การออกผลิตภัณฑ์มาจับกลุ่มเฉพาะของผู้ใช้งานหูฟังในการเดินทางไกลด้วยเครื่องบิน ของเซนไฮเซอร์ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจ ในสภาวะที่ตลาดหูฟังไร้สาย กำลังเริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยสายการบินลดลง ทำจนทำให้ใครๆก็บินได้
จุดเด่นของ PXC 550 คือเป็นหูฟังบลูทูธไร้สาย แบบครอบหู ที่ชูในเรื่องของระบบตัดเสียงรบกวน ที่ผู้ใช้สามารถปรับการตัดเสียงรบกวนได้ตั้งแต่ 0-100% (ตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน) พร้อมกับระบบสั่งงานจากการสัมผัสที่ข้างหูฟัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ เมื่อต้องการฟังเสียงรอบข้างไปด้วย และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง
การออกแบบ
หูฟังของเซนไฮเซอร์จะเน้นการออกแบบให้สวมใส่สบาย ง่ายต่อการใช้งาน และพกพา แม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบครอบหู ด้วยน้ำหนักราว 227 กรัม ทำให้เวลาใส่ใช้งานแล้วไม่รู้สึกหนักมากเกินไป เพื่อให้สามารถใส่ใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ รวมกับชิ้นส่วนฟองน้ำบริเวณหูฟังที่นิ่มทำให้ไม่ปวดใบหูจากการกดทับมากเกินไป
โดยบริเวณข้อต่อหูฟังฝั่งซ้าย และขวา ที่เป็นโลหะจะมีการสกรีนชื่อแบรนด์ Sennheiser และชื่อรุ่น PXC 550 ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ใช้สามารถพับเก็บหูฟังเข้ามา เพื่อให้สะดวกในการพกพา ที่สำคัญคือเมื่อลองพับแล้วจะพบกับความแข็งแรงของข้อต่อที่ทำให้มั่นใจถึงคุณภาพ และวัสดุของหูฟัง
ในส่วนบริเวณภายนอกของ Ear Cup ทั้ง 2 ฝั่งจะเน้นความเรียบง่ายจากสีดำ ตัดกับโลหะสีเงิน ที่เป็นไมค์ที่ช่วยในการรับเสียง และตัดเสียงรบกวนภายนอก ทำให้หูฟังรุ่นนี้สามารถใช้งานเพื่อพูดคุยโทรศัพท์ หรือใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการประชุมสาย หรือคอนเฟอร์แรนซ์คอลในบริเวณที่มีเสียงรบกวนได้ด้วย
การควบคุม จะใช้การสัมผัสจาก Ear Cup ทางฝั่งขวา ที่ใช้การแตะ เลื่อนขึ้น ลง ซ้าย ขวา เพื่อสลับการใช้งาน ร่วมกับปุ่มควบคุมที่จะมีให้ปรับโหมดการตัดเสียงรบกวน เลือกโหมดการใช้งาน ช่องเสียบสายเพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพื่อใช้งาน และปุ่มเปิด–ปิดบลูทูธ ที่จะซ่อนอยู่แถวๆก้านพลาสติกยึดหูฟัง
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง จะประกอบไปด้วยซองใส่หูฟัง ตัวหูฟัง แจ็คหูฟังขนาดใหญ่ แจ็คแปลงสายหูฟังสำหรับใช้งานบนเครื่องบิน และสายหูฟัง 3.5 มม. > 2.5 มม. และสายชาร์จแบบไมโครยูเอสบี
สเปก
ในส่วนของการเชื่อมต่อหูฟัง Sennheiser PXC 550 จะรองรับบลูทูธ 4.2 พร้อมกับ NFC เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อ รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายชิ้นพร้อมๆกัน ระดับคลื่นความถี่ที่รองรับอยู่ที่17 – 23,000 Hz ระดับความดังเสียงสูงสุด 110 dB THD (total harmonic distortion) ต่ำกว่า 0.5% (1kH, 100dB)
ฟีเจอร์เด่น
การใช้งาน Sennheiser PXC 550 จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือการใช้งานด้วยการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น (ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือเครื่องเล่นเพลง) ผ่านบลูทูธ พร้อมกับตัวหูฟังที่ยังมีแบตเตอรีพร้อมใช้งาน ในจุดนี้ตัวหูฟังจะพร้อมใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวน ตามค่าที่ตั้งไว้
อีกรูปแบบหนึ่งคือการใช้งานเป็นหูฟังแบบปกติ กรณีที่แบตหมด ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานในการฟังเพลงผ่านการเสียบสายตรงกับเครื่องเล่นเพลงได้ตามปกติ เพียงแต่โหมดตัดเสียงรบกวนจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ด้วยระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรีที่ต่อเนื่องกว่า 30 ชั่วโมง ทำให้โอกาสที่แบตจะหมดเป็นไปได้น้อยมาก นอกจากลืมชาร์จ
สำหรับโหมดตัดเสียงรบกวนที่เป็นจุดเด่นของ Sennheiser PXC 550 ทำให้เวลาใส่หูฟังจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากรอบข้าง โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์บนเครื่องบินที่จะคอยรบกวนตลอดการเดินทาง เพียงแต่ว่าถ้าผู้ใช้ไม่อยากให้ตัดเสียงรอบข้างทั้งหมด ก็สามารถปรับระดับของการตัดเสียงรบกวนได้จากปุ่มควบคุมระดับการตัดเสียงที่ข้างหูฟัง ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบ 100% 50% และปิดการตัดเสียงรบกวน
กรณีที่ใช้งานหูฟังอยู่ แล้วต้องการปิดโหมดตัดเสียงรบกวนแบบเร็วๆ ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วสัมผัสบริเวณแผงควบคุมที่หูฟังฝั่งขวา 2 ครั้ง เพื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวนได้เช่นเดียวกัน และแตะอีก 2 ครั้งเพื่อเปิดกลับมาใช้งานปกติ ซึ่งตรงแผงสัมผัสนี้ สามารถแตะ 1 ครั้งเพื่อสั่งเล่น/หยุดเพลงได้ด้วย หรือใช้ลากขึ้น–ลง เพื่อปรับเสียง ลากไปข้างหน้าหรือย้อนไปข้างหลังเพื่อเปลี่ยนเพลงได้
ในส่วนของแอปพลิเคชัน Captune จะเป็นเหมือนแอปเล่นเพลงไว้ให้ใช้งานบนอุปกรณ์ iOS และ Android ที่สามารถสั่งเล่นเพลงจากในเครื่องได้ทันที รวมถึงการปรับแต่งค่าการตัดเสียงรบกวน (ตอนนี้ได้เฉพาะบน iOS) ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนจากปุ่มเลื่อนที่หูฟัง ได้ว่าเมื่ออยู่ในระดับ 1 จะตัดเสียงรบกวนกี่เปอเซนต์ และระดับ 2 ตัดเสียงกี่เปอเซนต์
เมื่อตั้งแล้วตัวหูฟังจะจำค่านั้นไปจนกว่าจะมีการปรับตั้งใหม่จากแอปพลิเคชัน ดังนั้นเมื่อตั้งแล้วจะนำหูฟังไปใช้กับเครื่องเล่นเพลงใด การตั้งค่าที่ตั้งไว้ก็จะยังคงอยู่เช่นเดิม รวมถึงการปรับพวกอีควอไลเซอร์เพลง ให้เหมาะกับการใช้งานในโหมดต่างๆด้วย
สุดท้าย ในส่วนของการเปิด-ปิด หูฟัง จะทำได้จากการบิดบริเวณที่ครอบหู เมื่อบิดมาให้อยู่ในลักษณะพร้อมใช้จะเป็นการเปิดใช้งาน เมื่อบิดกลับมาในลักษณะแบนราบจะเป็นการปิดเครื่อง และยังสามารถพับเข้ามาเพื่อให้จัดเก็บง่ายสำหรับพกพาด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพ
ทีมงานมีโอกาสได้นำ Sennheiser PXC 550 ไปใช้งานบนเครื่องบนระยะสั้นๆ ที่ใช้ระยะเวลาในการบินประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งพบว่าในส่วนของการตัดเสียงรบกวนทำได้ค่อนข้างดี ประกอบกับระบบปิดโหมดการตัดเสียงรบกวนทำให้สามารถฟังประกาศจากกัปตัน หรือลูกเรือได้ โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
อย่างไรก็ตาม การใส่ใช้งานในระยะเวลานานๆ ยังพบการกดทับของที่ครอบหูอยู่บ้าง เนื่องจากผู้ทดสอบใส่แว่นทำให้ฟองน้ำมีการกดบริเวณขาแว่น ทำให้ใส่ใช้งานนานๆแล้วจะรู้สึกไม่ค่อยโอเค แต่เมื่อลองถอดแว่นและใส่ใช้งานต่อเนื่องก็ถือว่าให้ความสบายในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องของแบตเตอรี จากการทดลองใช้งานตลอดสัปดาห์ โดยไม่ได้ชาร์จแบตเตอรี ตัวหูฟังก็ยังพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเรื่องของแบตหมด ถ้าไม่ลืมชาร์จจริงๆ น่าจะไม่ใช่ปัญหาหลักที่ควรคำนึงถึง อย่างไรก็ตามในส่วนของคุณภาพของเสียง อาจจะไม่ได้ดีมากเหมือนหูฟังที่เน้นคุณภาพเสียงรุ่นอื่นๆ แต่โดยภาพรวมกับการตัดเสียงแล้วถือว่าทำได้ค่อนข้างดี
สรุป
ด้วยรูปแบบการวางจำหน่ายช่วงแรก เฉพาะใน Duty Free เพื่อจับกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทาง ทำให้หูฟัง Sennheiser ในราคา 16,720 บาท อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากนัก แต่เชื่อว่าถือเป็นหนึ่งในหูฟังที่เหมาะกับการใช้เดินทางอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยระดับราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะมองว่าไม่จำเป็นกับไลฟ์สไตล์ก็เป็นได้