Review : Asus Zenfone 5 กล้อง AI ราคาเอื้อมถึง

8371

เอซุส เซนโฟนไฟฟ์ (Asus Zenfone 5) รุ่นปี 2018 ถูกโชว์ความสามารถเรื่องระบบถ่ายภาพ AI ครั้งแรกในบาร์เซโลนา เรียกความตื่นเต้นได้ไม่น้อยเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา แต่วันนี้ Zenfone 5 กำลังผจญกับการแข่งขันของสมาร์ทโฟนหลากรุ่นที่อ้างว่าใช้ AI ในกล้องเช่นกัน ดังนั้น Zenfone 5 จึงจำเป็นต้องจัดเต็มทุกกระบวนท่าให้ครบถ้วนเพื่อให้สามารถยืนหยัดได้มั่นคง

ถามว่าสิ่งที่ทำให้ Zenfone 5 โดดเด่นคืออะไร หากมองที่รายละเอียดสเปกเครื่องอย่างเดียว จะพบว่า Zenfone 5 แต่งตัวมาสวยงาม ทั้งกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ของโซนี่ขนาด 12MP พร้อมเลนส์รับแสง F1.8 กล้องรอง 8MP ใช้เลนส์มุมกว้าง 120 องศา F2.0 ยังมีกล้องด้านหน้าซึ่งใช้เซ็นเซอร์ 8MP ที่จับคู่กับเลนส์ F2.0 คุณสมบัติเหล่านี้ถือว่าค่อนข้างเป็นสเปกพิมพ์นิยม ตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนระดับกลางทั่วไป

ประเด็นนี้ นักสังเกตการณ์บางรายมองว่าเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกที่ Asus เลือกที่จะใส่เลนส์ F1.8 บนกล้องหลักของ Zenfone 5 เพราะที่ผ่านมา เรือธงรุ่นก่อนหน้าอย่าง Zenfone 4 Pro นั้นใช้เลนส์ F1.7 ที่สว่างกว่า แต่ทั้งหมดทั้งมวล ต้องยอมรับว่า Zenfone 5 ให้ภาพคมชัดพร้อมรายละเอียดดีมากในสภาพแสงมาก จุดนี้ Zenfone 5 แตกต่างจากโทรศัพท์รุ่นอื่นที่มักปรับสีภาพ ทำให้ Zenfone 5 ให้ภาพสีธรรมชาติมากขึ้น

ใครที่ต้องการเพิ่มฟิลเตอร์ให้ภาพมีอารมณ์ที่ต่างไป สามารถปาดหน้าจอด้านขวา ซึ่งจะมีเมนูแต่งภาพให้เลือกมากมาย

ผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมกล้องให้มากกว่าเดิม สามารถเปลี่ยนจากโหมด Auto ไปใช้โหมด Pro ได้ ซึ่งจะสามารถปรับการรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ รวมถึง ISO และการตั้งค่าอื่นได้ ยังบันทึกรูปภาพในรูปแบบ RAW เพื่อการแก้ไขที่เต็มรูปแบบยิ่งขึ้นในเครื่องพีซี

สำหรับมือสมัครเล่น Asus Zenfone 5 ถือว่ามีระบบ AI ในกล้องที่จะดูแลการปรับตั้งค่าเหล่านี้ให้ได้อย่างน่าพอใจ AI ของ Zenfone 5 รู้ว่ากำลังถ่ายรูปอาหาร, ดอกไม้ หรือวิวยามเย็น ซึ่งในระหว่างการทดสอบ พบว่าแม้ Zenfone 5 จะสามารถจดจำรูปถ่ายที่แตกต่างกันได้ เช่น อาหาร ใบหน้า ภาพวิว และดอกไม้ แต่ก็พบว่าบางภาพ AI จำแนกภาพผิดประเภท เช่น รูปเม็ดโฟมกลายถูก AI ระบุเป็นอาหาร นาฬิกาถูกระบุเป็นใบไม้

ไม่ว่าอย่างไร ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่อภัยได้เพราะระบบสามารถปรับการตั้งค่าจนได้ภาพที่สีสวยดี ข้อมูลระบุว่า Asus เรียกระบบ AI ในกล้องว่า AI Scene Detection ซึ่งจะเรียนรู้จากฐานข้อมูลบนคลาวด์เพื่อจำแนกข้อมูลรูปภาพเป็น 16 แบบ

ภาพถ่ายในสภาพแสงน้อยของ Zenfone 5 ถือว่ายังสวยงามอยู่ แต่การทำงานของแฟลชนั้นถือว่ายังไม่น่าพอใจ ขณะที่การซูมเข้าถือว่าทำได้เสมอตัวเท่านั้น เพราะความละเอียดบางส่วนหายไป และมี noise ในระดับเห็นชัด

อีกสิ่งที่สัมผัสได้จาก Zenfone 5 คือคุณสมบัติการเซลฟี่ที่ไม่โดดเด่นนัก แม้จะเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพตัวเองแต่ความละเอียดกล้องหน้า 8MP เทียบไม่ได้กับ 25MP ของ Oppo F7 และแม้แต่ Huawei P20 Lite ที่มีกล้องหน้า 16MP

บทสรุปคือหาก selfie ไม่ใช่เรื่องสำคัญ Zenfone 5 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่กำลังมองหาโทรศัพท์ระดับกลางแต่กล้องเลิศที่โดดเด่นในนาทีนี้

Spec เด่น-ฟันธงควรซื้อไหม?

Asus Zenfone 5 รุ่นปี 2018 มี notch หรือรอยบากแบบ iPhone X กล้องคู่ด้านหลังวางเรียงซ้อนกันแนวตั้ง ตรงกลางเครื่องเป็นระบบสแกนนิ้วมือ แม้เครื่องจะดูเงาวาวสวยเพราะใช้วัสดุกอริลลากลาสทั้งหน้าและหลังเครื่อง แต่น่าเสียดายที่เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก

Zenfone 5 รุ่นล่าสุดมีขนาดหน้าจอกว้าง 6.2 นิ้ว สัดส่วน 19:9 มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. รองรับพอร์ต USB-C ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แรม 4GB ในความจุ 64GB แบตเตอรี่ 3,300 mAh

จุดเด่นของ Zenfone 5 คือ AI ที่ปรับใช้หลายส่วน ทั้งระบบ AI Charging ตอบโจทย์ผู้ชาร์จไฟข้ามคืน ให้ชาร์จได้ทีละนิดตลอดคืนเพื่อถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และระบบ AI Ringtone ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ที่มิสคอลบ่อย หรือไม่ได้ยินเสียงริงโทนจนพลาดรับสายไป สามารถได้ยินเสียงริงโทนดังและเบาตามสภาพแวดล้อมในขณะนั้น ยังมี AI Boost ที่ระบุว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเมื่อต้องใช้แอปที่ใช้พลังงานสูง เหมาะกับคอเกมเพราะโหมดนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีก 12.7%

Zenfone 5 มี ZeniMoji อีโมจิที่กระพริบตาอ้าปากได้ตามใบหน้าผู้ใช้ ถาดใส่ซิมของ Zenfone 5 เป็นแบบไฮบริดที่รองรับ Dual 4G และ Dual VoLTE ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Oreo ที่ครอบด้วย ZenUI5.0 รองรับ NFC และ Google Pay ระบบเสียง DTS Headphone X / Hi-Res Audio ลำโพงคู่ NXP Smart AMP ในกล่องไม่มีแถมหูฟังมาให้

ข้อดี

– คุณสมบัติโดยรวมครบตามที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการ ราคาสบายกระเป๋าไม่เกิน 13,990 บาท

– หลายคนชื่นชมว่าเครื่องสวย หน้าจอสีสดใส

– ปรับใช้ AI หลายส่วน ทั้ง AI Charging, AI Ringtone และ AI Boost

– แบตเตอรี่ใช้งานได้ข้ามวัน

ข้อสังเกต

– ชิปและสเปกเครื่องโดยรวมไม่ใช่ระดับท็อป

– มีรอยบากเหมือนคู่แข่งมากเกินไป จุดนี้ผู้ใช้ในต่างประเทศพบว่าสามารถตั้งค่าลบรอยบากได้ แต่ในเครื่องที่ทีมงานได้รับทดสอบ กลับไม่พบฟังก์ชันนั้น

– อย่าหวังมากเกินไปกับคุณสมบัติอย่าง ZeniMoji อีโมจิที่กระพริบตาอ้าปากได้ตามใบหน้าผู้ใช้ เพราะจากการทดลอง พบว่ายังเคลื่อนไหวได้ไม่อิสระนัก

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE