NFC – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Fri, 25 Sep 2020 04:33:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : POCO X3 NFC เด่นที่จอ 120 Hz ราคาเข้าถึงได้ https://cyberbiz.mgronline.com/review-poco-x3-nfc/ Thu, 24 Sep 2020 16:46:13 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=33756

การเปิดราคาของ POCO X3 NFC ได้ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้ว่าในช่วงแรกจะเลือกวางจำหน่ายแบบออนไลน์เอ็กซ์คลูซีฟร่วมกับทาง JD Central ก่อน แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว POCO X3 NFC จะกลายเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

จุดเด่นหลักของ POCO X3 NFC คือเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องของการแสดงผล ด้วยขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว ให้อัตราการแสดงผลที่ 120 Hz และรองรับการตอบสนองการสัมผัสสูงถึง 240 Hz จึงเหมาะกับบรรดาเกมเมอร์ที่ต้องการเลือกหาเครื่องราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

นอกเหนือจากเรื่องจอ POCO X3 NFC ยังใส่แบตเตอรีมาให้ใช้งาน 5,160 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W ให้กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซลมาใช้งาน พร้อมกับดีไซน์ฝาหลังที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่าในช่วง 6,999 – 7,999 บาท พลาดไม่ได้

ข้อดี

  • จอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว Refresh Rate 120 Hz
  • กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี 5,160 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W
  • ราคาคุ้มค่า เริ่มที่ 6,999 บาท

ข้อสังเกต

  • ฝาหลังเป็นพลาสติกที่รอยนิ้วมือติดง่ายมาก
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดนง่ายมากเวลาถือโทรศัพท์

ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์

ด้วยระดับราคาของตัวเครื่องทำให้วัสดุที่ POCO X3 NFC เลือกนำมาใช้นั้น จะประกอบไปด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 เสริมด้วยอะลูมิเนียมบริเวณโครงเครื่อง และฝาหลังใช้เป็นพลาสติกแบบโพลีคาร์บอเนต ทำให้ตัวเครื่องมีความหนา และหนักเล็กน้อย

ทำให้การสัมผัสโดยรวมถ้าจับบริเวณของเครื่องจะรู้สึกว่าเครื่องแข็งแรงดี แต่ถ้ามาสัมผัสบริเวณฝาหลังที่เป็นพลาสติกแบบโค้ง 3D ก็จะให้สัมผัสที่อ่อนลงเล็กน้อย โดยขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 165.3 x 76.8 x 9.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 215 กรัม

ในแง่ของการออกแบบจุดที่ทำให้ POCO X3 NFC เด่นขึ้นมาคือเรื่องของฝาหลัง ที่มีการสกรีนคำว่า POCO แบบสะท้อนแสงลงไป ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจของตัวเครื่องรุ่นนี้ ทั้งในรุ่นสีน้ำเงิน Cobalt Blue และสีเทา Shadow Gray

การจัดเรียงบริเวณโมดูลกล้องหลังของ POCO ก็น่าสนใจ เพราะมีการเรียงเลนส์ทั้ง 4 ร่วมกับแฟลชให้เห็นมี 5 เลนส์ โดยเลนส์ที่มุมขวาบนจะเป็นเลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.80 ตรงกลางเป็นเลนส์มุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล f/2.2 ส่วนที่เหลือ เป็นเลนส์มาโคร และเลนส์วัดระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

กลับมาที่บริเวณหน้าจอแสดงผล POCO X3 NFC มากับจอ LCD Dot Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ (2400 x 1080 พิกเซล)​ ความละเอียดเม็ดสีที่ 395ppi ที่มาพร้อมอัตราการตอบสนอง (Refresh Rate) 120 Hz และตอบสนองการสัมผัส (Touch Sampling rate) ที่ 240 Hz

ตัวกล้องหน้าของ POCO ที่ให้มาความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/2.2 นั้นจะซ่อนอยู่บริเวณกึ่งกลางส่วนบนของหน้าจอ โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเลือกปรับการแสดงผลให้ซ่อนกล้องไว้กับแถบดำ หรือจะแสดงผลแบบเต็มหน้าจอก็ได้เช่นกัน

ในส่วนของรอบตัวเครื่อง POCO X3 NFC จะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid ที่เป็นนาโนซิมการ์ด + ไมโครเอสดีการ์ดอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนทางขวาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย และปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนนอกจากมีไมโครโฟนรับเสียง แล้วยังมีเซ็นเซอร์ IR ไว้ใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่เป็นจุดเด่นของ Xiaomi ติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนด้านล่างมีพอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

ภายในของ POCO X3 NFC มากับแบตเตอรีขนาด 5,160 mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 33W ทำให้สามารถชาร์จแบตเต็มได้ในเวลา 65 นาที หรือชาร์จได้ราว 60% ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะมีตัวเครื่อง เคสพลาสติกใส อะเดปเตอร์ 33W ที่เป็นแบบ USB-A to USB-C และคู่มือการใช้งานเท่านั้น ไม่มีแถมหูฟังมาให้ตามปกติของ Xiaomi

เด่นที่การแสดงผล

ความน่าสนใจของ POCO X3 NFC คงหนีไม่พ้นเรื่องการนำเทคโนโลยีหน้าจอ Refresh Rate 120 Hz มาใส่ในสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาท เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ราคาเกิน 3 หมื่นบาทขึ้นไป

โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเลือกตั้งอัตราการรีเฟรชได้ในส่วนของการตั้งค่าหน้าจอ โดยสามารถเลือกใช้งานระหว่าง 60 Hz และ 120 Hz ซึ่งแน่นอนว่า การใช้งานบน 60 Hz จะประหยัดแบตเตอรีมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้งานแบบ 120 Hz นั้นทำให้แบตหมดเร็วจนเกินไป POCO เลยมีการนำเทคโนโลยีอย่าง Dynamic Switch มาช่วยในการสลับการแสดงผลระหว่าง 50 Hz 60 Hz 90 Hz และ 120 Hz โดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน

ส่วนเรื่องของความไวต่อการตอบสนองการสัมผัสที่ 240 Hz นั้น เข้ามาช่วยให้เกมเมอร์ที่ต้องการสัมผัสที่แม่นยำ และรวดเร็ว ทำให้เล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น โดยเท่าที่ทดสอบมาก็ถือว่าเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

อีกเรื่องที่ตามมาจากการเล่นเกม คือเรื่องของการระบายความร้อน POCO X3 NFC มีการนำเทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool Technology 1.0 Plus ที่นำท่อทองแดง กับแกรไฟต์ มาช่วยลดความร้อนของหน่วยประมวลผลลง ทำให้แม้เล่นเกมต่อเนื่อง ตัวเครื่องก็ไม่ร้อนจนเกินไป

ถัดมาในเรื่องของกล้องหลักที่ให้มาความละเอียด 64 ล้านพิกเซลนั้น ถือว่าทำงานได้อย่างน่าพอใจ ทั้งการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ และสภาพแสงน้อย แต่อย่างไรก็ตามภาพจากเลนส์มุมกว้าง และมาโคร อาจจะไม่ได้คุณภาพที่ดีนัก

เช่นเดียวกับการถ่ายวิดีโอในระดับ FullHD ที่อยู่ในระดับพอใช้งานเท่านั้น แม้ว่ากล้องจะรองรับถึงการถ่าย 4K แต่กลายเป็นว่าซีพียูที่ให้มาประมวลผลไม่พอทำให้การถ่าย 4K เกิดอาการกระตุกบางช่วง แต่ก็ถือว่าสมกับราคาของเครื่อง

MIUI 12 กับอินเตอร์เฟสแบบใหม่

POCO X3 NFC นั้นมากับอินเตอร์เฟสการใช้งาน MIUI 12 ที่มีการปรับแต่งหน้าจอแสดงผลให้รองรับการใช้งานโหมดมืด (Dark Mode) แล้ว ทำให้ไม่ต้องแสบตาเวลาใช้งานในที่แสงน้อย

โดยสามารถเข้าไปเลือกให้เปิดใช้งานโหมดมือตามเวลาที่กำหนด หรือเปลี่ยนมาใช้งานตลอดเวลาก็ได้ สำหรับผู้ที่ใช้งานกลางแดดบ่อยๆ สามารถเข้าไปเปิดโหมดแสงแดดเพิ่มเติม เพื่อให้หน้าจอสว่างขึ้นอัตโนมัติเมื่ออยู่ในที่แสงจ้าได้

ขณะเดียวกันได้ปรับเปลี่ยนศูนย์ควบคุม (Control Center) ใหม่ ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเปลี่ยนได้ที่การตั้งค่า การแสดงผล และศูนย์ควบคุม เมื่อเปลี่ยนแล้ว เวลาลากนิ้วจากขอบบนทางขวาก็จะเข้าสู่การตั้งค่าลัดต่างๆ และถ้าต้องการดูการแจ้งเตือนให้ลากนิ้วจากขอบบนทางซ้ายแทน

สำหรับในหน้ารวมแอปฯ POCO X3 NFC จะเลือกให้แสดงผลแอปทั้งหมด หรือเลือกเฉพาะหมวดหมู่แอปที่สนใจได้ ด้วยการกดที่บริเวณแถบคำสั่งด้านบน จะมีทั้งการสื่อสาร ความบันเทิง การถ่ายภาพ เครื่องมือ ข่าว ช้อปปิ้ง การเงิน เกม โดยสามารถเลือกปรับแต่งเพิ่มเติมได้เช่นกัน

สำหรับการใช้งานในด้านอื่นๆ ทั้งการใช้งานโซเชียลมีเดีย และการใช้งานด้านความบันเทิง POCO X3 NFC ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งจากลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงชัดเจน

การเล่นเกมจะมีโหมดอย่าง Game Turbo มาช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมา โดยเมื่ออยู่ในโหมดนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อ และการตอบสนองการสัมผัสที่ดีขึ้น รวมถึงเข้าไปตั้งค่าลดความไวต่อการสัมผัสในบางจุด เพื่อป้องกันการโดนหน้าจอโดยไม่จำเป็นได้ด้วย

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมากับ IP53 ช่วยป้องกันละออกน้ำ และฝุ่นได้ แม้ว่าจะไม่กันน้ำกันฝุ่น 100% เหมือน IP68 แต่ด้วยราคาระดับนี้ การกันน้ำฝน กันน้ำกระเด็นใส่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ทดสอบประสิทธิภาพ

หน่วยประมวลผลที่ POCO X3 NFC เลือกนำมาใช้คือ Qualcomm Snapdragon 732G ที่ให้ความเร็ว 2.3 GHz ซึ่งถือเป็นหน่วยประมวลผลที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G คุณภาพสูง เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 6 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB ทำให้ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ไม่แตกต่างจากเรือธงรุ่นกลางอื่นๆ ในระดับราคาหมื่นกว่าบาท

ในส่วนของแบตเตอรีเท่าที่ทดสอบใช้งานร่วมกับการแสดงผลแบบ 120 Hz สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 9 ชั่วโมง 11 นาที และถ้าปรับลด Refresh Rate ลงมาเหลือ 60 Hz ก็จะใช้งานได้นานขึ้นอย่างแน่นอน

สรุป

โดยรวมแล้ว POCO X3 NFC จะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกม ที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผล การแสดงผล และการสัมผัสทำได้ดี ไม่แพ้รุ่นเรือธงในระดับราคาที่คุ้มค่ากว่ามาก ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนไปใช้งานสมาร์ทโฟน 5G

แต่แน่นอนว่าก็ต้องแลกกับบางฟีเจอร์ที่อย่างการกันน้ำกันฝุ่น ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย หรือการซูมเพื่อถ่ายภาพ ซึ่งถ้าไม่ได้มองว่ามีความจำเป็น POCO X3 NFC ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว โดย POCO X3 NFC วางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นเริ่มต้นที่ RAM 4 GB / ROM 64 GB – 6,999 บาท และ 6 GB / 128 GB 7,999 บาท

นอกจากนี้ POCO X3 NFC ยังได้มีการทำโปรโมชันสั่งซื้อล่วงหน้าถึงวันที่ 27 กันยายนนี้ ผ่านทาง JD Central ที่จะได้เครื่องรุ่น 6 GB / 64 GB ในราคา 6,499 บาท และ 6 GB / 128 GB ในราคา 7,199 บาท พร้อมรับ 0% JD POINTS CASHBACK และรับฟรี Mi Fidget Cube รวมถึงลุ้นทุกออเดอร์ที่ 50 ได้รับเครื่องฟอกอากาศ Mi เพิ่มเติมด้วย

Gallery

]]>