ลองของจริง Apple Music for Android

14315

Apple-Music-Logo

Apple Music คือบริการมิวสิคสตรีมมิงเหมาจ่ายรายเดือนของแอปเปิล (แบบเดียวกับ Deezer, Tidal, KKBOX) ที่ในครั้งนี้ค่ายผลไม้แหว่งขอคิดต่างจากเดิมคือ “เลือกไม่จำกัดบริการ Apple Music ให้อยู่บนเฉพาะอุปกรณ์ของตนเท่านั้น” แต่ได้ขยายบริการไปยังค่ายคู่แข่งแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิลด้วย

โดยในวันนี้แอปเปิลได้ฤกษ์ปล่อย Apple Music เวอร์ชันแอนดรอยด์ออกมาให้ผู้ใช้ได้ทดลองในสถานะ Public Beta พร้อมใช้งานฟรี 3 เดือนแบบเดียวกับบนอุปกรณ์ iOS

suport-music

เท่ากับว่าปัจจุบัน Apple Music รองรับเกือบครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่อุปกรณ์ iOS, Apple Watch, Apple TV, Mac, PC (Windows) ผ่าน iTunes และแอนดรอยด์

music-startpage

สำหรับในเวอร์ชันแอนดรอยด์ (สถานะ Beta) ปัจจุบันผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก Google PlayStore โดยปัจจุบันแอนดรอยด์รุ่นที่รองรับอาจยังไม่เยอะมาก ก่อนกดดาวน์โหลดอย่าลืมตรวจสอบด้วย

หลังจากดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ผู้ใช้จำเป็นต้องสมัครสมาชิก Apple ID เสียก่อน สำหรับผู้ใช้ใหม่ ขั้นตอนการสมัครสมาชิกอาจมีการเรียกให้ใส่รหัสบัตรเครดิตด้วย (สามารถยกเลิกได้ทีหลังผ่านเมนู Account > Manage Membership > Payment Information) ซึ่งหลังจากสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว จะได้สิทธิ์ใช้งาน Apple Music ฟรี 3 เดือน ส่วนใครที่เคยใช้งาน Apple Music บน iOS อยู่แล้ว ให้พิมพ์ล็อกอินเข้าระบบตามปกติได้เลย

หลังหมดโปรโมชันฟรี 3 เดือนแล้ว ต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือนดังนี้

สมาชิกแบบบุคคล (1 คน) = 4.99$ (179.37 บาท) ต่อเดือน
สมาชิกแบบครอบครัว (ใช้ได้พร้อมกันสูงสุด 6 คน) = 7.99$ (287.2 บาท) ต่อเดือน

music-menumusic234

มาดูฟีเจอร์ใช้งาน หลักๆจะเหมือนกับ Apple Music บน iOS ได้แก่

For You – เมื่อใช้งาน Apple Music ไปได้สักระยะ ระบบจะเรียนรู้แนวเพลงที่คุณชอบและรวบรวมเป็น Playlist ไว้ให้ในหน้านี้

New – เพลงใหม่ อัลบั้มใหม่

Radio – วิทยุออนไลน์ Beats 1

Connect – คุณสามารถติดตามผลงานของศิลปินที่กดชื่นชอบไว้ ไม่ว่าจะเป็น เบื้องหลังเพลง รูปภาพ แรงบันดาลใจในการแต่งภาพส่งตรงจากศิลปินที่คุณชอบ

Playlists – คุณสามารถสร้าง Playlist รวมเพลงที่ชอบไว้ในเมนูนี้

My Music – รวมเพลงทั้งหมดที่เก็บไว้ฟังในเครื่อง

music-play

สำหรับการฟังเพลงผ่าน Apple Music บนแอนดรอยด์สามารถทำได้สองวิธีคือ

1.สตรีมมิ่งสดๆผ่าน WiFi หรือดาต้าอินเตอร์เน็ต
2.ดาวน์โหลดแล้วเก็บไว้ฟังในเครื่องแบบออฟไลน์

โดยคุณภาพไฟล์เสียงจะถูกเข้ารหัส AAC 256Kbps ขนาดไฟล์ประมาณ 8-10MB ยกเว้นถ้าเลือกฟังแบบสตรีมมิ่งผ่านสัญญาณ 3G/4G ระบบจะลดคุณภาพไฟล์เสียงลง แต่ผู้ใช้ก็สามารถปรับให้ระบบใช้คุณภาพเสียงสูงสุดได้เพียงเลือก High Quality on Cellular ในหน้า Settings (ต้องระวังเรื่องแพกเกจดาต้าอินเตอร์เน็ต)

อีกจุดเด่นหนึ่งของ Apple Music บนแอนดรอยด์ ก็คือสามารถเลือกขนาด Cache เพื่อความลื่นไหลในการเล่นไฟล์เสียงเวลาอินเตอร์เน็ตเกิดมีปัญหา โดยระบบจะให้ผู้ใช้เลือกขนาดแคชได้ตั้งแต่ 0MB 200MB 500MB และ 1GB

ในส่วนการทดสอบประสิทธิภาพ อย่างแรกต้องเข้าใจว่า Apple Music บนแอนดรอยด์ยังอยู่ในสถานะ Beta อยู่ เพราะฉะนั้นระหว่างการใช้งานทีมงานพบข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอาการ Force Close แอปฯปิดตัวเองไปดื้อๆ ซึ่งพบเจอบ่อยมากหรือแม้แต่การสั่งให้ดาวน์โหลดเพลงแต่ระบบไม่ตอบสนอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็คงต้องรอทางแอปเปิลออกมาแก้ไขในเวอร์ชันเต็ม ส่วนคุณภาพเสียงถือว่าสอบผ่านเป็นไปตามมาตรฐานของแอปเปิล

สุดท้ายด้านคลังเพลง ด้วยการที่แอปเปิลอยู่ในธุรกิจขายเพลงดิจิตอลมานานจึงส่งผลให้ Apple Music มีเพลงในคลังค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสากล ส่วนเพลงไทยก็คล้ายกับผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายรายคือ มีเกือบทุกค่าย ยกเว้น GMM Grammy ที่ตอนนี้ผูกขาดอยู่กับ KKBOX เท่านั้น

สรุปถ้าชอบฟังเพลงสากล เพลงจีน เกาหลี ญี่ปุ่นและยังชอบการซื้อเพลงผ่าน iTunes อยู่ Apple Music ถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก โดยเฉพาะ Apple Music บนแอนดรอยด์ที่สามารถนำเพลงที่ซื้อจาก iTunes มาซิงค์และฟังบนแอนดรอยด์ได้ด้วย เพราะทั้ง iTunes และ Apple Music ต่างก็เป็นระบบเดียวกัน คุณสามารถรวมอัลบั้ม iTunes กับ Apple Music เข้าด้วยกันได้

**Update: ล่าสุด GMM Grammy อนุญาตให้แอปเปิลนำเพลงจากศิลปินในค่ายตนลงบริการ Apple Music แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE