HP – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Wed, 24 Mar 2021 03:48:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : HP ProBook 635 Aero G7 โน้ตบุ๊กองค์กรขุมพลัง AMD https://cyberbiz.mgronline.com/review-hp-probook-635-aero-g7/ Wed, 24 Mar 2021 03:44:22 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=34954

เอชพี (HP) เป็นอีกแบรนด์ที่หันมานำซีพียูตัวแรงจาก AMD มาใช้ในกลุ่มโน้ตบุ๊กองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะในซีรีส์ ProBook ที่เน้นเรื่องของดีไซน์ที่ให้ความทนทาน น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ และมาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบถ้วน

HP ProBook 635 Aero จึงกลายมาเป็นรุ่นเด่นของเอชพี ที่ถูกนำเสนอแก่องค์กรธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่านการทำงานของพนักงานในองค์กร ที่เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบจากทำงานในสำนักงาน มาเป็น Work from Home หรือ Work from Anywhere ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพในการใช้งาน ระยะเวลาการใช้งานที่ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน เมื่อรูปแบบของการทำงานจากที่บ้านได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เอชพี เลยมีการนำเสนอหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่จะมาเชื่อมต่อให้สามารถใช้งาน HP ProBook ร่วมกับจอขนาด 27 นิ้ว ได้ง่ายๆ ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อเดียวคือ USB-C ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เพิ่มเติมด้วย

ข้อดี

  • ตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะ อะลูมิเนียม ผสมแมกนีเซียมอัลลอยด์ให้ความแข็งแรง
  • น้ำหนักเบา เริ่มต้นไม่ถึง 1 กิโลกรัม
  • รองรับการเชื่อมต่อครบถ้วน
  • ทำงานบน AMD Ryzen ที่ประมวลผลแรง และประหยัดพลังงาน

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ตัวเครื่องจะเป็นเหลี่ยมๆ สีเงินคลาสสิกทั่วๆ ไป
  • ขนาดเครื่องค่อนข้างหนา เนื่องจากต้องการให้พอร์ตครบที่สุด

โน้ตบุ๊กสู่การเปลี่ยนการทำงานยุคใหม่

ที่ผ่านมา เอชพี พยามนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จุดที่น่าสนใจสำหรับ HP ProBook 635 Aero คือการที่เอชพี สามารถลดน้ำหนักของตัวเครื่องโน้ตบุ๊กหน้าจอ 13.3 นิ้ว ลงมาให้เหลือต่ำกว่า 1 กิโลกรัมได้

แม้ว่าจะใช้งานดีไซน์ตัวเครื่องแบบเดิมของ ProBook แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาขึ้น จึงทำให้รุ่นนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับพนักงานองค์กรธุรกิจยุคใหม่ ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ จึงทำให้การมีโน้ตบุ๊กที่พกพาได้ง่าย น้ำหนักเบา จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด

HP ProBook 635 Aero มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 307.6 x 204.5 x 17.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 0.99 กิโลกรัม ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อใช้งานที่ครบถ้วน ทำให้ขนาดตัวเครื่องจะหนากว่าโน้ตบุ๊กที่มีเฉพาะพอร์ต USB-C เพียงอย่างเดียว

หน้าจอของ HP ProBook 635 Aero จะมีขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล โดยเป็นจอแบบ IPS ที่ป้องกันแสงสะท้อน โดยมีกล้องเว็บแคมความละเอียด HD 720p อยู่ขอบจอด้านบน ซึ่งในจุดนี้จะมี HP Privacy Camera ที่เป็นม่านปิดกล้องมาให้เลื่อนปิดเวลาที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ด ที่เอชพีเรียกว่าเป็น HP Premium Keyboard นั้น จะมาพร้อมกับไฟ backlit ทำให้สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ รวมถึงขนาดของแป้นพิมพ์ และการรับสัมผัสต่างๆ ทำได้อย่างน่าสนใจ พิมพ์สนุก เหมาะกับการทำงานได้อย่างเต็มที่

อีกความใส่ใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้ HP เพิ่มปุ่มปิดไมโครโฟนมาไว้ที่ปุ่มคำสั่งลัดบริเวณแถบบนของคีย์บอร์ดด้วย เมื่อปิดไมค์จะมีไฟแสดงสถานะสีส้มโชว์ขึ้นมา และยังมีปุ่มลัดให้ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งสำหรับเรียกใช้งานโปรแกรมที่ใช้งานประจำได้ด้วย

ถัดลงมาในส่วนของ Clickpad รองรับการใช้งานแบบมัลติทัชแล้ว ทำให้การสั่งงานต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น และเพิ่มเติมในเรื่องของความปลอดภัยด้วยการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาเป็นตัวเลือกให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใส่เพิ่มเติมได้

สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ทางฝั่งซ้ายจะมีพอร์ตล็อกเครื่อง Kensington ตามด้วยพอร์ต USB-A 2 พอร์ต และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ทางฝั่งขวาจะมีช่องเสียบสายชาร์จมาตรฐาน ตามด้วยพอร์ต HDMI พอร์ต USB-C ที่รองรับทั้งการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ และใช้เป็นพอร์ตชาร์จไฟได้ด้วย

ภายในให้แบตเตอรีขนาด 53Wh แบบ 3 เซลล์ มาพร้อมอะเดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 65W ทำให้สามารถชาร์จได้เต็มภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ในขณะที่การใช้งานบนแบตเตอรีสามารถทำงานได้ต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง

เชื่อมต่อจอ ทำงานใช้งานในบ้าน

นอกเหนือจากการนำเสนอ HP ProBook 635 Aero G7 แล้ว อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปิดตัวมาพร้อมกันก็คือหน้าจอ HP E27u USB-C จุดเด่นของหน้าจอรุ่นนี้ ก็คือเป็นหน้าจอขนาด 27 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C กับโน้ตบุ๊กเพื่อใช้เสียบชาร์จ และเป็น Display Port ไปในตัว เรียกได้ว่า เพียงแค่เชื่อมต่อโน้ตบุ๊กกับ จอด้วยสาย USB-C เส้นเดียวก็พร้อมใช้งานแล้ว

ความพิเศษของจอตัวนี้อีกอย่างคือ สามารถปรับหมุนจอภาพให้ใช้งานในแนวตั้งได้ จึงเหมาะกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ช่วยเสริมการทำงานให้สะดวกขึ้น อีกอย่างคือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาครบ ทั้งพอร์ต USB Type A 4 พอร์ต สำหรับเชื่อมต่อเมาส์ คีย์บอร์ด จนถึง Display Port อีก 2 ช่อง และ HDMI ให้เชื่อมต่อใช้งาน

ตัวเครื่องยังมาพร้อมความละเอียดหน้าจอระดับ QHD สามารถสลับใช้งานระหว่างดีไวซ์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล มีระบบจ่ายไฟ Power Delivery ให้แก่โน้ตบุ๊ก ทำให้ไม่ต้องเสียบสายชาร์จโน้ตบุ๊ก ก็ใช้งานร่วมกับหน้าจอได้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มาช่วยให้เกิดเวิร์กสเตชันของการทำงานในบ้าน

สเปก

ด้วยการที่เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ ทางเอชพี จึงเปิดให้สามารถปรับแต่งสเปกต่างๆ เพื่อให้นำไปใช้งานในองค์กรได้อย่างเหมาะสม โดย HP ProBook 635 Aero G7 จะมีตัวเลือกทั้ง AMD Ryzen 5 4500U และ Ryzen 7 4700U มาให้ใช้งาน พร้อมกับเลือกปรับ RAM ได้ตั้งแต่ 8 – 32 GB พื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้นเป็น SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro

อีกจุดแข็งของ HP ProBook 635 Aero คือเรื่องของการเชื่อมต่อที่มีทั้งพอร์ต USB-C รองรับการส่งข้อมูลระดับ 10 Gbps ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายจะเป็น WiFi 6 บนชิปเซ็ต Intel AX200 มีบลูทูธ 5.0 มาให้ใช้งานเพิ่มเติม เรียกได้ว่าให้มาครบเพียงพอกับการใช้งานโน้ตบุ๊กยุคใหม่เรียบร้อย

ทดสอบประสิทธิภาพ

ด้วยการที่เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับใช้งานในองค์กร ประสิทธิภาพของการประมวลผล และแบตเตอรี ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน จะเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงถึง โดยใน HP ProBook 635 Aero G7 นี้ สามารถทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะแบตเตอรีที่ใช้ได้ยาวต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง

ในขณะที่การใช้งานรองรับการทำงานในสำนักงานแทบทั้งหมด รวมถึงใช้ในการคำนวนข้อมูลจาก Excel ทำ PowerPoint เพื่อพรีเซ็นต์งานได้สบายๆ ไปจนถึงในกรณีที่มีงานครอบคลุมไปยังการทำรูปภาพต่างๆ ตัวเครื่องก็สามารถรองรับการใช้งานได้

สรุป

HP ProBook 635 Aero G7 น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กร ที่มองหาโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา ไปใช้พนักงานใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่การ Work From Anywhere กลายเป็นลักษณะการทำงานที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปแล้ว

ด้วยการที่ตัวเครื่องให้พอร์ตมาครบ รองรับการทำงานที่หลากหลาย แบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง จึงเหมาะกับการพกพาไปใช้งานได้อย่างสบายใจ สำหรับราคาจำหน่ายของ HP ProBook 635 Aero G7 เริ่มต้นที่ 31,890 บาท – 37,990 บาท ส่วนหน้าจอ HP E27u USB-C ราคา 10,900 บาท

Gallery

]]>
Review : HP Envy x360 ขุมพลัง AMD ที่มายกระดับมาตรฐานโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ https://cyberbiz.mgronline.com/review-hp-envy-x360-2020/ Mon, 12 Oct 2020 12:11:32 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=33881

ด้วยรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายของ HP Envy x360 ทำให้ปัจจุบัน โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ ถือเป็นหนึ่งในรุ่นเด่นของ เอชพี ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน นักธุรกิจ จนถึงผู้บริหาร ที่ต้องการความคล่องตัว และประสิทธภาพในการใช้งาน

จุดเด่นของ HP Envy x360 คือการที่มากับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ตัวเครื่องสามารถหมุนหน้าจอเพื่อใช้งานแทนแท็บเล็ตได้ น้ำหนักเบา พกพาง่าย และที่สำคัญเมื่อจับคู่กับซีพียูจาก AMD Ryzen 7 ทำให้ได้โน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้งานได้ยาวนานด้วย

ขณะเดียวกันในเรื่องของความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว HP ได้มีการนำเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello และยังมีม่านชัตเตอร์ปิดกล้องเว็บแคม และฟีเจอร์ที่ลดการมองเห็นจากด้านข้าง เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วย

ข้อดี

  • ตัวเครื่องเล็ก พกพาง่าย
  • ปรับโหมดใช้งานได้ทั้งเป็นโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต
  • ประสิทธิภาพสูงจาก AMD Ryzen 7

ข้อสังเกต

  • ไม่มีพอร์ต HDMI / LAN ต้องใช้งานร่วมกับอะเดปเตอร์แทน
  • ด้วยการที่ตัวเครื่องบาง ทำให้บริเวณจอยวบๆ เวลาจับถือตัวเครื่อง

ยกระดับคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊ก

ตั้งแต่ HP Envy x360 ออกมาสู่ตลาดในระดับราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 3 หมื่นบาท จากการนำหน่วยประมวลผลของ AMD Ryzen มาใช้งาน ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมโน้ตบุ๊ก ในช่วงระดับราคาใกล้เคียงกันให้โดดเด่นมากขึ้น

โดยปัจจุบัน ถ้าเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อาจจะเริ่มต้นมองหาโน้ตบุ๊กในระดับราคาประมาณ 2 หมื่นบาท เพื่อให้รองรับการใช้งานระหว่างเรียน และในช่วงเริ่มต้นทำงาน ทำให้อาจจะได้เครื่องที่มีขนาดค่อนข้างหนา เน้นเรื่องประมวลผลเป็นหลัก

แต่จริงๆ แล้วช่วงระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวย นั้นจะขยับขึ้นมาอยู่ในช่วงราคา 3 หมื่นบาท ที่จะได้ทั้งโน้ตบุ๊กที่รองรับการทำงานในระยะยาว และมีดีไซน์ท่ีเหมาะสม พกพาง่าย เพิ่มเติมด้วยรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

อย่าง HP Envy x360 ที่ถูกออกแบบมาให้หมุนหน้าจอได้ 360 องศา หน้าจอสัมผัส ทำให้นอกจากใช้งานในลักษณะของโน้ตบุ๊กทั่วไปแล้ว ยังสามารถหมุนพับหน้าจอกลับมาเป็นแท็บเล็ต หรือกางหน้าจอเพื่อใช้พรีเซ็นต์งาน หรือไว้ใช้เพื่อความบันเทิงก็ได้ด้วย

ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ HP Envy x360 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระดับราคานี้ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มนักธุรกิจ หรือผู้ที่ต้องพกพาโน้ตบุ๊กติดตัวไปใช้งานได้ตลอดเวลา สอดคล้องกับการทำงานยุคใหม่ที่เกิดขึ้น คือพนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีวิดีโอคอลล์รองรับ

หรือในกรณีที่ต้องการแปลงโน้ตบุ๊กให้กลายเป็นแท็บเล็ตเพื่อจดบันทึก HP Envy x360 ก็มาพร้อมกับปากกา HP Rechargeable MPP 2.0 Tilt Pen ที่ให้ความแม่นยำในการสัมผัสถึง 4096 ระดับ มีปุ่มคำสั่งให้เลือกตั้งค่าเพิ่มเติมได้ และที่สำคัญคือสามารถชาร์จแบตเตอรีเพื่อใช้งานได้ต่อเนื่อง 30 วัน

เสริมฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว

เมื่อรูปแบบการทำงานจากนอกสถานที่ กลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของผู้ใช้ ทำให้ทาง HP มีการเสริมฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยปกป้องการใช้งานของผู้ใช้ที่น่าสนใจในเครื่องรุ่นีนี้ ตั้งแต่เรื่องการล็อกอินใช้งาน จนถึงการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

โดยในเครื่อง HP Envy x360 มีการนำเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาใช้งานร่วมกับ Windows Hello ทำให้สามารถใช้การสแกนนิ้วเพื่อล็อกอินใช้งานเครื่องได้ทันที หรือจะเลือกใช้การปลดล็อกด้วยการตรวจจับใบหน้าก็ได้เช่นเดียวกัน

ถัดมาคือการเพิ่มปุ่มลัดสำหรับตัดการทำงานของไมโครโฟน และกล้องเว็บแคม โดยเมื่อปิดการทำงานแล้วจะมีไฟสถานะสีส้มขึ้นแจ้งไว้ ที่ตัวกล้องจะมีม่านชัตเตอร์มาบังไว้ทันที ทำให้ไม่ต้องกังวล หรือหาสติกเกอร์มาปิดกล้องอีกต่อไป

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ HP Sure View ที่จะปรับการแสดงผลของหน้าจอให้มองเนื้่อหาบนหน้าจอจากด้านข้างได้ยากขึ้น เพื่อป้องกันผู้ที่นั่งอยู่ใกล้เคียงเห็นหน้าจอ ทำให้สามารถทำงานสำคัญๆ ในพื้นที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของ HP Sure View ก็คือเมื่อเปิดใช้งานความสว่างของหน้าจอจดลดลงเล็กน้อย ทำให้ถ้าใช้งานในที่แสงจ้า อาจจะต้องปรับมุมมองของหน้าจอให้เข้ากับใบหน้าตรงๆ ถึงจะเห็นหน้าจอชัดเจน 

นอกจากนี้ HP ยังได้มีการใส่ปุ่มลัด HP Command Center มาให้กดใช้งานเพื่อปรับโหมดการทำงานของตัวเครื่องด้วย อย่างการเร่งประสิทธิภาพสูงที่สุด เพิ่มการทำงานของพัดลมระบายอากาศเพื่อให้เครื่องเย็นที่สุด และปรับความแรงของพัดลมให้เครื่องเงียบที่สุดเป็นต้น

ความพิเศษของเครื่องรุ่นนี้คือมากับ Microsoft Office Home & Student ทำให้ผู้ซื้อเครื่องสามารถใช้งาน Microsoft Office ได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย

สเปก

สำหรับ HP Envy x360 มากับหน่วยประมวลผล AMD Ryzen 7 4700U ที่เป็นซีพียู 8 คอร์ให้ความเร็ว 2 GHz และสามารถเร่งความเร็วขึ้นไปถึง 4.1 GHz RAM 8 GB SSD 512 GB ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home

ทดสอบประสิทธิภาพ

ในส่วนของการใช้งานด้วยการที่ HP Envy x360 ที่มีรูปแบบการใช้งานหลากหลายนั้น ถือว่า Ryzen 7 นั้นถือว่าเอาอยู่ โดยเฉพาะลักษณะการทำงานแบบออฟฟิศ ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่ ใช้จดบันทึก แก้ไขข้อมูลต่างๆ ได้

โดยจุดเด่นของ Ryzen 7 ช่วยให้การใช้งาน HP Envy X360 สามารถใช้งานได้ตลอดวัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานอย่างถ้าเปิดความสว่างหน้าจอสูงสุดใช้งานจะใช้ได้ราว 6 ชั่วโมง ถ้าปรับความสว่างหน้าจอลงเหลือ 50% ก็จะใช้งานได้มากกว่า 10 ชั่วโมง

ส่วนผลการทดสอบจากทั้ง Geekbench PCMark 10 และ 3D Mark ได้จากภาพด้านล่าง

สรุป

ถ้าใครกำลังมองหาโน้ตบุ๊กสเปกดี รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ในระดับราคา 3 หมื่นบาท เชื่อว่า HP Envy x360 จะกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ในช่วงระดับราคานี้ทันที เพราะนอกจากประสิทธิภาพการใช้งานที่ครอบถ้วนรอบด้านแล้ว ยังมากับ Windows 10 และ Microsoft Office ให้ใช้งานกันด้วย

นอกจากนี้ ในกล่องยังมีอุปกรณ์อย่างอะเดปเตอร์แปลงพอร์ต USB-C เพื่อต่อกับจอ HDMI และพอร์ต USB Type-A มาให้ กับปากกา ทำให้ตัวเครื่องบางๆ นี้ ยังมีพอร์ตให้ใช้ครบครัน ในราคา 32,990 บาท

Gallery

]]>
Review : HP EliteDisplay 23.8″ จอพร้อม Docking ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการทำงาน https://cyberbiz.mgronline.com/review-hp-elitedisplay/ Wed, 31 Jul 2019 04:36:10 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=31035 ในยุคของการทำงานแบบ Mobility อุปกรณ์ในการทำงานที่ใช้ในแต่ละวันอาจจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่ทำงานร่วมกับเดสก์ท็อปเครื่องใหญ่ๆ กลายมาเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องบางเบา ไปจนถึงการพกพาสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการทำงานแทน

ดังนั้นส่วนประกอบที่เลือกนำมาใช้งานบนโต๊ะทำงาน จากเดิมอาจจะใช้เป็นพีซีเครื่องใหญ่ๆ คู่กับจอ หรือถ้าเป็นออฟฟิศสมัยใหม่อาจจะเลือกใช้พีซีเครื่องเล็กๆ เพื่อใช้งาน ก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป

เอชพี เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มองเห็นช่องว่างตรงนี้ และเริ่มนำผลิตภัณฑ์จอภาพรุ่นใหม่อย่าง EliteDisplay เข้ามาทำตลาด โดยชูจุดเด่นที่ไม่ใช่เป็นแค่จอภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น Docking เพื่อใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆได้

ข้อดี

  • จอภาพพร้อม Docking ที่ให้พอร์ตมาครบ
  • รองรับการหมุนหน้าจอเพื่อใช้งานหลายๆรูปแบบ
  • USB-C พ่วงกับโน้ตบุ๊กทีเดียวจบ

ข้อสังเกต

  • ความละเอียดของหน้าจอ ยังอยู่ที่ Full HD
  • ฐานจอยังค่อนข้างกินพื้นที่ เมื่อเทียบกับจอสมัยใหม่

จอที่พร้อมวางไว้ต่อกับอุปกรณ์ทำงาน

ด้วยการที่ HP EliteDisplay เป็นจอมอนิเตอร์ที่ออกแบบมาให้เป็น Docking ภายในตัว ดังนั้นความสามารถโดยรวมของจอรุ่นนี้จึงถูกออกแบบมาให้ครบ สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน

แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานของ HP EliteDisplay อาจจะถูกออกแบบมาเพื่อเป็นจอมอนิเตอร์สำหรับต่อพ่วงกับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของเอชพี ที่เน้นตัวเครื่องบาง เบา มากับพอร์ตแบบ USB-C ที่ทำให้มีช่องเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กจำกัด

เมื่อนำโน้ตบุ๊กมาเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์ ก็จะได้พื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอเพิ่มขึ้น สามารถใช้เป็นจอเสริมคู่กับโน้ตบุ๊ก หรือจะเลือกใช้งานเป็นจอหลักแทนก็ได้ แต่ความน่าสนใจจริงๆของ HP EliteDisplay ไม่ได้อยู่แค่ที่การแสดงผล แต่อยู่ที่พอร์ตเชื่อมต่อที่รองรับได้หลากหลาย

ตัวจอ HP EliteDisplay นอกเหนือจากช่องที่ใช้เชื่อมต่อหลักกับโน้ตบุ๊กอย่างพอร์ต USB-C และช่องต่อสายชาร์จแล้ว ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็น USB 4 พอร์ต ช่องเสียบหูฟัง HDMI (ต่อจอเพิ่มได้) ช่องเสียบสาย LAN และช่องต่อลำโพง

โดยตัวหน้าจอจะมากับขนาด 23.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD ซึ่งมีขอบจอ 3 ด้านที่บางมากๆ (3 Sided Micro-edge bezel) ที่มากับขาตั้งแบบที่สามารถปรับระดับความสูงได้ (เลื่อนจอขึ้น-ลง) หมุนซ้าย-ขวา ไปจนถึงหมุนจอเพื่อให้เป็นโหมดแนวตั้งแทนก็ทำได้

ลองนึกภาพว่าบนโต๊ะที่ทำงาน แค่นำโน้ตบุ๊กที่ใช้ประจำมาเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ เชื่อมต่อกับเมาส์ และคีย์บอร์ด (ทั้งผ่านสาย USB หรือบลูทูธก็ตาม) ก็จะได้พื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอที่กว้างขึ้น และช่วยให้สะดวกมากขึ้นด้วย

รองรับทุกดีไวซ์

ในมุมของเอชพี อาจจะนำเสนอแค่การที่จอมอนิเตอร์รองรับการเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กที่รันบนวินโดวส์ 10 แต่จริงๆแล้ว HP EliteDisplay กลับรองรับการทำงานของทุกๆ อุปกรณ์ จากพื้นฐานที่ใช้งานกันคือพีซีบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์

HP EliteDisplay สามารถเชื่อมต่อกับ MacBook ผ่านพอร์ต USB-C เพื่อใช้งานเป็นจอภาพพร้อมมอนิเตอร์ และสายชาร์จไปได้ในตัว (เอชพีระบุว่าชาร์จไฟผ่าน USB-C ได้ 65w ซึ่งแรงกว่าอะเดปเตอร์ของ MacBook Air อีก)

แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะมอนิเตอร์รุ่นนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับ iPad Pro (ผ่านพอร์ต USB-C เช่นกัน) แท็บเล็ต Android หรือแม้แต่สมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ๆ ที่มีโหมดการทำงานร่วมกับจอภาพแยกออกมาได้

อย่างที่ทีมงานลองเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy S10+ เพื่อใช้งาน Samsung DeX ตัวจอ HP EliteDisplay ก็รองรับการใช้งานได้ครบถ้วน เมื่อต่อกับคีย์บอร์ด และเมาส์ ก็สามารถใช้งานทดแทนพีซีได้ทันที

สรุป

ด้วยการที่ เอชพี ตั้งราคาจำหน่ายของ HP EliteDisplay E243d 23.8 นิ้ว จะอยู่ที่ 11,390 บาท ทำให้อาจจะมองว่าราคาค่อนข้างสูงไปสักนิด เมื่อเทียบกับหน้าจอความละเอียด Full HD ขนาดนี้ แต่อย่าลืมว่ามอนิเตอร์รุ่นนี้เป็น Docking ภายในตัว

ดังนั้นความสามารถที่ได้จากการใช้งานจึงอยู่ในระดับที่คุ้มค่า สำหรับกลุ่มนักธุรกิจ หรือการนำไปใช้งานในออฟฟิศสมัยใหม่ ที่อุปกรณ์หลักของพนักงานคือโน้ตบุ๊กที่พกพาได้ง่ายๆ พอมานั่งทำงานที่โต๊ะก็สามารถเชื่อมต่อกับ HP EliteDisplay เพื่อทำงานได้สะดวกขึ้น

]]>
Review : HP Pavilion x360 (2017) โน้ตบุ๊ก 360 องศา จอสัมผัส มีปากกา https://cyberbiz.mgronline.com/review-hp-x360/ Sun, 13 Aug 2017 09:58:57 +0000 http://www.cyberbiz.in.th/?p=26842

ห่างหายจากการรีวิวโน้ตบุ๊กในกลุ่ม Convertible ไปเสียนาน มาวันนี้ HP (เอชพี) นำ Pavilion x360 มาอัปเกรดสเปกปี 2017 พร้อมความสามารถใหม่กับการรองรับปากกา Digital Pen ที่รองรับ Windows Ink บน Windows 10 อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมหน้าจอพับเปลี่ยนมุมมองได้แบบ 360 องศา สามารถใช้เป็นโน้ตบุ๊กพิมพ์งานหรือพับจอเป็นแท็บเล็ตก็สามารถทำได้อย่างไร้รอยต่อ

การออกแบบ

ขึ้นชื่อว่าเป็นโน้ตบุ๊กประเภท “Convertible PC” เพราะฉะนั้นความสามารถหลักของ x360 จะอยู่ในเรื่องของหน้าจอสามารถพับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบหลักได้แก่ Stand, Tent, Laptop และ Tablet (ตามภาพประกอบด้านบน) พร้อมหน้าจอสัมผัสและรองรับ Digital Pen ขนาด 14 นิ้วแบบ IPS LED ความละเอียด 1,920×1,080 พิกเซล 

ด้านวัสดุรอบตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียมพร้อมบานพับจอภาพผลิตจากเหล็กสามารถป้องกันฝุ่นละอองและทนทานต่อการสึกหรอ ส่วนน้ำหนักจะอยู่ประมาณ 1.4 กิโลกรัม

อีกจุดที่น่าสนใจ x360 ปี 2017 ยังมาพร้อมกล้อง Web Cam พร้อมเลนส์มุมกว้าง 88 องศา รองรับการใช้งานในลักษณะประชุมเป็นหมู่คณะ อีกทั้งตัวกล้องยังมาพร้อมเซ็นเซอร์อินฟราเรดเพื่อใช้ร่วมกับ Windows Hello ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ด้านล่างตัวเครื่อง HP เพิ่มความแข็งแรงด้วยการเลือกใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว ส่วนภายในมาพร้อม HP 3D DriveGuard ซึ่งช่วยให้ระหว่างใช้งานถ้าเกิดอุบัติเหตุโน้ตบุ๊กตกกระแทกกับพื้น ระบบดังกล่าวจะสั่งให้ฮาร์ดดิสก์หยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย

ในส่วนแป้นพิมพ์จะเป็นคีย์แบบ Full Size รุ่นขายบ้านเรามีสกรีนไทยพร้อมไฟส่องสว่างใต้คีย์สำหรับใช้งานในที่มืด ด้านล่างเป็น TrackPad ส่วนบนสุดเป็นลำโพงสเตอริโอจาก B&O (Bang & Olufsen) เสียดายไม่มีซัฟวูฟเฟอร์ติดตั้งมาให้

มาดูรอบตัวเครื่องกันบ้าง เริ่มจากด้านซ้ายมือ จะเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมไฟแสดงสถานะการทำงาน ถัดมาเป็นช่องระบายความร้อน ช่องหูฟัง/Headset ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ปุ่มปรับระดับเสียงและไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์

อีกด้านจะเป็นที่อยู่ของช่องอ่านการ์ด SD Card, USB-C (เพิ่มเข้ามาจากรุ่น 2016), USB, HDMI และช่องเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้านพร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์จ (สีส้มกำลังชาร์จแบตเตอรี – สีขาวแบตเตอรีเต็ม)

มาถึงไฮไลท์เด็ดของ Pavilion x360 (2017) ก็คือปากกา “Digital Pen” ที่ออกแบบมารองรับแรงกดหลายระดับ เน้นการใช้งานทั้งเขียนข้อความและวาดภาพได้ พร้อมรองรับฟีเจอร์ Windows Ink ใน Windows 10 อย่างเต็มรูปแบบ โดยตัวปากกาถูกออกแบบการจับถือให้เหมือนปากกาจริงพร้อมปุ่มคำสั่ง 2 ปุ่ม (ค่ามาตรฐานกดค้างไว้จะเป็นยางลบ) สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ผ่าน Settings ใน Windows 10

นอกจากนั้นตัวปากกายังจำเป็นต้องใส่ถ่านขนาด AAA จำนวน 1 ก้อนด้วย

สเปก

นอกจากตัวโน้ตบุ๊กจะให้วินโดวส์ 10 ลิขสิทธิ์แท้มาแล้ว ในส่วนซอฟต์แวร์ภายในที่โดดเด่นได้แก่ B&O PLAY ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ X360 สามารถปรับแต่งเสียงลำโพงได้ตามต้องการ นอกจากนั้นในส่วนไมโครโฟนยังรอบรับระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างด้วย

HP CoolSense เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการควบคุมระบบระบายความร้อนของ HP เมื่อระบบตรวจจับได้ว่าโน้ตบุ๊กไม่ได้วางไว้บนโต๊ะ (อาจถือใช้งาน หรือวางบนตัก) ระบบจะปรับรอบพัดลมพร้อมควบคุมอุณหภูมิพื้นผิวทั้งส่วนบนและใต้โน้ตบุ๊กให้อยู่ในระดับพอดี ไม่ร้อนเกินไปแม้ระบบจะกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพอยู่ก็ตาม

HP Orbit! เป็นฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถจับคู่สมาร์ทโฟน (iOS และ Android) กับโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์ของ HP เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโยนไฟล์รูป เอกสารหรือจะสั่งให้กล้องบนสมาร์ทโฟนถ่ายภาพและส่งภาพจากสมาร์ทโฟนเข้ามาสู่คอมพิวเตอร์ของ HP ได้อย่างง่ายผ่านฟีเจอร์ดังกล่าว

รองรับ Windows Ink อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า X360 ปี 2017 จะมาพร้อมปากกา Digital Pen รองรับ Windows Ink เต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกดาวน์โหลดแอปฯวาดเขียนจาก Windows Store มาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงการปรับรูปแบบและตั้งค่าปากกาสามารถทำผ่านระบบของ Windows 10 ได้ทันที

สุดท้ายเป็นดีลฟรีสำหรับลูกค้า HP กับบริการคลาวด์สตอเรจรับฝากไฟล์อย่าง Dropbox ที่ให้พื้นที่ฟรีถึง 25GB เป็นเวลา 1 ปี ใครเป็นลูกค้า HP อย่าลืมไปรับดีลนี้กันด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

PCMark 10 = 2,212 คะแนน

Cinebench R15 / OpenGL = 59.86fps, CPU = 352cb

Geekbench 4 / Single-core = 4,000 คะแนน, Multi-core = 7,140 คะแนน

เริ่มจากการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานภาพรวมของตัวเครื่อง ไม่ได้มีความแตกต่างจากอัลตร้าบุ๊ก รุ่นอื่นนักเพราะสเปกซีพียูเหมือนกันหมดทั้งตลาด แต่ X360 ปี 2017 จะมีจุดแตกต่างในเรื่องของแรมที่ HP ใส่มาให้เพียง 4GB ซึ่งถ้าผู้ใช้เน้นพิมพ์งาน ท่องเว็บไซต์ต่างๆหรือจะใช้ตกแต่งรูปเล็กๆน้อยยังถือว่าสามารถใช้งานได้ลื่นไหลดี แต่ถ้าผู้ใช้เป็นคนชอบใช้งานโน้ตบุ๊กแบบหนักหน่วง เช่น ตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงหรือตกแต่งภาพไฟล์ภาพขนาดใหญ่ X360 จะเริ่มแสดงอาการแรมไม่พอให้เห็นบ้าง (ที่ทีมงานพบเจอก็คือตัดวิดีโอ 4K ด้วย Adobe Premiere เปิดพรีวิวไฟล์แล้วเครื่องทำงานช้ามากเมื่อเทียบกับอัลตร้าบุ๊กสเปกเดียวกันแต่มีแรมให้ 8GB DDR4)

 

ส่วนปากกา Digital Pen ถือว่าตอบสนองดีใช้ได้ ตัวปากการองรับแรงกดหลายระดับ ความลื่นไหลถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับปากกา Digital Pen ที่ออกแบบมาเพื่อโน้ตบุ๊กประเภท Convertible หลายรุ่น แต่จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยตรงที่ปากกาต้องใส่ถ่าน และไม่มีที่เก็บมาให้

ในส่วนแบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่องได้ประมาณ 6-8 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไปและตัวเครื่องมาพร้อมฟังก์ชันชาร์จไฟแบบเร็ว (ชาร์จ 90 นาทีได้ 90%) และจุดเด่นในเรื่อง HP CoolSense ยังถือเป็นจุดขายที่ดีของ HP เช่นเดิม

สุดท้ายในส่วนราคาเริ่มต้นที่ 22,990 บาท ถือเป็นโน้ตบุ๊กลูกผสมแท็บเล็ตที่โดดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ทำได้หลากหลาย โดยเฉพาะหน้าจอแบบสัมผัสพับได้ 360 องศาและปากกา Digital Pen ทำงานได้แม่นยำ ถือว่าตอบโจทย์ได้ทั้งคนทำงาน (รองรับ e-sign สำหรับนักธุรกิจที่ต้องเซ็นเอกสารดิจิตอลบ่อยครั้ง) ไปถึงนักศึกษาก็สามารถใช้งาน Pavilion x360 ได้เช่นกัน

ข้อดี

– Convertible Notebook หน้าจอสัมผัส พับได้ 360 องศาเปลี่ยนเป็นแท็บเล็ตได้
– ปากกา Digital Pen ใช้งานลื่นไหลดี
– มีระบบ HP CoolSense
– งานประกอบแข็งแรง

ข้อสังเกต

– แรมให้มาน้อย ปัจจุบันขั้นต่ำควรเริ่มที่ 8GB
– ลำโพง B&O ให้เสียงที่ใสเพียงอย่างเดียว (เสียงเบสแทบไม่ได้ยินเลย)
– ดีไซน์ยังคงติดความเป็นโน้ตบุ๊กแบบดั้งเดิมอยู่ ตัวเครื่องค่อนข้างหนา มีน้ำหนักและอะแดปเตอร์ชาร์จไฟมีขนาดใหญ่ไปเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง

Gallery

]]>