รวบความสามารถ Samsung Galaxy Note 8 จบในที่เดียว

16007

Dual Camera และฟีเจอร์เพิ่มเติมใน S Pen กลายเป็น 2 สิ่งใหม่บน Sansung Galaxy Note 8 ที่แสดงให้เห็นว่าซัมซุงยังเป็นผู้นำนวัตกรรมของตลาดสมาร์ทโฟนได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ใช้งานสินค้า Galaxy Note ที่รอคอยกันมาตั้งแต่สมัย Note 5 หรือเกือบ 2 ปีที่แล้ว

Dual Camera

เริ่มกันที่ความสามารถของ Dual Camera ซัมซุง เลือกที่จะใช้กล้องคู่เป็นครั้งแรกใน Note 8 บนแนวคิดที่ว่าการเพิ่มเลนส์กล้องมาอีกหนึ่งเลนส์ จะช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดีขึ้น และเป็นมุมมองใหม่ให้แก่การใช้งาน

ดังนั้นการจับคู่กล้องของซัมซุง จะเป็นการใช้เลนส์กล้องมุมกว้างปกติ มาจับคู่กับเลนส์ซูม จึงทำให้ Note 8 สามารถซูมภาพแบบออปติคัลได้ 2 เท่า และดิจิตอลซูมเข้าไปอีก 10 เท่า โดยยังคงใช้เลนส์หลักเป็น 12 ล้านพิกเซล ในแบบ Dual Pixel เหมือนใน Galaxy S8 เสริมด้วยเลนส์ซูม 12 ล้านพิกเซล

โดยตัวกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล จะมากับรูรับแสง f/1.7 เพื่อให้เก็บรายละเอียดภาพในที่แสงน้อยได้ดี ส่วนเลนส์เสริมจะมากับรูรับแสง f/2.4 เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Apple Iphone 7 Plus ที่ใช้เลนส์ในลักษณะเดียวกันที่ให้รูรับแสง f/1.8 และ f/2.8 ก็จะทำให้ภาพใน Note 8 เก็บแสงได้ดีกว่า

ในส่วนของโหมดการใช้งานกล้องถ่ายภาพ ถ้ามองว่าใน S8 สมบูรณ์แล้วจากทั้งโหมดอัตโนมัติ และโหมดมืออาชีพ ใน Note 8 จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ที่มากับ Dual Camera เพิ่มเติมคือ โหมด Live Focus ที่ผู้ใช้สามารถปรับความเบลอของฉากหลังเพื่อสร้างโบเก้ได้ตามความต้องการ

กับอีกโหมดที่ซ้อนอยู่ใน Live Focus คือ Dual Capture ที่ตัว Note 8 จะทำการบันทึกทั้งภาพเบลอหลังที่เป็นในโหมดซูม และภาพในมุมมองปกติ ทำให้เมื่อกดดูภาพหลังจากถ่ายจะเห็นทั้งภาพในมุมเต็ม และภาพที่ถ่ายแบบ Live Focus

เมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้ว สามารถเข้าไปเลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้เอง หรือถ้าต้องการภาพในมุมกว้าง ก็สามารถเลือกดูได้ ทำให้ไม่พลาดทุกมุมสำคัญที่ถ่ายภาพไป

S Pen

ถัดมาในส่วนของปากกา S Pen ขนาดของปากกาถูกทำให้เพรียวบาง และจับง่ายขึ้น น้ำหนักปากกาลดลงเหลือ 3 กรัม บริเวณท้ายปากกายังสามารถกดเพื่อใช้ในการถอดปากกาจากตัวเครื่อง และถูกทำให้สัมผัสเหมือนการกดปากกาจริงๆ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มระดับของแรงกดปากกาขึ้นไปเป็น 4,096 ระดับ จากเดิมใน Note 5 ที่อยู่ 2,048 ระดับ พร้อมกับลดขนาดหัวปากกาเหลือ 0.7 มิลลิเมตร เพื่อให้สามารถเขียนได้ทั้งเส้นขนาดเล็ก และออกแรงกดเพิ่มให้เส้นใหญ่ขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม

ขณะเดียวกันตัวปากกาก็ยังมากับการกันน้ำ IP68 ทำให้สามารถนำ Note 8ไปใช้งานได้โดยไม่ต้องกลัวเปียก และที่สำคัญคือแม้หน้าจอจะเปียกอยู่ ก็สามารถใช้ปากกาเขียนลงไปได้ โดยไม่ต้องเช็ดให้แห้ง เหมือนกับการใช้นิ้วสัมผัสที่บางทีจะแตะไม่ติดถ้าจอเปียกน้ำ

ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่ใช้กับปากกา S Pen ใน Note 8 มีการเพิ่มความสามารถอย่าง Live Message ให้สามารถบันทึกการเขียนได้ราว 10 วินาที และแปลงรูปดังกล่าวเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว (GIF) เพื่อส่งต่อให้เพื่อน และประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆได้

via GIPHY

ประกอบกับซัมซุง ยังมีการสำรวจพฤติกรรมการใช้งานโหมดจดบันทึกขณะหน้าจอปิด (Screen Off Memo) พบว่าผู้บริโภคถึง 64% เริ่มต้นการจดบันทึกจากโหมดดังกล่าว เลยเพิ่มความสามารถในการเพิ่มหน้าได้สูงสุด 100 หน้า รวมถึงการปักหมุดหน้าสำคัญไว้ก่อนเซฟข้อมูลก็ได้

Design

ที่เหลือก็จะเป็นในภาพรวมของ Note 8 ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพียงแต่ Note 8 ขอบเครื่องจะไม่โค้งเท่ากับใน S8 เนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการจดบันทึกให้ง่ายที่สุด ซึ่งถ้าเทียบกับ Note 5 จะมีพื้นที่ในการจดบันทึกเพิ่มขึ้น 15.6%

ตัวเครื่องโดยรวมยังเน้นความสมมาตรหน้าหลังที่มีความโค้งเท่าๆกัน โดยใช้กระจก Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกรอบโลหะ มีขนาดรอบเครื่องที่ 162.5 x 74.8 x 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 195 กรัม หน้าจอเป็น Infinite Displayด้วย SuperAMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ในสัดส่วน 18.5:9 ให้ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล

ประสิทธิภาพ

แบตเตอรีที่ให้มาอยู่ที่ 3,300 mAh ทำงานบนหน่วยประมวลผล Exynos 8895เหมือนใน Galaxy S8 โดยรุ่นที่จำหน่ายในไทยจะให้ RAM 6 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB ใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ 256 GB (หรือเลือกใส่ซิมที่ 2 แทน)

ด้านการเชื่อมต่อตัวเครื่องจะรองรับ 4G LTE Cat 16 หรือรองรับ 4.5G ในประเทศไทย โดยตามสเปกแล้วสามารถทำความเร็วในการเชื่อมต่อดาวน์โหลดได้สูงสุด 1 Gbps อัปโหลด 150 Mbps เพียงแต่เน็ตเวิร์กในบ้านเรายังรองรับไม่ถึง

Gallery

ตัวอย่างภาพจากกล้อง Note 8

เมื่อถ่าย Live Focus สามารถปรับความเบลอของพื้นหลังได้

ภาพมุมปกติ เทียบกับซูม Live Focus

ซูมดิจิตอล 10 เท่า

สามารถเข้าไปโหลดไฟล์รูปเต็มได้ที่นี่

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE