Xiaomi mi 8 – CBIZ Reviews – MGR Online https://cyberbiz.mgronline.com เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ ไอที ไฮเทค เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดการออนไลน์ Mon, 10 Dec 2018 07:51:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0 Review : Xiaomi Mi 8 Lite จอใหญ่ สเปกดี กล้อง AI ในราคาต่ำหมื่น https://cyberbiz.mgronline.com/review-xiaomi-mi-8-lite/ Mon, 10 Dec 2018 07:51:00 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=29933

เสียวหมี่ (Xiaomi) ใช้สมาร์ทโฟนในตระกูล Mi 8 เป็นหนึ่งในซีรีส์สำคัญของการเจาะตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้ ด้วยการนำแฟลกชิปอย่าง Mi 8 เข้ามาจำหน่ายก่อนด้วยการชูเรื่องประสิทธิภาพตัวเครื่อง พร้อมกับการมาพร้อมกล้องคู่ AI

หลังจากนั้น จึงมีรุ่นย่อยอย่าง Mi 8 Lite และ Mi 8 Pro ตามออกมา เป็น 2 รุ่นย่อย เพื่อจับกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลายขึ้น โดย Mi 8 Lite จะเป็นแอนดรอยด์โฟนที่เข้ามาจับผู้ใช้ในระดับราคาต่ำกว่าหมื่นบาท กับสเปกที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าตามสไตล์ของ ​Xiaomi

จุดเด่นหลักๆ ของ Mi 8 Lite คือเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่อง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อความบันเทิง พร้อมไปกับดีไซน์ตัวเครื่องที่บาง เบา จับง่ายถนัดมือ กับสีของฝาหลังที่เป็นแบบไล่เฉดสีด้วย

ข้อดี

จอใหญ่ 6.29 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่องที่จับถือง่าย

กล้องทั้งหน้าและหลังมีการนำ AI มาช่วยในการประมวลผล

ข้อสังเกต

ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. แต่มีอะเดปเตอร์แปลงมาให้

ตัวเครื่องรองรับการชาร์จเร็ว แต่ในอะเดปเตอร์ที่ให้มาไม่รองรับต้องซื้อเพิ่ม

จอใหญ่ ตัวเครื่องไล่เฉดสี

ความโดดเด่นของเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่การเล่นสีหลังเครื่อง โดยเฉพาะในรุ่นสีน้ำเงิน (Aurora Blue) ที่เป็นการไล่เฉดสีตัวเครื่องในแนวตั้งให้ดูน่าสนใจ เมื่อมองจากมุมที่สะท้อนแสงต่างกัน ก็จะเห็นสีที่ต่างออกไปด้วย

โดยตัวเครื่อง Mi 8 Lite จะมีขนาดอยู่ที่ 156.4 x 75.8 x 7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 169 กรัม ตัวเครื่องที่ให้มาถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 6.26 นิ้ว (ความละเอียด 2280 x 1080 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 403ppi ในสัดส่วนจอขนาด 19:9

แน่นอนว่า Mi 8 Lite จะมากับรอยบาก (Notch) แต่ถือว่ามีขนาดเล็ก เนื่องจากใช้เป็นที่อยู่ของลำโพง เซ็นเซอร์ และกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดถึง 24 ล้านพิกเซล ดังนั้นใครที่ชื่นชอบการเซลฟี่ รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้แน่นอน

ส่วนด้านหลังเครื่องนอกจากเรื่องของเฉดสีที่บอกไป ใน Mi 8 Lite ยังมีการนำกล้องคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.9 สำหรับเลนส์ปกติ ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Pixel AF มาช่วยในการโฟกัส ขนาดพิกเซลอยู่ที่ 1.4 um ส่วนเลนส์เทเลจะให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

ถัดลงมาตรงกลางเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่วางไว้ให้เวลาจับถือเครื่องสามารถใช้นิ้วชี้ในการปลดล็อกเครื่องได้ทันที หรือถ้าไม่ถนัดก็สามารถเลือกใช้การสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหลังๆ Xiaomi พัฒนาระบบสแกนได้รวดเร็ว และแม่นยำขึ้นมาก

รอบตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิดปิดตัวเครื่องอยู่ทางขวา เช่นเดียวกับปุ่มเพิ่มลดเสียง ทางด้านซ้ายเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 และจุดรับสัญญาณการเชื่อมต่อ ด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C และลำโพง

ภายในใส่แบตเตอรีขนาด 3,350 mAh มาให้ใช้งาน ซึ่งถ้าใช้งานทั่วๆไป 1 วันอยู่ได้สบายๆ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อย่างนำมาเล่นเกม หรือเปิดหนังดูต่อเนื่องจะใช้งานได้ราวๆ 11-12 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าระบบการจัดการแบตเตอรีทำได้ดี

ตัวเครื่องรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใส่นาโนซิมการ์ดคู่กับนาโนซิมการ์ด เป็น 2 ซิม หรือเลือกใช้นาโนซิมการ์ด คู่กับไมโครเอสดีการ์ดเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องได้ ส่วนการเชื่อมต่อไวไฟ รองรับ 802.11ac บลูทูธ 5.0 มี GPS ให้ตามมาตรฐาน

สำหรับสเปกภายในของ Mi 8 Lite จะใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 ที่ให้ความเร็ว 2.2 GHz มีกราฟิก Adreno 512 มาคู่กัน ส่วน RAM จะอยู่ที่ 4/6 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64/128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 8.1 (Oreo) และจะได้รับการอัปเดตเป็น 9.0 Pie ในอนาคต

เครื่องต่ำหมื่นสเปกดี

ในส่วนของการใช้งาน ด้วยการที่ Mi 8 Lite ให้ขนาดจอมาถึง 6.29 นิ้ว ถ้านำมาใช้ในแง่ของความบันเทิง หรือใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ให้มารองรับการใช้งานได้สบายๆอยู่แล้ว

แต่ก็จะมีจุดที่ผู้ใช้งานต้องปรับตัวเล็กน้อยคือเรื่องของการที่ Mi 8 Lite ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย ทำให้ต้องใช้ตัวแปลงหูฟังใช้งานร่วมกับพอร์ต USB-C ซึ่งในขณะที่ใช้ก็จะไม่สามารถเสียบชาร์จเครื่องได้ หรืออีกทางเลือกคือหันมาใช้งานหูฟังบลูทูธแทน

ถัดมาในส่วนของการเล่นเกม ที่ถือเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะจากหน่วยประมวลผล Snapdragon 660 ที่ให้มา ทีมงานทดลองเล่นเกมฮิตในเวลานี้อย่าง Ragnarok Mobile ก็ไม่มีอาการกระตุกหรือค้างให้เห็น แม้จะปรับเลือกความละเอียดในการแสดงผลสูงสุดแล้ว หรือเกมอื่นๆที่ใช้สเปกสูงๆ ก็เล่นได้ลื่นๆสบายๆ

กล้องถ่ายรูปเป็นอีกส่วนที่ Mi 8 Lite ทำได้ดีเกิดคาด เพราะมีการนำ AI เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพ ทั้งการเลือกโหมดในการถ่ายภาพตามสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการปรับภาพให้มีความคมชัดขึ้น ซึ่งถือว่าคุณภาพที่ได้เกินระดับราคาเครื่องที่จ่ายไปไม่เกินหมื่นบาทแน่นอน

Gallery

ทดสอบประสิทธิภาพ

สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ สามารถดูได้จากภาพด้านล่าง

สรุป

ในภาพรวมแล้ว Mi 8 Lite ถือเป็นการขยายตลาดมาจับกลุ่มผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาทได้น่าสนใจ ด้วยการนำฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการมาให้ใช้งานทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ แบตอึด ที่สำคัญคือการไล่เฉดสีหลังเครื่องที่ทำให้ตัวเครื่องสวยงามขึ้นด้วย

ทั้งนี้ Xiaomi Mi 8 Lite วางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นคือ รุ่นที่มากับ RAM 4 GB ROM 64 GB วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท (รุ่นที่นำมาทดสอบ) ส่วนรุ่น RAM 6 GB ROM 128 GB วางจำหน่ายในราคา 9,990 บาท

]]>
Review : Xiaomi Mi 8 สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยสเปกไฮเอนด์ กล้องคู่ ในราคาหมื่นกลางๆ https://cyberbiz.mgronline.com/review-xiaomi-mi-8/ Mon, 27 Aug 2018 10:59:22 +0000 https://cyberbiz.mgronline.com/?p=29130

นอกจากตัวท็อปของ Xiaomi อย่าง Mi Mix 2S แล้ว Xiaomi ยังมีอีกรุ่นที่เป็นระดับเรือธงสเปกสูงในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น คือในตระกูล Mi ที่ปีนี้เป็นรุ่น Mi 8 ที่เพิ่งทำตลาดในประเทศไทยในระดับราคา 15,900 – 17,900 บาท ขึ้นอยู่กับหน่วยความจำ และพื้นที่เก็บข้อมูล

จุดเด่นหลักๆของ Mi 8 เลยคือเรื่องของการใส่สเปกระดับสูงอย่างซีพียู Snapdragon 845 มาพร้อมกับกล้องคู่ 12+12 ล้านพิกเซล ที่ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วยการนำ AI มาช่วยประมวลผล ไปจนถึงหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ รวมถึงดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆที่ถูกใส่เข้ามา

ข้อดี

สเปกระดับท็อปในราคาหมื่นกลางๆ

กล้องคู่ พร้อม AI

จอแสดงผลขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด FullHD+

รองรับระบบ Fast Charge

ข้อสังเกต

ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. (มีอะเดปเตอร์แปลงให้ในกล่อง)

ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย

ไม่สามารถเพิ่มไมโครเอสดีการ์ดได้

ตัวเครื่องยังไม่กันน้ำตามมาตรฐาน IP

เน้นนวัตกรรม-ความคุ้มค่า

ด้วยการที่จุดขายของ Xiaomi Mi 8 คือเรื่องของสเปก ความคุ้มค่า และนวัตกรรม โดยในแง่ของสเปกตัวเครื่อง Mi 8 มากับทั้งหน่วยประมวลผล Snapdragon 845 ที่เป็นชิปเซ็ตที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปีนี้ ตามด้วยการใส่ RAM มาให้เลือกทั้งรุ่น 4 GB และ 6 GB ตามด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB และ 128 GB ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้

ภายในก็จะมีการนำเซ็นเซอร์ที่น่าสนใจอย่างที่เป็นพื้นฐานก็คือการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง พร้อมกับการเพิ่มการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อก ที่ยอมรับว่า Mi 8 ทำได้ดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะมาก เรียกได้ว่าแค่ยกเครื่องขึ้นมาหน้าจอติด แล้วสแกนเจอใบหน้าก็ปลดล็อกใช้งานทันที

ส่วนการประมวลผลของ Snapdragon 845 ถือว่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการเล่นเกม ใช้งานเพื่อความบันเทิง รวมไปถึงนำมาเป็นตัวช่วยของการประมวลผลภาพจากกล้องคู่ AI ที่ให้มาด้วย โดยเฉพาะเรื่องของคะแนนทดสอบผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ

อีกจุดเด่นที่ Mi 8 มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า คือเรื่องของกล้องคู่ AI ที่มีความฉลาดมากขึ้น ทั้งในแง่ของการเลือกซีนในการถ่ายภาพ การปรับสีให้ดูสดใสมากขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะเปิดใช้หรือไม่ รวมถึงการเข้าไปใช้งานโหมดถ่ายภาพมืออาชีพ ที่สามารถปรับความไวแสง และความเร็วชัตเตอร์ได้ตามปกติ

หลักๆแล้ว ความโดดเด่นของ Mi 8 ที่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนคือ 2 เรื่องนี้ ส่วนที่เหลือในแง่ของการใช้งานทั่วไป ด้วยการที่มากับ MIUI ที่ใช้งานง่ายอยู่แล้ว มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ต่อเนื่อง รวมถึงการเชื่อมต่อในระดับไฮเอนด์ รวมๆแล้ว Mi 8 จึงกลายเป็นเครื่องที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับระดับราคา 15,990 – 17,990 บาท

แต่แน่นอนว่า Mi 8 ก็ไม่ใช่เครื่องที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะว่าตัวเครื่องยังมีข้อจำกัดหลายๆอย่าง ที่ไฮเอนด์แบรนด์อื่น (ที่มีราคาแพงกว่า) ทำได้ อย่างเรื่องของการเพิ่มไมโครเอสดีการ์ด ตัวเครื่องมาพร้อมกันน้ำกันฝุ่น IP68 ระบบชาร์จไร้สายเป็นต้น

ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานแล้วว่าต้องการฟีเจอร์อื่นๆดังที่กล่าวมาหรือไม่ ถ้าไม่ได้สนใจ Xiaomi Mi 8 ก็เป็นเครื่องรุ่นที่น่าสนใจในระดับราคาต่ำกว่า 18,000 บาท ส่วนถ้าไม่ได้เน้นเรื่องของกล้องคู่ และนวัตกรรมอื่นๆ เน้นความแรงอย่างเดียวทาง Xiaomi ก็จะมีรุ่นอย่าง Poco F1 ที่ใช้ Snapdragon 845 ออกมาทำตลาดในราคาที่ต่ำกว่า

Gallery

รับแรงบันดาลใจมาช่วยออกแบบ

ในแง่ของการออกแบบ Xiaomi Mi 8 เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่มากับแนวคิดจากการออกแบบของ iPhone X ทั้งการที่มากับจอรอยบาก และกล้องหลังคู่ในแนวตั้ง แต่ที่ปรับเปลี่ยนไปคือเรื่องของจอภาพที่ใหญ่ขึ้น และวัสดุที่ใช้ที่เป็นโลหะอลูมิเนียมเงาที่มีสีสันมากขึ้น สำหรับขนาดตัวเครื่องของ Mi 8 อยู่ที่ 154.9 x 74.8 x 7.6 มิลลิเมตร 175 น้ำหนัก

ส่วนของหน้าจอแสดงผลที่ให้มาอยู่ที่ 6.15 นิ้ว ในสัดส่วน 18:9 ความละเอียด Full HD+ (2280 x 1080 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสีอยู่ที่ 402 ppi  โดยจะเป็นหน้าจอแบบเต็มพื้นที่ให้ได้ใช้งาน โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์วัดแสงอยู่บริเวณรอยบาก

พลิกเครื่องกลับมาด้านหลังจะพบกับกล้องคู่ความละเอียด 12 f/1.8 + 12 f/2.4 ล้านพิกเซล ที่เป็นเลนส์มุมกว้างคู่กับเลนส์เทเล โดยมีไฟแฟลชคู่อยู่ตรงกลาง ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่รองรับการสแกนโดยไม่ต้องกดเปิดหน้าจอ และส่วนล่างเป็นสัญลักษณ์ของ Mi และการรับรองมาตรฐานต่างๆ

รอบเครื่องทางซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิมการ์ดที่รองรับ 2 นาโนซิมการ์ด สามารถสแตนบาย 4G ได้ทั้ง 2 ซิมพร้อมกัน ส่วนทางขวาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มลดเสียง ด้านบนจะมีไมโครโฟนตัดเสียงเท่านั้น ส่วนด้านล่างก็จะเป็นพอร์ต USB-C และช่องลำโพง

สำหรับสเปกภายในของ Xiaomi Mi 8 รุ่นที่ทดสอบคือ Snapdragon 845 ที่เป็น Octa Core 2.4 GHz + 1.8 GHz  Adreno 630 RAM 6 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB แบตเตอรีภายใน 3,400 mAh มาพร้อมแอนดรอยด์ 8.1 และอินเตอร์เฟส MIUI 9.5

ส่วนการเชื่อมต่อในส่วนของ 4G LTE รองรับถึง Cat16 ที่สามารถรวมคลื่นได้ 4 CA ความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุด 1 Gbps / 150 Mbps ส่วน 3G ก็ตามมาตรฐาน HSPA ที่ 42.2/5.76 Mbps Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac บลูทูธ 5.0 GPS NFC

]]>