เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่ม SUV ที่น่าจับตามองในปีนี้เป็นอย่างมาก เพราะหลังจากเปิดโชว์ตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่ผ่านมา เสียงตอบรับของ Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) Minorchange ปี 2016 อยู่ในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะเรื่อง Safety Features และ Infotainment ที่บรรดาคนไอทีให้ความสนใจไม่แพ้ (PPV) Ford Everest เพราะในครั้งนี้เชฟโรเลตจัดเต็ม จัดใหญ่เพื่อหวังจะดึงความสนใจของผู้ใช้ยุคใหม่ให้ได้
และในวันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซจะพาทุกท่านไปชมพรีวิวเรียกน้ำย่อยเทคโนโลยีที่น่าสนใจใน Chevrolet Captiva 2016 ใหม่ ก่อนไปรับชมรีวิวฉบับเต็มสไตล์ไซเบอร์บิซอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม
แต่ก่อนจะไปรับชมพรีวิว ทีมงานไซเบอร์บิซอยากให้ทุกท่านลองคลิกเข้าไปอ่านบทความนี้กันก่อน
จากบทความที่ทีมงานเคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบัน Apple CarPlay เริ่มมีให้ใช้งานกับเครื่องเสียงในรถยนต์หลายรุ่น และแน่นอนว่า Chevrolet Captiva 2016 ใหม่ก็สามารถรองรับ Apple CarPlay, Siri Eyes Free และ Android Auto ได้สมบูรณ์แบบเป็นรถยนต์ในกลุ่มแรกของประเทศไทยแล้ววันนี้
สำหรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Siri Eyes Free ผู้ใช้ต้องมีสมาร์ทโฟน Apple iPhone 5 เป็นต้นไป ส่วนการเชื่อมต่อต้องทำผ่านสาย USB เพียงอย่างเดียว โดยเมื่อระบบเชื่อมต่อกับรถยนต์ หน้าจอ Infotainment ที่พัฒนาโดยเชฟโรเลตจะถูกแทนที่ด้วยระบบปฏิบัติการของแอปเปิลทันที
เท่ากับว่า Apple CarPlay จะคล้ายกับการโคลนหน้าจอจากไอโฟนของเราให้ไปอยู่ที่จอสัมผัสของรถยนต์ ผู้ใช้สามารถกดสัมผัสหน้าจอบนรถแทนเพื่อ โทรศัพท์ เล่นเพลงจาก Apple Music, Tunein Radio หรืออ่านข้อความได้เหมือนใช้งานสมาร์ทโฟนปกติ
แต่ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้ Apple CarPlay ที่ต้องการใช้งานแผนที่นำทาง Apple Maps ปัจจุบันแอปเปิลยังไม่เปิดใช้บริการในประเทศไทย ซึ่งทางเชฟโรเลตก็แก้ปัญหาให้ด้วยการจับมือกับผู้ให้บริการแผนที่ชื่อ “Bring GO” (รองรับการนำทางในประเทศไทยและแผนที่เป็นภาษาไทย) สามารถใช้งานแทนกันได้ระหว่างรอแอปเปิลเปิดแผนที่ในเร็ววันนี้
มาถึง Siri Eyes Free ที่เป็นฟีเจอร์ที่หลายคนชื่นชอบมาก เพราะเราสามารถใช้งานสิริได้เหมือนกับบนไอโฟน เพียงกดปุ่มไอคอนรูปคนพูดบนพวงมาลัยค้างไว้ หรือกดปุ่มโฮมที่หน้าจอค้างไว้ สิริจะเริ่มทำงานทันที โดยคุณสามารถสั่งงานให้สิริเปิดเพลง ส่งข้อความ โทรออก หรือแม้แต่เมื่อมีข้อความเข้ามา สิริสามารถอ่านข้อความเหล่านั้นเป็นภาษาไทยได้ด้วย
Android Auto (รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop เป็นต้นไป) ปัจจุบันยังไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่ทีมงานก็ได้มีโอกาสสัมผัสจากเครื่องต้นแบบที่ทางเชฟโรเลตจัดทำขึ้นมาให้พิเศษเฉพาะงานนี้
โดยภาพรวม Android Auto กับ Chevrolet Captiva 2016 ทำงานได้ค่อนข้างลื่นไหล โดยยูสเซอร์อินเตอร์เฟสจะเหมือน Google Now สามารถโทรออก รับสาย สั่งงานด้วยเสียง ฟังเพลง และใช้งานแผนที่นำทาง Google Maps ได้ด้วย
สุดท้ายในส่วน Infotainment MyLink พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วของเชฟโรเลต (สำหรับผู้ใช้ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ได้) ก็สามารถใช้ MyLink เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ เพื่อเล่นเพลง โทรออก รับสาย หรือเชื่อมต่อเครื่องเล่นมัลติมีเดียผ่านสาย AUX 3.5 มิลลิเมตรหรือฟังเพลงผ่าน USB ได้เช่นเดิม
Safety Features
ในส่วนระบบความปลอดภัยแบบ Active ใน Captiva 2016 ใหม่ (ในที่นี่ขอพูดถึงเฉพาะรุ่นท็อปสุดเท่านั้น) ทางเชฟโรเลตตั้งใจใส่ฟีเจอร์มาอย่างครบครันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะเซ็นเซอร์แจ้งเตือนรอบคันที่เปลี่ยนไปใช้แบบเรดาร์ผสมกับ Ultrasonic ทำให้การแจ้งเตือนแม่นยำและละเอียดมากขึ้น
Rear Cross Traffic Alert – ระบบเตือนการจราจรตัดผ่านด้านหลัง โดยเมื่อเรานำรถเข้าจอดในซองจอดด้วยการเอาหน้าเข้า เมื่อเราต้องการถอยออก เซ็นเซอร์เรดาร์ด้านหลังจะทำการตรวจจับรถที่วิ่งผ่านมุมอับสายตาในระยะ 13 เมตรพร้อมมีเสียงแจ้งเตือนและปรากฏสัญลักษณ์เครื่องหมายตกใจบนจอ MyLink ในทิศทางที่รถด้านหลังวิ่งผ่าน หรือถ้าในสถานการณ์มีรถวิ่งผ่านด้านหลัง 2 คันสวนกัน ระบบสามารถแจ้งเตือนทั้งซ้ายและขวาพร้อมกันได้
Side Blind Zone Alert – ระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับสายตาระหว่างขับขี่ที่บริเวณกระจกมองข้าง โดยระหว่างขับรถ ถ้ามีรถวิ่งเข้ามาในมุมอับสายตาข้างรถ ที่กระจกมองข้างจะมีไฟสีส้มปรากฏค้างไว้เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ระวัง และเมื่อผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวจะเปลี่ยนเลนส์ด้านที่มีรถวิ่งอยู่ในมุมอับสายตา ไฟสีส้มจะกระพริบเตือนผู้ขับขี่อีกครั้ง
Tire Pressure Monitoring system (TPMS) – ใน Captiva ใหม่ ทางเชฟโรเลตได้ติดตั้งระบบตรวจวัดแรงดันลมยางไว้ทั้ง 4 ล้อ โดยสามารถกดดูได้จากหน้าจอ LCD ตรงกลางเรือนไมล์
Ionizer – ระบบฟอกอากาศ ช่วยขจัดกลิ่นและสามารถกำจัดแบคทีเรียได้แบบเดียวกับเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน
ในส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ (รุ่นท็อปสุด) มีดังต่อไปนี้
1.Self-Levelizer ช่วงล่างด้านหลังสามารถปรับสมดุลขณะบรรทุกหนักได้ ทำให้รถทรงตัวดีขึ้น
2.Electric Parking Brake เบรกมือไฟฟ้า
3.ABS (Anti-lock Braking System) + EBD (Electronic Brakeforce Distribution) ป้องกันล้อล็อก
4.TCS (Traction Control System) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
5.ESC (Electronic Stability Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
6.HBA (Hydraulic Brake Assist) ระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮดรอลิก
7.HDC (Hill Descent Control system) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เมื่อขึ้นทางลาดชัน
8.HSA (Hill Start Assist) ระบบป้องกันการถอยหลัง เมื่อออกตัวบนทางลาดชัน
9.ARP (Anti Roll Control) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ
10.Rear View Camera กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะและเซ็นเซอร์ Rear Park Assist ตรวจจับวัตถุขณะถอยจอด
และทั้งหมดคือพรีวิว Chevrolet Captiva 2016 ใหม่ จะเห็นว่าการมาแบบไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ ทางเชฟโรเลตเน้นปรับเพิ่มด้านเทคโนโลยี Safety Features แบบเน้นๆ โดยเฉพาะส่วนของ Infotainment ที่ปรับได้ทันสมัยตามยุคได้ดีมาก
แต่ทั้งนี้ถ้าถามถึงเรื่องราคาว่าจะปรับเปลี่ยนไปเท่าไรเมื่อต้องเจอกับโครงสร้างภาษีใหม่ ส่วนนี้คงต้องรอทางเชฟโรเลตประเทศไทยแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ในส่วนรีวิวแบบจัดเต็ม รอติดตามได้เร็วๆนี้ครับ