ่นพร้อมซอฟต์แวร์ ab ดูภาพ วิดีโอและฟังเพลง รวมถึงยังรองรับ Acer BYOC (Build Your Own Cloud) อีกด้วย

นอกนั้นในส่วนฟีเจอร์และซอฟต์แวร์เสริมอื่นๆจะเหมือนกับโน้ตบุ๊กเอเซอร์ทั่วไป

ทดสอบประสิทธิภาพ

PCmark-rb

ขอเริ่มจาก PCMark กันก่อนจะเห็นว่าส่วนคะแนนจะไม่ต่างจากโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Core i3 6100U กล่าวคือประสิทธิภาพด้านการประมวลผลโดยรวมสามารถใช้ทำงานตั้งแต่ตกแต่งภาพผ่าน Photoshop พิมพ์งานไปถึงตัดต่อวิดีโอเล็กๆน้อยๆได้อย่างลื่นไหล แรม 4GB ถือว่าให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ถ้าต้องการใช้งานที่หนักหน่วงขึ้นหรือนำไปเล่นเกมด้วยควรเพิ่มแรมเป็น 8GB อย่างต่ำ

geekbench3-rb

ในส่วนชุดทดสอบ Geekbench 3 ทำคะแนน 32-bit Single Core อยู่ที่ 2,291 คะแนน Multi Core อยู่ที่ 4,973 คะแนน ส่วน 64-bit Single Core อยู่ที่ 2,406 คะแนน Multi Core อยู่ที่ 5,162 คะแนน

3dmarkrb-1

3dmarkrb-33dmarkrb-2

gamerb

ด้านการประมวลผลกราฟิกและเล่น เนื่องจากในชุดมี Graphic Block AMD Radeon R5 330 พร้อมแรม 2GB ติดตั้งมาให้ ทีมงานจึงได้ทำการทดสอบด้วย 3DMark และเกม Final Fantasy X ถือว่าทำได้แค่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น การใช้เล่นเกมต้องปรับค่ากราฟิกต่ำสุดถึงจะเล่นได้ลื่นไหล แต่บางเกมก็ไม่สามารถเล่นได้ เนื่องจากกราฟิกแยกมีประสิทธิภาพต่ำเกินไป

redeonset-2rb

อีกทั้งทีมงานยังพบปัญหาในบางเกม กราฟิกไม่ยอดสลับจากออนบอร์ดมาเป็นการ์ดจอแยก ทีมงานต้องเข้าไปตั้งค่าผ่านเมนู Radeon Additional Settings ด้วยตัวเอง ระบบถึงจะยอมสลับการ์ดจอให้

4k-rb

ในส่วนการเล่นไฟล์ 4K ทั้งจากยูทูปและไฟล์ MP4,MOV สามารถเล่นได้ลื่นไหลไม่มีปัญหาใดๆ อีกทั้งการตัดต่อวิดีโอและตกแต่งภาพถ้าซอฟต์แวร์รองรับการเปิดใช้การ์ดจอแยกมาช่วยประมวลผลจะทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้นด้วย

IMG_5786

สรุปภาพรวมในส่วนการทดสอบประสิทธิภาพ Acer Revo Build ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ การใช้งานทั่วไปจนถึงใช้งานด้านโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ถือว่าสอบผ่าน ตัวเครื่องรองรับการบายพาสสัญญาณเสียง Dolby Digital/DTS Multi Channel ผ่าน HDMI ได้ด้วย

ที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษก็คือเรื่องการออกแบบให้ทุกอย่างสามารถถอดประกอบได้ ทำให้ตัวเครื่องสามารถอัปเกรดได้ยืดหยุ่นมากกว่า All in One PC หรือโน้ตบุ๊ก โดยเฉพาะส่วนฮาร์ดดิสก์เสริม 1TB ที่เวลาเสียบกับเครื่องแล้วจะกลายเป็นไดร์ฟ D และเมื่อถอดออกจะเปลี่ยนตัวเองเป็น External HDD ปกติ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีมาก

แต่ทั้งนี้ก็มีข้อสังเกตในเรื่องฮาร์ดดิสก์เสริมที่ทำงานช้า (คาดว่าอินเตอร์เฟสเชื่อมต่อจะเป็น USB 3.0 ไม่ใช่ SATA Direct เข้าคอมพิวเตอร์ส่วนหลัก) รวมถึงฮาร์ดดิสก์ในตัวเครื่องก็ถือว่าเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ค่อนข้างช้าไปสักเล็กน้อย

ส่วนการใช้งานเล่นเกม 3 มิติส่วนนี้ Graphic Block ที่เอเซอร์ให้มาอาจตอบสนองได้ไม่ดีนัก อยากให้ในอนาคต เอเซอร์ออก Graphic Block ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้ออกมา

สรุป

IMG_5814

ถือเป็นเดสก์ท็อปพีซีที่มีแนวคิดดีมาก อนาคตถ้าเอเซอร์ไม่ทิ้งซีรีย์นี้ไปเราคงได้เห็นอุปกรณ์เสริมออกมาอีกมากมาย ส่วนปัจจุบันสำหรับตลาดประเทศไทยเอง เอเซอร์นำเข้ามาขาย 2 รุ่นได้แก่ รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ Core i3-6100U ทั้งชุดอยู่ที่ 25,900 บาท และรุ่นราคาประหยัดซีพียู Intel Celeron N3050 อยู่ที่ 8,990 บาท

ใครกำลังมองหาอุปกรณ์ทำโฮมเอนเตอร์เมนต์หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขนาดเล็กเน้นใช้พิมพ์งาน ตกแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอและเล่นเกมระดับเริ่มต้น Acer Revo Build ถือว่าน่าสนใจ ส่วนขาฮาร์ดคอร์อยากได้ Revo Build ชุดท็อปซีพียู Core i5 คงต้องรอทางเอเซอร์ประเทศไทยประกาศอีกครั้ง รวมถึงชุด Graphic Block ที่อยากให้เอเซอร์ออกตัวเลือกมาให้มากกว่านี้ในอนาคตก็น่าจะทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ข้อดี

– การออกแบบเป็นกล่องข้าว เล็ก เคลื่อนย้ายสะดวก นอกจากนั้นยังสามารถแยกส่วนบล็อกฮาร์ดแวร์ออกจากกันได้อย่างอิสระ อนาคตสามารถอัปเกรดได้ง่าย
– รองรับการเป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์เต็มประสิทธิภาพ
– ฮาร์ดดิสก์เสริม 1TB มีรูปแบบการใช้งานน่าสนใจ
– มีเมาส์ คีย์บอร์ด อะแดปเตอร์ไฟและสาย HDMI แถมมาในชุดเลย ผู้ใช้แค่หาจอภาพมาต่อก็ใช้งานได้ทันที (รองรับจอภาพความละเอียด 4K)

ข้อสังเกต

– ในชุด Graphic Block ยังให้ประสิทธิภาพประมวลผลที่ยังไม่น่าสนใจพอ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องสลับการใช้งานระหว่างการ์ดจอออนบอร์ดกับ Graphic Block อยู่
– ในรุ่น Core i3 รวมการ์ดจอแยกเมื่อเทียบประสิทธิภาพ ราคาค่อนข้างสูง

Gallery

]]>
Review : Acer Predator 17 โน้ตบุ๊กพันธุ์โหดเพื่อคอเกมและไฮเอนด์ยูสเซอร์ https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-predator17/ Mon, 27 Jun 2016 02:01:35 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=23050

IMG_5320

ขึ้นชื่อซับแบรนด์ “Predator” จากเอเซอร์ คอเกมคงทราบดีรู้แล้วว่าเน้นจับกลุ่ม ”เกมเมอร์” ที่ต้องการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เล่นเกมประสิทธิภาพสูง โดยในวันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซได้รับโน้ตบุ๊กตัวท็อปสุดของซับแบรนด์นี้ (สำหรับตลาดประเทศไทย) มารีวิวกับ “Acer Predator 17”

การออกแบบ

IMG_5375

predator-sideall

เริ่มจากการออกแบบ Acer Predator 17 รุ่นท็อปสุดในบ้านเราจะเป็นโมเดล G9-791-72Q4 โดยตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ LED ขนาด 17.3 นิ้ว พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียดจอ 1,920×1,080 พิกเซล (รองรับ Output 4K) และมีกล้องเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนติดตั้งเหนือจอภาพขึ้นไป

ขนาดตัวเครื่องถือว่าใหญ่และหนักถึง 3.95 กิโลกรัมเมื่อรวมอะแดปเตอร์จ่ายไฟแล้วน้ำหนักจะเขยิบไปที่ประมาณเกือบ 5 กิโลกรัมเลยทีเดียว

IMG_5350

มาดูส่วนคีย์บอร์ด Predator ProZone จะเป็นแป้นแบบ Full Keyboard พร้อมแป้นตัวเลขครบถ้วน นอกจากนั้นเพื่อความเป็นเกมเมอร์เอเซอร์ยังได้เพิ่มสีแดงเข้าไปที่คีย์ WASD และปุ่มทิศทางเพื่อให้ผู้ใช้ เวลาเล่นเกมจะสามารถสังเกตเห็นปุ่มเหล่านี้ได้ง่าย

ถัดมาซ้ายมือสุดจะเป็นปุ่มโปรไฟล์พิเศษที่ผู้ใช้สามารถตั้งเป็นคีย์ลัดหรือมาโครปุ่มร่วมกับเกมที่เล่นได้ตามต้องการ

ด้านล่างสุด – จะเป็นทัชแพดขนาดใหญ่พร้อมปุ่มแทนการคลิกเมาส์ซ้ายและขวาและปุ่มเปิดปิดใช้งานทัชแพด

IMG_5341

นอกจากนั้นใต้แป้นพิมพ์ทางเอเซอร์ยังได้ติดตั้งไฟ LED ส่องสว่างไว้ด้วย โดยรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบไฟจะเปลี่ยนสีไม่ได้ (ยกเว้นบริเวณปุ่มโปรไฟล์พิเศษ)

IMG_5346

ถัดขึ้นมาบนขวามือจะเป็นไฟแสดงสถานะเปิดเครื่อง ไฟแสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดไดร์ฟและไฟแสดงการชาร์จไฟ (ถ้าเป็นสีส้มแสดงว่ากำลังชาร์จไฟเข้าอยู่ ถ้าเป็นสีแดงแสดงว่าใช้ไฟตรงจากอะแดปเตอร์ไฟบ้าน)

IMG_5329

สำหรับด้านหลังเครื่อง เริ่มจากบริเวณหน้าจอ (ฝาปิด) จะมีโลโก้ Predator อยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยเส้นสีแดงสองเส้น (เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟสีแดงเรืองแสงดูน่าเกรงขามดี)

cooling-pre17

ส่วนด้านหลังเครื่องตรงที่ล้อมด้วยกรอบสีแดง บริเวณนั้นจะเป็นช่องระบายความร้อน โดยภายในจะมีพัดลม 2 ตัวช่วยกันระบายความร้อนบนเทคโนโลยี Predator FrostCore ซึ่งทางเอเซอร์ได้เขียนคำเตือนไว้ในคู่มือว่า ระหว่างเล่นเกมบริเวณด้านหลังนี้จะมีความร้อนสูง (สูงกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปหลายเท่าตัว) เพราะฉะนั้นการวาง Acer Predator 17 ระหว่างเล่นเกม ควรวางให้ด้านหลังตัวเครื่องออกห่างจากกำแพงหรือสิ่งของที่ไม่สามารถทนความร้อนได้

แต่ทั้งนี้สำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องมีการประมวลผลกราฟิกหรือใช้ซีพียูสูง บริเวณด้านหลังจะมีความร้อนออกมาเหมือนโน้ตบุ๊กทั่วไป

IMG_5368

มาถึงเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆรอบตัวเครื่อง เริ่มจากขวามือ ช่องสีแดงเป็นช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ไฟบ้าน ถัดมาเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต ช่องเชื่อมต่อไมโครโฟนและหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร (ออกแบบมาให้รองรับหูฟังเกมเมอร์) ถัดมาเป็นช่องอ่าน SD Card

IMG_5402

IMG_5401

ส่วนบริเวณขวาสุด ปกติแกะเครื่องออกจากกล่องครั้งแรกจะเป็นไดร์ฟ Blu ray + DVD แต่ในแพกเกจจะมีการแถมพัดลมช่วยระบายความร้อนตัวที่สองมาให้จาก Cooler Master โดยผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยการพลิกใต้เครื่องขึ้นแล้วดันสวิตซ์ตามรูปประกอบ

IMG_5372

อีกด้าน เริ่มจากขวามือสุดจะเป็นช่องใส่สายล็อกกันขโมยเครื่อง ถัดมาเป็นพอร์ตแลน RJ45, Display Port, HDMI, USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต โดยพอร์ตที่สองสามารถใช้ชาร์จสมาร์ทดีไวซ์ได้ และสุดท้าย USB-C/Thunderbolt 3

IMG_5371

IMG_5395

ด้านหน้าและใต้เครื่อง – เริ่มจากด้านหน้าจะเป็นช่องลำโพงซ้ายขวาแบ่งเป็นด้านละ 2 ตัวรวม 4 ตัวเพื่อช่วยกระจายเสียงรอบทิศทางตามหลัก Dolby Audio โดยเมื่อผู้ใช้พลิกดูใต้เครื่องจะเห็นว่าลำโพงถูกติดตั้งให้เสียงสามารถยิงสะท้อนกับโต๊ะเพื่อสร้างเสียงรอบทิศทางได้ ในขณะเดียวกันเสียงก็ถูกยิงออกจากช่องลำโพงที่ติดตั้งไว้บริเวณด้านหน้าเครื่องด้วย

แต่แค่เสียงรอบทิศทางอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อเกมเมอร์ ใต้เครื่องบริเวณแผ่นเหล็กสีแดง เอเซอร์ยังได้ติดตั้ง Subwoofer ช่วยกระจายเสียงเบสออกมาด้วย ซึ่งเมื่อรวมการทำงานของลำโพงทั้งหมดก็เท่ากับว่า Predator 17 เป็นระบบ 4.2 Channel หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือ Predator SoundPound 4.2

สเปก

cpupre17-spec

สเปกซีพียู Acer Predator 17 ใช้ Intel Core i7 6700HQ 4-cores 8-Threads ความเร็ว 2.6GHz สามารถ Turbo Boost ได้สูงสุดถึง 3.5GHz แรม DDR4 32GB กราฟิก NVIDIA GeForce GTX 980M พร้อมแรม 4GB ส่วนระบบปฏิบัติการติดตั้งมากับตัวเครื่องเป็น Windows 10 Home

hdd-spec-pre17

ในส่วนฮาร์ดไดร์ฟเก็บข้อมูลมี 2 ชุดรวม 2TB กว่าๆ แบ่งเป็นชุดแรกไดร์ฟ C เป็น Intel SSD 2 ตัว ความจุตัวละประมาณ 238GB เชื่อมต่อการทำงานกันบน RAID 0 ส่วนชุดที่ 2 เป็นฮาร์ดดิสก์จานหมุนจาก Seagate ขนาดประมาณ 2TB เชื่อมต่อผ่านพอร์ต SATA600

ด้านการเชื่อมต่อเครือข่าย แลนรองรับความเร็วสูงสุดระดับกิกะบิต ส่วน Wireless LAN รองรับมาตรฐานสูงสุด 802.11ac

แบตเตอรีภายในเป็น Lithium Ion ขนาด 6,000mAh (8 เซลล์) และตัวเครื่องบริโภคพลังงานประมาณ​ 180W

ฟีเจอร์เด่น

win10-home-pre17

ขอกล่าวถึงตัว Windows 10 ที่ติดตั้งมากับ Predator 17 ก่อน ก็คือตัววินโดวส์ที่ให้มาในครั้งนี้ทางเอเซอร์จะเน้นความเพียวของระบบปฏิบัติการให้มากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการประมวลผล เพราะฉะนั้นพวกซอฟต์แวร์ช่วยเหลือต่างๆ เอเซอร์จะเลือกติดตั้งมาให้เฉพาะที่จำเป็นต่อการควบคุมระบบเท่านั้น

dust-defend-pre17

เริ่มจากซอฟต์แวร์ควบคุมซึ่งเป็นจุดขายหลักก่อนเลยกับ Predator DustDefender ย้อนกลับไปตรงการออกแบบพัดลมระบายความร้อนกันก่อน อย่างที่ทราบดีว่าโน้ตบุ๊กเกมมิ่งจะมีความร้อนระหว่างประมวลผลที่สูงกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป เพราะฉะนั้นนอกจากการออกแบบพัดลมระบายความให้สามารถดึงอากาศภายนอกมาช่วยถ่ายเทภายในตัวเครื่องได้ดีแล้ว เอเซอร์มองว่าเรื่องของฝุ่นก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาช่วยลดประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ เพราะฉะนั้นเอเซอร์จึงได้คิดค้นชุดพัดลมระบายความให้สามารถหมุนย้อนกลับเพื่อระบายฝุ่นออกจากตัวเครื่องผ่านช่องทางพิเศษที่ติดตั้งไว้ใต้เครื่อง

โดยปกติระบบไล่ฝุ่นจะทำงานอัตโนมัติทุก 3 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถสั่งงานแบบแมนวลได้ผ่านซอฟต์แวร์ Acer DustDefender

acercare-pre17

Acer Care Center เป็นซอฟต์แวร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแบตเตอรี สำรองข้อมูลระบบ รวมถึงสั่งอัปเดตเฟริมแวร์และซอฟต์แวร์ควบคุมระบบได้

killer-network-pre17

Killer DoubleShot Pro เป็นฟีเจอร์และซอฟต์แวร์ควบคุมระบบเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คทั้งหมดที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ โดยระบบจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถจัดการแบนด์วิดธ์แบ่งระหว่างสัญญาณอินเตอร์เน็ตและระบบแลนได้ตามต้องการ เพื่อช่วยลดอัตราการดีเลย์ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเล่นเกมออนไลน์ได้

predator-sense-17

predator-sense-17-2

Predator Sense ส่วนนี้คือส่วนควบคุมกลางของตัวเครื่องทั้งหมด ตั้งแต่การปรับตั้งคีย์โปรไฟล์พิเศษที่คีย์บอร์ด สร้างปุ่มมาโคร ปิดเปิดไฟส่องสว่างต่างๆ ไปถึงการตั้งค่าเลือกใช้การฟิก ปรับสีจอภาพ และสามารถเช็คอุณหภูมิเครื่อง เมนบอร์ด และดูรอบพัดลมได้จากส่วนนี้ทั้งหมด

xsplit-games-pre17

Split Gamecaster (ลูกค้า Predator ใช้งานฟรี 6 เดือน) เป็นซอฟต์แวร์พิเศษสำหรับนักเล่นเกมที่ชอบทำ Gamecast แอปฯตัวนี้จะช่วยในการบันทึกวิดีโอระหว่างเล่นเกมและสามารถถ่ายทอดสดผ่าน twitch.tv ได้ด้วย

dolby-pre17

Dolby Audio สุดท้ายกับส่วนปรับแต่งระบบเสียงจาก Dolby ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกโปรไฟล์เสียงได้ตามการใช้งานหรือจะปรับแต่งเองก็สามารถทำได้จากแท็บ Personalize

ทดสอบประสิทธิภาพ

3dbench-pre17

pcmark-pre17

เริ่มจากทดสอบกราฟิกสไตล์เกมเมอร์กับ 3D Mark และ PC Mark กันก่อนเลย จะเห็นว่าทำคะแนนทดสอบได้สมกับเป็นโน้ตบุ๊กเกมเมอร์เสียจริงๆ คะแนนอยู่ระดับเดียวกับ PC Gamer ระดับกลางเลย (ยังไม่ถึงระดับ Notebook Gamer 4K เพราะต้องเป็น Predator รุ่นพิเศษที่ใช้การ์ดจอ GTX 980 ตัวใหญ่) ยิ่งได้ฮาร์ดไดร์ฟ SSD ต่อ RAID 0 มาช่วยเรื่องการโหลดระบบต่างๆยิ่งทำให้คะแนนหลายส่วนเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ

คะแนน Geekbench 32 บิต
คะแนน Geekbench 32 บิต

คะแนน Geekbench 64 บิต
คะแนน Geekbench 64 บิต


hddtest-pre17

ทดสอบอ่านเขียนข้อมูลฮาร์ดดิสก์ SSD ต่อ RAID 0 คะแนนพุ่งสูงมาก (เวลาทำงานตัดต่อวิดีโอหรือตกแต่งภาพความละเอียดสูงมากแนะนำให้ทำงานจากไดร์ฟ C เป็นหลัก จะได้ประสิทธิภาพสูงสุด) ส่วนไดร์ฟ D เป็นจานหมุนถือว่าทำคะแนนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีเลย

4ktest-pre7

มาถึงการใช้งานด้านตัดต่อวิดีโอ ตกแต่งภาพ ส่วนนี้สามารถใช้งานได้ลื่นไหล หายห่วง เพราะทีมงานได้ลองนำไปตัดไฟล์วิดีโอ 4K จากกล้อง Nikon D500 ผ่านซอฟต์แวร์ Adobe Premiere CC 2015 ทุกอย่างทำงานได้ลื่นไหลเนื่องจากระบบสามารถนำ CUDA จากการ์ดจอ NVIDIA มาใช้งานร่วมได้ ทำให้การเรนเดอร์และ Export ไฟล์ทำได้รวดเร็วมากขึ้น

ทดสอบเกม Final Fantasy X
ทดสอบเกม Final Fantasy X

ทดสอบกับชุดวัดประสิทธิภาพ Unreal 4 (DirectX 12)
ทดสอบกับชุดวัดประสิทธิภาพ Unreal 4 (DirectX 12)

ทดสอบกับชุดวัดประสิทธิภาพ Catzilla ที่ความละเอียด 720p (DirectX 11)
ทดสอบกับชุดวัดประสิทธิภาพ Catzilla ที่ความละเอียด 720p (DirectX 11)


มาดูเรื่องการเล่นเกมกันบ้าง ทีมงานเน้นทดสอบไปที่เกม DOOM 2016 ตั้งค่ากราฟิกสูงสุดทั้งหมด พบว่าทุกอย่างทำงานได้ลื่นไหล เฟรมเรตเฉลี่ยที่ทำได้ (ความละเอียด 1080p) อยู่ที่ประมาณ 50 เฟรมต่อวินาที ส่วนการทดสอบเกมอื่นๆที่ความละเอียด 1080p ส่วนใหญ่จะสามารถเล่นแบบเปิดค่ากราฟิกสูงสุดทั้งหมดได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นเมื่อลองทดสอบกับจอภาพ 4K และเปิดเต็มความละเอียดอาจพบอาการกระตุกให้เห็นบ้าง

แต่โดยภาพรวมก็ถือว่า Acer Predator 17 สามารถรันเกมที่วางขายในปัจจุบันได้ทั้งหมด รวมถึงเมื่อใช้งานกราฟิกตัดต่อวิดีโอหรือรูปภาพ ไม่ว่าจะความละเอียดสูงถึง 4K หรือภาพระดับ 40 ไปถึง 100 ล้านพิกเซล Predator 17 จัดการทุกอย่างได้อยู่หมัดแน่นอน

batt-test-pre17

การทดสอบสุดท้ายกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี 6,000mAh ถือว่าทำได้ดีเกินคาดหมายพอสมควร เวลาใช้งานต่อเนื่องทำเวลาได้ถึง 4 ชั่วโมง 16 นาที พอๆกับอัลตร้าบุ๊กเลยทีเดียว

สรุป

prelogo-acer

ราคาค่าตัว Acer Predator 17 รุ่นท็อปสุดในบ้านเราอยู่ที่ 89,900 บาท (ความจริงในต่างประเทศจะมีรุ่นปรับแต่งพิเศษให้เป็น 4K Gaming Notebook กับ Predator 17x แต่บ้านเราไม่แน่ใจว่าเอเซอร์ประเทศไทยจะมีให้สั่งซื้อในอนาคตหรือไม่) ซึ่งถ้ามองว่าราคาสูงเกินไป เอเซอร์มีตัวเลือกเป็นรุ่นสเปกรองลงมา (ลดแรมเหลือ 16GB และฮาร์ดดิสก์เหลือ 1TB) อยู่ที่ 79,900 บาท และรุ่นเล็กสุดหน้าจอ 15 นิ้วเริ่มต้นที่ 59,900-69,900 บาท

ถือเป็นไฮเอนด์โน้ตบุ๊กตั้งแต่ซีพียูไปถึงการ์ดจอในตอนนี้ แน่นอน Predator จากเอเซอร์มีความชัดเจนในแบรนด์อยู่แล้วว่าจับกลุ่มเกมเมอร์และไฮเอนด์ยูสเซอร์ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้เล่นเกมหรือทำงานที่ต้องการสเปกประมวลผลระดับสูงโดยเฉพาะ

โดยสำหรับคนที่สนใจสิ่งหนึ่งที่คุณต้องรับให้ได้นอกจากราคาค่าตัวระดับครึ่งแสนบาทเป็นต้นไปแล้วก็คือ น้ำหนักและความใหญ่โต (เป็นโน้ตบุ๊กที่ผมไม่สามารถยกมือเดียวได้ แถมใส่กระเป๋าสะพายหลังน้ำหนักพี่ท่านเหมือนเราแบกอาวุธสงครามมากกว่าแบกโน้ตบุ๊ก) สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ต้องรับให้ได้ก่อนคิดจะเลือกซื้อโน้ตบุ๊กกลุ่ม Predator

ข้อดี

– งานออกแบบดูดุดัน เฟรมทั้งหมดงานประกอบดูแข็งแรงมาก
– พัดลม ระบายความร้อนได้ดีและฉลาด ส่วนแรงลมที่เป่าความร้อนออกมาถือว่าแรงใช้ได้
– นอกจากนั้นรังสีความร้อนยังถูกควบคุมให้มีอยู่แค่ช่องระบายความร้อนเท่านั้น บริเวณตัวเครื่อง คีย์บอร์ดจะไม่มีความร้อนสะสมให้ผู้ใช้ได้รู้สึกตลอดการเล่นเกมและใช้งานเลย
– แรม 32GB ให้มาใช้งานเหลือเฟือมาก
– มีพอร์ตใหม่ USB-C และ Thunderbolt 3 ให้ใช้
– รองรับการต่อจอนอก 4K และรองรับจอที่มีเทคโนโลยี NVIDIA G-SYNC

ข้อสังเกต

– ตัวเครื่องใหญ่และหนักเกินจะใส่กระเป๋าธรรมดาเพื่อสะพายหลังได้
– วัสดุหุ้มตัวเครื่องทั้งหมดเป็นรอยง่าย
– ลำโพงให้เสียงทู่ๆและไม่ค่อยสมดุล/วูฟเฟอร์ยังขับเสียงได้ไม่เร้าใจพอ
– มุมเครื่องค่อนข้างแหลมและชอบทิ่มแขนเวลาวางมือบนคีย์บอร์ด
– ทัชแพดตอบสนองไม่ค่อยดี

Gallery

]]>
Review : Acer Liquid X2 แอนดรอดย์ 3 ซิมสเปกดีราคาต่ำหมื่น https://cyberbiz.mgronline.com/review-acer-liquid-x2/ Tue, 29 Dec 2015 04:59:57 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=20772

IMG_1567

การมาของมือถือ 3 ซิม ในจังหวะที่ผู้ให้บริการรายใหญ่ในตลาดอย่าง เอไอเอส ไม่มีคลื่นมาให้บริการ 2G ถือเป็นความท้าทายใหญ่ของทางเอเซอร์ ที่ออกสมาร์ทโฟนมาจับตลาดนี้ เพราะในการใช้งานมือถือไม่ว่าจะเป็น 2 ซิม หรือ 3 ซิม ซิมที่ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นซิมหลัก ก็จะสแตนบายอยู่ในคลื่น 2G

จุดเด่นหลักของ X2 นอกจากเรื่อง 2 ซิมแล้ว ก็คือเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่องที่มากับหน่วยประมวลผล 8 คอร์ กล้องหลัก และกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อ 4G มีระบบเสียง DTS มาให้ใช้งาน พร้อมแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh ในราคา 9,990 บาท

การออกแบบ

IMG_1540

ในแง่ของการออกแบบ Acer Liquid X2 ถูกคิดค้นมาด้วยดีไซน์ใหม่ที่แตกต่างจากเครื่องเอเซอร์รุ่นก่อนหน้า ด้วยการใช้วัสดุที่ดูแข็งแรงขึ้นอย่างอะลูมิเนียมมาผสมกับพลาสติก ประกอบกับลวดลายของฝาหลังที่เป็นแบบเส้นผม ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่อง โดยขนาดรอบตัวของ Liquid X2 จะอยู่ที่ 153 x 79 x 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 170 กรัม

ด้านหน้าไล่จากส่วนบนจะพบกับกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และวัดแสง ลำโพงสนทนาลักษณะเป็นวงกลม และมีไฟแฟลชหน้าอยู่ด้วย ถัดลงมาเป็นหน้าจอทัชสกรีนขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280 x 720 พิกเซล) ล่างหน้าจอมีสัญลักษณ์ acer แปะอยู่ โดยตรงพื้นหลังจะมีลวดลายเป็นแพทเทิร์นแบบสี่เหลี่ยม

IMG_1558

ด้านหลังอย่างที่บอกไปว่า เอเซอร์ ออกแบบลายคล้ายเส้นผม และทำให้การถือใช้งานถนัดมือมากขึ้น เพราะไม่ได้ใช้เป็นพลาสติกแบบลื่น โดยจะมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชอยู่ที่มุมบน ตรงกลางเป็นสัญลักษณ์เอเซอร์ และส่วนล่างเป็นช่องลำโพง ที่มีสัญลักษณ์ระบบเสียง dts HD ระบุไว้ด้วย

IMG_1561

เมื่อแกะฝาหลังออกมา (ใช้การแงะบริเวณช่องเสียบสายชาร์จ จะพบกับแบตเตอรี Li-Pol ขนาดใหญ่ 4,000 mAh และช่องใส่ไมโครซิมการ์ด 3 ช่อง กับช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดอีก 1 ช่อง

IMG_1543IMG_1545

ด้านบนจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ด้านล่างเป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี และไมโครโฟนสนทนา

IMG_1542IMG_1544

ด้านซ้ายจะถูกปล่อยว่างไว้ ด้านขวาจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง

IMG_1563

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องของ Liquid X2 จะประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง หูฟัง สายชาร์จ อะเดปเตอร์ เคสพร้อมฝาปิด คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

สเปก

s13

สำหรับสเปกภายในของ Liquid X2 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล MediaTek MT6735 ที่เป็น Octa-Core 1.3 GHz RAM 3 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 32 GB รองรับการใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมสูงสุด 32 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1.1 (Lollipop) โดยมีระบบเสียง DTS HD แบบ 24bit มาให้ใช้งานด้วย

ด้านการเชื่อมต่อ ตัวเครื่องรองรับการใช้งานทั้ง 2G 3G และ 4G 800/1800/2100/2600 MHz เพียงแต่จะเลือกซิมหลักให้ใช้งาน 3G/4G ได้ซิมเดียว การเชื่อมต่อ WiFI บนมาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.0 จีพีเอส วิทยุFM รวมถึงการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน Acer Extend

ฟีเจอร์เด่น

s01

สำหรับฟีเจอร์ในการใช้งาน Liquid X2 ก็มากับระบบแอนดรอยด์ ที่โดยภายรวมแล้วจะมีอินเตอร์เฟสในการใช้งานใกล้เคียงกันคือ มีหน้าจอหลักให้เลือกนำวิตเจ็ต หรือไอค่อนลัดต่างๆมาวางได้ตามใจผู้ใช้งาน โดยทางเอเซอร์ได้มีการรวมโฟลเดอร์บริการชองกูเกิล และเอเซอร์ไว้ที่หน้าจอให้ในเบื้องต้น

โดยมีแถบการแจ้งเตือนที่จะแตกต่างกัน โดยใน X2 จะมีแถบตั้งค่าด่วนในการเปิดปิด ไวไฟ โหมดเครื่องบิน ดาต้า ไฟฉาย การแจ้งเตือน บลูทูธ เปิดใช้งานโหมดลอยตัวสำหรับบันทึกข้อความ เครื่องคิดเลข ปฏิทิน รวมถึงการเปิดจีพีเอส ไวไฟฮ็อตสป็อต และระบบตัดแสงสีฟ้าได้ทันที

ส่วนการล็อกหน้าจอที่ตั้งค่ามากับโรงงาน จะเป็นการปัดเพื่อปลดล็อก โดยมีเวลาขึ้นแสดงตรงกลางหน้าจอ พร้อมวันและวันที่ ถ้ามีการแจ้งเตือนต่างๆก็จะขึ้นแสดงตรงนี้ให้กดเข้าไปดูได้ทันที ส่วนแถบล่างจากมีไอค่อนลัดสำหรับเข้าไปใช้งานโทรศัพท์ และกล้องแบบด่วนได้ทันที

s03

ในส่วนของฟีเจอร์ที่น่าสนใจจะเริ่มจากการใช้งาน X2 คู่กับเคสพิเศษ ที่จะมีช่องสำหรับดูหน้าจอขนาดเล็ก ตรงจุดนี้ผู้ใช้สามารถกดให้บนหน้าจอแสดงสถานะต่างๆ เช่น แบตเตอรี ตั้งค่าด่วน บันทึกเสียง พยากรณ์อากาศ ดูการแจ้งเตือนปฏิทิน ข้อความ สายไม่ได้รับ และสุดท้ายคือเปิดไฟฉาย

s06

โดยในตัวของ Flip Cover ยังมีความสามารถอีกอย่างคือการถ่ายภาพได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดเคสขึ้นมา เพียงแต่ต้องเข้าไปเปิดโหมดใช้งานก่อน เช่นเดียวกับระบบเสียง DTS Premium ที่เอเซอร์โปรโมทว่าเครื่องนี้มาพร้อมกับระบบเสียงดังกล่าว ก็ช่วยให้การขับเสียงของเอเซอร์ทำได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน

s07

นอกจากนี้ ยังมีโหมดในการใช้งานอย่าง EZ Tasking ให้สามารถเปิดหน้าจอ 2 แอปพลิเคชันพร้อมกัน สามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เพียงแต่จะใช้งานได้กับบางแอปพลิเคชันของทางกูเกิลเท่านั้น อย่างโครม เบราว์เซอร์ ยูทูป เป็นต้น

อีกระบบที่มากับการบันทึกภาพคือ การสร้างอัลบั้มส่วนตัว โดยก่อนถ่ายภาพผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะบันทึกรูปไว้ในอัลบั้มที่มีการล็อกรหัสหรือไม่ ถ้าเลือกเวลาเข้าไปดูภาพก็จะมีต้องมีการใส่รหัสผ่านเข้าไปก่อน

ส่วนในการใช้งานที่เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ด้วยกัน ทางเอเซอร์ ได้มีการคิดค้น Acer Extend ขึ้นมา ให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งไว้บนพีซี ทำให้ตัวสมาร์ทโฟน สามารถส่งข้อมูลจากเครื่องไปยังพีซีได้ทันที ทั้งรูปภาพ ไฟล์ เพลง วิดีโอ และเอกสาร รวมถึงการใช้พีซีควบคุมหน้าจอสมาร์ทโฟนด้วย

s05

ถัดมาที่น่าสนใจคือระบบการแสดงผล ที่เอเซอร์เพิ่ม Bluelight Shield ขึ้นมาให้เลือกใช้กันเลย ไม่ต้องพึงพาฟิล์มกันรอยตัดแสงฟ้าอีกต่อไป เมื่อกดใช้ตัวหน้าจอก็จะมีการลดการแสดงผลแสงสีฟ้าออกไป โดยผู้ใช้สามารถปรับเลือกระดับได้ตามต้องการ กับอีกระบบหนึ่งคือการสั่งงานแบบรวดเร็วด้วยการวาด ตัวอักษร หรือปัดมือ เพื่อสั่งงานตัวเครื่อง

s04

โดยฟังก์ชันพิเศษเหล่านี้ สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ภายในส่วนของการตั้งค่า ที่จะมีแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆตามแบบฉบับของแอนดรอดย์ คือ การเชื่อมต่อไร้สาย ตั้งค่าอุปกรณ์ ตั้งค่าส่วนตัว และตั้งค่าระบบ

s08

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหน้าจอหลัก ถ้าต้องการนำเครื่องมาให้ผู้สูงอายุใช้งาน เอเซอร์ ก็มีโหมดง่ายมาให้ใช้กัน โดยเป็นการเพิ่มขนาดของไอค่อนให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงการที่ผู้ใช้สามารถเลือกแอป หรือรายชื่อที่ใช้บ่อยๆ ขึ้นมาวางไว้บนหน้าจอให้ใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปหาลึกๆภายในเครื่องอีกต่อไป

s09

ที่เหลือก็จะมีระบบอย่างการจัดการพลังงาน แสดงระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรี สามารถเข้าไปตั้งค่าโหมดประหยัดพลังงานด้วยการเปิดปิด ไวไฟ บลูทูธ การเชื่อมต่อข้อมูล เวลาพักหน้าจอให้สั้นลง ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรีได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับตัวเครื่อง X2 ที่มีแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh มาให้ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน

s10

ระบบตรวจสอบการใช้งานตัวเครื่อง สำหรับตรวจการใช้งาน RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆ ที่จะแสดงผลชัดเจนว่ามีแอปพลิเคชันใด ใช้ทรัพยากรเครื่องไปเท่าไหร่บ้าง แล้วสามารถกดล้างข้อมูล เคลียแคชข้อมูลภายในแอปได้ทันที เพื่อให้เครื่องทำงานได้รวดเร็วตลอดเวลา

s11

ในส่วนของโหมดกล้องที่ให้มาหน้าหลัง 13 ล้านพิกเซล ถือว่าทำออกมาได้ใช้งานค่อนข้างง่าย ด้วยอินเตอร์เฟสที่เรียบๆ คือมีปุ่มชัตเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ฝั่งขวาหน้าจอ ขนาบด้วยปุ่มกดบันทึกวิดีโอ และการถ่ายภาพในโหมดสวยอัตโนมัติ พร้อมแถบซูมภาพ ส่วนฝั่งขวาจะแสดงไอค่อนลัดการเปิดแฟลช สลับกล้อง บันทึกเสียง และอัลบั้มเข้ารหัส

s12

ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งความละเอียดสูงสุดของภาพ โดยค่าความไวแสง (ISO) สูงสุดในเครื่องคือ 1600 พร้อมเลือกเปิดระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง การถ่ายภาพเมื่อสัมผัสหน้าจอ ระบบกันสั่นในการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD นอกจากนี้ ยังเข้าไปเลือกโหมดในการถ่ายภาพนิ่ง ปรับสมดุลแสงขาว ถ่ายพาโนราม่า ใส่เอฟเฟกต์ภาพได้ด้วย

s02

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน ที่มีการติดตั้งมาให้กับตัวเครื่อง นอกจากแอปทั่วไปแล้วจะมีการพรีโหลดเกมมาให้เพิ่มเติม 6-7 เกม กับโปรแกรมจัดการเอกสาร และคู่มือการใช้งาน ถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถลบออกจากเครื่องได้เช่นเดียวกัน

IMG_1560

สุดท้ายในส่วนของการใช้งาน 3 ซิม แน่นอนว่าตัวเครื่องจะสามารถเลือกซิมหลักในการใช้งานได้เพียง 1 ซิม ที่ใช้เชื่อมต่อ 3G หรือ 4G ส่วนอีก 2 ซิมที่เหลือจะใช้เป็นโหมดสแตนบาย 2G เพียงแต่สามารถเลือกสลับการใช้งานได้ โดยไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิม ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มีหลายเบอร์ได้

ทดสอบประสิทธิภาพ

s14

มาถึงส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Antutu 64bit ได้คะแนน 33,841 คะแนน ส่วน 32bit ได้ 31,192 คะแน Quadrant Standart ได้คะแนน 20,667 คะแนน และ 21,483 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน

ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 2,462 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 2,775 คะแนน Android WebVIew 2,462 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 1,119 คะแนน Multicore 1,586 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 628 Multi-Core 2,748 คะแนน

ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 11 ชั่วโมง 24 นาที 20 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 6,078 คะแนน

s16

ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 3,927 คะแนน 3D Mark ตัว Sling shot ES3.1 187 คะแนน ES3.0 286 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 6,581 คะแนน ส่วน Ice Storm Extreme 4,281 คะแนน

ส่วน Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 3,896 คะแนน CPU 78,246 คะแนน Disk 40,160 คะแนน Memory 4,815 คะแนน 2D Graphics 3,112 คะแนน และ 3D Graphics 892 คะแนน

สรุป

ถ้ามองถึงสเปกโดยรวมกับหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 720p แบต 4,000 mAh กับหน่วยประมวลผล 8 คอร์ ในราคา 9,990 บาท ถือว่าเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจ ส่วนการที่ตัวเครื่องรองรับ 3 ซิม ก็เหมือนเป็นของแถมไป เพราะในช่วงเวลานี้อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่

ที่น่าสนใจคือ เอเซอร์พยายามทำให้สมาร์ทโฟน กลายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เข้าด้วยกันภายใต้ยุค IoT ดังนั้นจึงมีการพัฒนา Acer Extend ขึ้นมาให้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับพีซีเพิ่มเติมด้วย พร้อมกับฟีเจอร์เสริมอย่างระบบเสียง DTS หน้าจอตัดแสงสีฟ้าก็ช่วยเพิ่มให้ตัวเครื่องน่าใช้งานมากขึ้น

สุดท้ายที่ถือเป็นจุดเด่นของ Liquid X2 คงหนีไม่พ้นเรื่องของแบตเตอรีที่ให้มาขนาด 4,000 mAh สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ส่วนประสิทธิภาพในการรับสัญญาณโทรศัพท์ การพูดคุยโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน ส่วนการจับไวไฟอาจจะมี Dead Grip เวลาจับเครื่องแนวนอน

ข้อดี

สเปกเครื่องโดยรวม รองรับ 4G ในราคาต่ำหมื่น

รองรับการใช้งาน 3 ซิม (2G/3G/4G)

แบตเตอรีขนาด 4,000 mAh ที่อึดมาก

กล้องหน้าหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช

ข้อสังเกต

คุณภาพของเซ็นเซอร์กล้องแม้ว่าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แต่ภาพที่ได้ไม่ดีนัก

ตอนนี้เหลือผู้ให้บริการ 2G เพียง 2 ราย ทำให้เครื่อง 3 ซิมอาจใช้ประโยชน์ได้ไม่ดีนัก

Gallery

]]>