Galaxy – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Mon, 04 May 2020 09:50:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Samsung Galaxy XCover Pro / Galaxy Tab Active Pro คู่หูดีไวซ์จับกลุ่มองค์กร https://cyberbiz.mgronline.com/review-samsung-xcover-tab-active-pro/ Thu, 30 Apr 2020 09:58:04 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=32709

การทำงานในองค์กรธุรกิจช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีกระแสชองการนำ BYOD (Bring your own device) หรือการนำดีไวซ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงาน เพื่อให้ไม่ต้องพกพาอุปกรณ์หลายชนิดให้เป็นภาระ

จนทำให้แบรนด์มือถือ และไอที ทั้งหลายไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความจำเป็นต้องการอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น ที่ต้องการเรื่องของความทนทาน และประสิทธิภาพในการใช้งาน

ในปีนี้ Samsung เริ่มเห็นถึงโอกาสในการเข้าไปอุดช่องว่างดังกล่าว เลยปัดฝุ่นสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน XCover และแท็บเล็ต Galaxy Tab ออกมาพัฒนาเป็นดีไวซ์สำหรับองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะ

เพื่อเข้าไปตอบโจทย์การใช้งานทั้งในสำนักงาน รวมถึงการนำออกไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ สำหรับพนักงานที่ต้องออกไปสำรวจพื้นที่ หรือเข้าไปเช็กสต็อกภายในโรงงาน

ข้อดี

  • ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ทนทาน ทั้งกันกระแทก และกันน้ำ กันฝุ่น
  • ประสิทธิภาพตัวเครื่องในระดับท็อป ทำงานได้หลากหลาย
  • มีการเพิ่มปุ่มลัดมาให้เรียกใช้งานแอปฯ ที่ต้องใช้เป็นประจำ
  • รองรับการถอดเปลี่ยนแบตเตอรี

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ตัวเครื่องจะไม่ได้เน้นความสวยงามมากนัก
  • การออกแบบของ Active Pro เน้นใช้งานแนวนอนเป็นหลัก

Galaxy XCover Pro พกง่าย สมบุกสมบัน

เริ่มกันที่สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy XCover Pro ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทันสมัยมากขึ้น แม้ว่าจะไม่เพรียวบาง และหรูหราเหมือนสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy S หรือ Note แต่ถ้ามองในเรื่องของความแข็งแรงแล้ว XCover Pro ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ

ด้วยการที่ให้ตัวหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่เจาะรูแบบ Infinity-O เหมือนใน Galaxy S10 ซึ่งยังคงรักษามาตรฐานในการแสดงผลสีได้อย่างสดใสตามสไตล์ของซัมซุง

บริเวณรอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสามารถป้องกันแรงกระแทกได้ ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.9 x 76.7 x 9.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 218 กรัม โดยทางซัมซุง เคลมว่าสามารถป้องกันการตกจากที่สูงได้ถึง 1.5 เมตร พร้อมกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่ 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที นอกจากนี้ ยังผ่านมาตรฐาน US Military Standards MIL-STD-810G มาช่วยยืนยันความแข็งแรงของตัวเครื่อง

ฝาหลังของ XCover Pro จะสามารถแกะออกมาเพื่อปล่อยแบตเตอรีได้ในกรณีที่ต้องการใช้งานต่อเนื่อง และเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด เหมือนสมาร์ทโฟนสมัยก่อนด้วย

บริเวณฝาหลังด้านในจะมียางคอยซีลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในตัวเครื่อง และเวลาหลังจากที่มีการถอดฝาหลังออก ตัวเครื่องจะมีการเตือนให้ตรวจสอบการปิดฝาหลังให้สนิททุกครั้งด้วยเช่นกัน

ความพิเศษอีกอย่างของ XCover Pro คือนอกจากปุ่มใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิดปิด ปุ่มปรับระดับเสียงทางขวาแล้วซัมซุงได้เพิ่มปุ่มสั่งานเข้ามาให้ใช้งานอีก 2 ปุ่มคือ Top Key ที่ด้านบน และ XCover Key ทางด้านซ้าย

ส่วนบริเวณล่างเครื่อง นอกจากใส่พอร์ต USB-C มาให้เสียบสายชาร์จรองรับชาร์จเร็ว 15W แล้ว ยังมี POGO Pin หรือแถบแม่เหล็กมาให้ใช้คู่กับแท่นวางเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟนได้ทันที ช่วยให้มีความสะดวกเพิ่มมากขึ้น

เพื่อช่วยให้เวลาที่ต้องการเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดใช้งานได้ทันที พร้อมมีการเพิ่มความสามารถอย่าง PTT (Push to Talk) ไว้ใช้สื่อสารกันภายในองค์กรมาให้ด้วย

เมื่อเป็นการใช้งานในองค์กรอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของความปลอดภัย XCover Pro มากับระบบ Biometric Authentication ให้เลือกใช้งานร่วมกับ Samsung Knox ไม่ว่าจะเป็นการสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอให้ใช้งานด้วย

สเปกตัวเครื่องของ Samsung XCover Pro จะมากับหน่วยประมวลผล Exynos 9611 RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 3G/4G WiFi 5 บลูทูธ จีพีเอส และ NFC

ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสถานที่ และทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ในธุรกิจค้าปลีกอย่างเป็นอุปกรณ์ไว้ตรวจสอบข้อมูล โรงงานอุตสาหกรรม สำหรับการเช็กสต็อกสินค้า หรือแม้แต่ธุรกิจการบินที่นำไปใช้เพื่อสแกนตั๋วเครื่องบินก็ได้

Galaxy Tab Active Pro ครบเครื่องด้วย S-Pen

การนำแท็บเล็ตไปใช้ในงานภาคธุรกิจ น่าจะกลายเป็นรูปแบบการทำงานยุคใหม่ที่หลายองค์กรเริ่มปรับตัว และนำมาใช้งาน เพราะช่วยทั้งเรื่องของค่าใช้จ่าย ความสะดวก และความรวดเร็วในการทำงาน

Galaxy Tab Active Pro จึงได้ถูกปรับการดีไซน์มาให้เหมาะกับการใช้งานในภาคธุรกิจ ที่อาจจะไม่ได้บางเหมือนในกลุ่มคอนซูเมอร์ แต่ก็ไม่ได้หนาเท่ากับแท็บเล็ต Rugged สมัยก่อน

สำหรับตัวเครื่อง Galaxy Tab Active Pro จะมากับหน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียด WUXGA ที่ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 550 nit เพื่อช่วยให้สามารถใช้งานในที่กลางแจ้งได้

โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาให้ใช้งาน ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 170.2 x 243.5 x 9.9 มิลลิเมตร นำ้หนัก 653 กรัม กันน้ำ กันฝุ่นมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810G

ในส่วนของการใช้งาน ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่า จะใช้งานเฉพาะตัวเครื่องแท็บเล็ต ที่สามารถนำไปเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด หรือใช้เป็นหน้าจอแสดงผลร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างล่าสุด ซัมซุง นำแท็บเล็ตรุ่นนี้ไปใช้กับหุ่นยนต์การแพทย์เพื่อช่วยให้สื่อสารได้สะดวกขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 ด้วย

กรณีที่ต้องการความแข็งแรงของตัวเครื่องมากขึ้น จะมีสามารถใส่เคสเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้มีช่องเก็บปากกา S-Pen เพิ่มเข้ามาด้วย ดังนั้นก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบในการใช้งานที่หลากหลาย ส่วนเครื่องความปลอดภัย Tab Active Pro มีการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้บริเวณปุ่มโฮมด้วย

รอบตัวเครื่องของ Galaxy Tab Active Pro ทางขวาจะเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พร้อมกับ USB-C และลำโพง ส่วนด้านบน จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปรับระดับเสียง และปุ่มลัดไว้ตั้งเรียกใช้งานแอปฯ เหมือนใน XCover Pro

ด้านล่างจะเป็น POGO Pins ไว้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ โดย Galaxy Tab Active Pro ยังรองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอ เพื่อใช้งาน Samsung DeX ที่เป็นโหมดเดสก์ท็อปเพื่อให้ใช้งานคู่กับเมาส์ และคีย์บอร์ดได้ด้วย

ด้านหลังเครื่องเมื่อถอดเคสออกมา จะสามารถเปิดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรีขนาด 7,600 mAh ได้ พร้อมกับมีช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดเหมือนกับใน XCover Pro ซึ่งช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน กรณีที่ไปในที่ๆ หาที่ชาร์จไม่ได้กรณีแบตหมดก็สามารถเปลี่ยนก้อนใหม่ได้ทันที

สำหรับสเปกของ Galaxy Tab Active Pro จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 ที่เป็น Octa Core 2+1.7 GHz RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 512 GB ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G/4G WiFi 5 บลูทูธ 5.0 GPS NFC ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10

ปุ่มพิเศษไว้เรียกใช้แอปฯ ด่วน

ทั้ง Galaxy XCover Pro และ Galaxy Tab Active Pro จะมีความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจใช้งานกันคือการเพิ่มปุ่ม XCover และ ปุ่ม Top ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งได้ว่าจะใช้การกด 1 ครั้งเพื่อเข้าแอปพลิเคชัน หรือสั่งงานตัวเครื่อง ทำให้กรณีที่มีแอปฯ ขององค์กรที่ต้องใช้งานก็สามารถเปิดใช้ได้ทันที

ส่วนการใช้งานด้านอื่นๆ XCover Pro ก็จะเหมือนสมาร์ทโฟน Galaxy ที่รองรับการใช้งานทั่วๆ ไปได้ทั้งหมด ส่วน Galaxy Tab Active Pro ก็จะมีโหมด DeX ให้ใช้งานบนแท็บเล็ตเพิ่มมา หรือจะเลือกใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen ก็ได้เช่นกัน

ทดสอบประสิทธิภาพ

ด้วยสเปกที่ให้มาของตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่น ถือว่ารองรับการทำงานได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรีที่ยาวนานต่อเนื่อง และการประมวลผลต่างๆ โดยสามารถดูรายละเอียดคะแนนจากโปรแกรมทดสอบต่างๆได้

สรุป

Samsung Galaxy XCover Pro และ Galaxy Tab Active Pro ถือว่าเข้ามาเป็นตัวเลือกให้แก่องค์กรธุรกิจที่ต้องการสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตไปใช้งาน โดยมีจุดเด่นอยู่หลายๆ เรื่องทั้งความทนทาน ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และแบตเตอรีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้

ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละองค์กรธุรกิจที่จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในยุค Digital Tranformation โดยมีพื้นฐานของระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Samsung Knox มาช่วยการันตีให้ข้อมูลของบริษัทมีความปลอดภัยด้วย

Gallery

]]>
Review : Samsung Galaxy A71 / A51 คู่หูสมาร์ทโฟนระดับหมื่นต้น https://cyberbiz.mgronline.com/review-samsung-galaxy-a71-a51/ Mon, 10 Feb 2020 07:43:12 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=32167

เรียกได้ว่าซัมซุง กลับมาแล้วในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังเริ่มทยอยวางจำหน่าย Samsung Galaxy A51 และ A71 ในช่วงระดับราคาหมื่นบาท เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค ที่ต้องการเครื่องสเปกดี ราคาไม่สูงจนเกินไป และถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ

จุดเด่นของทั้ง Galaxy A71 และ A51 คือเป็นรุ่นที่ซัมซุงมีการปรับดีไซน์ใหม่ หันมาใช้งานจอแบบ Infinity-O กล้องหลังจัดเรียงในลักษณะ 4 เหลี่ยมที่จะเป็นแนวทางของซัมซุงในปีนี้ มีการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอมาให้ใช้งาน

โดยจุดที่แตกต่างกันหลักๆ คือเรื่องของขนาดหน้าจอ สเปก ความละเอียดกล้อง ซึ่งถ้าให้แนะนำแบบเร็วๆ คือถ้างบถึง A71 การเพิ่มเงิน 3,500 บาทขึ้นมาคุ้มค่าแน่นอน แต่ถ้าต้องการเครื่องระดับราคาหมื่นต้นๆ A51 ก็ตอบโจทย์เพียงพอกับการใช้งานแล้ว

ข้อดี

  • หน้าจอ Infinity-O ความละเอียด FullHD+
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
  • กล้องหลักความละเอียด (A71) 64 / (A51) 48 ล้านพิกเซล

ข้อสังเกต

  • A71 มากับชาร์จเร็ว 25W แต่ A51 มากับชาร์จเร็ว 15W
  • การถ่ายภาพในที่แสงน้อยยังไม่ดีเท่าที่ควร
  • สเปกของ A51 ถ้าเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันยังด้อยกว่าอยู่

เทียบ Galaxy A71 และ Galaxy A51

Samsung Galaxy A71 มากับหน้าจอ Infinity-O ที่ใช้เป็นจอ Super AMOLED Plus ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอีบด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ส่วน A51 จะลดขนาดหน้าจอลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 6.5 นิ้ว แต่ใช้เป็นจอ Super AMOLED ธรรมดา ความละเอียด Full HD+ เช่นเดียวกัน

ส่วนกล้องหน้าที่ใช้การฝั่งลงไปใต้จอตรงกลางบนนั้น ให้มาความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.2 ทั้ง 2 รุ่น แต่เซ็นเซอร์ของ A71 นั้นดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ภาพที่ได้ออกมาคมชัดกว่า นอกจากนี้ กล้องหน้ายังถูกใช้สำหรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้ด้วย

ใต้จอของทั้ง A51 และ A71 ยังมีการฝั่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้งานกัน โดยผู้ใช้สามารถวางนิ้วที่สแกนเพื่อปลุกเครื่องขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องกดเปิดเครื่องก่อน แต่ในช่วงแรกที่ไม่ชินอาจจะวางผิดจุด และเครื่องไม่สแกนลายนิ้วมือได้ อาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อวางให้ตรงจุด

ขนาดตัวเครื่อง A71 จะอยู่ที่ 163.6 x 76 x 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 179 กรัม มีให้เลือก 3 สีคือ ดำ น้ำเงิน และเงิน ส่วน A51 ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 158.5 x 73.6 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 172 กรัม มีสีชมพู ดำ และน้ำเงินให้เลือก

สำหรับรอบเครื่องต่างๆ จะเหมือนกันคือทางฝั่งขวาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง (กดค้างเรียก Bixby แต่สามารถตั้งเปลี่ยนได้) กับปุ่มปรับระดับเสียง ทางขวาเป็นช่องใส่ 2 นาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติม

ด้านล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ให้พร้อมกับพอร์ต USB-C ไมโครโฟน และลำโพง ส่วนด้านบน จะมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 ที่ไว้ช่วยตัดเสียงรบกวน และใช้เป็นไมค์เวลาเปิดลำโพงสนทนาด้วย

มาต่อกันที่กล้องหลัง A51 มากับเลน์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/2.0 เสริมด้วยเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล f/2.2 และวัดระยะชัดลึก 5 ล้านพิกเซล f/2.2 และเลนส์ถ่ายระยะใกล้ 5 ล้านพิกเซล f/2.4 ทำให้สามารถถ่ายได้ทั้งมุมกว้าง และระยะใกล้

ส่วน A71 จะมากับเลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.8 ตามด้วยเลนส์มุมกว้าง เลนส์วัดระยะชัดลึก และเลนส์มาโครชุดเดียวกัน ซึ่งด้วยเลนส์หลักที่ละเอียดขึ้นทำให้ภาพที่ได้จาก A71 มีความคมชัดมากกว่า และใช้งานในที่แสงน้อยได้ดีกว่าด้วย

จุดที่ทำให้ A71 น่าจนใจมากขึ้นคือเรื่องของระบบ Fast Charge 25W ที่ทำให้แบตเตอรีขนาด 4,500 mAh ชาร์จได้เร็วขึ้นมาก ในขณะที่ A51 มากับ Fast Charge 15W เท่านั้น จากขนาดแบตที่ 4,000 mAh

สำหรับสเปกภายในของ A71 จะใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 730 ที่เป็น Octa-Core ให้ความเร็ว 2.2 GHz / 1.8 GHz RAM 8 GB ROM 128 GB ส่วน A51 จะใช้ Exynos 9611 Octa-Core 2.3 GHz / 1.7 GHz RAM 6 GB ROM 128 GB ทั้ง 2 รุ่นสามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 512 GB

ในแง่ของการเชื่อมต่อทั้งคู่รองรับ 3G/4G แบบ 2 ซิม พร้อม WiFi 5 หรือ 802.11ac บลูทูธ 5.0 มี NFC ให้ใช้งาน ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 10 ที่ครอบด้วยอินเตอร์เฟส One UI 2.0

Gallery

การใช้งาน

ในแง่ของการใช้งานด้วยการที่ A71 ถือว่าให้สเปกที่ดีกว่า รองรับการเล่นเกมในระดับที่น่าพอใจ ในขณะที่ A51 การนำมาเพื่อใช้เล่นเกมอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรุ่นนี้ ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปมากกว่า

ด้วยการที่ขนาดหน้าจอต่างกันไม่มาก ระหว่าง 6.5 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ทำให้ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรีต่อเนื่อง ไม่แตกต่างกันมาก โดยระหว่างการทดสอบ A51 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องราว 12 ชั่วโมง ในขณะที่ A71 ใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่อย่าลืมว่าถ้าวางชาร์จพร้อมกัน A71 จะเต็มเร็วกว่า

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

ด้วยการที่มากับ Android 10 ทำให้การตั้งค่าของทั้ง 2 รุ่น ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้ผู้ที่เคยใช้งานซัมซุงมาก่อน ปรับตัวไม่ยากเมื่อเปลี่ยนมาใช้งานเครื่องรุ่นใหม่ และแม้ว่าจะขยับเเปลี่ยนไปใช้งานรุ่นที่แพงขึ้น ก็จะมีดีไซน์ของอินเตอร์เฟสที่ใกล้เคียงเดิม

สำหรับฟีเจอร์พิเศษที่ใส่เข้ามาให้ใช้งานกันบน A71 และ A51 คือการนำเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวมาช่วยให้สั่งงานตัวเครื่องบางอย่างได้ รวมถึงการตั้งปุ่มข้างเครื่องที่จากเดิมผู้ใช้สามารถกดค้างเพื่อเรียก Bixby ได้ แต่ถ้าไม่ต้องการให้เรียกใช้งานก็สลับกลับมาใช้กดปิดเครื่องได้เช่นเดียวกัน

อีกความพิเศษคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะทั้ง 2 รุ่นสามารถใช้งาน Samsung Knox ได้ ดังนั้นจึงสามารถนำข้อมูลชีวภาพ อย่างการแสกนใบหน้า และการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือมาช่วยให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เพิ่มเติม

สุดท้ายคือโหมดการถ่ายภาพที่ A71 ทำได้ดีกว่า จากเซ็นเซอร์ของกล้องที่มีความละเอียดมากกว่า ส่วนอินเตอร์เฟสใช้งานจริงๆ ไม่แตกต่างกันมากนัก สามารถเลือกสลับโหมดใช้งาน หรือเข้าโหมดที่ต้องการเพื่อถ่ายภาพในลักษณะต่างๆ ได้ทันที

ทดสอบประสิทธิภาพ

สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ ของตัวเครื่องสามารถดูได้จากอัลบั้มภาพด้านล่าง เพื่อให้เห็นความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่น

Samsung Galaxy A71

Samsung Galaxy A51

สรุป

สำหรับภาพรวมในการใช้งานถ้าใช้เพื่อโซเขียลเน็ตเวิร์ก รับชมยูทูป หรือใช้งานทั่วๆ ไปทั้งหลาย ทั้ง 2 รุ่นทำงานได้ไม่แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าไม่ได้ต้องการเล่นเกม และต้องการประหยัดงบประมาณในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน A51 ก็เพียงพอแล้ว

แต่ถ้าต้องการเครื่องที่สเปกแรงขึ้นมา รองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะการเล่นเกม การเพิ่มเงินอีก 3,500 บาท ขึ้นมาเป็น A71 ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า และทำให้ตอนนี้ A71 กลายเป็นรุ่นที่ขายดีรุ่นหนึ่งของซัมซุงเลย

สำหรับราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy A51 อยู่ที่ 10,490 บาท ส่วน A71 อยู่ที่ 13,990 บาท

]]>