อุปกรณ์ช่วยวัดก้าวเดินและการนอน เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับผู้บริโภคในยุคไอที ตามเทรนด์ของกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ ซึ่งภายในอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะมีฟีเจอร์แตกต่างกันไปตามระดับราคา โดย Fitbit Flex 2 จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มเริ่มต้น เหมาะกับการใส่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
จุดเด่นของ Flex 2 นอกเหนือไปจากความสามารถหลัก ในเรื่องของวัดก้าวเดิน และวัดระยะเวลาในการพักผ่อนแล้ว ก็จะเป็นความสามารถในการกันน้ำ ที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใส่ว่ายน้ำ หรืออาบน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลกับอุปกรณ์ที่ใส่ไว้ในข้อมือ
นอกจากนี้ ด้วยการออกแบบตัวส่งสัญญาณที่มีขนาดเล็กลง ช่วยให้นอกจากใช้ใส่คู่กับสายรัดข้อมือแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ใส่กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสายห้อยคอ คลิปหนีบ ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งแทน
การออกแบบ
ในแง่ของการออกแบบ Flex 2 จะออกแบบให้เป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำตัวเซ็นเซอร์ให้มีขนาดเล็กลง เหลือการแสดงผลเพียงไฟ 5 จุด เพื่อใช้บอกสถานะต่างๆของเครื่องแทน ทำให้ผู้ใช้นอกจากสามารถใช้ใส่กับสายรัดข้อมือเพื่อใช้งานตามปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนไปใส่กับสร้อยคอ หรือ คลิปหนีบที่เป็นอุปกร์เสริมเพิ่มได้อีกด้วย
ดังนั้นรูปแบบการใช้งานของ Flex 2 จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใส่ไว้ที่ข้อมือเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้าตัวเซ็นเซอร์ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงแท่ง ที่มีจุดไฟ LED จึงกลายเป็นเหมือนแกนหลักให้ผู้ใช้สามารถนำไปใส่กับอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้ใช้งานในลักษณะแฟชันมากยิ่งขึ้น เพราะเจ้าตัวแกนจะมีขนาดเพียง 31.7 x 8.9 x 6.8 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 23.5 กรัม
อย่างไรก็ตาม ในกล่องของ Flex 2 จะมีการแถมสายมาให้ 2 ขนาดคือ เล็ก และ ใหญ่ เพื่อให้สามารถเลือกใส่ใช้งานได้ทันที ซึ่งสำหรับคนที่รูปร่างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก็สามารถใช้สายไซส์ S ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก็จะอยู่ในช่วงปลายๆของตัวเล็ก
สำหรับลักษณะของสายจะมีการออกแบบให้มีลวดลายเพิ่มมากขึ้น โดยตรงขั้วล็อกจะเป็นแบบ 2 ชั้น เพื่อป้องกันการหลุดหล่นหายขณะออกกำลังต่างๆ ซึ่งตัวเล็กถือว่ามีความแน่นหนาดีมาก นอกจากนี้ ก็จะมีการแสดงแบรนด์ ‘fitbit’ ไว้ภายนอกให้เห็นชัดเจนเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ภายในกล่องจะมีสายชาร์จมาให้ด้วย โดยจะใช้งานร่วมกับอะเดปเตอร์ยูเอสบีทั่วไป หรือจะใช้การเสียบไปจากคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงปลายจะเป็นพอร์ตยูเอสบี 2.0 ตามมาตรฐาน ส่วนบริเวณหัวชาร์จจะเป็นรูปแบบของตัวเล็กให้นำตัวแทร็กเกอร์ที่ถอดจากสายออกมาเสียบลงไปชาร์จ ขณะชาร์จก็จะมีไฟสถานะบอกอยู่
ทั้งนี้ การทำงานของ Flex 2 จะเน้นไปที่การตรงจับการเคลื่อนไหวผ่านเซ็นเซอร์ accelerometer แบบ 3 แกน ที่มาพร้อมกับมอเตอร์สั่นในการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆ ผู้ใช้สามารถสั่งงานแทร็กเกอร์ได้เพียงอย่างเดียวคือการแตะ 2 ครั้ง เพื่อแสดงข้อมูลจำนวนก้าวว่าใกล้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือยัง
ขณะที่ในแง่ของการใช้งาน แบตเตอรีของ Flex 2 จะอยู่ได้ราว 5 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อทดลองใช้แล้วก็ไม่พบว่าจะหมดก่อน 5 วันเท่าไหร่ แบตเตอรีภายในเป็น li-Polymer ใช้ระยะเวลาในการชาร์จเกือบๆ 2 ชั่วโมงๆ ส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 4.0
ส่วนจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Flex 2 คือการกันน้ำ ซึ่งถือเป็นแทร็กเกอร์รุ่นแรกของ Fitbit เลยก็ว่าได้ ที่มาพร้อมการกันน้ำ ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่เพื่อว่ายน้ำ หรือการกันน้ำ รวมถึงสบู่ ในเวลาที่อาบน้ำ ก็ไม่จำเป็นต้องถอดตัวแทร็กเกอร์ออกจากข้อมืออีกต่อไป
ฟีเจอร์เด่น
เริ่มต้นการใช้งาน Flex 2 ผู้ใช้จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Fitbit ก่อน โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อแล้วในแอปก็จะมีการสอนข้อมูลเบื้องต้น อย่างการนำตัวแทร็กเกอร์ออกมาเปลี่ยนสีสายรัดข้อมือให้มีความหลากหลาย หรือจะนำไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นอย่างจี้ห้อยคอ หรือกำไลข้อมือก็ได้
ถัดมาคือการแนะนำข้อมูลในแง่ของการทำความสะอาด สามารถใช้สบู่ทำความสะอาดสายได้โดยตรง ส่วนถ้ามีการนำไปใช้ในการว่ายน้ำ ก็ควรถอดออกมาวางไว้ หรือเช็ดให้แห้งก่อนใช้งานต่อไป และยังแนะนำให้มีการถอดออกจากข้อมือบ้างในบางครั้ง รวมถึงถ้าเกิดอาการแพ้ก็จะมีคำแนะนำต่างๆให้
หลังจากนั้น ก็คือการแนะนำ แดชบอร์ด (พื้นที่แสดงผล) แบบใหม่ สำหรับผู้ใช้งาแอนดรอยด์ ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบไป โดยจะมีการปรับอินเตอร์เฟสให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำให้ดูโล่งๆโปร่งๆ ด้วยการนำข้อมูลสำคัญที่สุดอย่างจำนวนก้าวขึ้นมาแสดงผลในส่วนบนสุด ถัดลงมาเป็นจำนวนชั้น ระยะทาง แคลอรี่ที่เผาผลานไป และเวลาที่มีการเคลื่อนไหว รวมถึงการจับการออกกำลัง และการนอน
จากนั้นก็จะเป็นการ์ดข้อมูลต่างๆที่ผู้ใช้สามารถเลือกสลับ นำมาแสดงผลได้ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ระยะเวลาที่ออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ (ในแอปแนะนำว่าควรมีกิจกรรมอย่างน้อย 5 ครั้งใน 1 สัปดาห์) ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะรวมถึงการเดินในระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใส่ข้อมูลจำนวนน้ำที่ดื่ม อาหารที่รับประทาน ใส่น้ำหนักเพื่อจัดโปรแกรมควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ ยังไม่รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Fitstar Personal Trainer ที่จะมาช่วยให้ผู้ฝช้งานออกกำลังกายจากกิจกรรมแอโรบิก หรือเต้นตามท่าในวิดีโอที่แนะนำด้วย
ทั้งนี้ ในการใช้งานครั้งแรกทาง Fitbit จะมีให้ผู้ใช้งานตั้งเป้าหมายที่จะมีให้เลือกทั้งลดน้ำหนัก เพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย เพิ่มความฟิต เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มระยะเวลาในการพักผ่อน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หลังจากนั้นก็จะมีการแนะนำจำนวนก้าว เวลานอน ช่วงเวลาการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อให้ตั้งเป็นเป้าหมายไว้ด้วย
ส่วนอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือเรื่องของการแจ้งเตือน โดยตัว Flex 2 สามารถใช้เพื่อแจ้งเตือนการมีสายเรียกเข้า ตั้งเวลาปลุก เตือนให้มีการขยับเคลื่อนไหว และเตือนว่ามีข้อความเข้าใจเครื่องได้ด้วย เมื่อมีการซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟน ดังนั้นก็ช่วยให้ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารสำคัญๆในกรณีที่วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ด้วย
ส่วนในแง่ของการแสดงผลข้อมูลการเดิน ระยะทางต่างๆก็จะแสดงผลเป็นกราฟให้สามารถดูย้อนหลังได้ การแสดงระยะเวลานอนก็จะบอกว่าในแต่ละคืนนอนไปกี่ชั่วโมง มีการขยับตัวมากน้อยแค่ไหน และในแง่ของการออกกำลังก็จะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนในการบันทึกพิกัด GPS เพื่อคำนวนออกมาเป็นระยะที่ออกกำลังเป็นต้น
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อลองใช้งานทั่วๆไปแล้ว Flex 2 จะเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วๆไป ที่มีไลฟ์สไตลเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือใช้ชีวิตทั่วๆไป ที่อยากมีสุขภาพดีขึ้น ด้วยการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกาย ถือเป็นแทร็กเกอร์สำหรับผู้เริ่มใช้งานมากกว่า
เพราะตัว Flex 2 จะโดดเด่นในแง่ของขนาดที่เล็ก เหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบ ทั้งยังใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงได้ด้วย แต่จะวัดได้เพียงข้อมูลเบื้องต้นอย่างนับก้าว วัดนอน และการแจ้งเตือนเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอาจจะมองว่าไม่เพียงพอ เพราะอาจจะต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือการระบุพิกัด GPS มาใช้งานด้วย
สรุป
Fitbit Flex 2 เหมาะเป็นอุปกรณ์สำหรับผู้ที่เริ่มสนใจในเทคโนโลยีการวัดผลด้านสุขภาพ (แทร็กเกอร์) ที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน เพื่อให้เรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำงาน เพราะจะเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ไม่ได้เหมาะกับการนำมาเป็นอุปกรณ์ในการวัดการออกกำลังกายแบบจริงจัง
ดังนั้น ด้วยการที่มีอุปกรณ์เสริมออกมาอย่างการที่มีสร้อยคอ หรือกำไลข้อมือ ให้ซื้อเพิ่มเพื่อนำมาใช้งาน ถือเป็นการเจาะเข้าไปในกลุ่มไลฟ์สไตลโดยเฉพาะผู้หญิงที่รักสุขภาพมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าในการใช้งานให้ดีควรซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลตลอดเวลา
สำหรับ Fitbit Flex 2 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในช่องทางทั่วไป จากที่ก่อนหน้านี้จะมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยราคาตัวเครื่องจะอยู่ที่ 4,490 บาท มาพร้อมกับสายรัดข้อมือแบบคลาสสิก สีดำ สีลาเวนเดอร์ สีมาเจนต้า (ชมพูบานเย็น) หรือสีกรมท่า
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับสายรัดข้อมือฟิตเนสแบบคลาสสิกใน 3 แพก ประกอบไปด้วยโทนชมพู (สีชมพูบลัช สีลาเวนเดอร์ และสีมาเจนต้า) และสีโทนสปอร์ต (สีเทา สีกรม และสีเหลือง) ในราคา 1,290 บาท เครื่องประดับกำไลในทอง สีโรสโกลด์ ราคา 3,990 บาท และสีเงินสเตนเลสสตีล ราคา 3,590บาท และจี้เครื่องประดับสีทอง ราคา 3,990 บาท และสีเงินสเตนเลสสตีล ราคา 3,190 บาท