smartwatch – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Fri, 03 Jan 2020 08:48:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Huawei Watch GT 2 เด่นเรื่องเก็บข้อมูลสุขภาพ และแบตอึด https://cyberbiz.mgronline.com/review-huawei-watch-gt-2/ Fri, 03 Jan 2020 08:48:41 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=31946

ตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้ใช้งานแอนดรอยด์โฟน ยังถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง จากทั้งแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเอง และแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจจับการออกกำลังกายต่างๆ แตกต่างจากทางฝั่งของผู้ใช้งานไอโฟนที่ถูกยึดด้วย Apple Watch ไปเรียบร้อยแล้ว

Huawei เป็นอีกแบรนด์ที่มุ่งทำตลาดสมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์ฟิตเนสแทร็กเกอร์ ออกสู่ตลาด เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Huawei เอง และยังเปิดกว้างให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น หรือระบบปฏิบัติการอื่นสามารถใช้งานได้ด้วย

Huawei Watch GT 2 ที่เปิดราคาออกมา 6,490 บาท จึงกลายเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งในตลาด เพราะนอกจากจะมีความสามารถในการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถใช้ตรวจจับการออกกำลังกาย วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และบันทึกข้อมูลสุขภาพต่างๆ ได้ด้วย

ข้อดี

  • สมาร์ทวอทช์ราคาไม่ถึง 8,000 บาท
  • มี 3 รุ่นให้เลือก ตั้งแต่เริ่มต้นสายสแตนเลส
  • แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถติดตั้งแอปจากนักพัฒนาภายนอกได้
  • การปรับแต่งหน้าปัดต่างๆ ยังมีข้อจำกัดอยู่
  • ต้องเชื่อมต่อกับ Huawei Health เท่านั้น

ดีไซน์หรู เน้นใช้งานง่าย

Huawei Watch GT 2 ออกมาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นหลักด้วยกันคือรุ่นตัวเรือน 42 มม. แบ่งให้เลือกเป็น 3 เวอร์ชันคือ Sport Classic และ Elegant ส่วนรุ่นตัวเรือน 46 มม. จะมีให้เลือกเป็น Sport Classic และ Elite โดยระดับราคาจะอยู่ที่ 6,490 – 7,990 บาท

ตัวเรือนที่ได้มารีวิวคือรุ่น 46 มม. Elite Edition ที่ภายในนอกจากจะมีสายยางสำหรับใช้ใส่ออกกำลังกายมาให้แล้ว จะมีสายที่เป็นสแตนเลสแถมมาให้ พร้อมกับไขดวงเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดสายได้ด้วยตัวเอง ถือว่าหัวเว่ย คิดมาได้ละเอียดมากๆ ในจุดนี้

กลับมาที่ตัวเรือนขนาด 46 มม. วัสดุหลักที่ใช้จะเป็นโลหะ ผสมกับกระจกหน้าจอแบบ 3 มิติ โดยขนาดตัวเรือนจะอยู่ที่ 45.9 x 45.9 x 10.7 มิลลิเมตร น้ำหนักเฉพาะตัวเรือนประมาณ 41 กรัม

หน้าจอที่ใช้จะเป็น AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ซึ่งรองรับการสัมผัสสั่งงาน หรือจะใช้งานผ่านปุ่มควบคุมที่เป็นเม็ดมะยมทางด้านขวาทั้ง 2 ปุ่มก็ได้เช่นเดียวกัน

ภายในตัวเครื่องของ Watch GT 2 นอกจากชิป Kirin A1 ที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทวอทช์โดยเฉพาะ ก็จะมีทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับแสง แรงกดอากาศต่างๆ โดยรองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 5.1 และมี GPS ภายในตัว

Huawei ระบุว่า Watch GT 2 รุ่น 46 มม. สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้ในการวัดออกกำลังได้ต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง ซึ่งเท่าที่ทดสอบใช้งาน ถ้าใช้งานทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับที่หัวเว่ยเคลมไว้ แต่ถ้าออกกำลังหนักๆ ต่อเนื่องระยะเวลาใช้งานก็จะลดน้อยลง

ในส่วนของการชาร์จจะมีแท่นชาร์จแม่เหล็กติดมาให้ด้วย ผู้ใช้สามารถนำแท่นชาร์จต่อเข้ากับสายชาร์จ USB-C และวาง Watch GT 2 ลงไปชาร์จไฟได้ทันที นอกจากนี้ ตัวเรือนยังสามารรถกันน้ำได้ระดับ 5 ATM ทำให้สามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วย

เริ่มต้นใช้งานกับ Huawei Health

ในการใช้งาน Watch GT 2 สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Huawei Health ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน Play Store ของแอนดรอดย์ และ App Store ของไอโฟน

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อย ก็จะขึ้นแสดงผลสถานะการเชื่อมต่อ ปริมาณแบตเตอรี พร้อมกับรายละเอียดจำนวนก้าว ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาน ระยะทางที่เดินเป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโหมดให้เลือกเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาเพิ่มเติมจากในแอปด้วย

นอกจากนี้ ก็สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมอย่าง การเปิดวัดการนอน (TruSleep) แจ้งเตือนให้เคลื่อนไหว จับอัตราการเต้นของหัวใจอัตโนมัติ เปิดระบบวัดความเคลียดของผู้สวมใส่ จนถึงการตั้งค่าทั่วๆ ไปอย่างนาฬิกาปลุก เครื่องเล่นเพลง การแจ้งเตือน รายชื่อผู้ติดต่อ รายงานสภาพอากาศ เตือนเมื่อการเชื่อมต่อบลูทูธหลุด ปรับให้หน้าจอสว่างขึ้นเมื่อยกแขนเป็นต้น

ภายในแอป ยังจะแสดงรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้ทำเพิ่มเติม อย่างการออกกำลังกาย ก็สามารถย้อนดูเส้นทาง อัตราการเต้นของหัวใจได้ เช่นเดียวกับการนอน และการควบคุมน้ำหนัก กรณีที่ป้อนข้อมูลไว้

สิ่งที่น่าสนใจคือแอปจะมีการนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย จนถึงคำนวนระยะเวลาให้ร่างกายพักฟื้นอย่างเต็มที่ก่อนออกกำลังกายครั้งถัดไป

ในส่วนของการวัดนอนก็เช่นกัน เมื่อใส่นอนก็จะมีการวัดช่วงเวลาหลับตื้น หลับลึก เพื่อนำมาคำนวนเป็นคะแนน พร้อมคำแนะนำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ

ใช้งานทั่วไป Watch GT 2 เอาอยู่

ด้วยการที่เป็นสมาร์ทวอทช์ ดังนั้นเวลาสั่งงานต่างๆ จึงไม่ได้จำเป็นต้องเข้าไปสั่งผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนอย่างเดียว แต่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ตัวนาฬิกาได้ อย่างการเปลี่ยนรูปหน้าปัดนาฬิกา ตั้งหน้าจอแสดงผลจำนวนก้าว แสดงช่วงเวลาที่เคลื่อนไหว

Watch GT 2 ยังใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการเล่นเพลงได้ อย่างกรณีที่เปิดเพลงฟังอยู่ สามารถสั่งเล่น หยุด เปลี่ยนเพลง ปรับเสียง ได้ผ่านนาฬิกาทันที ทำให้ในกรณีที่ใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเลือกเปลี่ยนเพลงอีกต่อไป

แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่ติดตั้งมาให้บน Watch GT 2 จะเป็นแอปเกี่ยวกับการใช้งานทั่วไป และสุขภาพเป็นหลัก อย่างการออกกำลังกาย ดูอัตราการเต้นของหัวใจ ดูการนอน วัดความเคลียด แอปที่ช่วยควบคุมการหายใจเเพื่อให้ผ่อนคลาย เพลง รายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร

แสดงความกดอากาศ เข็มทิศ พยากรณ์อากาศ การแจ้งเตือน นาฬิกาจับเวลา นาฬิกาปลุก ไฟฉาย และสั่งให้ค้นหาสมาร์ทโฟน ด้วยการสั่งให้เสียงดังขึ้นมาเพื่อให้ทราบว่าสมาร์ทโฟนอยู่ตรงไหน

ส่วนของการตั้งค่าเพิ่มเติมก็คือ สามารถเลือกจับคู่ Watch GT 2 กับหูฟังบลูทูธ ตั้งค่าหน้าจอแสดงผล เปิดโหมดห้ามรบกวน ตั้งค่าปุ่มควบคุม และตั้งค่าระบบของตัวเครื่องต่างๆ

โดยในโหมดของการออกกำลังกาย ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปแล้วเลือกประเภทกีฬาที่ออกกำลังกายได้ ทั้งการเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งในการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย เพราะตัว Watch GT 2 มี GPS ภายในตัวอยู่แล้ว สามารถบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ Watch GT 2 ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการที่เปิดกว้างอย่าง Wear OS แต่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Huawei Lite แทน ทำให้ในการใช้งานมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างเยอะ ยังไม่ได้เหมือนกับสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ Wear OS ที่มีความหลากหลายกว่า

ดังนั้น Watch GT 2 จึงไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากที่รองรับใน Huawei Health ซึ่งถ้านำไปใช้งานทั่วๆไป เป็นนาฬิกาที่ใส่เพื่อรับการแจ้งเตือน และวัดสุขภาพไปในตัว Watch GT 2 ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าต้องการความอัจฉริยะของนาฬิกามากกว่านั้นอาจจะต้องมองข้ามไป

สรุป

Huawei Watch GT 2 เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วๆไป ที่ต้องการนาฬิกามาใช้เพื่อรับการแจ้งเตือน และวัดการออกกำลังกายไปในตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ Android ทื่ต้องการหาสมาร์ทวอทช์มาใช้งานคู่กันไปด้วย

เพราะความสามารถของฮาร์ดแวร์ถือว่าทำได้ดี ติดก็ตรงซอฟต์แวร์อย่าง Huawei Health ทื่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาทำให้ขาดความสามารถหลายๆ อย่างไป ซึ่งถ้ามองแนวโน้มในการพัฒนาจากรุ่นก่อน ก็ถือว่าหัวเว่ยทำได้ค่อนข้างดี ประกอบกับราคานาฬิกาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังหานาฬิกามาคู่มือตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย

Gallery

]]>
Review : Fitbit Versa Lite Edition ที่ “Lite สมชื่อ” https://cyberbiz.mgronline.com/review-fitbit-versa-lite-edition/ Mon, 03 Jun 2019 04:10:45 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=30776  

สมาร์ทวอตช์ Fitbit Versa Lite Edition วางจุดขายไว้ที่ราคาจับต้องได้ บนจอแสดงผลสีสะดุดตาในบอดี้หรูอะลูมิเนียม ตัวสายเป็นซิลิโคนน้ำหนักเบาที่ใส่สบายแม้จะสวมไว้นานเมื่อทำกิจกรรมจนมีเหงื่อซึม แบตเตอรี่จุใจใช้ต่อเนื่องเกิน 4 วันแบบไม่ได้โม้

ข้อดี

– จอแสดงผลสว่างสดใส
– การออกแบบดี ใช้งานสะดวกสบาย
– อายุแบตเตอรี่ต่อเนื่อง 4-5 วัน
– ราคาประหยัดกว่ารุ่นท็อป

ข้อสังเกต

– ไม่มีระบบนับชั้นเมื่อเดินขึ้นบันได
– ไม่มี GPS

Fitbit เริ่มเปิดตัว Fitbit Flex ในปี 2013 ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา Fitbit สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทวอตช์จับสถิติร่างกายเพื่อการออกกำลังนั้นไม่ได้เป็นแค่แฟชั่นชั่วคราวที่มาแล้วก็ไป ซึ่งเมื่อ Apple เห็นโอกาสงามและเปิดตัว Apple Watch ในเดือนเมษายน 2015 แบรนด์อย่าง Fitbit ที่มุ่งเน้นผลิตสายรัดข้อมือติดตามข้อมูลฟิตเนสเป็นหลักมาก่อน ก็หันมาเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ครั้งแรกด้วยการประเดิมรุ่น Fitbit Ionic ในช่วงปลายปี 2017

ตั้งแต่นั้น กองทัพสมาร์ทวอตช์ของหลายแบรนด์ก็เริ่มเปิดตลาดในราคาไม่ธรรมดา แต่ในปีนี้ โลกได้รู้จัก “Fitbit Versa Lite” ที่เปิดตัวพร้อมกับ Fitbit Inspire HR ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกความสนใจได้มากเพราะนี่คือสมาร์ตวอทช์ที่มีเป้าหมายเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นในราคาที่ถูกกว่า

Fitbit Versa Lite รุ่นใหม่มีราคาอยู่ที่ 6,690 บาท และไม่ใช่ทายาทที่ต่อยอดจาก Fitbit Versa ที่เปิดตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะ Versa Lite เป็นรุ่นที่เน้นรวมทุกคุณสมบัติของสมาร์ทวอตช์รุ่นใหญ่ มาจัดใหม่ในราคาที่ถูกลง สิ่งที่ต้องแลกเพื่อให้ได้ราคาที่สบายกระเป๋ากว่าคือการไม่มี GPS และการตัดเซ็นเซอร์บางอย่างออกไปจนทำให้ไม่สามารถนับชั้นเมื่อผู้ใช้เดินขึ้นบันได แต่จะสามารถนับได้เฉพาะจำนวนก้าวที่เดินเท่านั้น

แทบไม่ต่าง Apple Watch

แม้จะมีราคาประหยัดกว่า แต่ Versa Lite ถูกออกแบบมาในพิมพ์เดียวกันกับ Fitbit Versa และ Versa Special Edition โดยใช้หน้าจอ LCD สี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อนำมาเทียบกับ Apple Watch สายสีขาว จะพบว่าถอดแบบเหมือนพี่น้องคลอดตามกันมา

หากเทียบ Versa Lite และ Fitbit Versa พบว่าปุ่มที่เครื่องต่างกันโดย Fitbit Versa จะมี 2 ปุ่มอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง แต่ใน Fitbit Versa Lite มาพร้อมกับปุ่มทางซ้ายเพียงปุ่มเดียว โดยรูปแบบการทำงานของปุ่ม Versa Lite ยังต่างจากปุ่มที่อยู่ใน Fitbit Versa ด้วย เพราะสามารถใช้เพื่อนำทางกลับไปที่หน้าจอหรือเพื่อให้เข้าสู่โหมดสลีปเท่านั้น แต่ปุ่มใน Fitbit Versa สามารถใช้คู่กับแอปพลิเคชันได้

ด้านหลังของ Versa Lite นั้อุดมด้วยเซ็นเซอร์หลายตัว ทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์ SpO2 และเซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้าง อย่างไรก็ตาม Versa Lite ต่างจาก Versa และ Versa Special Edition ที่ไม่ได้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดความสูงเหมือนในสมาร์ทว็อตช์รุ่นอื่น

จอแสดงผลเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าสมาร์ทวอตช์รุ่นใดน่าสนใจหรือไม่ โชคดีที่ Versa Lite สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะ Fitbit Versa Lite มีหน้าจอ LCD ขนาด 1.34 นิ้ว เคลือบด้วยกระจกกันกระแทก Corning Gorilla Glass 3 ความสว่าง 1,000 nits ทำให้จอแสดงผลของ Versa Lite สู้แสงอาทิตย์สดใสของกรุงเทพมหานครได้ดีมาก

แจ้งเตือนไม่ได้?

ตามปกติ Versa Lite จะสามารถแสดงการแจ้งเตือนเพื่อรับข้อความจากโทรศัพท์ แต่กรณีของรุ่นที่ได้มาทดสอบ พบว่าแม้จะพยายามรีสตาร์ทเครื่องกี่ครั้งเพื่อเชื่อมต่อระบบแจ้งเตือน ก็ยังมีปัญหาไม่สามารถรับข้อมูลแจ้งเตือนได้ จุดนี้ถือเป็นปัญหาเดียวกับสมาร์ทวอตช์บางรุ่นที่ถูกปิดกั้นจากสมาร์ทโฟนเฉพาะรุ่น ซึ่งปัญหานี้ถูกรายงานในหลายประเทศทีเดียว

ชาว Versa Lite สามารถปัดหน้าจอขึ้นเพื่อตรวจสอบสถิติรายวัน ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าว, ชั่วโมงนอนหลับ และรายงานรายสัปดาห์ หากวาดหน้าจอไปทางซ้าย ระบบจะเปิดโหมดออกกำลังกาย, นาฬิกาปลุก ระบบผ่อนคลาย Relaxing และการตั้งค่า หากกดปุ่มด้านซ้ายของเครื่องค้างไว้ จะทำให้สามารถเข้าถึงส่วนควบคุมเพลง และการควบคุมการแจ้งเตือนได้ ทั้งหมดนี้ถือว่าตั้งค่าง่ายและละเอียดดี

จุดเด่นของ Versa Lite ยังอยู่ที่คุณสมบัติกันน้ำ โดยผู้ใช้สามารถสวมใส่ในห้องอาบน้ำหรือในสระว่ายน้ำที่มีความลึกสูงสุด 50 เมตร จุดที่ Versa Lite ไม่ต่างจากสายรัดข้อมือสุขภาพทั่วไปคือ Versa Lite มีการแจ้งเตือนกิจกรรมรายชั่วโมง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายวันที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เอกลักษณ์ที่ Fitbit จัดให้ในสินค้าแทบทุกรุ่นคือการฝึกหายใจผ่านฟีเจอร์ Relaxing ที่ช่วยให้ผ่อนคลายด้วยการหายใจเข้าออกลึกราว 2 หรือ 5 นาที

การตั้งค่าการเตือนทำได้สูงสุด 8 รายการ เท่ากับระบบจับเวลาที่ตั้งได้ 8 รายการเช่นกัน ผู้ใช้ Versa Lite สามารถใช้รับสาย และติดตามสถิติการออกกำลังกายทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับการออกกำลังกายแบบ cardio การนับจำนวนก้าว จำนวนแคลอรี่ทั้งหมดที่เผาผลาญ รอบการนอนหลับ และสรุปการออกกำลังกายประจำสัปดาห์ ซึ่งจะมีส่งสรุปให้ทางอีเมลด้วย

ระยะเวลาในการชาร์จ Versa Lite จาก 0 เป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ทำได้ในเวลาราว 2 ชั่วโมง ตรงนี้ต้องปรบมือให้ Versa Lite เพราะเป็นสมาร์ทวอตช์แบตเตอรี่อึดที่ใช้งานต่อเนื่องได้เกิน 5 วัน มากกว่าที่ Fitbit เคลมไว้ว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่อง 4 วัน ผลคือผู้ใช้สามารถใส่ได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดในตอนเช้า ซึ่งแม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังใช้งานได้อีกหลายชั่วโมง

ฟันธงว่าคุ้มไหม?

ต้องบอกว่า Fitbit Versa Lite เป็นสมาร์ทวอตช์น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่จะมาแทนนาฬิกาข้อมือและอุปกรณ์ออกกำลังกาย แต่ต้องยอมรับว่าราคาที่ไม่แพงนั้นแลกมาด้วยข้อจำกัด เพราะแม้จะสามารถตรวจสอบข้อความบน Versa Lite แต่ก็จะไม่สามารถตอบกลับข้อความเหล่านั้นได้แบบไร้อุปกรณ์เสริม ขณะที่แม้จะสามารถควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออยู่ แต่ไม่สามารถเล่นได้เอง รวมถึงความสามารถนับขั้นบันไดที่นับจำนวนชั้นไม่ได้

ด้วยราคานี้ Versa Lite จะไม่มี GPS ออนบอร์ด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่สามารถทิ้งโทรศัพท์แล้วออกไปจ็อกกิ้งได้เต็มที่ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ Versa Lite กำหนดให้ผู้ใช้ต้องเลือกโหมดการออกกำลังกายทีละโหมด ซึ่งแปลว่าหากใครตัดสินใจเดิน 15 นาทีสลับกับวิ่งต่ออีก 15 นาทีแล้วจึงขี่จักรยานอีก 30 นาที ใครคนนั้นจะต้องเลือกโหมดด้วยตัวเอง ยุ่งยากและใช้เวลานานยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสมาร์ทวอตช์รุ่นท็อป

แต่ถ้าหากทุกอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ Versa Lite ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มใช้สมาร์ทวอตช์ เพราะตัวแอปและระบบรอบด้านนั้น Fitbit ออกแบบมาได้ดีมาก แม้แต่หากแบตเตอรี่กำลังจะหมด ระบบยังส่งอีเมลมาเตือนให้ชาร์จแบตเตอรี่โดยเร็ว ซึ่งเป็นการติดต่อจากอุปกรณ์ที่ถือว่าใส่ใจมากทีเดียว.

]]>