ในญี่ปุ่นช่วงปีที่ผ่านมา LINE ประกาศในงานแสดงวิสัยทัศน์ประจำปี 2016 ถึงการเปิดตัวบริการ LINE Mobile ที่จะจับมือกับโอเปอเรเตอร์ในญี่ปุ่นอย่าง NTT Docomo เพื่อนำเครือข่ายมาให้บริการ MVNO เช่าโครงข่ายมาให้บริการ LINE Mobile แก่ลูกค้า ให้ได้เข้าถึงบริการ และใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตราคาประหยัด
ในเวลานั้น สิ่งที่ LINE ชูขึ้นมาคือเรื่องของการใช้งานดาต้าแบบไม่จำกัดเมื่อใช้งานโซเชียลเน็ตเวิรก์อย่าง Facebook Twitter และบริการที่เกี่ยวเนื่องของ LINE แบบไม่จำกัด ร่วมกับค่าบริการรายเดือนเริ่มต้นที่ 500 เยน ให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด (Unlimited)
(ข้อมูลจาก http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000033354)
ผ่านมาปีกว่าๆ ความหวังในการใช้บริการ LINE Mobile ในประเทศไทยอาจจะใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อ LINE Mobile ประเทศไทย เริ่มเปิดให้บริการช่วงทดลอง (LINE Mobile Beta) ให้แก่ผู้ใช้งานกลุ่มหนึ่งแบบจำกัดจำนวน ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผู้บริโภคทั่วไปก็อาจจะมีสิทธิในการเข้าถึงบริการภายในปีนี้
เพียงแต่ว่า LINE Mobile (Beta) ที่กำลังเปิดทดลองให้บริการในเวลานี้ ระบุว่า ไม่ได้ให้บริการในรูปแบบของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเสมือน (MVNO) แต่เลือกใช้คำว่า “บริการโทรศัพท์มือถือในรูปแบบดิจิตอล” บนเครือข่ายชั้นนำของประเทศแทน
ข้อมูลเบื้องต้นที่ทราบในเวลานี้คือ LINE Mobile (Beta) จะให้บริการบนโครงข่ายของ DTN (ดีแทค ไตรเน็ต) บนคลื่นความถี่ 850 1800 และ 2100 MHz ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้ง 3G/4G เสมือนใช้งานเครือข่ายดีแทค
แน่นอนว่า ในเวลานี้ LINE Mobile (Beta) ยังไม่ได้ปิดกั้นว่าจะเลือกโครงข่ายให้บริการเพียงรายเดียว เพราะยังเปิดกว้างในการเป็นพันธมิตรให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางใด
รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนในแง่ของความเกี่ยวข้องระหว่าง LINE ประเทศไทย กับ LINE Mobile ประเทศไทย ที่แยกกันจดทะเบียนบริษัทออกจากกัน แม้ว่าในญี่ปุ่นบริการ LINE Mobile จะให้บริการจาก LINE ก็ตาม และที่น่าสนใจคือปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดนอกจากญี่ปุ่นที่ให้บริการ LINE Mobile
สำหรับ การให้บริการ LINE Mobile ในประเทศไทย จะชูจุดเด่นด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ คือ 1.เป็นบริการที่ตรงไปตรงมา ทั้งการเลือกแพกเกจ ไม่มีสัญญาผูกมัด แสดงรายละเอียดข้อมูลทุกอย่าง และสามารถปรับเปลี่ยนแพกเกจที่ใช้งานได้ด้วยตนเอง
2.ให้บริการบนเครือข่ายชั้นนำของประเทศ ที่จะสามารถเลือกใช้งานเน็ตความเร็วสูงบน 3G/4G ได้ตามจำนวนแพกเกจที่เลือกใช้ หรือจะปรับการใช้งานเป็นอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดที่ความเร็ว 256 kbps ได้ด้วยการเลือกเปลี่ยนภายในแอปพลิเคชัน
3.สั่งงานทุกอย่างผ่าน LINE Mobile แอปพลิเคชัน ทั้งการปรับเปลี่ยนแพกเกจ การตรวจสอบค่าใช้บริการ พร้อมโหมดช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงผ่านคอลเซ็นเตอร์ LIVE Chat ผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือบนแอปพลิเคชันก็ได้
4.การเข้าถึงบริการ LINE Messenger ทั้งการใช้งานแชต โทร และวิดีโอคอลล์ โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต และในอนาคตจะมีการนำข้อเสนอพิเศษต่างๆจาก LINE มาให้ใช้งานกับ LINE Mobile เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ LINE Mobile (beta) ได้รวมบริการโทรต่างประเทศมาให้ใช้งานด้วยในอัตราพิเศษ อย่างโทรจากไทยไปสหรัฐฯ สิงคโปร์ นาทีละ 2.5 บาท ส่ง SMS ครั้งละ 8 บาท โทรไปญี่ปุ่นนาทีละ 5-6 บาท หรือถ้านำไปใช้งานในต่างประเทศโทรกลับไทยก็จะได้ราคาพิเศษด้วย
โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจสอบค่าบริการ เครือข่ายในต่างประเทศที่ใช้ ภายในแอปพลิเคชันจะมีการแสดงรายละเอียดค่าบริการชัดเจน รวมถึงค่าบริการดาต้า โรมมิ่งด้วย เพียงแต่ว่าในการจะใช้งานโรมมิ่งจำเป็นต้องแจ้งทาง LINE Mobile ว่าจะเปิดใช้งานก่อน เพราะโดยค่าเริ่มต้นจะจำกัดการใช้งานไว้
ในแง่ของการปรับเปลี่ยนแพกเกจ ก็จะอยู่ในรูปแบบของการเปลี่ยนแพกเกจล่วงหน้าในรอบบิลถัดไป ที่เมื่อกดเปลี่ยนแล้วจะมีการแสดงวันที่ในการเริ่มใช้งานแพกเกจใหม่ชัดเจน หรือถ้ายังไม่ถึงวันที่กำหนดก็สามารถเปลี่ยนไป–มาได้ตลอดแล้วแต่ผู้ใช้
ในส่วนของแพกเกจที่ LINE Mobile จะให้บริการในช่วงทดลอง (ย้ำว่าในช่วงทดลอง) คือจะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 แพกเกจ ไล่ตั้งแต่ XS S M L XL และ XXL มีให้เลือกการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดตั้งแต่ 1.5 GB – 40 GB พร้อมโทร 100 นาที – 600 นาที
ยกตัวอย่างราคาในช่วงทดลองเริ่มต้นที่ 299 – 1,099 บาท ซึ่งช่วงที่เปิดให้บริการอาจจะมีการทำราคาพิเศษเป็นส่วนลดเพิ่มเติมได้ อย่างลดพิเศษ 75% เป็นต้น กรณีที่ใช้งานแพกเกจทั้งดาต้า หมดสามารถซื้อแพกเสริมอินเทอร์เน็ตเพิ่มได้ในราคา 1 GB 120 บาท หรือโทร ก็คิดเพิ่มในอัตรานาทีละ 99 สตางค์
สุดท้าย ในส่วนของการชำระเงิน ข้อมูลที่มีในเวลานี้คือ เปิดให้ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต หรือ หักจากบัญชี Rabbit LINE Pay ได้ทันที โดยจุดเด่นในเรื่องนี้คือผู้ใช้สามารถกำหนดค่าบริการรายเดือนสูงสุดได้ว่าจะควบคุมค่าใช้จ่ายกรณีที่ใช้งานเกินแพกเกจไว้ที่เท่าใด
ส่วนรูปแบบของการใช้บริการที่จะเกิดขึ้น หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ LINE Mobile จะมีการเปิดหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าไปสมัครบัญชี เลือกแพกเกจที่ต้องการสมัคร เลือกเบอร์ ยืนยันตัวตน (ขั้นตอนตามกฎหมาย) กรอกที่อยู่ ชำระเงิน (เครดิต/LINE Pay) แล้วรอรับซิมได้ที่บ้านภายใน 2-3 วันทำการ
ก่อนที่ในอนาคต จะมีการเปิดให้สมัครใช้งานในรูปแบบของ ย้ายค่ายเบอร์เดิม การจำหน่ายเบอร์สวยเบอร์มงคล พร้อมกับการเพิ่มช่องทางชำระเงินอื่นๆ อย่างชำระด้วยเงินสด ผ่านตัวแทน ธนาคาร หรือเคาเตอร์รับชำระเงินเป็นต้น
รวมๆแล้วถ้ามองจากรูปแบบในการให้บริการ LINE Mobile ก็ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในรูปแบบดิจิตอล ที่น่าสนใจ เพียงแต่ว่าที่ต้องรอดูกัน ณ เวลานี้คือจะเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ค่าบริการจะเป็นในลักษณะใด และจะมีการปรับเปลี่ยนในแง่ของโครงข่ายที่นำมาให้บริการหรือไม่
ทีมงานไซเบอร์บิส อยู่ในผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ ที่ได้ซิมการ์ดมาทดลองใช้บริการ โดยรวมๆแล้วประสบการณ์ในการใช้งานก็จะไม่แตกต่างจากโอเปอเรเตอร์หลักทั้ง 3 รายที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าด้วยการที่มีการออกแบบแอปพลิเคชันใหม่ ให้มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ช่วยให้เข้าถึงข้อมูล และปรับเปลี่ยนการใช้งานได้สะดวกขึ้นจริง
ส่วนในแง่ของสัญญาณ เท่าที่ได้ลองในระยะเวลาอันสั้นถ้าที่ไหน DTN มีสัญญาณไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ 4G ทั้งบนคลื่น 1800 MHz และ 2100 MHz (ในเมือง) LINE Mobile (beta) ก็จะได้สัญญาณเช่นเดียวกัน บนความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ใกล้เคียงกันด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่นำเสนอ ในเวลานี้มีเฉพาะในแง่ของแนวคิดในการให้บริการเท่านั้น ที่ถือว่านิ่งในระดับนึง แต่ที่เหลือจากการที่อยู่ในช่วงทดลองให้บริการ ทำให้ LINE Mobile ยังไม่ได้มีความชัดเจนมากนัก ทั้งในแง่ของแผนการทำตลาด รูปแบบ และช่องทางที่แน่นอน
แม้ว่าจะเลือกจับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานโทรศัพท์ทุกคนในประเทศไทย แต่เชื่อว่ากลุ่มผู้ใช้งานที่พร้อมจะใช้บริการในลักษณะที่เป็นดิจิตอล ก็ต้องมีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอยู่ในระดับหนึ่ง เคยใช้งานสมาร์ทโฟนมาก่อน ทำให้ต้องดูกันว่าในระยะยาวแล้ว LINE Mobile จะมาสอดแทรกในตลาดได้มากแค่ไหน