Asus Zenboox Flip S – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Mon, 18 Dec 2017 07:04:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Asus Zenbook Flip S 2-1 โน้ตบุ๊กหรูสุดบางพับจอได้ 360 องศา https://cyberbiz.mgronline.com/review-asus-zenbook-flip-s/ Mon, 18 Dec 2017 07:04:30 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=27787

ถ้ามองไปในตลาดโน้ตบุ๊ก 2-1 เครื่องบาง เชื่อว่าชื่อของ Asus Zenbook จะกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเสมอ มาถึงในรุ่นล่าสุดอย่าง Asus Zenbook Filp S (UX370UA) ก็เช่นกัน จากความโดดเด่นในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ความบาง และการหมุนหน้าจอใช้งานได้แบบ 360 องศา

ไม่นับรวมเรื่องของสเปกที่ใส่มาให้สุดแบบ Intel Core i7 RAM 8 GB และฮาร์ดดิสก์ที่เป็นแบบ SSD 512 GB แน่นอนว่า เมื่ออัดสเปกมาให้สูงแบบนี้ ราคาจำหน่ายก็สูงด้วยเช่นกัน จากค่าตัวที่ 63,900 บาท แลกกับโน้ตบุ๊ก 2-1 ขนาดบางที่สุดในเวลานี้

การออกแบบ

ตัวเครื่องของ Asus Zenbook Flip S UX370UA จะทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย 6013 ซึ่งเป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน และอวกาศ ที่มาพร้อมลวดลายที่ขัดเป็นวงกลมเอกลักษณ์ของ Zenbook โดยมีขนาดเครื่องอยู่ที่ 313 x 218 x 10.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม

เมื่อเปิดฝาพับขึ้นมาจะพบกับหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass ให้ความละเอียดระดับ Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) โดยเมื่อเทียบกับสัดส่วนจอกับตัวเครื่องจะอยู่ที่ 80% ให้มุมมองกว้าง 178 องศา ขนาดของขอบจอ 6.11 มม.

โดยบริเวณส่วนบนหน้าจอจะมีกล้องที่ให้ความละเอียดระดับ VGA มาให้เท่านั้น ส่วนขอบล่างจะมีการสกรีน Asus Zenbook สีทอง ถัดลงมาก็จะเป็นบริเวณข้อต่อจอ ที่เอซุส ระบุว่าใช้บานพับ ErgoLift 360 องศา ที่ได้รับการทดสอบเปิดปิดกว่า 20,000 รอบ ก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี

บริเวณคีย์บอร์ดที่ให้มาจะเป็นขนาด Full Size ทำให้ เพียงแต่ในบริเวณปุ่มแถบบนที่เป็นคีย์ลัด และ คำสั่งต่างๆจะมีขนาดเล็กลงราวครึ่งหนึ่งของปุ่มขนาดปกติ ซึ่งตัวคีย์บอร์ดจะมากับไฟ Back LED เพื่อช่วยให้ใช้งานเวลากลางคืนได้ด้วย

ส่วนบริเวณทัชแพดที่มีขนาดใหญ่ การตอบสนองทำได้ลื่นไหลดี รวมถึงการที่มีฟีเจอร์สั่งงานในรูปแบบต่างๆ ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นบริเวณที่วางข้อมือ จะมีการติดสติกเกอร์ระบุหน่วยประมวลผลที่ใช้งานในฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาจะมีโลโก้ Harman Kardon ที่เป็นระบบเสียงของเครื่องนี้อยู่

พอร์ตที่ให้มารอบตัวเครื่องทางฝั่งซ้ายจะมีพอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และรูพัดลมระบายอากาศ ส่วนทางฝั่งขวา จะมีตั้งแต่พอร์ต USB-C เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิดเครื่อง

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนอกจากตัวเครื่องก็จะมีปากกา อะเดปเตอร์สำหรับแปลง USB-C มาเป็นพอร์ต USB 3.0 และ HDMI ให้ด้วย ส่วนอะเดปเตอร์ก็จะใช้ช่อง USB-C ในการชาร์จไฟ และยังมีเคสหนังมาให้ด้วย

สเปก

สำหรับสเปกของ Asus Zenbook Flip S UX370UA จะมากับหน่วยประมวลผล Intel Core i7-7500U 2.7GHz (up to 3.5GHz) 4MB cache กราฟิก Intel HD Graphics 620 RAM LPDDR3 8GB 2133MHz SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro

ด้านการเชื่อมต่อรองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac บลูทูธ 4.1 USB-C 2 พอร์ต แบตเตอรีที่ให้มาเป็นแบบ 39Wh 2 เซลล์ หรือประมาณ 5,000 mAh ที่มากับระบบ Fast Charge สามารถชาร์จได้ 60% ใน 49 นาที

ฟีเจอร์เด่น

จุดเด่นหลักๆของ Asus Zenbook Flip S คือการเป็นโน้ตบุ๊กแบบบางเบา หน้าจอสัมผัสที่มากับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ดังนั้นในแง่ของการใช้งานต่างๆ จึงไม่ได้แตกต่างจากโน้ตบุ๊กรุ่นอื่นๆในตลาดมากนัก

โดยจะมีรูปแบบการแสดงผลระหว่างจอเดสก์ท็อปปกติ กับหน้าจอใช้งานแท็บเล็ต เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สั่งงานผ่านนิ้วได้สะดวกขึ้น ซึ่งก็เป็นตามปกติของ Windows 10 ที่รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบมากขึ้น

จะมีก็เพียงในเรื่องของการที่ตัวเครื่องจะมีปากกามาให้ด้วย ทำให้นอกจากการสั่งงานรูปแบบเดิมคือผ่านคีย์บอร์ด ทัชแพด และการสัมผัสหน้าจอแล้ว ยังสามารถใช้งาน Asus Pen ที่มีมาให้ในกล่องใช้งานควบคู่กันได้ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการจดบันทึก วาดรูป หรือร่างแบบต่างๆได้

อีกส่วนที่น่าสนใจคือเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย ที่เมื่อทำงานร่วมกับ Windows Hello ทำให้นอกจากการปลดล็อกเครื่องจากการใส่รหัส ยังสามารถใช้กล้องเว็บแคมในการปลดล็อก หรือใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่ข้างเครื่องก็สามารถปลดล็อกเครื่องได้

ส่วนที่เหลือ Asus ก็จะมีซอฟต์แวร์มาช่วยบริหารจัดการอย่างแบตเตอรี ที่มี Asus Battery Health Charging มาให้ คือผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้เครื่องทำการชาร์จแบตเตอรีแบบเต็มประจุตลอดเวลา หรือจะเลือกยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีด้วยการจำกัดการชาร์จไว้ที่ 60% เพื่อให้อายุแบตเตอรีนานขึ้น

รวมถึง Asus Installation Wizard ที่จะมาทำหน้าที่ในการหาไดร์ฟเวอร์ตัวเครื่อง หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อให้การใช้งานเครื่องได้ลื่นไหลมากที่สุด

ไม่นับรวมกับการเลือกโหมดใช้งานของ Asus Splendid Technology ที่มีให้เลือกทั้งโหมดปกติ โหมดถนอมสายตา เร่งสี หรือจะเลือกปรับโทนสีตามที่ต้องการก็ได้

นอกจากนี้ ในกรณีเริ่มใช้งานเครื่องครั้งแรก Asus จะมีฟีเจอร์มาช่วยในการ Pre Install โปรแกรมแบบอัตโนมัติ โดยผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้งโปรแกรมที่ต้องการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน โปรแกรมบีบอัดไฟล์ โปรแกรมแชทต่างๆ

ทดสอบประสิทธิภาพ

PCMark 10 = 2,978 คะแนน
PCMark 10 Express = 2,890 คะแนน
PCMark 10 Extended = 1,644 คะแนน

PCmark 8 Home Conventional = 2,453 คะแนน
PCmark 8 Home Accelerated = 3,579 คะแนน
PCmark 8 Creative Conventional = 2,914 คะแนน
PCmark 8 Creative Accelerated = 4,604 คะแนน
PCmark 8 Work Conventional = 3,357 คะแนน
PCmark 8 Work Accelerated = 4,722 คะแนน

3D mark
Fire Strike Ultra 233 คะแนน
Fire Strike Extreme 411 คะแนน
Fire Strike 965 คะแนน
Sky Driver 4,218 คะแนน
Cloud Gate 6,563 คะแนน
Time Sky 304 คะแนน
Ice Storm Unlimited 73,435 คะแนน
Ice Storm Extreme 48,720 คะแนน
Ice Storm 64,660 คะแนน

Geekbench 4 / Single-core = 4,301 คะแนน, Multi-core = 8,433 คะแนน Open CL 20,212 คะแนน

ในส่วนของระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี ถือว่า Asus Zenbook Flip S ทำได้เหนือกว่าที่คาดไว้ เมื่อลองใช้งานยาวๆ 5-6 ชั่วโมงต่อเนื่องก็ยังใช้งานได้อยู่ ดังนั้นถือว่าเป็นเครื่องที่น่าสนใจ เหมาะกับการพกไปใช้งานได้ตลอดวัน

สรุป

ถ้าไม่นับเรื่องราคาของ Asus Zenbook Flip S ที่อยู่ 63,900 บาท ที่ดูแล้วค่อนข้างสูง ก็จะเป็นโน้ตบุ๊กวินโดวส์ ที่มากับ 2-1 รุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของดีไซน์ การออกแบบ การที่หมุนหน้าจอได้ 360 องศา รองรับการใช้งานปากกา และประสิทธิภาพตัวเครื่องที่เพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

แน่นอนว่าด้วยกลุ่มเป้าหมายของเครื่องรุ่นนี้ จะเน้นที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต หรือกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการโน้ตบุ๊กซึ่งมาตอบโจทย์ทั้งการใช้งาน และในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ใครที่มองหาโน้ตบุ๊กเครื่องบาง สเปกแรงชือของซีรีส์ Zenbook ก็ยังเป็นรุ่นที่น่าสนใจ

ข้อดี

ดีไซน์ตัวเครื่องที่บาง และเบา

รองรับการใช้งาน Windows Hello ทั้งสแกนลายนิ้วมือ และการใช้ใบหน้าปลดล็อก

เแม้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ทั้งหมด แต่การที่แถมอเดปเตอร์แปลงมาให้ทำให้ผู้ใช้สะดวกไม่น้อย

หน้าจอรองรับการใช้งานระบบสัมผัส รวมถึงปากกา

ข้อสังเกต

หน้าจอที่ให้มายังเป็นความละเอียด Full HD เท่านั้น

แบตเตอรีที่ใช้ได้ 5-6 ชั่วโมง น่าจะใช้งานได้ยาวกว่านี้

Gallery

]]>