Fitbit – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Fri, 20 Dec 2019 09:56:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Fitbit Versa 2 สมาร์ทวอทช์สายสุขภาพ https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-versa-2/ Fri, 20 Dec 2019 09:53:44 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=31830

ในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ ชื่อของ Fitbit กลายเป็นแบรนด์ที่หลายคนนึกถึงทันที หลังจากเริ่มทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Wearable Device มาสักพัก และเห็นถึงการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมทั้งอีโคซิสเตมส์ให้เติบโตไปด้วยกัน

จุดเด่นหลักของ Fitbit จริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่ดีไวซ์ หรือเฉพาะตัวอุปกรณ์สวมใส่เท่านั้น แต่ที่ทุกคนให้การยอมรับคือเรื่องของแอปพลิเคชันที่นำข้อมูลไปซิงค์ และแสดงผลออกมา พร้อมกับการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้ออกกำลังกาย หรือรักษาาสุขภาพต่างๆ มากขึ้น

Fitbit Versa 2 จึงเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมาไว้ใช้เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ ไปพร้อมๆ กับการเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ทำหน้าที่ได้หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการแสดงเวลา วัดก้าว และวัดนอน ที่เป็นเรื่องปกติของสินค้าในกลุ่มนี้

ข้อดี

สมาร์ทวอชท์เก็บข้อมูลสุขภาพ พร้อมแอปช่วยวิเคราะห์ข้อมูล

น้ำหนักเบา ใส่นอนได้

แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องทั้งสัปดาห์

ข้อสังเกต

ยังไม่รองรับภาษาไทย

ราคาสูงกว่า Apple Watch 3 รวมถึงสมาร์ทวอทช์ Android หลายๆ รุ่น

ยิ่งใส่ ยิ่งเก็บข้อมูล ยิ่งสุขภาพดี

ข้อมูลหลักที่ Fitbit เลือกมาใช้นำเสนอร่วมกับการจำหน่าย Versa 2 คือเรื่องของการนอน ที่นำข้อมูลมาแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันสุขภาพของหลากหลายบุคคลกำลังเสียนไปจากการที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน ถ้ามีอุปกรณ์ที่มาช่วยวัดเพื่อปรับให้การนอนทำได้เต็มที่มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้สุขภาพของผู้ใช้งานดีขึ้นเช่นกัน

การเลือกนำเสนอการวัดนอนนี้ ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Fitbit ก็ว่าได้ เพราะคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดนี้อย่าง Apple Watch ยังไม่มีอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับใส่นอนโดยเฉพาะ จากข้อจำกัดในเรื่องของแบตเตอรีที่ต้องชาร์จเกือบทุกวัน แต่ Fitbit สามารถใส่นอนได้ ด้วยแบตเตอรีที่สามารถใช้งานได้ทั้งสัปดาห์

พร้อมกับพัฒนาระบบที่มาวิเคราะห์การนอนออกมาเป็นคะแนน เพื่อให้ผู้ใช้ได้มีการพัฒนาการนอนให้ดียิ่งขึ้น และเมื่อตัวเครื่องถูกตั้งให้อยู่ในโหมดวัดนอนแล้ว จะตัดการแจ้งเตือน ไฟสถานะต่างๆ เมื่อพลิกตัวออก เพื่อป้องกันไม่ให้ Versa 2 ไปรบกวนช่วงเวลานอนของผู้ใช้งาน

ด้วยเหตุนี้ Versa 2 จึงกลายเป็นสมาร์ทวอชท์ที่ Fitbit เลือกนำเสนอมาใช้เพื่อวัดนอน ในขณะที่รายอื่นทำไม่ได้ (ไม่นับพวกสายรัดข้อมือสุขภาพที่ทุกแบรนด์วัดนอนได้อยู่แล้ว) มาเป็นจุดขายหลัก คู่กับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ในเรื่องของการแจ้งเตือนข้อมูล และควบคุมการสั่งงานบางส่วน

อย่างการควบคุมเครื่องเล่นเพลง คู่กับสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถสั่งเล่นเพลง หยุดเพลง เปลี่ยนเพลง ได้ทันที โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา หรือการอ่านข้อมูลการแจ้งเตือนที่เด้งเข้ามา แต่ในจุดนี้ก็ยังน่าเสียดายที่ไม่รองรับภาษาไทย ทำให้การแสดงผลยังไม่สมบูรณ์มากนัก

ส่วนเรื่องการออกกำลังกาย Versa 2 สามารถทำงานคู่กับสมาร์ทโฟนเพื่อวัดการออกกำลังได้ตามปกติ โดยเลือกสั่งงานได้จากทั้งบน Versa 2 หรือจะกดบันทึกผ่านสมาร์ทโฟนก็ได้ นอกจากนี้ Fitbit ยังฉลาดที่จะคอยบันทึกกิจกรรมต่างๆ แบบอัตโนมัติเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหว ในลักษณะออกกำลังกายได้

ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้จะเก็บอยู่ภายในแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อให้ผู้ใช้เข้าไปย้อนดูได้ หรือจะซิงค์ข้อมูลสุขภาพเหล่านี้ไปเก็บไว้ในแอปพลิเคชัน 3rd Party อย่างสายวิ่ง หรือปั่น ที่นิยมใช้ Strava ในการเก็บสถิติ หรือเก็บข้อมูลไว้กับระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอย่าง Google Fit หรือ Apple Health ได้ด้วย

ทั้งนี้ ข้อมูลสุขภาพที่จัดเก็บจะมีทั้งข้อมูลพื้นฐานทั่วไป อย่างในแต่ละวันเดินกี่ก้าว ขึ้นลงบันไดกี่ชั้น ระยะทางเดินเท่าไหร่ ปริมาณแคลอรี่ที่เผาหลาน ระยะเวลาที่ออกกำลัง อัตราการเต้นของหัวใจ และลึกลงไปถึงข้อมูลการออกกำลังกาย อย่างเส้นทาง ความเร็ว จนถึงการวัดระยะเวลาในการนอน ว่านอนหลับสนิท หลับตื้น เพราะทุกอย่างมีผลกับสุขภาพทั้งสิน

ความพิเศษของ Fitbit คือการเพิ่มความพรีเมียมให้แก่ลูกค้าที่ใช้งาน สามารถเข้าไปเลือกดูโปรแกรม สำหรับออกกำลัง หรือเลือกที่จะท้าทายกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สุขภาพของผู้ใช้ดีขึ้นทั้งหมด

ปรับให้แฟชันมากขึ้น

อีกส่วนที่ Versa 2 มีการปรับปรุงจากรุ่นแรก คือเรื่องของดีไซน์ ที่ทำให้ดูน่าใส่ใช้งานมากขึ้น หรือในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้คล้ายกับ Apple Watch ที่กลายเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกเวลานี้ ในระดับราคาที่ต่ำกว่าเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้งาน

ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกพรีเมียมมากขึ้นด้วยการเพิ่มสายสปอร์ต สายผ้า มาให้เลือกใช้งาน โดยขนาดของ Versa 2 จะมีทั้ง Small ซึ่งมีเส้นรอบวงอยู่ที่ 140-180 มิลลิเมตร Large อยู่ที่ 180 – 220 มิลลิเมตร ซึ่งจะแถมสายมาให้เปลี่ยนอยู่ภายในกล่อง ส่วนตัวเรือนจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสมีขนาดอยู่ที่ 25.07 มิลลิเมตร

ส่วนฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Versa 2 ก็จะมีอย่าง Fitbit Pay ที่ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้สามารถผูกบัตรเดบิต และบัตรเครดิต ผูกเข้ากับนาฬิกา ทำให้สามารถใช้แตะเพื่อชำระค่าบริการได้ ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีร้านค้าที่รับชำระเพิ่มมากขึ้นแล้ว

ถัดมาในส่วนของการออกกำลัง Versa 2 กันน้ำได้ 50 เมตร ทำให้สามารถใส่เพื่อเก็บรายละเอียดในการออกกำลังอย่างว่ายน้ำเพิ่มเติมได้ ส่วนกรณีที่เป็นสุภาพสตรี จะมีระบบอย่างการวัดรอบเดือนเพิ่มเข้ามาให้ใช้งานกันด้วย

ส่วนแบตเตอรีสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกว่าสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมที่ใช้งาน อย่างถ้าออกกำลังบ่อย มีการใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นประจำ พร้อมเก็บข้อมูลออกกำลังต่างๆ ก็จะทำให้ระยะเวลาใช้งานลดง

สรุป

ในภาพรวมของการเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ เชื่อว่า Fitbit Versa 2 สามารถตอบโจทย์ใช้งานได้ครบ โดยเฉพาะการวัดสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน การนอน ออกกำลังกาย รวมถึงการแจ้งเตือนคู่กับสมาร์ทโฟนเพื่อให้สะดวกขึ้น

แต่ข้อเสียสำคัญที่สุดของ Versa 2 และเป็นข้อเสียของ Fitbit แทบทุกรุ่นที่ผ่านมาคือยังไม่รองรับภาษาไทย ซึ่งทำให้ใครที่ใช้การสื่อสาร หรือข้อความแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยก็จะไม่สามารถอ่านผ่านนาฬิกาที่ข้อมือได้เหมือนเดิม

ทั้งนี้ Fitbit Versa 2 วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท

Gallery

]]>
Review : Fitbit Versa Lite Edition ที่ “Lite สมชื่อ” https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-versa-lite-edition/ Mon, 03 Jun 2019 04:10:45 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=30776  

สมาร์ทวอตช์ Fitbit Versa Lite Edition วางจุดขายไว้ที่ราคาจับต้องได้ บนจอแสดงผลสีสะดุดตาในบอดี้หรูอะลูมิเนียม ตัวสายเป็นซิลิโคนน้ำหนักเบาที่ใส่สบายแม้จะสวมไว้นานเมื่อทำกิจกรรมจนมีเหงื่อซึม แบตเตอรี่จุใจใช้ต่อเนื่องเกิน 4 วันแบบไม่ได้โม้

ข้อดี

– จอแสดงผลสว่างสดใส
– การออกแบบดี ใช้งานสะดวกสบาย
– อายุแบตเตอรี่ต่อเนื่อง 4-5 วัน
– ราคาประหยัดกว่ารุ่นท็อป

ข้อสังเกต

– ไม่มีระบบนับชั้นเมื่อเดินขึ้นบันได
– ไม่มี GPS

Fitbit เริ่มเปิดตัว Fitbit Flex ในปี 2013 ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา Fitbit สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทวอตช์จับสถิติร่างกายเพื่อการออกกำลังนั้นไม่ได้เป็นแค่แฟชั่นชั่วคราวที่มาแล้วก็ไป ซึ่งเมื่อ Apple เห็นโอกาสงามและเปิดตัว Apple Watch ในเดือนเมษายน 2015 แบรนด์อย่าง Fitbit ที่มุ่งเน้นผลิตสายรัดข้อมือติดตามข้อมูลฟิตเนสเป็นหลักมาก่อน ก็หันมาเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ครั้งแรกด้วยการประเดิมรุ่น Fitbit Ionic ในช่วงปลายปี 2017

ตั้งแต่นั้น กองทัพสมาร์ทวอตช์ของหลายแบรนด์ก็เริ่มเปิดตลาดในราคาไม่ธรรมดา แต่ในปีนี้ โลกได้รู้จัก “Fitbit Versa Lite” ที่เปิดตัวพร้อมกับ Fitbit Inspire HR ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกความสนใจได้มากเพราะนี่คือสมาร์ตวอทช์ที่มีเป้าหมายเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นในราคาที่ถูกกว่า

Fitbit Versa Lite รุ่นใหม่มีราคาอยู่ที่ 6,690 บาท และไม่ใช่ทายาทที่ต่อยอดจาก Fitbit Versa ที่เปิดตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะ Versa Lite เป็นรุ่นที่เน้นรวมทุกคุณสมบัติของสมาร์ทวอตช์รุ่นใหญ่ มาจัดใหม่ในราคาที่ถูกลง สิ่งที่ต้องแลกเพื่อให้ได้ราคาที่สบายกระเป๋ากว่าคือการไม่มี GPS และการตัดเซ็นเซอร์บางอย่างออกไปจนทำให้ไม่สามารถนับชั้นเมื่อผู้ใช้เดินขึ้นบันได แต่จะสามารถนับได้เฉพาะจำนวนก้าวที่เดินเท่านั้น

แทบไม่ต่าง Apple Watch

แม้จะมีราคาประหยัดกว่า แต่ Versa Lite ถูกออกแบบมาในพิมพ์เดียวกันกับ Fitbit Versa และ Versa Special Edition โดยใช้หน้าจอ LCD สี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อนำมาเทียบกับ Apple Watch สายสีขาว จะพบว่าถอดแบบเหมือนพี่น้องคลอดตามกันมา

หากเทียบ Versa Lite และ Fitbit Versa พบว่าปุ่มที่เครื่องต่างกันโดย Fitbit Versa จะมี 2 ปุ่มอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง แต่ใน Fitbit Versa Lite มาพร้อมกับปุ่มทางซ้ายเพียงปุ่มเดียว โดยรูปแบบการทำงานของปุ่ม Versa Lite ยังต่างจากปุ่มที่อยู่ใน Fitbit Versa ด้วย เพราะสามารถใช้เพื่อนำทางกลับไปที่หน้าจอหรือเพื่อให้เข้าสู่โหมดสลีปเท่านั้น แต่ปุ่มใน Fitbit Versa สามารถใช้คู่กับแอปพลิเคชันได้

ด้านหลังของ Versa Lite นั้อุดมด้วยเซ็นเซอร์หลายตัว ทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์ SpO2 และเซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้าง อย่างไรก็ตาม Versa Lite ต่างจาก Versa และ Versa Special Edition ที่ไม่ได้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดความสูงเหมือนในสมาร์ทว็อตช์รุ่นอื่น

จอแสดงผลเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าสมาร์ทวอตช์รุ่นใดน่าสนใจหรือไม่ โชคดีที่ Versa Lite สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะ Fitbit Versa Lite มีหน้าจอ LCD ขนาด 1.34 นิ้ว เคลือบด้วยกระจกกันกระแทก Corning Gorilla Glass 3 ความสว่าง 1,000 nits ทำให้จอแสดงผลของ Versa Lite สู้แสงอาทิตย์สดใสของกรุงเทพมหานครได้ดีมาก

แจ้งเตือนไม่ได้?

ตามปกติ Versa Lite จะสามารถแสดงการแจ้งเตือนเพื่อรับข้อความจากโทรศัพท์ แต่กรณีของรุ่นที่ได้มาทดสอบ พบว่าแม้จะพยายามรีสตาร์ทเครื่องกี่ครั้งเพื่อเชื่อมต่อระบบแจ้งเตือน ก็ยังมีปัญหาไม่สามารถรับข้อมูลแจ้งเตือนได้ จุดนี้ถือเป็นปัญหาเดียวกับสมาร์ทวอตช์บางรุ่นที่ถูกปิดกั้นจากสมาร์ทโฟนเฉพาะรุ่น ซึ่งปัญหานี้ถูกรายงานในหลายประเทศทีเดียว

ชาว Versa Lite สามารถปัดหน้าจอขึ้นเพื่อตรวจสอบสถิติรายวัน ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าว, ชั่วโมงนอนหลับ และรายงานรายสัปดาห์ หากวาดหน้าจอไปทางซ้าย ระบบจะเปิดโหมดออกกำลังกาย, นาฬิกาปลุก ระบบผ่อนคลาย Relaxing และการตั้งค่า หากกดปุ่มด้านซ้ายของเครื่องค้างไว้ จะทำให้สามารถเข้าถึงส่วนควบคุมเพลง และการควบคุมการแจ้งเตือนได้ ทั้งหมดนี้ถือว่าตั้งค่าง่ายและละเอียดดี

จุดเด่นของ Versa Lite ยังอยู่ที่คุณสมบัติกันน้ำ โดยผู้ใช้สามารถสวมใส่ในห้องอาบน้ำหรือในสระว่ายน้ำที่มีความลึกสูงสุด 50 เมตร จุดที่ Versa Lite ไม่ต่างจากสายรัดข้อมือสุขภาพทั่วไปคือ Versa Lite มีการแจ้งเตือนกิจกรรมรายชั่วโมง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายวันที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เอกลักษณ์ที่ Fitbit จัดให้ในสินค้าแทบทุกรุ่นคือการฝึกหายใจผ่านฟีเจอร์ Relaxing ที่ช่วยให้ผ่อนคลายด้วยการหายใจเข้าออกลึกราว 2 หรือ 5 นาที

การตั้งค่าการเตือนทำได้สูงสุด 8 รายการ เท่ากับระบบจับเวลาที่ตั้งได้ 8 รายการเช่นกัน ผู้ใช้ Versa Lite สามารถใช้รับสาย และติดตามสถิติการออกกำลังกายทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับการออกกำลังกายแบบ cardio การนับจำนวนก้าว จำนวนแคลอรี่ทั้งหมดที่เผาผลาญ รอบการนอนหลับ และสรุปการออกกำลังกายประจำสัปดาห์ ซึ่งจะมีส่งสรุปให้ทางอีเมลด้วย

ระยะเวลาในการชาร์จ Versa Lite จาก 0 เป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ทำได้ในเวลาราว 2 ชั่วโมง ตรงนี้ต้องปรบมือให้ Versa Lite เพราะเป็นสมาร์ทวอตช์แบตเตอรี่อึดที่ใช้งานต่อเนื่องได้เกิน 5 วัน มากกว่าที่ Fitbit เคลมไว้ว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่อง 4 วัน ผลคือผู้ใช้สามารถใส่ได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดในตอนเช้า ซึ่งแม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังใช้งานได้อีกหลายชั่วโมง

ฟันธงว่าคุ้มไหม?

ต้องบอกว่า Fitbit Versa Lite เป็นสมาร์ทวอตช์น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่จะมาแทนนาฬิกาข้อมือและอุปกรณ์ออกกำลังกาย แต่ต้องยอมรับว่าราคาที่ไม่แพงนั้นแลกมาด้วยข้อจำกัด เพราะแม้จะสามารถตรวจสอบข้อความบน Versa Lite แต่ก็จะไม่สามารถตอบกลับข้อความเหล่านั้นได้แบบไร้อุปกรณ์เสริม ขณะที่แม้จะสามารถควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออยู่ แต่ไม่สามารถเล่นได้เอง รวมถึงความสามารถนับขั้นบันไดที่นับจำนวนชั้นไม่ได้

ด้วยราคานี้ Versa Lite จะไม่มี GPS ออนบอร์ด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่สามารถทิ้งโทรศัพท์แล้วออกไปจ็อกกิ้งได้เต็มที่ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ Versa Lite กำหนดให้ผู้ใช้ต้องเลือกโหมดการออกกำลังกายทีละโหมด ซึ่งแปลว่าหากใครตัดสินใจเดิน 15 นาทีสลับกับวิ่งต่ออีก 15 นาทีแล้วจึงขี่จักรยานอีก 30 นาที ใครคนนั้นจะต้องเลือกโหมดด้วยตัวเอง ยุ่งยากและใช้เวลานานยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสมาร์ทวอตช์รุ่นท็อป

แต่ถ้าหากทุกอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ Versa Lite ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มใช้สมาร์ทวอตช์ เพราะตัวแอปและระบบรอบด้านนั้น Fitbit ออกแบบมาได้ดีมาก แม้แต่หากแบตเตอรี่กำลังจะหมด ระบบยังส่งอีเมลมาเตือนให้ชาร์จแบตเตอรี่โดยเร็ว ซึ่งเป็นการติดต่อจากอุปกรณ์ที่ถือว่าใส่ใจมากทีเดียว.

]]>
Review : Fitbit Charge 3 ชาร์จรอบเดียวใช้ได้ 7 วัน https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-charge-3/ Mon, 03 Dec 2018 06:42:17 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=29797  

ถัดจาก Fitbit Charge 2 ที่เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้วทำตลาดช่วงปี 2016 วันนี้ถึงคิว Fitbit Charge 3 ที่ปรับดีไซน์ใหม่ให้บางลง แลดูหรูพรีเมียมมากขึ้นกว่าเดิม จุดเด่นคือ Fitbit Charge 3 ใส่แล้วเบาเพราะตัวเรือนอะลูมิเนียมที่ Fitbit ระบุว่าใช้เทคโนโลยีอากาศยานให้น้ำหนักเบาขึ้น ขณะเดียวกันก็ใช้จอทัชสกรีนกระจก Gorilla Glass 3 ทนต่อรอยขีดข่วน

ความใหม่ของ Fitbit Charge 3 ยังอยู่ที่ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย ที่ผู้ใช้เลือกได้ตามชนิดกีฬา นอกจากนี้ยังรองรับระบบชำระเงิน Fitbit Pay ทั้งหมดนี้ใช้งานได้เต็มที่เพราะแบตเตอรี
อึดทนยาวนาน 7 วันหลังจากชาร์จเต็ม 100%

การออกแบบ

จากที่เคยหนา Charge 3 ถูกปรับให้บางกว่าเดิมโดยที่จอแสดงผลยังคงกว้างพอแสดงรายละเอียดสำคัญ มีให้เลือก 2 ขนาด คือ Small สำหรับขนาดข้อมือ 5.5 – 7.1 นิ้ว และ Large 7.0 – 8.7 นิ้ว เส้นทแยงมุมหน้าจอ 1.57 นิ้ว ขนาดจอ 0.78×1.36 นิ้ว

เช่นเดียวกับ Charge 2 ด้านหลังตัวเรือน Charge 3 จะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตรงกลาง และมีส่วนสำหรับชาร์จและชิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ผ่านสายยูเอสบี การชาร์จทำได้ง่ายเพราะจะชาร์จทันทีที่เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์แล้วลงล็อกพอดี สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนสาย สามารถพลิกด้านหลังตัวเรือนเพื่อปลดล็อกสายออกจากเครื่องได้ง่าย จุดนี้ต้องชื่นชมเพราะการถอดสายทำได้ง่ายกว่าคู่แข่งรุ่นราคาระดับเดียวกันอย่าง Gear Fit Pro 2

สเปก

Fitbit Charge 3 ใช้เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (3-axis accelerometer) ระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล เครื่องวัดระดับความสูง (Altimeter) และมอเตอร์ระบบสั่น มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสัมพัทธ์ SpO2 และรองรับ NFC (เฉพาะรุ่นพิเศษ) ใช้หน้าจอสัมผัส OLED ขาวดำ

หลังจากชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมง Fitbit Charge 3 มีอายุใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่อง 7 วัน ตัวเครื่องสามารถบันทึกข้อมูลเคลื่อนไหวได้ละเอียดตลอดสัปดาห์ 7 วันแบบนาทีต่อนาที สามารถบันทึกผลสรุปรายวันในรอบ 1 เดือน

จากข้อมูล พบว่า Fitbit Charge 3 สามารถกันน้ำได้ลึก 50 เมตร แต่หลังจากว่ายน้ำหรือกิจกรรมที่ทำให้ Charge 3 เปียก Fitbit ย้ำว่าควรเช็ด Charge 3 ให้แห้ง และไม่แนะนำให้สวมใส่ Charge 3 ในอ่างน้ำร้อนหรือซาวน่า

Fitbit Charge 3 รองรับ Bluetooth 4.0 ตัวเครื่องสามารถซิงค์อัตโนมัติกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ iOS, Android และ Windows โดย Charge 3 จะยังซิงค์ได้เมื่อห่างจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันรัศมี 20 ฟุต 

ฟีเจอร์เด่น

Fitbit Charge 3 ถือเป็นฟิตเนสแทรคเกอร์ที่ฉลาดและครบเครื่อง เพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสัมพัทธ์ SpO2 มาใส่ไว้ในแทรคเกอร์เป็นครั้งแรก เมื่อรวมกับเซ็นเซอร์วัดการเต้นหัวใจ โหมดออกกำลังกายใน Fitbit Charge 3 จึงทำงานได้อย่างเหนียวแน่น

Charge 3 เปิดให้ผู้ใช้เลือกโหมดออกกำลังกายได้มากกว่า 15 โหมด เช่น หากเลือกโหมดว่ายน้ำ ก็จะมีแดชบอร์ดข้อมูลสุขภาพที่เข้ากับกิจกรรมว่ายน้ำโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการติดตามสุขภาพสำหรับสุภาพสตรี และฟังก์ชั่นติดตามการนอน

นอกจากดีไซน์หรู Fitbit Charge 3 มีจุดเด่นที่ปุ่มกดด้านซ้ายของเครื่อง ซึ่ง Fitbit เรียกว่าปุ่มเหนี่ยวนำ (inductive button) ให้สัมผัสไวกว่าปุ่มกดปกติ ถือเป็นความใหม่ที่ทำให้การใช้งาน Fitbit Charge 3 ง่ายขึ้น

เมื่อกดปุ่มนี้ Charge 3 จะเปิดให้ผู้ใช้เลือกโหมด เช่น โหมดแสดงหน้าจอหลัก โหมดแสดงสถิติจำนวนก้าว โหมดตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ โหมดปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ จำนวนชั้นที่ก้าวเดิน และเวลาที่มีการเคลื่อนไหว ยังมีโหมด Relax ซึ่งจะแสดงกราฟิกบนหน้าจอให้ผู้ใช้หายใจเข้า-ออกตาม

Fitbit Charge 3 ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดการติดต่อและไม่โดนรบกวน มีฟีเจอร์แจ้งเตือนสายเรียกเข้า ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย ขณะที่โหมดตอบกลับเร็ว (Quick Replies) สำหรับโทรศัพท์ระบบแอนดรอยด์ จะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้

สำหรับระบบการชำระเงิน ”ฟิตบิท เพย์” จะต้องทำบน Special Edition Charge 3 รุ่นพิเศษที่มีชิป NFC เท่านั้นจึงจะสามารถชำระเงินด้วยข้อมือ วิธีการเปิดใช้งาน Fitbit Pay คือการกดปุ่มซ้ายของ Special Edition Charge 3 ค้างไว้ 2 วินาที ก็จะเข้าสู่เมนูหลัก จุดนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าบัตรเครดิตที่เมนู Wallet จากแอปพลิเคชันก่อน

สรุป

ความประทับใจใน Charge 3 ต้องยกให้ความอึดทนของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้เกิน 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยจากการทดสอบ เราพบว่าหลังจากผ่านไป 7 วัน แบตเตอรี่ยังมีเหลือไม่น้อยกว่า 28%

สำหรับ Fitbit ถือว่าชัดเจนเรื่องความพยายามในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ฉลาดขึ้น แอปพลิเคชัน Fitbit สามารถตรวจจับกิจกรรมของผู้ใช้ได้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังและการนอนแบบไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม ทำให้ผู้ใช้ไม่ยุ่งยากในการใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Female Health ที่น่าสนใจมากสำหรับผู้หญิง เพราะไม่ได้ติดตามเฉพาะรอบประจำเดือน แต่ยังครอบคลุมถึงช่วงไข่ตก และอาการปวดหัวอื่นๆ

ถือว่า Charge 3 คุ้มค่ามากกว่า Charge 2 ที่ก่อนหน้านี้ตั้งราคาเริ่มต้น 7,490 บาท สำหรับ Charge 3 ถูกลดราคาเริ่มต้นเหลือ 6,490 บาท มีจำหน่ายทั้งแบบสีดำพร้อมกรอบอะลูมีเนียมกราไฟต์ หรือสีบลูเกรย์พร้อมกรอบอะลูมิเนียมสีชมพูโรสโกลด์ อุปกรณ์เสริมราคาระหว่าง 990-1,890 บาท และรุ่น Special Edition ในราคา 6,990 บาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ทำให้ Charge 3 มีข้อสงสัยคือความแม่นยำในการวัดจำนวนก้าว เพราะจากการสวมใส่ Charge 3 เข้านอน พบว่าเมื่อตื่นนอนโดยที่ยังไม่ลงจากเตียง หน้าจอ Charge 3 แสดงผลว่าได้ก้าวเดินมากกว่า 38 ก้าว ซึ่งตัวเลขจะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน จุดนี้หากไม่ใช่ Charge 3 ทำงานพลาด ก็อาจเป็นเพราะการ “นอนดิ้น” 38 ตลบที่แทบไม่น่าจะเป็นไปได้.

ข้อดี

– ดีไซน์หรู
– แบตเตอรี่ทนนานกว่า 1 สัปดาห์
– ทำงานอัตโนมัติ
– ใส่ว่ายน้ำได้

ข้อสังเกต

– ขาดแอปพลิเคชันเสริมของค่ายอื่น
– ไม่รองรับการซิงค์อัตโนมัติกับ Apple Health หรือ Google Fit

]]>
Review : Fitbit Flex 2 แทร็กเกอร์รุ่นเริ่มต้นสำหรับวัดเดิน-นอน https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-flex-2/ Sun, 22 Jan 2017 08:16:27 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=25036

IMG_6763

อุปกรณ์ช่วยวัดก้าวเดินและการนอน เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับผู้บริโภคในยุคไอที ตามเทรนด์ของกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ ซึ่งภายในอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะมีฟีเจอร์แตกต่างกันไปตามระดับราคา โดย Fitbit Flex 2 จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มเริ่มต้น เหมาะกับการใส่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

จุดเด่นของ Flex 2 นอกเหนือไปจากความสามารถหลัก ในเรื่องของวัดก้าวเดิน และวัดระยะเวลาในการพักผ่อนแล้ว ก็จะเป็นความสามารถในการกันน้ำ ที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใส่ว่ายน้ำ หรืออาบน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลกับอุปกรณ์ที่ใส่ไว้ในข้อมือ

นอกจากนี้ ด้วยการออกแบบตัวส่งสัญญาณที่มีขนาดเล็กลง ช่วยให้นอกจากใช้ใส่คู่กับสายรัดข้อมือแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ใส่กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสายห้อยคอ คลิปหนีบ ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งแทน

การออกแบบ

IMG_6767

ในแง่ของการออกแบบ Flex 2 จะออกแบบให้เป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำตัวเซ็นเซอร์ให้มีขนาดเล็กลง เหลือการแสดงผลเพียงไฟ 5 จุด เพื่อใช้บอกสถานะต่างๆของเครื่องแทน ทำให้ผู้ใช้นอกจากสามารถใช้ใส่กับสายรัดข้อมือเพื่อใช้งานตามปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนไปใส่กับสร้อยคอ หรือ คลิปหนีบที่เป็นอุปกร์เสริมเพิ่มได้อีกด้วย

ดังนั้นรูปแบบการใช้งานของ Flex 2 จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใส่ไว้ที่ข้อมือเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้าตัวเซ็นเซอร์ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงแท่ง ที่มีจุดไฟ LED จึงกลายเป็นเหมือนแกนหลักให้ผู้ใช้สามารถนำไปใส่กับอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้ใช้งานในลักษณะแฟชันมากยิ่งขึ้น เพราะเจ้าตัวแกนจะมีขนาดเพียง 31.7 x 8.9 x 6.8 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 23.5 กรัม

IMG_6769

อย่างไรก็ตาม ในกล่องของ Flex 2 จะมีการแถมสายมาให้ 2 ขนาดคือ เล็ก และ ใหญ่ เพื่อให้สามารถเลือกใส่ใช้งานได้ทันที ซึ่งสำหรับคนที่รูปร่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก็สามารถใช้สายไซส์ S ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก็จะอยู่ในช่วงปลายๆของตัวเล็ก

IMG_6778IMG_6781สำหรับลักษณะของสายจะมีการออกแบบให้มีลวดลายเพิ่มมากขึ้น โดยตรงขั้วล็อกจะเป็นแบบ 2 ชั้น เพื่อป้องกันการหลุดหล่นหายขณะออกกำลังต่างๆ ซึ่งตัวเล็กถือว่ามีความแน่นหนาดีมาก นอกจากนี้ ก็จะมีการแสดงแบรนด์ ‘fitbit’ ไว้ภายนอกให้เห็นชัดเจนเช่นเดียวกัน

IMG_6774

นอกจากนี้ ภายในกล่องจะมีสายชาร์จมาให้ด้วย โดยจะใช้งานร่วมกับอะเดปเตอร์ยูเอสบีทั่วไป หรือจะใช้การเสียบไปจากคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงปลายจะเป็นพอร์ตยูเอสบี 2.0 ตามมาตรฐาน ส่วนบริเวณหัวชาร์จจะเป็นรูปแบบของตัวเล็กให้นำตัวแทร็กเกอร์ที่ถอดจากสายออกมาเสียบลงไปชาร์จ ขณะชาร์จก็จะมีไฟสถานะบอกอยู่

ทั้งนี้ การทำงานของ Flex 2 จะเน้นไปที่การตรงจับการเคลื่อนไหวผ่านเซ็นเซอร์ accelerometer แบบ 3 แกน ที่มาพร้อมกับมอเตอร์สั่นในการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆ ผู้ใช้สามารถสั่งงานแทร็กเกอร์ได้เพียงอย่างเดียวคือการแตะ 2 ครั้ง เพื่อแสดงข้อมูลจำนวนก้าวว่าใกล้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือยัง

ขณะที่ในแง่ของการใช้งาน แบตเตอรีของ Flex 2 จะอยู่ได้ราว 5 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อทดลองใช้แล้วก็ไม่พบว่าจะหมดก่อน 5 วันเท่าไหร่ แบตเตอรีภายในเป็น li-Polymer ใช้ระยะเวลาในการชาร์จเกือบๆ 2 ชั่วโมงๆ ส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 4.0

Fitbit-Flex-2_Family-1

ส่วนจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Flex 2 คือการกันน้ำ ซึ่งถือเป็นแทร็กเกอร์รุ่นแรกของ Fitbit เลยก็ว่าได้ ที่มาพร้อมการกันน้ำ ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่เพื่อว่ายน้ำ หรือการกันน้ำ รวมถึงสบู่ ในเวลาที่อาบน้ำ ก็ไม่จำเป็นต้องถอดตัวแทร็กเกอร์ออกจากข้อมืออีกต่อไป

ฟีเจอร์เด่น

s01

เริ่มต้นการใช้งาน Flex 2 ผู้ใช้จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Fitbit ก่อน โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อแล้วในแอปก็จะมีการสอนข้อมูลเบื้องต้น อย่างการนำตัวแทร็กเกอร์ออกมาเปลี่ยนสีสายรัดข้อมือให้มีความหลากหลาย หรือจะนำไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นอย่างจี้ห้อยคอ หรือกำไลข้อมือก็ได้

ถัดมาคือการแนะนำข้อมูลในแง่ของการทำความสะอาด สามารถใช้สบู่ทำความสะอาดสายได้โดยตรง ส่วนถ้ามีการนำไปใช้ในการว่ายน้ำ ก็ควรถอดออกมาวางไว้ หรือเช็ดให้แห้งก่อนใช้งานต่อไป และยังแนะนำให้มีการถอดออกจากข้อมือบ้างในบางครั้ง รวมถึงถ้าเกิดอาการแพ้ก็จะมีคำแนะนำต่างๆให้

s02s03

หลังจากนั้น ก็คือการแนะนำ แดชบอร์ด (พื้นที่แสดงผล) แบบใหม่ สำหรับผู้ใช้งาแอนดรอยด์ ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบไป โดยจะมีการปรับอินเตอร์เฟสให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำให้ดูโล่งๆโปร่งๆ ด้วยการนำข้อมูลสำคัญที่สุดอย่างจำนวนก้าวขึ้นมาแสดงผลในส่วนบนสุด ถัดลงมาเป็นจำนวนชั้น ระยะทาง แคลอรี่ที่เผาผลานไป และเวลาที่มีการเคลื่อนไหว รวมถึงการจับการออกกำลัง และการนอน

จากนั้นก็จะเป็นการ์ดข้อมูลต่างๆที่ผู้ใช้สามารถเลือกสลับ นำมาแสดงผลได้ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ระยะเวลาที่ออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ (ในแอปแนะนำว่าควรมีกิจกรรมอย่างน้อย 5 ครั้งใน 1 สัปดาห์) ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะรวมถึงการเดินในระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใส่ข้อมูลจำนวนน้ำที่ดื่ม อาหารที่รับประทาน ใส่น้ำหนักเพื่อจัดโปรแกรมควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ ยังไม่รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Fitstar Personal Trainer ที่จะมาช่วยให้ผู้ฝช้งานออกกำลังกายจากกิจกรรมแอโรบิก หรือเต้นตามท่าในวิดีโอที่แนะนำด้วย

s04

ทั้งนี้ ในการใช้งานครั้งแรกทาง Fitbit จะมีให้ผู้ใช้งานตั้งเป้าหมายที่จะมีให้เลือกทั้งลดน้ำหนัก เพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย เพิ่มความฟิต เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มระยะเวลาในการพักผ่อน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หลังจากนั้นก็จะมีการแนะนำจำนวนก้าว เวลานอน ช่วงเวลาการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อให้ตั้งเป็นเป้าหมายไว้ด้วย

ส่วนอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือเรื่องของการแจ้งเตือน โดยตัว Flex 2 สามารถใช้เพื่อแจ้งเตือนการมีสายเรียกเข้า ตั้งเวลาปลุก เตือนให้มีการขยับเคลื่อนไหว และเตือนว่ามีข้อความเข้าใจเครื่องได้ด้วย เมื่อมีการซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟน ดังนั้นก็ช่วยให้ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารสำคัญๆในกรณีที่วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ด้วย

s05s06

ส่วนในแง่ของการแสดงผลข้อมูลการเดิน ระยะทางต่างๆก็จะแสดงผลเป็นกราฟให้สามารถดูย้อนหลังได้ การแสดงระยะเวลานอนก็จะบอกว่าในแต่ละคืนนอนไปกี่ชั่วโมง มีการขยับตัวมากน้อยแค่ไหน และในแง่ของการออกกำลังก็จะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนในการบันทึกพิกัด GPS เพื่อคำนวนออกมาเป็นระยะที่ออกกำลังเป็นต้น

ทดสอบประสิทธิภาพ

IMG_6795

เมื่อลองใช้งานทั่วๆไปแล้ว Flex 2 จะเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วๆไป ที่มีไลฟ์สไตลเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือใช้ชีวิตทั่วๆไป ที่อยากมีสุขภาพดีขึ้น ด้วยการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกาย ถือเป็นแทร็กเกอร์สำหรับผู้เริ่มใช้งานมากกว่า

เพราะตัว Flex 2 จะโดดเด่นในแง่ของขนาดที่เล็ก เหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบ ทั้งยังใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงได้ด้วย แต่จะวัดได้เพียงข้อมูลเบื้องต้นอย่างนับก้าว วัดนอน และการแจ้งเตือนเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอาจจะมองว่าไม่เพียงพอ เพราะอาจจะต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือการระบุพิกัด GPS มาใช้งานด้วย

สรุป

IMG_6765

Fitbit Flex 2 เหมาะเป็นอุปกรณ์สำหรับผู้ที่เริ่มสนใจในเทคโนโลยีการวัดผลด้านสุขภาพ (แทร็กเกอร์) ที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน เพื่อให้เรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำงาน เพราะจะเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ไม่ได้เหมาะกับการนำมาเป็นอุปกรณ์ในการวัดการออกกำลังกายแบบจริงจัง

ดังนั้น ด้วยการที่มีอุปกรณ์เสริมออกมาอย่างการที่มีสร้อยคอ หรือกำไลข้อมือ ให้ซื้อเพิ่มเพื่อนำมาใช้งาน ถือเป็นการเจาะเข้าไปในกลุ่มไลฟ์สไตลโดยเฉพาะผู้หญิงที่รักสุขภาพมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าในการใช้งานให้ดีควรซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลตลอดเวลา

สำหรับ Fitbit Flex 2 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในช่องทางทั่วไป จากที่ก่อนหน้านี้จะมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยราคาตัวเครื่องจะอยู่ที่ 4,490 บาท มาพร้อมกับสายรัดข้อมือแบบคลาสสิก สีดำ สีลาเวนเดอร์  สีมาเจนต้า (ชมพูบานเย็น) หรือสีกรมท่า

Fitbit-Flex-2_Family

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับสายรัดข้อมือฟิตเนสแบบคลาสสิกใน 3 แพก ประกอบไปด้วยโทนชมพู (สีชมพูบลัช สีลาเวนเดอร์ และสีมาเจนต้า) และสีโทนสปอร์ต (สีเทา สีกรม และสีเหลือง) ในราคา 1,290 บาท เครื่องประดับกำไลในทอง สีโรสโกลด์ ราคา 3,990 บาท และสีเงินสเตนเลสสตีล ราคา 3,590บาท และจี้เครื่องประดับสีทอง ราคา 3,990 บาท และสีเงินสเตนเลสสตีล ราคา 3,190 บาท

ข้อดี

– ฟิตเนสแทร็กเกอร์ ที่สามารถใส่ว่ายน้ำได้

– แบตเตอรีอยู่ได้ราว 5 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

– มีสายรัดสีอื่นๆ กำไล และจี้ห้อยคอให้เลือกเปลี่ยน (ซื้อเพิ่ม)

ข้อสังเกต

– ราคาค่อนข้างสูง เพราะมีระบบแอปที่บริหารจัดการได้ค่อนข้างดี

– ยังไม่สามารถวัด HR / GPS ในตัวได้

– ระบบการแจ้งเตือนยังค่อยข้างสับสน ต้องยกข้อมือขึ้นมาดู (น่าจะใช้รูปแบบการสั่นในการแยกการแจ้งเตือนได้)

Gallery

]]>
Review : Fitbit Charge 2 สายวัดสุขภาพพร้อมเซ็นเซอร์ HR https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-charge2/ Wed, 23 Nov 2016 10:13:18 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=24531

DSC00833

Fitbit Charge 2 ถือเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก Fitbit Charge ที่ฟิตบิทผลิตออกมาจับตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่รักสุขภาพ ที่มี Health Conscious ด้วยการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากรุ่นเดิมที่เน้นการวัดกิจกรรมต่างๆ มาเพิ่มด้วยฟังก์ชันการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ช่วยบอกถึงสุขภาพของผู้ใช้ได้การเก็บสถิติได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน Charge 2 ซึ่งถือเป็นสายวัดข้อมือสุขภาพในกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางของฟิตบิท คือการเพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนสายรัดสีต่างๆได้ และมีฟังก์ชันในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อบันทึกพิกัด GPS เพิ่มเติมเข้ามา

การออกแบบ

DSC00855

ด้วยการที่ต้องออกแบบให้เป็นอุปกรณ์สวมใส่แทนนาฬิกา เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ทำให้ Charge 2 มีขนาดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย เพื่อให้มีส่วนของจอแสดงผลเพิ่มเติม ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แสดงรายละเอียดต่างๆได้เพิ่มมากขึ้น

โดย Charge 2 จะมีให้เลือก 6 สี คือ ดำ ม่วง น้ำเงิน ฟ้าอมเขียว เทาดำ และโรสโกลด์ มีให้เลือก 3 ขนาด คือ  Small สำหรับขนาดข้อมือ 5.5 – 6.5 นิ้ว Large 6.5 – 7.7 นิ้ว และ XL 7.7 – 8.9 นิ้ว ที่จะมีเฉพาะสีดำ และจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น

DSC00871

สิ่งที่เห็นชัดเจนมากที่สุดของ Charge 2 คือตัวหน้าจอแสดงผลที่เป็นจอแบบ OLED มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับ Charge รุ่นก่อนหน้าราว 4 เท่า ทำหน้าที่ในการแสดงผลข้อมูลต่างๆ โดยใช้การสั่งงานด้วยปุ่มกดทางด้านซ้าย ควบคู่กับการแตะให้หน้าจอสั่นเพื่อรับสัมผัส

DSC00862

ด้านหลังตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตรงกลาง และมีหน้าสัมผัสสำหรับชาร์จ และชิงค์ข้อมูลตัวเครื่องกับคอมพิวเตอร์ ผ่านสายยูเอสบีอยู่ ดังนั้น ในการใช้งานจึงสามารถใช้เชื่อมต่อได้ทั้งบลูทูธกับสมาร์ทโฟน หรือจะเลือกซิงค์ผ่านสายยูเอสบีกับคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นเดียวกัน

DSC00865

โดยผู้ใช้สามารถพลิกสายขึ้นมาเพื่อปลดล็อกสายออกจากตัวเครื่องได้ เพื่อนำมาทำความละเอียด หรือเปลี่ยนสีสายให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งบริเวณข้อต่อจะใช้เป็นโลหะ ทำให้มีความแข็งแรง เมื่อถอดออกมาแล้วก็จะเหลือแค่ตัวเครื่องที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก

DSC00883

ส่วนวิธีการชาร์จจะใช้อะเดปเตอร์เฉพาะ ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตยูเอสบีทั่วไป ทำการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ เมื่อลงล็อกเรียบร้อยตัวเครื่องก็จะทำการชาร์จไฟทันที

สเปก

สำหรับสเปกคร่าวๆของ Fitbit Charge 2 จะประกอบด้วยเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (3-axis accelerometer) เครื่องวัดระดับความสูง (Altimeter) และมอเตอร์ระบบสั่น แบตเตอรี Li-Polymer สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 วัน ใช้ระยะเวลาชาร์จประมาณ 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ตัวเรือนยังกันละอองน้ำได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถใส่อาบน้ำ หรือว่ายน้ำได้

ฟีเจอร์เด่น

s01

จุดเด่นของ Charge 2 ที่เพิ่มขึ้นมา คือการมีหน้าจอแสดงผลเพิ่มเข้ามา เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานอุปกรณ์ได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม โดยไม่จำเป็นต้องใช้การกดผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน กับความสามารถในส่วนของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นมา

การสั่งงานของ Charge 2 ทำได้ด้วยการกดปุ่มทางด้านซ้าย (ทั้งเครื่องมีปุ่มเดียว) เพื่อเลือกโหมด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลนาฬิกา (หน้าจอหลัก) โดยในหน้าจอนี้ สามารถแตะที่ตัวเครื่องเพื่อเปลี่ยนการแสดงผลรายละเอียดย่อยอย่างจำนวนก้าว อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาน ระยะ จำนวนชั้นที่เดินขึ้น และเวลาที่มีการเคลื่อนไหว

s02

โหมดถัดมาคือ โหมดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โหมดเลือกชนิดกีฬาที่อกกำลัง (แตะที่ตัวเครื่องเพื่อสลับประเภทกีฬา) เมื่อเลือกประเภทได้แล้ว ให้กดปุ่มค้างเพื่อเริ่มออกกำลัง และกดค้างอีกครั้งเพื่อสิ้นสุด ในจุดนี้ถ้าเป็นกีฬาที่มีการเก็บเส้นทาง ตัวเครื่องก็จะทำการซิงค์กับ GPS บนสมาร์ทโฟนให้อัตโนมัติ

s03

นอกจากนี้ ก็จะมีในส่วนของนาฬิกาจับเวลา และระบบใหม่ล่าสุดคือ แนะนำการหายใจเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ระยะเวลากี่นาที อย่าง 2 นาที 5 นาทีเป็นต้น หลังจากนั้นตัวเครื่องก็จะทำการวัดการหายใจเข้า ออก โดยมีกราฟิกแสดงบนหน้าจอให้ผู้ใช้หายใจตาม

แน่นอนว่าเมื่อมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็จะได้ในส่วนของการแจ้งเตือนไม่ว่าจะเป็น สายเรียกเข้า ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ถูกพัฒนาให้รองรับภาษาไทย ดังนั้นจะแสดงผลแต่ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

Screen-Shot-2559-11-23-at-5.07.25-PM

ส่วนฟีเจอร์ที่เหลืออื่นๆ ก็จะทำการซิงค์ข้อมูลกับแอปพลิเคชันของ Fitbit ที่มีการพัฒนาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ให้แสดงผลได้ละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัดก้าวเดิน การนอน การออกกำลัง ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันภายนอกได้ รวมถึงการบันทึกข้อมูลอาหารที่รับประทาน เพื่อใช้ในการควบคุมน้ำหนักเป็นต้น

สรุป

ถ้ากำลังมองหาอุปกรณ์ที่มาช่วยในการเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตประจำวัน Charge 2 ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ จากการที่ฟิตบิท มีการพัฒนาตัวแอปพลิเคชันให้ฉลาดขึ้น ด้วยการตรวจจับกิจกรรมต่างๆอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นการออกกำลัง การนอนต่างๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่ยุ่งยากในการใช้งาน ประกอบกับการที่ตัวเครื่องมีเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจมาให้ด้วยจึงถือว่าครบเครื่องมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับราคาที่อยู่ราว 7,490 บาท อาจจะถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับฟิตเนส แทร็กเกอร์ แบรนด์จีนที่เริ่มทยอยเข้ามาทำตลาด แต่ด้วยการที่ฟิตบิท มีตัวแอปพลิเคชันที่พร้อมกว่า ทำให้เมื่อได้ใช้งานแล้วจะทราบว่า ตัวระบบที่ทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สำคัญกว่าตัวอุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลในระยะยาวอย่างแน่นอน

ข้อดี

เป็นฟิตเนส แทร็กเกอร์ ที่มากับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ระบบตรวจจับกิจกรรมอัตโนมัติ

ระบบแจ้งเตือนสายเรียกเข้าข้อความจากสมาร์ทโฟน

สามารถถอดเปลี่ยนสายได้

ข้อสังเกต

ตัวเรือนไม่กันน้ำ ทำให้ต้องถอดเมื่ออาบน้ำ หรือว่ายน้ำ

ไม่มี GPS ภายใน ต้องเชื่อมต่อกับ GPS ของโทรศัพท์

การแสดงผลค่อนข้างจำกัด ทำให้ดูรายละเอียดค่อนข้างยาก

Gallery

]]>
Review : Fitbit Blaze นาฬิกาฟิตเนสสไตลแฟชั่น https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-blaze/ Mon, 02 May 2016 06:40:08 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=22389

IMG_2752

เมื่ออุปกรณ์ช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจเริ่มกลายเป็นแอสแซสเซอรี่ประจำตัวผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Fitbit ในฐานที่เป็นแบรนด์แรกๆที่เริ่มจับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้ากลุ่มนี้ จึงเริ่มปรับตัวให้เข้ายุคสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัย เข้ากับแฟชันมากขึ้น เพื่อให้สามารถใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้

สิ่งที่ทำให้ Fitbit Blaze น่าสนใจคือ หน้าปัดแสดงผลที่ให้สีสรรกับความคมชัดมากยิ่งขึ้น พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมอย่าง Surge ที่เป็นเพียงจอขาวดำที่ให้ความละเอียดเป็นแบบเม็ดพิกเซล พร้อมกับมีการเพิ่มความสามารถใหม่อย่าง FitStar เข้ามาช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้ออกกำลังกายมากขึ้น แต่ด้วยความที่ต้องการให้เครื่องบางลงจึงมีการตัดฟังก์ชันอย่างระบบระบุพิกัดออกไป

การออกแบบ

IMG_2756

Fitbit Blaze จะชูในเรื่องของตัวเรือนหลักๆเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สามารถถอดออกจากกรอบได้ โดยจะมีหน้าจอทัชสกรีนที่ใช้กระจก Gorilla GLass 3 ขนาด 1.25 นิ้ว ความละเอียด 240 x 180 พิกเซล ล่างหน้าจอมีสกรีนยี่ห้อ ‘Fitbit’ สีเงินไว้ โดยจะมีปุ่มย้อนกลับอยู่ทางฝั่งซ้าย และอีก 2 ปุ่มสำหรับสั่งงานอยู่ทางขวา ไว้ใช้กดเลือกเมนูต่างๆ

IMG_2757

เมื่อพลิกตัวเรือนขึ้นมาจะพบกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ใช้เทคโนโลยี PurePulse ถัดมาเป็นแถบสำหรับชาร์จตัวเรือน โดยการชาร์จจำเป็นต้องถอดตัวเรือนออกมาจากกรอบ แล้วนำเข้าไปไว้ในกรอบสายชาร์จแทน โดยใช้การชาร์จร่วมกับอะแดปเตอร์ยูเอสบี

IMG_2758

ในส่วนของสายที่ให้มาด้วยจะเป็นสายสำหรับออกกำลังกายที่เรียกว่าอีลาสโตเมอร์แบบคลาสสิค ที่มีให้เลือก 3 สีคือ ดำ น้ำเงิน และม่วงเข้ม โดยสีที่ทีมงานได้มาทดสอบคือสีดำ ที่จะมีกรอบสีเงินไว้ใส่ตัวเรือนเข้าไป ก็จะกลายเป็นนาฬิกาข้อมือไว้ใช้งานได้

Untitled-1

สำหรับขนาดของสายจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาดคือ S 140 – 170 มิลลิเมตร L 170 – 206 มิลลิเมตร และ LL 206 – 236 มิลลิเมตร โดยในส่วนของสายสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 1,290 บาท นอกจากนี้ ก็จะมีสายหนังขายพร้อมกับกรอบหน้าปัดสแตนเลสในราคา 3,990 บาท (สีดำ สีเทาหมอก และสีน้ำตาลอ่อน) สุดท้ายคือสายสแตนเลส คู่กับกรอบหน้าปัดสีเงินราคา 5,190 บาท

IMG_2767

ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย ตัวนาฬิกา Fitbit Blaze สายชาร์จ อแดปเตอร์เชื่อมต่อข้อมูลกับพีซี และคู่มือการใช้งาน

ฟีเจอร์เด่น

s01

ถ้ามองที่เฉพาะตัวเรือน Blaze จะมีความสามารถหลักๆคือเป็นนาฬิกาหน้าจอสัมผัส ผู้ใช้สามารถเลือกตัวแสดงผลข้อมูลด้านล่างได้ว่าจะให้แสดงผลก้าวเดิน ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลานไป ระยะที่เดิน จำนวนขั้นบันไดที่ขึ้น วันที่ และอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งผู้ใช้สามารถกดเข้าไปดูรวมๆได้ในโหมด Today ด้วยการปาดจากขวาไปซ้ายที่หน้าจอ

s02

ถัดมาจะเป็นโหมด Exercise ที่ผู้ใช้สามารถเลือก 8 กิจกรรมที่ใช้งานบ่อย (เลือกจากในแอปฯ) อย่างการวิ่ง ขี่จักรยาน เดินเขา เล่นฟิตเนส และอื่นๆ เมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้วตัว Blaze ก็จะสามารถใช้การบันทึกพิกัดขณะออกกำลังกายได้ โดยถ้าเลือกกิจกรรมอย่างวิ่ง หรือปั่นจักรยาน จะมีหน้าจอแสดงขึ้นมาว่ากำลังเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หลังจากเชื่อมต่อเสร็จแล้วตัวนาฬิกาก็จะบันทึกข้อมูลร่วมกับพิกัดบนสมาร์ทโฟนเพื่อคำนวนความเร็วได้ด้วย

s05

ทั้งนี้ หน้าจอขณะออกกำลังกายผู้ใช้สามารถเลือกแสดงผล HR ความเร็วต่อชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย ปริมาณแคลอรี่ เวลา และระยะเวลาออกกำลังกาย พร้อมกับระยะทางรวม โดยสามารถกดพักได้ด้วยปุ่มขวาล่าง เมื่อกดแล้วต้องการออกกำลังกายก็ต่อกดปุ่มเดิมซ้ำเพื่อเริ่ม หรือถ้าต้องการหยุดก็กดที่ปุ่มขวาบนแทน ตัวเครื่องก็จะแสดงผลรวมการออกกำลังกายเมื่อสักครู่แทน

s06s07

นอกจากนี้ การใช้งาน Blaze ให้ได้เต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Fitbit ที่จะคอยเก็บข้อมูลผู้ใช้ในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถย้อนดูได้ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเดิน ระยะเวลานอน ช่วงเวลาออกกำลังกาย ขณะเดียวกันเมื่อซิงค์ข้อมูลขึ้นไปเก็บไว้บนเซิฟร์เวอร์ของ Fitbit แล้วก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่มากขึ้นทางหน้าเว็บไซต์ได้ด้วย

s04

ถัดมาเป็นฟังก์ชันใหม่อย่าง FitStar ที่เป็นโหมดออกกำลังแบบง่ายๆ ให้ผู้ใช้สร้างความฟิต แบ่งเป็น 3 โหมดคือ Warm IT Up ที่ใช้ระยะเวลา 8 นาทีในการวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย ถัดมาเป็น 7 Minute Workout การออกกำลังกาย 13 ท่าภายในระยะเวลา 7 นาที ที่ให้ร่างกายทุกส่วนได้ขยับ และสุดท้าย 10 Minute Abs ที่เป็นท่าออกกำลังช่วงหน้าท้องให้แข็งแรง

ภายในแต่ละโหมดของ FitStar ก็จะแสดงรูปพร้อมท่าทางให้ทำพร้อมไปกับการจับเวลา เมื่อทำครบเซ็ตก็เทียบกับจบ 1 โหมดในการออกกำลัง เพียงแต่ในเบื่องต้นยังมีอยู่เพียง 3 โหมดเท่านั้น แต่เชื่อว่าในอนาคตจะมีโหมดเพิ่มเติมเข้ามาให้ผู้ใช้เลือกได้มากขึ้น

ส่วนเมนูหลักๆที่เหลือก็จะเป็นโหมดอย่างนาฬิกาจับเวลา และนาฬิกานับเวลาถอยหลัง กับโหมดนาฬิกาปลุก

สุดท้ายในส่วนของโหมดการตั้งค่าจะมีให้เลือกว่าจะเปิดใช้งาน Quick View (หน้าจอติดอัตโนมัติเมื่อยกแขนขึ้นมา) ปรับความสว่างหน้าจอ เลือกการเชื่อมต่อบลูทูธแบบคลาสสิค (ใช้สำหรับกรณีที่ต้องการควบคุมเครื่องเล่นเพลงบนมือถือ) ตั้งเปิดปิดการทำงานของ HR ที่เหลือก็จะเป็นแสดงเวอร์ชันของเครื่อง และปิดเครื่อง

s08

ขณะเดียวันทาง Fitbit ยังมีการอัปเดตตัวแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มฟังก์ชันอย่าง Hourly Activity ที่จะนับช่วงเวลาที่มีการขยับเคลื่อนไหวเกิน 250 ก้าว ในแต่ละวันตามช่วงเวลาที่กำหนด เมื่อเคลื่อนไหวครบก็จะขึ้นแสดง เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม

สรุป

IMG_2753

ด้วยความสามารถหลักของ Blaze จะเน้นไปที่การนับก้าว วัดนอน จับอัตราการเต้นของหัวใจ ร่วมไปกับฟังก์ชันพิเศษของทาง Fitbit เล็กๆน้อยๆ ดังนั้นจึงไม่ได้เหมาะกับผู้ที่ต้องการนำมาเป็นอุปกรณ์เสริมคู่กายในการออกกำลังมากนักเพราะตัวเครื่องไม่รองรับการจับ GPS แต่จะเน้นที่การใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า

เมื่อมองไปถึงราคาจำหน่ายที่ 8,990 บาท ก็อาจจะทำให้ต้องคิดเพิ่มขึ้นสักหน่อย เพราะถ้ามองในแง่ของการเป็น Smart Watch ตัว Blaze ก็ทำหน้าที่ได้เพียงบางส่วน เพราะตัวเครื่องแม้จะรองรับการแจ้งเตือน แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย และจะเน้นไปที่โทรศัพท์ ข้อความ ยังไม่รวมถึงการสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ

อย่างไรก็ตามถ้านำมาใช้กับการออกกำลังกายทั่วๆไป อย่างวิ่งบนลู่ หรือใช้ร่วมกับการฟิตเนส หรือออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ Blaze ก็ถือว่าเหมาะสมอยู่ เพราะด้วยน้ำหนักตัวเรือนที่ไม่หนักมาก ทำให้ไม่รู้สึกหนักตอนใส่ กับระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้งที่ใช้ได้เกือบสัปดาห์ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจ

ข้อดี

  • ดีไซน์แฟชั่นมากขึ้น สามารถซื้อสายเปลี่ยนได้
  • หน้าจอสี มาพร้อมการแจ้งเตือนเมื่อซิงค์กับสมาร์ทโฟน (แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย)
  • เหมาะกับการใช้งานในไลฟ์สไตล์ทั่วๆไป
  • แบตเตอรี ใช้งานได้ต่อเนื่องราว 4-5 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ข้อสังเกต

  • จำเป็นต้องถอดตัวเรือนออกจากสายเวลาชาร์จ
  • ไม่มี GPS ภายในตัวทำให้เวลาใช้งานต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย
  • ไม่สามารถลงแอปฯเพิ่มเติมบนนาฬิกาได้

Gallery

]]>
Review : Fitbit Surge นาฬิการัดข้อมือวัด HR ได้ https://cyberbiz.mgronline.com/fibit-surge-reivew/ Thu, 05 Nov 2015 01:01:34 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=18137

IMG_0615

ถือเป็นอีกหนึ่งนาฬิกาเพื่อการออกกำลังกายที่น่าสนใจในท้องตลาด จากความสามารถในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ข้อมือได้ทันที และด้วยความที่ Fitbit อยู่ในตลาดนี้มาเป็นเจ้าแรกๆ ทำให้มีการพัฒนาตัวแอปพลิเคชันให้ใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟน รวมถึงบนพีซีด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการประมวลผลข้อมูล

จุดเด่นของ Surge นอกจากเรื่องของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว ก็จะมีในแง่ของการแสดงผลที่เป็นหน้าจอแบบสัมผัส สามารถเข้าไปเลือกโหมดในการใช้งานได้ รวมถึงการบันทึกพิกัดจีพีเอส เพียงแต่จะไม่กันน้ำทำให้ไม่สามารถใช้ในการว่ายน้ำ หรือกีฬาที่สมบุกสมบันได้ แต่ยังสามารถใช้กันละอองน้ำหรือเหงื่อได้ตามปกติ

การออกแบบ

IMG_0622

ด้วยการที่ Fitbit Surge เน้นในแง่ของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้การดีไซน์จะแปลกตาจากรุ่นเดิมๆที่เป็นเพียงสายรัดข้อมือวัดก้าววัดนอน เพื่อให้กลายเป็นกึ่งๆสมาร์ทวอทช์ ที่ใช้งานได้ทั้งตอนออกกำลังกาย และใช้งานในชีวิตประจำวัน

วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติก ผสมกับยาง เพื่อให้นาฬิกามีน้ำหนักเบา เหมาะกับการใส่ติดข้อมือไว้ตลอดเวลา และง่ายต่อการทำความสะอาดหลังจากออกกำลังกาย ตัวเรือนจะทำจากสแตนเลสสตรีลเพิ่มความแข็งแรงในการใช้งาน

IMG_0623

ตัวเรือนจะมีหน้าจอสัมผัสขนาด 1.25 นิ้ว พร้อมไฟ led ไว้ใช้งานในเวลากลางคืน โดยจะมีปุ่มสั่งงานด้วยกันทั้งหมด 3 ปุ่ม คือปุ่มทางซ้ายไว้กดเรียกหน้าเมนูขึ้นมา กับการกดย้อนกลับ ส่วนปุ่มทางขวาไว้ใช้สั่งงานอย่าง การสั่งเริ่มออกกำลังกาย พัก และหยุดออกกำลังเป็นต้น

IMG_0629

หลังตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ ซึ่งจะมีการนูนออกมาจากตัวเรือนเล็กน้อย ถัดมาเป็นจุดสำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จ ที่ต้องใช้สายเฉพาะของทาง Fitbit ในการชาร์จแบตเตอรี ใช้ระยะเวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อการใช้งานประมาณ 7 วัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน

IMG_0618

ส่วนภายในกล่อง นอกจากตัวเรือน และสายชาร์จแล้ว ก็จะมีคู่มือการใช้งาน และตัวรับข้อมูลที่เป็นพอร์ตยูเอสบี ไว้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ในการซิงค์ข้อมูลระหว่างตัวนาฬิกา และพีซี ในการนำข้อมูลมาประมวลผล เท่านั้น 

ฟีเจอร์เด่น

s04

จุดที่น่าสนใจของ Fitbit Surge ในส่วนของตัวเครื่อง จะมีโหมดหลักไว้ใช้ในการแสดงผลทั้งเป็นนาฬิกา บอกจำนวนก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ ระยะทาง ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลายไป และการขึ้นบันได โดยสามารถใช้นิ้วในการปัดหน้าจอไปทางซ้าย หรือ ขวาได้ทันที

s05

ถัดมาเมื่อกดปุ่มฝั่งขวา จะเข้าสู่หน้าจอเมนูตั้งค่า วิ่ง การออกกำลังกาย นาฬิกาจับเวลา นาฬิกาปลุก โดยในส่วนของนาฬิกาปลุกต้องตั้งผ่านแอปพลิเคชัน เพราะตัวเครื่องจะมีการสั่งงานเพื่อให้มีการปลุกในช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้ามีการใส่นาฬิกานอน

เมื่อเข้าไปในโหมดวิ่ง ตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้ง วิ่งแบบอิสระ วิ่งบนลู่วิ่ง วิ่งแบบเป็นรอบ ซึ่งแต่ละประเภทการวิ่งจะมีการจับข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน เช่นถ้าวิ่งบนลู่วิ่งจะไม่มีการเปิดโหมดบันทึกพิกัด เพราะเป็นการวิ่งอยู่กับที่ ส่วนถ้าวิ่งแบบอิสระ หรือเป็นรอบก็จะมีการเปิดโหมดจีพีเอสในการบันทึกพิกัดไปด้วย พร้อมกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นระบบพื้นฐาน

s03

ส่วนในเมนูการออกกำลังกาย ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งรูปแบบการออกกำลังกายที่ใช้งานบ่อยๆผ่านโทรศัพท์มือถือได้ 7 ประเภทด้วยกัน อย่างการขี่จักรยาน เล่นเวท ตีเทนนิส เป็นต้น ถ้าเป็นการออกกำลังที่ใช้ควบคู่กับการบันทึกพิกัดตัวเครื่องก็จะเปิดโหมดจีพีเอสขึ้นมาด้วย แต่ถ้าไม่ก็จะเปิดเพียงเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

สิ่งเหล่านี้คือความสามารถรวมๆของ Fitbit Surge เฉพาะภายในตัวนาฬิกา แต่ก็ยังมีความสามารถเพิ่มเติมเมื่อใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนอย่าง Fitbit เพราะภายในแอปดังกล่าว นอกเหนือไปจากการแสดงผลข้อมูลทั่วไปย้อนหลังอย่างการเดิน การนอน ระยะการเดินขึ้นบันได การเผาผลานพลังงาน

s002

ก็คือผู้ใข้สามารถใช้งานร่วมกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันรวมถึงการเข้าไปดูรายละเอียดการออกกำลังกายที่ให้ความสะเอียดมากขึ้นอย่างการแสดงโซนของอัตราการเต้นของหัวใจที่จะมีแบ่งระดับเป็นทั่วไปโซนลดไขมันและโซนสร้างกล้ามเนื้อ

s01

เมื่อกดเข้าไปดูในแต่ละประเภทก็จะมีกราฟแสดงข้อมูลย้อนหลัง ที่สามารถกดเข้าไปดูละเอียดถึงแต่ละวันได้ว่า ช่วงเวลาใดมีการเดินมากที่สุด และสามารถนำมาเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจที่จะคอยแสดงผลว่าในช่วงเวลาใด อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่เท่าไหร่

s02

ส่วนของการออกกำลังกาย อย่างที่กล่าวไปว่าจะสามารถดูอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละโซน ปริมาณแคลอรี่ที่มีการเผาผลาย แสดงผลเป็นกราฟตลอดช่วงเวลาที่ออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ข้อมูลเหล่านี้ไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทันที

ขณะเดียวกัน ถ้าต้องการควมคุม หรือลดน้ำหนัก ตัวแอปพลิเคชันก็เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถใส่ปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน ปริมาณน้ำ และน้ำหนัก เพื่อเก็บไว้ใช้เป็นข้อมูลในการประมวลผลเพิ่มได้

s001

นอกจากนี้ ถ้าเชื่อมต่อซิงค์ข้อมูลเข้ากับในพีซี ก็จะมีการแสดงผลเป็นกราฟ และอินโฟกราฟิกเพิ่มเติม ที่จะคอยบอกว่าในแต่ละวันเดินไปกี่ก้าว สามารถดูย้อนหลังเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน ดูรายละเอียดการออกกำลังกายล่าสุด รวมถึงการใส่ข้อมูลอาหาร น้ำ คุมน้ำหนักต่างๆผ่านหน้าจอแสดงผลบนเว็บไซต์ได้ทันที

s003

ที่สำคัญคือในแต่ละสัปดาห์ทาง Fitbit จะมีการส่งรายการสรุปผลเข้ามาแสดงในอีเมลที่สมัครไว้ โดยจะแสดงผลคร่าวๆว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเดินไปทั้งหมดกี่ก้าว ระยะทางเท่าไหร่ ขึ้นบันไดกี่ขั้น เผาผสานแคลอรี่เท่าไหร่ เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาให้ดูด้วย

สรุป

ถ้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และต้องการนาฬิกาที่มาช่วยในการวัดข้อมูลการนับก้าวเดิน การนอน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ Fitbit Surge ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อแสดงเป็นกราฟได้เลย รวมถึงการที่เข้าถึงข้อมูลได้จากหลายทาง ไม่จำเป็นต้องใช้งานเฉพาะกับสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นผู้ที่ออกกำลังกายแบบจริงจัง อาจจะมองว่าความสามารถของ Surge อาจจะอยู่ในช่วงครึ่งๆกลางๆ คือสามารถนำมาวัดผลการออกกำลังกายได้แต่ไม่สุด อย่างในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ Surge จะแสดงผลเป็นแค่ 3 ช่วงเท่านั้น ไม่สามารถดูโซนการเต้นของหัวใจหรือตั้งโซนได้เองเป็นต้น

ข้อดี

นาฬิกาวัดการออกกำลังกาย พร้อมอัตรการเต้นของหัวใจ

ตัวเรือนทำจากสแตนเลวผสมกับสายยางทำให้เบา และใส่ติดข้อมือได้

รองรับการแสดงข้อมูลบนพีซี

ข้อสังเกต

ตัวเครืองไม่สามารถกันน้ำได้ (กันได้เพียงละอองน้ำ และเหงื่อขณะออกกำลังกาย)

ยังไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์พิเศษในการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ตัวเรือนมีขนาดใหญ่ ทำให้ใส่นอนไม่ค่อยสะดวก

Gallery

]]>