Notebook – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Wed, 24 Mar 2021 03:48:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : HP ProBook 635 Aero G7 โน้ตบุ๊กองค์กรขุมพลัง AMD https://cyberbiz.mgronline.com/review-hp-probook-635-aero-g7/ Wed, 24 Mar 2021 03:44:22 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=34954

เอชพี (HP) เป็นอีกแบรนด์ที่หันมานำซีพียูตัวแรงจาก AMD มาใช้ในกลุ่มโน้ตบุ๊กองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะในซีรีส์ ProBook ที่เน้นเรื่องของดีไซน์ที่ให้ความทนทาน น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ และมาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบถ้วน

HP ProBook 635 Aero จึงกลายมาเป็นรุ่นเด่นของเอชพี ที่ถูกนำเสนอแก่องค์กรธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่านการทำงานของพนักงานในองค์กร ที่เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบจากทำงานในสำนักงาน มาเป็น Work from Home หรือ Work from Anywhere ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพในการใช้งาน ระยะเวลาการใช้งานที่ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน เมื่อรูปแบบของการทำงานจากที่บ้านได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เอชพี เลยมีการนำเสนอหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่จะมาเชื่อมต่อให้สามารถใช้งาน HP ProBook ร่วมกับจอขนาด 27 นิ้ว ได้ง่ายๆ ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อเดียวคือ USB-C ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เพิ่มเติมด้วย

ข้อดี

  • ตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะ อะลูมิเนียม ผสมแมกนีเซียมอัลลอยด์ให้ความแข็งแรง
  • น้ำหนักเบา เริ่มต้นไม่ถึง 1 กิโลกรัม
  • รองรับการเชื่อมต่อครบถ้วน
  • ทำงานบน AMD Ryzen ที่ประมวลผลแรง และประหยัดพลังงาน

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ตัวเครื่องจะเป็นเหลี่ยมๆ สีเงินคลาสสิกทั่วๆ ไป
  • ขนาดเครื่องค่อนข้างหนา เนื่องจากต้องการให้พอร์ตครบที่สุด

โน้ตบุ๊กสู่การเปลี่ยนการทำงานยุคใหม่

ที่ผ่านมา เอชพี พยามนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จุดที่น่าสนใจสำหรับ HP ProBook 635 Aero คือการที่เอชพี สามารถลดน้ำหนักของตัวเครื่องโน้ตบุ๊กหน้าจอ 13.3 นิ้ว ลงมาให้เหลือต่ำกว่า 1 กิโลกรัมได้

แม้ว่าจะใช้งานดีไซน์ตัวเครื่องแบบเดิมของ ProBook แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาขึ้น จึงทำให้รุ่นนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับพนักงานองค์กรธุรกิจยุคใหม่ ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ จึงทำให้การมีโน้ตบุ๊กที่พกพาได้ง่าย น้ำหนักเบา จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด

HP ProBook 635 Aero มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 307.6 x 204.5 x 17.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 0.99 กิโลกรัม ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อใช้งานที่ครบถ้วน ทำให้ขนาดตัวเครื่องจะหนากว่าโน้ตบุ๊กที่มีเฉพาะพอร์ต USB-C เพียงอย่างเดียว

หน้าจอของ HP ProBook 635 Aero จะมีขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล โดยเป็นจอแบบ IPS ที่ป้องกันแสงสะท้อน โดยมีกล้องเว็บแคมความละเอียด HD 720p อยู่ขอบจอด้านบน ซึ่งในจุดนี้จะมี HP Privacy Camera ที่เป็นม่านปิดกล้องมาให้เลื่อนปิดเวลาที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ด ที่เอชพีเรียกว่าเป็น HP Premium Keyboard นั้น จะมาพร้อมกับไฟ backlit ทำให้สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ รวมถึงขนาดของแป้นพิมพ์ และการรับสัมผัสต่างๆ ทำได้อย่างน่าสนใจ พิมพ์สนุก เหมาะกับการทำงานได้อย่างเต็มที่

อีกความใส่ใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้ HP เพิ่มปุ่มปิดไมโครโฟนมาไว้ที่ปุ่มคำสั่งลัดบริเวณแถบบนของคีย์บอร์ดด้วย เมื่อปิดไมค์จะมีไฟแสดงสถานะสีส้มโชว์ขึ้นมา และยังมีปุ่มลัดให้ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งสำหรับเรียกใช้งานโปรแกรมที่ใช้งานประจำได้ด้วย

ถัดลงมาในส่วนของ Clickpad รองรับการใช้งานแบบมัลติทัชแล้ว ทำให้การสั่งงานต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น และเพิ่มเติมในเรื่องของความปลอดภัยด้วยการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาเป็นตัวเลือกให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใส่เพิ่มเติมได้

สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ทางฝั่งซ้ายจะมีพอร์ตล็อกเครื่อง Kensington ตามด้วยพอร์ต USB-A 2 พอร์ต และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ทางฝั่งขวาจะมีช่องเสียบสายชาร์จมาตรฐาน ตามด้วยพอร์ต HDMI พอร์ต USB-C ที่รองรับทั้งการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ และใช้เป็นพอร์ตชาร์จไฟได้ด้วย

ภายในให้แบตเตอรีขนาด 53Wh แบบ 3 เซลล์ มาพร้อมอะเดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 65W ทำให้สามารถชาร์จได้เต็มภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ในขณะที่การใช้งานบนแบตเตอรีสามารถทำงานได้ต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง

เชื่อมต่อจอ ทำงานใช้งานในบ้าน

นอกเหนือจากการนำเสนอ HP ProBook 635 Aero G7 แล้ว อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปิดตัวมาพร้อมกันก็คือหน้าจอ HP E27u USB-C จุดเด่นของหน้าจอรุ่นนี้ ก็คือเป็นหน้าจอขนาด 27 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C กับโน้ตบุ๊กเพื่อใช้เสียบชาร์จ และเป็น Display Port ไปในตัว เรียกได้ว่า เพียงแค่เชื่อมต่อโน้ตบุ๊กกับ จอด้วยสาย USB-C เส้นเดียวก็พร้อมใช้งานแล้ว

ความพิเศษของจอตัวนี้อีกอย่างคือ สามารถปรับหมุนจอภาพให้ใช้งานในแนวตั้งได้ จึงเหมาะกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ช่วยเสริมการทำงานให้สะดวกขึ้น อีกอย่างคือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาครบ ทั้งพอร์ต USB Type A 4 พอร์ต สำหรับเชื่อมต่อเมาส์ คีย์บอร์ด จนถึง Display Port อีก 2 ช่อง และ HDMI ให้เชื่อมต่อใช้งาน

ตัวเครื่องยังมาพร้อมความละเอียดหน้าจอระดับ QHD สามารถสลับใช้งานระหว่างดีไวซ์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล มีระบบจ่ายไฟ Power Delivery ให้แก่โน้ตบุ๊ก ทำให้ไม่ต้องเสียบสายชาร์จโน้ตบุ๊ก ก็ใช้งานร่วมกับหน้าจอได้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มาช่วยให้เกิดเวิร์กสเตชันของการทำงานในบ้าน

สเปก

ด้วยการที่เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ ทางเอชพี จึงเปิดให้สามารถปรับแต่งสเปกต่างๆ เพื่อให้นำไปใช้งานในองค์กรได้อย่างเหมาะสม โดย HP ProBook 635 Aero G7 จะมีตัวเลือกทั้ง AMD Ryzen 5 4500U และ Ryzen 7 4700U มาให้ใช้งาน พร้อมกับเลือกปรับ RAM ได้ตั้งแต่ 8 – 32 GB พื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้นเป็น SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro

อีกจุดแข็งของ HP ProBook 635 Aero คือเรื่องของการเชื่อมต่อที่มีทั้งพอร์ต USB-C รองรับการส่งข้อมูลระดับ 10 Gbps ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายจะเป็น WiFi 6 บนชิปเซ็ต Intel AX200 มีบลูทูธ 5.0 มาให้ใช้งานเพิ่มเติม เรียกได้ว่าให้มาครบเพียงพอกับการใช้งานโน้ตบุ๊กยุคใหม่เรียบร้อย

ทดสอบประสิทธิภาพ

ด้วยการที่เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับใช้งานในองค์กร ประสิทธิภาพของการประมวลผล และแบตเตอรี ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน จะเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงถึง โดยใน HP ProBook 635 Aero G7 นี้ สามารถทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะแบตเตอรีที่ใช้ได้ยาวต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง

ในขณะที่การใช้งานรองรับการทำงานในสำนักงานแทบทั้งหมด รวมถึงใช้ในการคำนวนข้อมูลจาก Excel ทำ PowerPoint เพื่อพรีเซ็นต์งานได้สบายๆ ไปจนถึงในกรณีที่มีงานครอบคลุมไปยังการทำรูปภาพต่างๆ ตัวเครื่องก็สามารถรองรับการใช้งานได้

สรุป

HP ProBook 635 Aero G7 น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กร ที่มองหาโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา ไปใช้พนักงานใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่การ Work From Anywhere กลายเป็นลักษณะการทำงานที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปแล้ว

ด้วยการที่ตัวเครื่องให้พอร์ตมาครบ รองรับการทำงานที่หลากหลาย แบตเตอรีใช้งานได้ต่อเนื่องมากกว่า 11 ชั่วโมง จึงเหมาะกับการพกพาไปใช้งานได้อย่างสบายใจ สำหรับราคาจำหน่ายของ HP ProBook 635 Aero G7 เริ่มต้นที่ 31,890 บาท – 37,990 บาท ส่วนหน้าจอ HP E27u USB-C ราคา 10,900 บาท

Gallery

]]>
Review : ASUS ExpertBook P1410CDA โน้ตบุ๊กครบเครื่องสำหรับองค์กรธุรกิจ https://cyberbiz.mgronline.com/review-asus-expertbook-p1410/ Thu, 17 Sep 2020 03:20:46 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=33590

การที่เอซุส (Asus) ต้องการบุกเข้ามาในตลาดโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ พร้อมกับตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ภายใน 3 ปีข้างหน้า สอดคล้องกับยุคการทำงานรูปแบบใหม่ที่องค์กรธุรกิจหลายแห่งต่างต้องปรับตัว เตรียมความพร้อมให้แก่พนักงาน ในกรณีที่ต้องทำงานจากนอกสถานที่ นำให้โน้ตบุ๊กกลับมาได้รับความนิยมอีกรั้ง

จุดเด่นของ Asus ExpertBook P1คือมาพร้อมกับ Windows 10 Pro ที่เหมาะกับการใช้งานในองค์กรธุรกิจ พร้อมการล็อกอินแบบสแกนลายนิ้วมือที่ทำงานร่วมกับ Windows Hello เมื่อผสมผสานกับระบบบริหารจัดการของ My Asus ทำให้กลายเป็นโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับพนักงานที่ต้องการความคล่องตัวในการทำงานได้ทันที

ในขณะเดียวกัน ด้วยการเลือกใช้หน่วยประมวลผลจาก AMD Ryzen 7 ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลืออย่าง RAM พื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆ สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละองค์กรธุรกิจ จึงรองรับทั้งการใช้งานทั่วไป จนถึงการเป็นเครื่องประสิทธิภาพให้พนักงานได้ใช้งาน

ข้อดี

  • โน้ตบุ๊กองค์กรรุ่นเริ่มต้นที่สามารถปรับแต่งได้ตามการใช้งาน
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบ มีให้ทั้ง USB-C HDMI และอะเดปเตอร์เชื่อมต่อ LAN / VGA
  • มี Windows 10 Pro ให้เลือกซึ่งเหมาะกับใช้งานในองค์กรธุรกิจมากกว่า
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัย

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องค่อนข้างหนา น้ำหนัก 1.65 กิโลกรัม
  • จอรุ่นเริ่มต้นยังไม่เป็น Full HD แต่สามารถปรับแต่งได้

สำหรับสเปกของ ASUS ExpertBook P1410CDA ในรุ่นเริ่มต้น ประกอบด้วย

  • OS : Windows 10 Pro 
  • CPU : AMD Ryzen 7 3700U
  • GPU : Radeon Vega 10
  • RAM : DDR4 8 GB
  • พื้นที่เก็บข้อมูล : HDD 1 TB
  • หน้าจอ :14  นิ้ว HD (1366 x 768 พิกเซล)
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 5 / Bluetooth 4.2
  • แบตเตอรี่ : 32Whr 2 เซลล์
  • น้ำหนัก : 1.65 กิโลกรัม
  • ราคา : เริ่มต้น 8,xxx บาท สอบถามผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ http://bit.ly/2wAuouV

โน้ตบุ๊กครบเครื่องสำหรับองค์กรธุรกิจ

เมื่อเป็นโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจ สิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเลยคือต้องซื้อแล้วจบ สามารถเลือกปรับสเปกได้ตามความต้องการ มีการรับประกันที่ดี และที่สำคัญคือแกะกล่องมาต้องพร้อมใช้งาน

ด้วยเหตุนี้ Asus จึงทำการบ้านมาค่อนข้างดีสำหรับ ExperBook P1410CDA ด้วยการที่มีตัวเลือกให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่การเลือกหน่วยประมวลผล ที่มีตัวเลือกเริ่มต้นเป็น Ryzen 3 (3200U) Ryzen 5 (3500U) และ Ryzen 7 (3700U)

ในขณะที่ระบบปฏิบัติการก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานคู่กับ Windows 10 Home หรือ Windows 10 Pro แต่ทางเลือกที่แนะนำสำหรับใช้งานในองค์กรธุรกิจคือ Windows 10 Pro ที่จะมีฟีเจอร์สำหรับการทำงานที่เพิ่มขึ้น เหมาะกับการใช้ทางธุรกิจโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจยังสามารถเลือกปรับ RAM ได้สูงสุด 16 GB พื้นที่เก็บข้อมูลแบบคู่ ที่สามารถใส่ SSD ได้สูงสุด 512 GB คู่กับ HDD สูงสุด 1 TB ซึ่งแน่นอนว่าขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน ถ้าให้แนะนำคือเริ่มต้นด้วย SSD 128 GB กับ HDD 500 GB เพื่อเก็บข้อมูล ก็เพียงพอกับการใช้งานของพนักงานทั่วไปแล้ว

ถัดมาคือตัวเลือกในการปรับแต่งจอ โดยจอรุ่นเริ่มต้นที่ให้มาจะเป็นขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ที่สามารถปรับเลือกได้เป็น 14 นิ้ว Full HD 1920 x 1080 พิกเซล

ในขณะที่การรับประกันของ Asus จะประกอบไปด้วย บริการซ่อมถึงที่ 3 ปี (3 Year Onsite Service) รับประกัน 3 ปีทั่วโลก (3 Year Global Warranty) เพิ่มเติมด้วย ประกันอุบัติเหตุในปีแรก (1 Year Perfect  Warranty) ทำให้สบายใจในการใช้งานได้

สุดท้ายคือความพร้อมในการใช้งาน Asus ถือว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีตั้งแต่การออกเดสก์ท็อปอย่าง ExpertPC ด้วยการให้อุปกรณ์เสริมอย่างเมาส์ USB มาให้ภายในกล่อง และยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมีอะเดปเตอร์แปลงพอร์ต USB เป็น LAN และ HDMI เป็น VGA มาให้ในกล่องด้วย

เรียกได้ว่าแกะกล่องมาทำการล็อกอินเข้าใช้งาน Windows 10 Pro เรียบร้อย ก็พร้อมใช้งานได้ทันที และในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ก็มีพอร์ตให้ใช้งานครบครัน

ภาพรวมตัวเครื่อง ExpertBook P1

ในแง่ของการออกแบบ ExpertBook P1 ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ จากการนำจอแบบ NanoEdge มาใช้งาน ช่วยให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง เมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ตัวจอจะมีสัดส่วนถึง 82% ของตัวเครื่อง โดยมีขอบจออยู่ที่ 6.5 มิลลิเมตร

โดยตัวหน้าจอที่ให้มามีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ซึ่งเป็นจอผิวด้าน ที่เคลือบป้องกันแสงสะท้อน ให้มุมมองภาพ 178 องศา ด้านบนจะมีกล้อง VGA ให้ใช้งานเพื่อประชุมสายทางไกลได้ ส่วนด้านล่างจะมีโลโก้ ASUS สีเงินอยู่

ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยทางเอซุสมีการเสริมความแข็งแรงของตัวเครื่องด้วยการนำโครงสร้างโลหะชิ้นเดียวมาใช้งาน แป้นพิมพ์มีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ช่วยให้พิมพ์ใช้งานได้สะดวกขึ้น

ขณะเดียวกับแถบคำสั่งลัดที่ให้มาบริเวณปุ่ม Fn ถือว่าครบ ตั้งแต่การปรับระดับเสียง ความสว่างหน้าจอ ปิดการใช้งานทัชแพด สลับหน้าจอ ปิดกล้อง จับภาพหน้าจอ เรียกโปรแกรมจัดการ My Asus

ต่อเนื่องมาในส่วนของทัชแพด ที่หลังๆ เอซุส พัฒนาการใช้งานมาได้น่าสนใจ การควบคุมสั่งงานด้วยทัชแพด ลื่นไหลดี และในรุ่นนี้ยังมีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาที่มุมขวาบนของทัชแพด เพื่อใช้ปลดล็อกใช้งานเครื่องด้วย

บริเวณที่วางข้อมือทางฝั่งซ้าย จะมีสัญลักษณ์ ExpertBook อยู่ ส่วนทางฝั่งขวาเป็นข้อความ Sonic Master ที่เป็นเทคโนโลยีลำโพงของเครื่องรุ่นนี้ ซึ่งให้พลังเสียงได้ดีทีเดียว

ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อทางซ้าย จะมีช่องเสียบสายชาร์จ พอร์ต USB-C 3.1 HDMI และ USB 3.1 อีก 1 พอร์ต

ขณะที่ทางขวา จะมีพอร์ตล็อกเครื่อง Kensington ตามด้วย USB 2.0 อีก 2 พอร์ต ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และช่องอ่านไมโครเอสดีการ์ด

ส่วนของแบตเตอรีที่ให้มาอยู่ที่ 32 Whr โดยทางเอซุส ระบุว่า เมื่อทำงานร่วมกับอะเดปเตอร์ 65W จะสามารถชาร์จได้ 60% ภายใน 49 นาที

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

ด้วยการที่ ExpertBook P1 ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานภายในองค์กร ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยใน ExpertBook P1 ได้มีการนำมาตรฐานการป้องกันฮาร์ดดิสก์ EAR HDD มาใช้งาน

โดยจะช่วยป้องกันฮาร์ดดิสก์ ที่จะมีการตรวจจับแรงสั่นสะเทือน และตัดการทำงานของฮาร์ดดิสก์ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่เก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ได้รับผลกระทบ ประกอบกับเปิดให้สามารถใช้พื้นที่เก็บข้อมูลคู่ SSD + HDD ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น

ขณะเดียวกันด้วยการที่ Windows 10 Pro รองรับการใช้งาน Windows Hello ที่สามารถใช้งานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่องได้ จะช่วยให้ผู้ไม่หวังดีไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในตัวเครื่องได้ด้วย

นอกจากนี้ การที่เอซุส มีโปรแกรมบริหารจัดการตัวเครื่องอย่าง My Asus มาให้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตรวจสอบการอัปเดตไดรฟ์เวอร์ และตรวจสอบการใช้งานของตัวเครื่องได้

เพิ่มเติมด้วยการปรับโหมดชาร์จแบตเตอรี ที่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้โหมดความจุเต็ม ที่จะชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี 100% รองรับการใช้งานระหว่างเดินทาง หรือเลือกใช้โหมดสมดุล ที่จะชาร์จแบตเตอรีไว้ที่ 80% และโหมดยืดอายุการใช้งาน ที่จะชาร์จสูงสุด 60% เพื่อยืดระยะประจุของแบตเตอรี

ทดสอบประสิทธิภาพ

ภาพรวมของการใช้งาน Asus ExpertBook P1 ในรุ่นเริ่มต้นนั้น ถือว่าเหมาะกับการใช้งานเอกสารทั่วไปภายในสำนักงานเป็นหลัก รวมถึงรองรับทางด้านความบันเทิงระดับเริ่มต้น เนื่องจากตัวจอไม่ได้เป็นแบบ Full HD 

ขณะเดียวกัน การใช้งานบนแบตเตอรีนั้น ถ้าเปิดความสว่างหน้าจอ 50% ใช้งานทั่วไป จะใช้งานต่อเนื่องได้ราว 5 ชั่วโมง 44 นาที และถ้าปรับความสว่างหน้าจอเป็น 100% จะใช้ได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง 51 นาที

ส่วนถ้าต้องใช้งานประมวลผลหนักๆ ต่อเนื่องจะอยู่ที่ราว 1 ชั่วโมง 15 นาที เท่านั้น เนื่องจากยังใช้ซีพียูเป็น Ryzen 7 3700U ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Zen+ 12 นาโนเมตร ซึ่งถ้าอัปเกรดเป็น Ryzen 4000 ซีรีส์ที่ใช้ 7 นาโนเมตร ก็จะประหยัดแบตเตอรีมากขึ้น

ส่วนผลการทดสอบจากโปรแกรมทดสอบต่างๆ สามารถดูผลได้จากอัลบั้มด้านล่าง

สรุป

Asus ExpertBook P1 ที่ถือเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นเริ่มต้นของทางเอซุส กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับบรรดาธุรกิจ SMEs จนถึงองค์กรธุรกิจขนาดกลาง และใหญ่ ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพดี รองรับมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ

โดยเฉพาะการเปิดทางเลือกให้สามารถปรับแต่งสเปก ตามแต่ความต้องการขององค์กรธุรกิจ มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ที่สำคัญคือทำงานบน Windows 10 Pro ที่รองรับการอัปเกรดแพทซ์ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลภายในตัวเครื่องด้วย

Gallery

]]>
CyberApps 30/09/19 : Signeasy / Notebook / Autodesk Sketchbook / Mario Kart Tour https://cyberbiz.mgronline.com/cyberapps-300919/ Mon, 30 Sep 2019 05:49:46 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=31302 Signeasy อยู่ที่ไหนก็เซ็นเอกสารได้ทันที

ถึงเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน บางทีเราก็ยังถูกดึงกลับไปสู่โลกยุกดึกดำบรรพ์กันบ้าง แต่ตัวช่วยอย่าง SignEasy จะทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้นานขึ้นโดยไม่ต้องหยิบปากกาหากระดาษเพื่อเซ็นชื่อเหมือนแต่ก่อน จากที่ต้องคอยพิมพ์เอกสารทุกใบออกมาและค่อยๆ เซ็นไปทีละจุด

SignEasy จะให้คุณสามารถรับ เซ็น และส่งเอกสารได้โดยตรงจาก iPhone และ iPad แบบไม่ต้องง้อเครื่องพิมพ์อีกเลย แอปนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณเปิดเซ็นแบบเต็มจอจะทำให้คุณลงนามในเอกสารได้อย่างสะดวกโยธิน และหลังจากที่คุณลงลายลักษณ์อักษรไปแล้ว คุณยังสามารถย้ายไปมาได้ทุกที่บนเอกสารและปรับขนาดให้ตรงกับรอยประได้อีกด้วย

แต่แอปนี้ไม่ได้ให้คุณใส่แค่ลายเซ็นเท่านั้น เพราะ SignEasy จะทำให้เรื่องเอกสารเป็นเรื่องง่ายสบายใจไปเลย เพราะคุณสามารถใส่ข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นเวลากรอกเอกสารได้อีกด้วย ทั้งยังสามารถเพิ่มกล่องเช็ครายการ หรือเพิ่มรูปลงในเอกสารก็ทำได้เช่นกัน นอกจากนี้แอปจะแจ้งเตือนทุกครั้งด้วยว่าเอกสารนี้นั้นถูกเซ็นโดยผู้รับหรือยัง นั่นหมายความว่าเมื่อคุณเป็นผู้เซ็นเอง คนที่ส่งมาก็จะได้รับการแจ้งเตือนนี้เหมือนกันด้วย และล่าสุดตัวแอปยังอัปเดทใหม่ให้เข้ากับ iOS13 เพื่อให้ใช้งานได้ดีในโหมดมืด (Darkmode) โดยแสดงผลเป็นพื้นหลังสีดำทั้งหมด รวมถึงสามารถเปิดได้หลายๆ หน้าต่างในแอปเดียว (Multi Window) ได้อีกด้วย 

ดาวน์โหลด Signeasy ได้ฟรีทั้งบน iPhone และ iPad

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/signeasy-sign-and-fill-docs/id381786507

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.glykka.easysign&hl=th

Notebook จดโน้ตง่ายๆ ให้มีสไตล์กว่าเคย

จุดที่แตกต่างอย่างมากของการใช้ iPhone, iPad เพื่อการจดบันทึกแทนการใช้กระดาษก็คือ การบันทึกข้อมูลลงบนอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ นอกจากใช้ปากกา Apple Pencil เขียนแทนปากกาธรรมดาได้แล้ว ตัวอักษรและรูปภาพ (ที่สมจริงแล้ว ยังสามารถแนบเสียง คลิปวิดีโอ หรือเอกสารอื่นๆ ไปกับโน้ตได้อีกด้วย

ที่ดีไปกว่านั้นก็คือ ข้อมูลทั้งหมดจะไม่หายไปไหน เพราะซิงก์กับ iCloud ทำให้สามารถดึงมาใช้งานได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะใช้งานกับอุปกรณ์สักกี่เครื่องก็ตาม และล่าสุดตัวแอปยังอัปเดทใหม่ให้เข้ากับ iOS13 เพื่อใช้งานได้หลายหน้าต่าง (Multi Window) จากภายในแอปๆ เดียว เหมาะกับคนที่ชอบทั้งจดบันทึกและขีดๆ เขียนๆ โยนไอเดียไปพร้อมๆ กัน 

ดาวน์โหลด Notebook ได้ฟรีทั้งบน iPhone และ iPad

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/notebook-take-notes-sync/id973801089

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.zoho.notebook&hl=en_US

Autodesk Sketchbook ส่งภาพร่างสู่ความจริง

ผลงานทุกชิ้นล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการสเก็ตช์ด้วยกันทั้งนั้น Autodesk SketchBook จึงเตรียมความพร้อมให้กับคุณด้วยเครื่องมือวาดเขียนมากมายที่เหมาะและใช้ได้หมดไม่ว่ากับการวาดภาพทั่วไป หรือการวาดแบบหลายเลเยอร์ระดับโปร เมื่อเปิดแอปขึ้นมาคุณก็จะพบกับทั้งหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าและเครื่องมืออีกมากมายที่รอให้คุณใช้เลย

เมนูหลักจะอยู่ตรงด้านบนของหน้าจอซึ่งคุณสามารถปรับส่วนต่างๆ ของผลงานคุณ เช่น การเพิ่มแนวเส้นหรือข้อความเข้าไป รวมถึงการอัดวิดีโอของการวาดของคุณด้วย ตรงด้านซ้ายของหน้าจอจะเป็นคลังของเครื่องมือซึ่งอัดแน่นไปด้วยทุกอย่างที่คุณจะต้องใช้ตั้งแต่ดินสอทั่วไปจนถึงปากกาหมึกซึม แปรงสี และเครื่องพ่นสีเลย เลือกอุปกรณ์ที่คุณต้องการและปรับความหนา แรงกด แรงกดปากกา และอื่นๆ อีกมากมายได้ที่ Settings เลย

เมื่อคุณใช้ iPad และ Apple Pencil แอปก็จะรับรู้ได้ถึงแรงกดและองศาหมุนของปากกาเพื่อแสดงผลที่ชัดเจนตามแบบที่คุณต้องการมากยิ่งขึ้น และแอปก็รู้ดีว่าแรงบันดาลใจจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แอปจึงซิงก์ภาพวาดของคุณไว้บน iPhone, iPad และ Mac ทำให้ง่ายต่อการสเก็ตช์ภาพร่างบน iPhone และไปทำให้เสร็จบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เป็นต้น แอปนี้จะรวมทุกอย่างที่คุณต้องการไว้ในที่เดียว พื้นที่แห่งความอิสระกับเครื่องมือทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือคุณแต่ก็หายไปเมื่อคุณไม่ต้องการ เกิดจากความรู้และความเข้าใจของ Autodesk SketchBook ในศาสตร์ของการวาดภาพอย่างแท้จริง

Autodesk Sketchbook ใช้ได้ฟรีบน iPhone และ iPad

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/autodesk-sketchbook/id883738213

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.adsk.sketchbook&hl=en

Mario Kart Tour ซิ่งแซงไม่เป็นรอง สู้ไม่เป็นสองด้วยอาวุธครบมือ

ตั้งแต่ได้ปฏิวัติวงการแข่งรถในปี 1992 ก็ยังไม่มีสนามแข่งไหนที่ Mario และผองเพื่อนจะพิชิตไม่ได้ ซึ่งตอนนี้นักแข่งฝีมือเยี่ยมของ Mushroom Kingdom ก็จะมาประจันหน้ากันอีกครั้งใน Mario Kart Tour และในครั้งนี้พวกเขาจะได้แข่งกันไปทั่วโลกเลย มีเหตุผลมากมายให้แฟนๆ ต้องตกหลุมรักเกมแข่งรถของ Mario  ที่เปิดตัวในเวอร์ชันพกพาเป็นครั้งแรก

ทั้งการดริฟต์! Item boxes! รถโกคาร์ท เครื่องร่อนและตัวละครที่คุณชื่นชอบอีกมากมายทุกอย่างที่คุณหลงรักใน Mario Kart ได้รวมอยู่ในเกมนี้แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เล่นได้สะดวกสุดๆ บนมือคุณ ในเกมมีสีสันใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยคือการจับคู่นักแข่ง รถโกคาร์ท หรือเครื่องร่อนให้เข้ากับสนามเพื่อรับโบนัสพิเศษเพิ่ม เช่น ใช้ Yoshi ในการแข่งสนาม Yoshi Circuit คุณจะได้ช่องเก็บไอเทม 3 ช่องแทนที่จะเป็น 1 ช่องแบบปกติ มีไอเทมเพิ่มขึ้นมาอีกอันก็สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างที่ 1 กับที่ 5 ได้เลย

ถึงเกมจะจัดเต็มคอนเทนต์จากเวอร์ชันคอนโซลมาให้ครบ แต่ Mario Kart Tour ยังได้ถูกปรับแต่งให้เล่นง่ายเหมาะสำหรับอุปกรณ์พกพามากๆ ด้วยการปัดนิ้วและแตะเพื่อเลี้ยว คุณจะสามารถเล่นได้เลยด้วยมือเดียว แต่ถ้าอยากควบคุมเองมากขึ้นล่ะก็ เปิดโหมด Manual Drift แล้วโชว์ฝีมือใช้บูสต์สีม่วงได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บ Grand Stars เพื่อปลดล็อกสนามแข่งใหม่ๆ หรือรับชาเลนจ์เพื่อคว้ารางวัล ใน Mario Kart Tour มีการแข่งรอคุณอยู่เพียบ ขอแค่อย่ามั่นใจจนเกินไป เพราะกระดองเต่าพร้อมจะพุ่งชนคุณได้ทุกเมื่อนะจะบอกให้

สนุกกับ Mario Kart Tour ได้ฟรีบน iPhone และ iPad

ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://apps.apple.com/th/app/mario-kart-tour/id1293634699

ผู้ใช้ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nintendo.zaka&hl=en_US

]]>